จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,368
“อร่อย”
กริดอาจเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านจนแทบไม่ต้องพึ่งพาใคร
แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้
หากปราศจากพวกพ้องคอยช่วยเหลือ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามหาภัตตาคารเลิศรสจำนวนหนึ่งร้อยหกแห่งภายในสองสัปดาห์ โดยทุกแห่งมีโอกาสเติมเต็มความพึงพอใจของไรเดอร์ส
‘…เครือข่ายข้อมูลคือสิ่งสำคัญ’
นี่คือสัจธรรมที่กริดค้นพบนับตั้งแต่ได้รู้จักข่าน
ชายหนุ่มยกมือซ้ายขึ้น ภายในใจรู้สึกขอบคุณพวกพ้องที่คอยสนับสนุนอย่างเต็มกำลังมาตลอด
หลังจากสิ้นเสียง ‘โครม’ อันเกิดจากการทุ่มมอนสเตอร์ กริดดึงถุงมือเหล็กที่สอดเข้าไปในปากมอนสเตอร์ออก
ในสภาพนอนแผ่หลา ดวงตาของมอนสเตอร์เหลือกขึ้นแสดงถึงอาการมึนงง
ทักษะ ‘พลิกโลกา’
แม้แต่มอนสเตอร์ซึ่งมีเลเวลสูงกว่าสี่ร้อยก็ยังมิอาจต้านทานท่าทุ่มที่ลีจองขัดเกลามาอย่างดี
ในวินาทีถัดมา ดาบอัสนีฯ ฟันฉับเข้าลำคอมอนสเตอร์ที่ไร้การป้องกัน
‘ถ้าเลเวลของเทวรูปหินเพิ่มขึ้น เราจะสร้างถุงมือใหม่’
ถุงมือว่องไวอเล็กซ์อาจมีคุณสมบัติยอดเยี่ยม แต่พลังป้องกันยังถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน
‘ว่าแต่… ทำไมถึงมีมอนสเตอร์หน้าร้านอาหารได้…’
กริดส่ายหน้าพลางกวาดตาสำรวจภูเขา
ภูเขายูซิลลัต
ขนาดปานกลางค่อนไปทางใหญ่ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ บนภูเขาเต็มไปด้วยก้อนหินแทนที่จะเป็นต้นไม้ แถมไหล่เขายังลาดชันมาก หากใครไม่มีเวทบินหรือทักษะในการลอยตัว คงเป็นการยากที่จะมาถึงยอด
นอกจากนั้น ภูเขาลูกนี้ยังมีประชากรเบาบาง ส่งผลให้มอนสเตอร์ชุกชุมกว่าปรกติ ลักษณะคล้ายกับเทือกเขาเคอัสเวอร์ชันย่อส่วน
‘มีร้านอาหารดีๆ บนที่แบบนี้ได้ยังไง…’
หรือเจ้าของร้านจะเป็นนักดาบชื่อดังไม่ก็มหาจอมเวทปลอมตัวมา?
ตรงข้ามกับกริดที่เอาแต่ฉงน ไรเดอร์สเพียงก้มหน้าก้มตาดื่มด่ำรสชาติอาหาร เพราะในสายตามังกร ไม่ว่าจะน่าประหลาดใจสักเพียงใด มนุษย์ก็ยังเป็นแค่มนุษย์
“รสสัมผัสนี้… เนื้อคนยักษ์?”
“โฮ่… รู้ได้ยังไง? เคยกินเนื้อคนยักษ์มาก่อนหรือ”
“เป็นบางครั้ง… ข้าชอบสัมผัสในการเคี้ยว”
“ฟันของมนุษย์ไม่สามารถเคี้ยวเนื้อคนยักษ์ได้… ต้องผ่านการหมักด้วยซอสสูตรลับไม่ต่ำกว่าห้าปีเพื่อให้นุ่มลง”
“อา… ข้าก็นำไปดองก่อนเหมือนกัน”
นี่คือเรื่องจริง
แน่นอน ไรเดอร์สมิได้ดองเพื่อให้หนังนุ่ม แต่เป็นการเพิ่มรสชาติ
ตามปรกติแล้ว ฟันของไรเดอร์สสามารถเคี้ยวหนังคนยักษ์ได้นับร้อยแผ่นพร้อมกันโดยไม่ต้องผ่านการหนักหรือดอง
เจ้าของร้านย่อมไม่ทราบ จึงสรุปเอาเองตามที่เข้าใจและไม่เคลือบแคลงในคำพูดอีกฝ่าย
แม้แต่ตัวกริดในสมัยก่อนก็คงมิอาจจำแนกได้เช่นกันว่า ไรเดอร์สในร่างมนุษย์จะมีเนื้อแท้เป็นมังกรแสนดุร้าย
เหตุผลไม่ซับซ้อน ปัจจุบันไรเดอร์สกำลังปกปิดพลังเวทอย่างมิดชิด เพราะหากปล่อยให้รั่วไหลออกมาเพียงเล็กน้อย ไม่เพียงมอนสเตอร์โดยรอบจะแตกตื่น กระทั่งเจ้าของร้านก็คงหวาดกลัวจนฉี่ราด
เพื่อมื้ออาหารที่ดี มันจำเป็นต้องซ่อนเอาไว้
“ฮะฮะ! ไม่เพียงจะเป็นยอดนักชิม แต่นายยังมีความรู้ในศาสตร์การปรุงอาหารที่กว้างขวางอีกด้วย!”
เจ้าของร้านเริ่มช่างพูด
อีกฝ่ายไม่มีทางจินตนาการได้ว่า ไรเดอร์สคือมังกรจำแลงกายมา จึงแสดงความชื่นชมจากก้นบึ้งและยินดีเมื่อมีแขกซึ่งตระหนักในคุณค่าของอาหารมาเยือนร้าน
‘…ไม่น่าเชื่อว่าเฟคเกอร์จะพบร้านอร่อยในที่แบบนี้’
ดูเหมือนว่า หลังจากฮุบกลืนอุปราคาสำเร็จ เฟคเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่พวกมันเคยรวบรวม…
ขณะย้อนนึกถึงเหตุการณ์เก่า เมื่อครั้งลอเอลกระโดดโลดเต้นหลังจากทราบว่าเฟคเกอร์กลายเป็นลันเทียร์ กริดส่ายหน้าพลางลงมือฆ่ามอนสเตอร์ในละแวกใกล้เคียงอีกกว่ายี่สิบตัว
โดยไม่แยแสพฤติกรรมของกริด หลังจากไรเดอร์สกินอาหารพลางชื่นชมทัศนียภาพของภูเขาเสร็จ มังกรจอมเขมือบวางมีดส้อมลงและลุกจากเก้าอี้
“เป็นมื้อที่อร่อย… ตามปรกติแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดับกลิ่นคาวของวัตถุดิบจากมอนสเตอร์ แต่ข้าสามารถกินมื้อนี้ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวง”
“ฉันเองก็ดีใจ การได้พบลูกค้าที่เข้าใจอาหารอย่างลึกซึ้งถือเป็นเรื่องน่ายินดี… ในตอนแรก ฉันเคยสงสัยว่านายรู้จักร้านอาหารในที่แบบนี้ได้อย่างไร… แต่ตอนนี้หายสงสัยแล้ว พวกนายคงเป็นยอดนักชิมที่ตระเวนกินไปทั่วทวีปสินะ”
‘ถูกต้อง… สถานที่ตั้งร้านไม่ปรกติเลยสักนิด’
ทำไมถึงตัดสินใจเปิดร้านในจุดอับแบบนี้?
จริงอยู่ แต่ละคนอาจมีเรื่องราวและปูมหลังที่แตกต่าง แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ยังมิอาจทำความเข้าใจในกรณีนี้
ขณะเดียวกัน กริดใช้มือรับก้อนหินที่พุ่งใส่ตน ก่อนจะขว้างกลับไปด้วยพละกำลังทั้งหมด
เกิดเสียงกรีดร้องดังโหยหวนพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น
ราชากอบลินผู้พยายามใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินใส่กริด ถูกโจมตีกลับด้วยหินก้อนเดียวกันจนเกิดแผลฉกรรจ์บนหน้าผาก
กระทั่งก้อนหินธรรมดาก็สามารถกลายเป็นอาวุธอันตรายในมือกริด
หากชายหนุ่มใช้สิ่งใดโจมตี สิ่งนั้นจะถูกจำแนกให้เป็น ‘อาวุธ’ และถูกเสริมประสิทธิภาพด้วยความชำนาญอาวุธทุกชนิด
“ฝีมือคนคุ้มกันของนายก็ไม่เบาทีเดียว…”
ดูเหมือนว่า เจ้าของร้านจะเก็บตัวสันโดษเป็นเวลานาน
ทั้งที่ได้เห็นใบหน้าเต็มสองตา แต่มันกลับไม่รู้จักกริดซึ่งโด่งดังอย่างมากหลังจากกลายเป็นเทพ
ถึงขั้นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนคุ้มกันของไรเดอร์ส
ชิ…
กริดซึ่งส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ กระโดดลงไปเหยียบหลังราชากอบลินที่กำลังนอนทุรนทุราย พร้อมกับหยิบดาบออกจากช่องสัมภาระ
ขณะเตรียมใช้คมดาบเสียบเข้าไปในร่างกอบลิน
“อ๊ากกกก!”
เสียงร้องครวญครางดังหวีดแหลม
กริดสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบปีนกลับขึ้นไปบนยอดเขาและเห็นไรเดอร์สกำลังใช้ฝ่ามือเสียบทะลุหน้าอกเจ้าของร้าน
“…เห?”
ทำไมจู่ๆ ถึงฆ่าเจ้าของร้าน?
พฤติกรรมเหนือความคาดหมายของไรเดอร์สทำให้กริดเริ่มแตกตื่น แต่เพียงไม่นานก็กลับมาเยือกเย็น
ชายหนุ่มยังไม่ลืมว่า ไรเดอร์สเคยเกือบทำลายตระกูลฮิลล์แกรมที่คอยรักษารสชาติอาหารให้มันมานานนับพันปีเพียงเพราะความเบื่อหน่าย
มังกรมีนิสัยเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด
การฆ่าคนบริสุทธิ์ในคราวนี้ก็เช่นกัน
กริดฉุกคิดได้ว่า ตนไม่ควรใจอ่อนและมองข้ามเนื้อแท้ของมังกรเพียงเพราะอีกฝ่ายมอบของขวัญให้
‘หือ…?’
แต่ในวินาทีถัดมา กริดชำเลืองเห็นมีดสั้นในมือเจ้าของร้าน
คมมีดถูกฉาบด้วยพิษร้ายแรงจนกลายเป็นสีดำสนิท
“แฮ่ก… บัดซบ… แก… ซ่อน… ฝีมือ…”
เจ้าของร้านเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก ฟองน้ำลายสีแดงผุดรอบมุมปากพร้อมกับร่างกายที่สั่นกระตุกและกลายเป็นละอองแสง
เหลือทิ้งไว้เพียงสมุดบันทึกหนึ่งเล่ม
“ไปกันเถอะ”
ไรเดอร์สเริ่มเดิน
‘เจ้าของร้านพยายามลอบฆ่าฉันทีเผลอ แต่ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น เจ้านั่นเป็นฝ่ายถูกฆ่าแทน’ แน่นอน ไรเดอร์สไม่เสียเวลาอธิบายไร้สาระเช่นนี้ เหมือนกับที่มนุษย์ไม่อธิบายเหตุผลหลังจากเหยียบมดตายบนถนน
‘นี่มัน…’
กริดจ้องไรเดอร์สอย่างเหม่อลอยสักพัก ก่อนจะก้มเก็บสมุดบันทึกที่ตกอยู่บนพื้น
ชายหนุ่มได้แต่นึกสงสัยว่ามันถูกดูแลรักษาอย่างไร ถึงได้มีกลิ่นเหม็นบัดซบเช่นนี้
[ท่านได้รับไอเท็ม ‘สมุดบันทึกการฆาตกรรมของอสูรหนังมนุษย์’]
<สมุดบันทึกการฆาตกรรมของอสูรหนังมนุษย์>
เกรด : เลเจนดารี
สมุดที่เขียนบันทึกเหตุการณ์ฆาตกรรมตลอดสิบปีหลังของ ‘อสูรหนังมนุษย์’ อันโด่งดังซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานที่เลวร้ายที่สุด ภายในนั้นยังเขียนถึงวิธีปรุงเนื้อมนุษย์ให้มีรสชาติอร่อย
หากส่งสมุดเล่มนี้ให้กับราชวงศ์กลาเชี่ยน ท่านจะได้รับสมบัติจากขุมทรัพย์ราชวงศ์เป็นสิ่งตอบแทน
น้ำหนัก : 5
[หนังสือเล่มนี้สร้างจากหนังมนุษย์ ความเคียดแค้นและเชื้อโรคที่ฝังลึกจะทำให้ท่านป่วยไข้]
[ท่านต้านทาน]
‘ฆาตกรที่กลายเป็น… ตำนาน?’
แอ็กนัสเคยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตำนานไม่จำเป็นต้องมาจากฝั่งวีรบุรุษเสมอไป
ไม่แปลกที่ใครสักคนจะได้เป็นตำนานจากเรื่องเลวๆ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอสูรหนังมนุษย์ไม่หันคมดาบใส่ไรเดอร์สและยังลอยนวล…
‘แค่คิดก็สะอิดสะเอียนแล้ว’
ร้านอาหารบนยอดเขาคือแห่งที่สี่สิบ และไรเดอร์สก็ชมว่าอร่อย
ย่อมหมายความว่า ถึงเวลาแล้วที่ไรเดอร์สจะพูดว่า ‘มีความสุข’
นอกจากนั้น สีหน้าและแววตาของมังกรจอมเขมือบยังยิ้มแย้ม
มันเลือกจะเดินเท้าแทนการใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติไปยังร้านอาหารถัดไปทันที ประหนึ่งกำลังเดินย่อยพลางอิ่มเอมกับอาหารมื้อล่าสุด
กริดมองไรเดอร์สด้วยดวงตาเจือความคาดหวัง
“คุณรู้จักตัวจริงของมันไหม”
“ตัวจริง? ข้ารู้แค่ว่าเจ้านั่นกินเนื้อมนุษย์ เหตุผลที่อาหารของมันไม่เหม็น เพราะน้ำซุปเกิดจากเคี่ยวไขกระดูกและไขมันของมนุษย์”
“…!”
ในตอนแรก ชายหนุ่มสงสัยว่า ไรเดอร์สอาจเล็งฆ่าเจ้าของร้านมาตั้งแต่ต้นเพราะทราบว่าอีกฝ่ายคือฆาตกรโฉด หรือไม่ก็ หลังจากมีความสุขกับอาหาร ไรเดอร์สคงอยากตอบแทนมนุษย์ด้วยการจรรโลงสังคมให้ดีขึ้นเล็กน้อย
แต่น่าเสียดายที่นั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
หากอสูรหนังมนุษย์ไม่คิดโจมตีเข้ามาก่อน มันก็คงไม่ต้องตาย
ไม่มีทางที่ไรเดอร์สจะต่อสู้เพื่อมนุษย์ เพราะมันเพิ่งกินซุปไขกระดูกมนุษย์อย่างเอร็ดอร่อยทั้งที่รู้อยู่เต็มอก
‘นั่นสินะ… มังกรไม่มีทางถูกหลอกล่อด้วยของอร่อย ไม่อย่างนั้นเทพและจอมอสูรคงทำไปนานแล้ว’
มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อตัวเอง
หลังจากหวนนึกถึงคำพูดฮายาเตะ กริดขจัดความคิดฟุ้งซ่าน
เมื่อตระหนักว่าตนไม่มีทางโน้มน้าวไรเดอร์สมาเป็นพวก ชายหนุ่มได้แต่หวังให้วัฏจักรนักชิมจบลงโดยเร็ว
การต้องไปไหนมาไหนกับมังกรไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไร
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ
จนกระทั่งทั้งสองเดินถึงกลางทางบนภูเขา ไรเดอร์สเปิดปาก
“ข้ามีความสุขมากที่ได้กินอาหารรสเลิศอย่างต่อเนื่องตลอดสองวันที่ผ่านมา ในฐานะที่เจ้ายอมอุทิศทั้งชีวิตเพื่อเฟ้นหาร้านอาหารคุณภาพสูง ข้าจะบอกข้อมูลบางอย่างเป็นการตอบแทน”
อุทิศทั้งชีวิต?
‘แค่สองสัปดาห์เองนะ…’
แถมคนที่ทำงานหนักก็ไม่ใช่กริด แต่เป็นพวกพ้องรอบตัว
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ชายหนุ่มก็ไม่คิดปฏิเสธข้อมูลจากมังกร
[ท่านได้ยินมังกรจอมเขมือบ ‘ไรเดอร์ส’ พูดว่ามีความสุข!]
[ท่านได้รับรางวัลพิเศษเนื่องจากบรรลุเงื่อนไขลับ!]
“เจ้าอยากได้มังกรเป็นพวกสินะ”
“…!”
ข้อมูลมีค่ายิ่งกว่าทอง โดยเฉพาะข้อมูลจากปากไรเดอร์ส
กริดรีบสลัดทุกความคิดและเพ่งสมาธิกับบทสนทนา
“ทว่า… เหล่ามังกร โดยเฉพาะมังกรที่ดำรงตนมาตั้งแต่ยุคสมัยต้นกำเนิด จะไม่คิดร่วมมือกับใครโดยเด็ดขาด พวกเรามองว่าสายสัมพันธ์เป็นเรื่องไร้สาระและเปล่าประโยชน์ เนื่องจากเคยเห็นการล่มสลายและเกิดใหม่ของโลกมนุษย์มานับครั้งไม่ถ้วน”
กริดเคยเข้าใจว่า เหตุผลที่มังกรไม่พึ่งพาใคร เพราะพวกมันสามารถเติมเต็มความต้องการได้ด้วยพลังของตัวเอง
แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่าง
ในโลกของซาทิสฟาย โลกมนุษย์ต้องเผชิญวัฏจักรการถูกทำลายและสร้างใหม่หนแล้วหนเล่า
บางที มังกรคงเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น และบางที มังกรที่หยาบช้าที่สุดก็อาจเคยมอบความรักให้มนุษย์ใน ‘โลกใบแรก’ มาก่อน
“แต่มีข้อยกเว้นอยู่หนึ่งตัว… เนอวาร์ธาน… เจ้านั่นอาจยอมลดศักดิ์ศรีและร่วมมือกับใครก็ตามที่รักษาอาการคลุ้มคลั่งของมันได้ โดยเฉพาะกับเจ้าที่คอยดูแลลูกสาวของมัน… เนอวาร์ธานอาจยอมช่วยเหลือเจ้าเพียงหนึ่งครั้ง แต่ครั้งเดียวก็มากเกินพอสำหรับการพลิกผันผลลัพธ์ของเหตุการณ์ใหญ่”
มังกรคลั่งเนอวาร์ธาน
ชื่อของหนึ่งในมังกรที่โด่งดังที่สุดร่วมกับบันเฮเลียร์ถูกเอ่ยถึงในบทสนทนาระหว่างกริดกับไรเดอร์ส
ชายหนุ่มตกตะลึงจนลืมตระหนักว่า ทัศนียภาพรอบตัวมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ป้ายของร้านอาหารลำดับที่สี่สิบเอ็ดกำลังโยกเอนตามแรงลม
“สายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของโลกสามารถขจัดอาการคลั่งของเนอวาร์ธานได้”
แอ๊ด~
หลังจากใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติโดยไม่บอกกริด ไรเดอร์สเปิดประตูร้านอย่างไม่รีรอ
“ยารักษาเดียวคือเลือดของแมรีโรส… แต่อาจต้องแลกมาด้วยการยอมให้เธอดูดเลือดมนุษย์หลายร้อยล้านคน”
[ท่านได้รับ ★ภารกิจลับ★ ‘เลือดของแมรี่โรส’ เป็นรางวัลพิเศษ]
<เลือดของแมรีโรส>
★ภารกิจลับ★
จงนำเลือดของแวมไพร์ดยุค แมรีโรส ไปถ่ายเลือดให้กับมังกรคลั่งเนอวาร์ธาน
รางวัลสำเร็จภารกิจ :
- เนอวาร์ธานหายจากอาการคลั่ง
- เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับเนอวาร์ธาน
จากกระแสของเหตุการณ์ กริดเริ่มมั่นใจว่า ตนหลีกเลี่ยงการทำสงครามกับเทพสวรรค์ไม่ได้ เพราะนอกจากจะต้องปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์แล้ว ตนยังต้องช่วยเฮ็กเซเทียออกจากคุกนิรันดร์และคอยปกป้องมิให้โลกมนุษย์เข้าสู่วัฏจักรถูกทำลาย
หัวใจกริดเริ่มเต้นโครมครามเมื่อมองเห็นโอกาสในการดึงเนอวาร์ธานมาเป็นพวกชั่วคราว
“แล้วเนอวาร์ธานอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีใครทราบ… อาจเตร็ดเตร่บนแอสการ์ดในสภาพเสียสติ หรือไม่ก็กำลังอาบน้ำพุร้อนอย่างสบายใจในนรก”
“…”
ลำพังการขอเลือดจากแมรีโรสก็ยากมากอยู่แล้ว แต่ความพยายามดังกล่าวจะสูญเปล่าทันทีหากตามหาตัวเนอวาร์ธานไม่พบ
กริดค่อนข้างหัวเสีย ภายในใจเริ่มลังเลว่า ภารกิจคราวนี้คือของรางวัลหรือบทลงโทษกันแน่
ร้อยล้านคน จะเอาเลือดจากไหนไปให้ดื่มละเนี่ยย
ReplyDelete