จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,371
ชาวอาณาจักรโอเวอร์เกียร์อาจไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้กริดกลายเป็นเทพด้วยตาตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครตำหนิกริด
ศรัทธาในฐานะชาวเมืองต่อราชา มั่นคงและหนักแน่นยิ่งกว่าศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเทพธิดารีเบคก้า
ชาวเมืองมิได้ปักใจเชื่อเรื่องที่ทางการพยายามประโคมข่าวว่าเทพสวรรค์เต็มไปด้วยบาป แต่ทุกคนพยายามทำความเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของกริด ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกวิหารรีเบคก้าหรือการนำเทวรูปของเทพสวรรค์ออกไป
นอกจากนั้น การมีอยู่ของเทวทูต (ซาลิเอล) ที่ชาวเมืองเคยคิดว่าเป็นเพียงตัวตนในเทพนิยาย ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้มาก
การตอบสนองจากผู้เล่นยิ่งเป็นไปในเชิงบวก
ผู้เล่นส่วนมากรับรู้ถึงการมีอยู่ของคลาสและไอเท็มเกรดมิธ (เทวตำนาน) มาสักพักแล้ว จึงไม่ประหลาดใจเมื่อได้ยินว่ากริดกลายเป็นเทพ
น้อยคนนักจะริษยา
ส่วนใหญ่มองว่า หากจะมีใครได้เป็นเทพ คนคนนั้นย่อมเป็นกริด
ถูกต้อง โลกมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แม้แต่ไอรีนก็ยังพยายามปรับตัวหลังจากถูกผู้คนเรียกขานว่า ‘ภริยาแห่งเทพ’
‘แต่ในความเป็นจริง มีบางสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลง’
กริดขมวดคิ้วเมื่อทราบข่าวการมาเยือนของคณะทูตจากโบสถ์ยูดาห์
แถมยังไม่ใช่มติของโบสถ์ แต่เป็นการมาเยือนหลังจากได้ยินพระวิวรณ์
เหตุการณ์นี้ทำให้กริดประหลาดใจพอสมควร
‘เทพสวรรค์กำลังเพ่งเล็งเรา’
ชายหนุ่มเคยคิดว่า เทพสวรรค์คงไม่สนใจเทพโอเวอร์เกียร์สักเท่าไร เพราะแทบไม่มีการตอบสนองใดจากเทพสวรรค์เลยนับตั้งแต่ภัยพิบัติครั้งใหญ่จบลง
บรรดาเทพสวรรค์ต่างนิ่งเฉยและไม่สร้างหายนะเพิ่ม ไม่ท้าทายกริดในทำนองว่า ‘แน่จริงก็หยุดภัยพิบัติพวกนี้ให้ได้สิ’
กระทั่งรีเบคก้าที่เคยส่ง ‘เสียง’ มาถึงกริดโดยตรง ก็เอาแต่เงียบงันหลังจากจบเหตุการณ์
เหนือสิ่งอื่นใด พรของเทพทุกตนยังคงแสดงผลตามปรกติ
พิจารณาจากท่าทีของไรเดอร์สที่ไม่แยแสออร่าเทพในร่างกายมนุษย์แสนอ่อนแอ กริดปักใจเชื่อเอาเองว่า เทพสวรรค์คงไม่ใส่ใจตนมากนัก
แต่การมาเยือนของคณะทูตยูดาห์ พิสูจน์ว่าความคิดดังกล่าวผิดมหันต์
> คณะทูตต้องการอะไร
ถึงจะถูกอุปกรณ์ฝึกตนของลีจองปิดกั้นดวงตาและมัดมือ แต่กริดก็ยังขยับบางส่วนของร่างกายได้อยู่
ณ สันเขาที่ห้าบนเทือกเขาเคอัส
ในสภาพปิดตาสนิท กริดกำลังนั่งตัดเย็บพลางปล่อยให้หัตถ์เทวะและดาบมังกรเพลิงล้างบางมอนสเตอร์โดยรอบร่วมกับโนเอะ แรนดี้ โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ และเอลฟิน·สโตน
พวกมันสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ในเลเวลสี่ร้อยกลางๆ ได้ง่ายดายโดยที่กริดไม่ต้องออกโรง
แน่นอน ความเร็วในการฆ่ามอนสเตอร์ต่ำตอนที่กริดลงมือเองพอสมควร แต่ประสิทธิภาพกลับสูสีกันเพราะมีการคูณ EXP จากอุปกรณ์ฝึกตนของลีจอง โดยที่ได้โบนัสเป็นการพัฒนาสัตว์เลี้ยงไปในตัว
> พวกมันบอกว่า จะยอมรับในสถานะเทพของนาย หากนายยอมรับใช้เทพธิดารีเบคก้าเหมือนเมื่อก่อน
> แค่นี้?
> ฉันยังไม่ได้ไปคุยด้วยตัวเอง คณะทูตยูดาห์ถูกชาวนาจับกุมตัวหน้าประตูทางเข้าขณะพยายามเผยแผ่ศาสนา ตอนนี้กำลังอยู่ในความดูแลของเซอร์จู๊ด
> ถูกชาวนาจับกุมตัว?
โทบัน หนึ่งในขุนพลคนสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เดิมทีเคยเป็นพาลาดินอันดับหนึ่งของโบสถ์ยูดาห์จนถึงไม่กี่วันก่อน
ดังนั้น กริดพอจะเห็นภาพความแข็งแกร่งของพาลาดินยูดาห์และโครงสร้างโบสถ์อย่างเลือนราง หากมีพาลาดินอันดับหนึ่งอยู่ในภารกิจ หมายความว่าคณะทูตต้องเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่แข็งแกร่ง
อาศัยข้อมูลจากโทบัน กริดพอจะทราบเกี่ยวกับหน่วยลับของโบสถ์ที่เรียกตัวเองว่า ‘หนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด’
หมายความว่า ระดับฝีมือของอีกฝ่ายไม่น่าจะด้อยไปกว่าดยุคจักรวรรดิ แล้วทำไมถึงถูกชาวนาจับกุมตัวเอาได้?
ลอเอลอธิบายกับกริดที่กำลังฉงน
> พาลาดินยูดาห์จะแข็งแกร่งได้ด้วยการใช้คนจำนวนมากบัฟหมู่ทับซ้อนกันหลายชั้น แต่คณะทูตมีเพียงห้าคน จำนวนบัฟทับซ้อนจึงต่ำ และเหนือสิ่งอื่นใด พวกมันบุกเข้ามาในช่วงที่ชาวนาเรย์ดันกำลังเข้าเวรพอดี
> อ้อ…
กริดเข้าใจสถานการณ์ทันที
ชาวนาจากเรย์ดันถูกปิอาโร่ฝึกหนักมานานแรมปี เป็นบทเรียนการฝึกอันหนักหน่วงในช่วงที่เรย์ดันยังประสบความยากลำบากหลายด้าน
หากเลเวลเฉลี่ยของชาวนาทั่วไปคือสามร้อย ชาวนาจากเรย์ดันจะมีเลเวลเฉลี่ยเกือบสี่ร้อย แถมอุปกรณ์สวมใส่ยังมีคุณภาพสูงทัดเทียมอัศวิน
เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนเคยเป็น ‘ชาวบ้านธรรมดา’ มาก่อน ชาวนาเรย์ดันจึงมีจำนวนมากเป็นพิเศษ
กริดประเมินว่า หากรวมตัวกันครบ คนกลุ่มนี้จะเป็นหนึ่งในหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปตะวันตก
> คณะทูตดวงซวยฉิบ…
> อา… แล้วฉันควรทำยังไงกับพวกมัน? ให้ปลอบขวัญและส่งกลับไปเลยไหม?
> เรื่องนั้น…
กริดเคยนึกสงสัยว่า ตนสามารถเก็บเลเวลได้เร็วแค่ไหนถ้าสวมใส่อุปกรณ์ฝึกตนของลีจอง
หลังจากทดสอบจนพึงพอใจ ชายหนุ่มไม่คิดหมกตัวอยู่ที่นี่นานนัก แผนการขั้นถัดไปคือการเยือนหอแห่งปัญญา รายงานกับฮายาเตะว่า วัฏจักรนักชิมผ่านไปได้อย่างราบรื่น พร้อมกับส่งสร้อยคอเนอวาร์ธานให้กับลำดับสาม ลาร์ดวูล์ฟ
แต่ถึงอย่างนั้น กริดไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มันสามารถไปเยือนหอแห่งปัญญาตอนไหนก็ได้เพราะไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า
เพียงแต่ การไปพบคณะทูตของยูดาห์ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สักเท่าไร
การคุยกับพวกเคร่งศาสนาไม่ได้สนุกขนาดนั้น
> อย่าเพิ่ง… ฉันจะกลับไปคุยกับพวกมันเอง
กริดส่งตัวเองกลับฟรอนเทียร์ด้วยม้วนคาถา จากนั้นก็ใช้วาร์ปเกตเดินทางต่อไปยังไรน์ฮาร์ท
วาร์ปเกตถือเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดของวิศวกรรมเวทมนตร์ที่เชื่อมระหว่างกรุงไรน์ฮาร์ทกับฟรอนเทียร์
กริดต้องขอบคุณสติกส์อย่างมากในเรื่องนี้ เพราะทันทีที่วาร์ปเกตเริ่มถูกติดตั้งตามจุดสำคัญของอาณาจักร เศรษฐกิจของโอเวอร์เกียร์มีพัฒนาการในเชิงบวกอย่างชัดเจน
หากติดตั้งครบทั้งหมด มีการคาดกันว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะทวีความมั่งคั่งขึ้นจากเดิมนับสิบเท่า
***
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันไม่ทำตามเจตจำนงของเทพยูดาห์”
ณ กรุงไรน์ฮาร์ท
คณะทูตของโบสถ์ยูดาห์กำลังทำหน้าเหม่อลอย คล้ายกับยังคงตกตะลึงในความสามารถของกองทัพชาวนา
“นะ… แน่นอน พระองค์ต้องผิดหวังอย่างมาก”
หลังจากเหม่อลอยสักพัก ตัวแทนคณะทูตมอบคำตอบ
เป็นคำตอบที่กริดไม่อยากได้ยินสักเท่าไร
“ผิดหวังแล้วยังไงต่อ พระองค์จะทำอะไร?”
“ยูดาห์คือเทพแห่งปัญญาและสุขภาพ หากทำให้ท่านพิโรธ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะเกิดโรคระบาดร้ายแรง”
“ฉันมีน้องสาวเป็นนักบุญหญิง”
“…”
“ไม่เคยได้ยินข่าวหรือ โรคระบาดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ถูกน้องสาวของฉันปัดเป่าจนเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน”
“…ถึงนักบุญหญิงจะยับยั้งโรคระบาดได้ แต่ชาวบ้านที่ล้มป่วยไปแล้วจะสูญเสียสติปัญญา พัฒนาการของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะหยุดนิ่งเนื่องจากประชากรไร้คุณภาพ… ชายคนนั้นคือเครื่องพิสูจน์”
ตัวแทนคณะทูตชี้ไปทางจู๊ด
หลังจากถูกจู๊ดควบคุมตัวสักพัก พวกมันเริ่มตระหนักว่านักรบมาดดุดันคนนี้เป็นพวกไม่เต็มเต็ง
“เขาเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับโรคภัย”
“…”
“อาณาจักรของฉันยังมีจอมปราชญ์สติกส์ หากใครล้มป่วยจนสูญเสียสติปัญญา พวกเขาสามารถฟื้นฟูความรู้กลับมาใหม่ได้ด้วยการศึกษา”
“…”
คณะทูตทำได้เพียงปิดปากเงียบ
พวกมันกำลังสั่นสะท้านเมื่อเผชิญกับหน้าการตอบโต้ที่ไร้จุดบอดของกริด ความพิโรธของเทพยูดาห์ไม่สามารถนำมาใช้ข่มขวัญได้แม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะมองมุมใด กริดมีพลังอำนาจในมือเป็นล้นพ้น
ดูเหมือนว่า การก้าวขึ้นมาเป็นเทพของชายคนนี้จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ตัวแทนคณะทูตกระสับกระส่ายสักพัก ก่อนจะงัดไม้ตายออกมาใช้
“…เทพยูดาห์ตรัสไว้ว่า”
“…?”
“หากเทพโอเวอร์เกียร์ปฏิเสธเจตจำนง พระองค์จะริบพรกลับคืน”
เริ่มข่มขู่แล้วสินะ?
กริดยิ้มพลางแผ่จิตสังหาร ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบพรของยูดาห์ที่ยังฝังอยู่กับแร่ละโมบ
เพิ่มพลังป้องกัน 15%
เอฟเฟคนี้จะแสดงผลตลอดเวลาในฐานะที่กริดเป็นเจ้าของละโมบ
สำหรับกริดผู้มีพลังป้องกันมหาศาล การเพิ่มค่าป้องกันเป็นเปอร์เซ็นต์จึงส่งผลอย่างมาก
นอกจากนั้นยังมีพรจากรีเบคก้าที่เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติ 300% และพรจากโดมิเนี่ยนที่เพิ่มพลังโจมตี 15%
หากสูญเสียไปทั้งหมด กริดจะอ่อนแอลงอย่างกะทันหัน
“เทพธิดาและเทพโดมิเนี่ยนก็มีเจตจำนงเดียวกัน?”
“เทพทั้งสามเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้น คำตอบคือใช่”
“ฉันได้รับพรเหล่านี้จากการลงโทษสันตะปาปาเดรวิโก้ที่เคยทำให้ศาสนาเสื่อมโทรม การริบรางวัลคืนจากคนที่เคยสร้างบุญคุณ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วจริงหรือ? ทั้งสามเทพไม่มีความละอายแก่ใจบ้างหรือไง”
“ได้โปรดอย่าดูหมิ่นพระองค์ต่อหน้าพวกเรา… นอกจากนั้น การทำความดีเพื่อเทพคือหน้าที่ของมนุษย์อยู่แล้ว ไม่ควรถือเป็นบุญคุณ”
“แล้วทำไมมนุษย์ถึงต้องทำความดีเพื่อเทพ?”
“…เพื่อตอบแทนความเมตตากรุณาที่พระองค์มอบให้”
กริดไม่อยากเรียกตัวแทนคณะทูตว่าเป็นพวกคลั่งศาสนาสุดโต่ง
พฤติกรรมของชายคนนี้นับว่าปรกติในซาทิสฟาย มนุษย์ที่นับถือศาสนาส่วนใหญ่มักมีแนวคิดไปในทิศทางดังกล่าว
เป็นชุดความคิดที่ผิดมหันต์
เทพสวรรค์มิได้เลิศเลออย่างที่ทุกคนเข้าใจ
ยาธานสามารถทำลายโลกหนแล้วหนเล่าเพราะมีรีเบคก้าคอยร่วมมือ
ถึงจะไม่ทราบเหตุผลที่พวกมันทำลายโลกทิ้ง แต่กริดก็ไม่อยากถือว่ามนุษย์ติดหนี้บุญคุณของเทพ
อย่างไรก็ตาม คงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะโต้เถียงกับสาวกเดนตายของศาสนาผู้ไม่ทราบความจริงเบื้องหลัง
กริดสงบสติอารมณ์และพูดเข้าประเด็น
“ฉันอยากถามสักข้อ… หากทางนี้ยอมทำตามเจตจำนงของเทพยูดาห์ โทษของเทพเฮ็กเซเทียจะได้รับการลดหย่อนหรือไม่”
ทันใดนั้น
“อึ่ก…!”
ดวงตาของตัวแทนคณะทูตกลอกขึ้นจนเหลือเพียงตาขาว
ไม่กี่อึดใจถัดมา ตัวตนที่ยิ่งใหญ่เสด็จลงมาสถิตร่างมนุษย์ตรงหน้ากริด
ด้วยแสงออร่าสีขาวโพลนรอบตัว ตัวแทนคณะทูตยืนขึ้นโดยที่ชื่อเหนือศีรษะเปลี่ยนเป็นคำว่า <ยูดาห์>
> เทพแรกเกิดที่ถือกำเนิดจากความปรารถนาของมนุษย์เอ๋ย… ถึงเจ้าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้แอสการ์ด แต่โทษของเฮ็กเซเทียจะไม่มีวันได้รับอภัย เจ้านั่นจะถูกขังลืมในคุกนิรันดร์จนกว่าจะตาย
เฮ็กเซเทียคือหนึ่งในตัวการที่ทำให้บาปของเทพถูกเปิดโปง
หากเฮ็กเซเทียไม่ยื่นดาบให้กริด มนุษย์ทุกคนจะถูกสองเทวทูตสังหารจนหมดสิ้น ไม่หลงเหลือสาวกที่จะศรัทธาจนเกิดเป็นเทพโอเวอร์เกียร์
และบาปของเทพจะถูกปกปิดไว้ตลอดกาล
สำหรับเทพสวรรค์ เฮ็กเซเทียคือคนทรยศและเป็นต้นเหตุที่ทำให้ศรัทธาในตัวทุกคนอ่อนแอลง
เป็นความผิดที่ให้อภัยได้ยากที่สุด
เมื่อยืนยันเจตจำนงของแอสการ์ด กริดพยักหน้า
“พรของพวกนาย… เชิญเอากลับไปได้เลย”
เหตุการณ์จบลงตรงนี้
เทพยูดาห์สละร่างมนุษย์และเสด็จกลับขึ้นไปยังสวรรค์
[ท่านสูญเสียพรของเทพยูดาห์]
[ท่านสูญเสียพรของเทพโดมิเนี่ยน]
“…”
แล้วทำไมพรของเทพธิดาถึงยังอยู่?
กริดค่อนข้างประหลาดใจ แต่นั่นมิได้ทำให้ชายหนุ่มมีความสุข
หากเป็นไปได้ มันก็ไม่อยากทำให้เทพสวรรค์โกรธเคือง
“บราฮัม”
กริดละทิ้งคณะทูตและกลับไปหาบราฮัม – มนุษย์ที่กำลังสั่งสมค่าบารมีเทพเหมือนกับตน
ชายหนุ่มต้องการพึ่งพาชายผู้อาจกลายเป็น ‘เทพมนตรา’ ในอนาคต
“นายกับฉัน… มาสร้างแร่ใหม่กัน”
กริดวางแผนเรื่องนี้มาสักพักแล้ว
เฉกเช่นที่แพ็กม่าและบราฮัมเคยร่วมมือกันสร้างแร่ใหม่ กริดเองก็ต้องการสร้างแร่ชนิดใหม่ร่วมกับบราฮัม
“ฉันจะผสานละโมบกับศิลาศักดิ์สิทธิ์เข้าด้วยกัน… คงต้องรบกวนให้นายหลอมพวกมันด้วยเวทอุกกาบาต”
“…นายมีความเกรงใจบ้างไหม”
หลอมแร่ด้วยเวทมนตร์ - หนึ่งในเทคนิคดั้งเดิมและได้ผลมากที่สุดหากต้องการฝังเวทมนตร์ลงในแร่
วิธีการอาจไม่ซับซ้อน แต่จำนวนครั้งในการหลอมค่อนข้างเป็นปัญหา
“นายคิดจะให้ฉันใช้เวทอุกกาบาตหนึ่งหมื่นครั้ง?”
“ทำไมได้?”
“ทำได้ แต่ต้องใช้เวลา 27 ปี 145 วัน… รอได้ไหม?”
“…”
ทุกเวทมนตร์ย่อมมีระยะหน่วง กริดลืมคิดเสียสนิท
เมื่อแผนการใช้เวทอุกกาบาตพังไม่เป็นท่า ชายหนุ่มเริ่มกลับมาตั้งสติ
“…ศิลาศักดิ์สิทธิ์นำหลอมรวมกับละโมบได้หรือ?”
บราฮัมถามกริดที่กำลังปิดปากเงียบด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“ได้…”
ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ
ลำดับสาม ลาร์ดวูล์ฟ
ผู้เหลือรอดของเผ่าพันธุ์คนยักษ์โบราณ
ชายผู้ถูกเรียกขานว่านักรบอัจฉริยะ
ชายผู้ให้กำเนิดจักรกลเวทมนตร์
หากพึ่งพาความรู้จากลาร์ดวูล์ฟ กริดเชื่อว่าการหลอมศิลาศักดิ์สิทธิ์เข้ากับละโมบย่อมไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
จะยัดเวทอุกกาบาตเลยหรอ 555555
ReplyDelete