จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,362



“ฉันได้ยินมาว่า แม้แต่เทพก็ยังมิอาจควบคุมมังกร… แล้วเนเฟลิน่าจะยอมรับตำแหน่งผู้ส่งสารหรือ”


ผู้ส่งสารแห่งเทพ


ตามชื่อของมัน หน้าที่หลักคือการถ่ายทอดสารจากเทพ


แต่ในทางกลับกัน มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและทระนงตนมากที่สุด โอกาสที่เนเฟลิน่าจะยอมมาเป็นผู้ส่งสารของกริดจึงต่ำมาก


และหากอ้างอิงจากความเป็นจริง ยังไม่เคยมีเทพตนใดให้มังกรมาเป็นผู้ส่งสารมาก่อน


แม้จิสึกะจะแสดงความคลางแคลงใจ แต่กริดกลับคิดในมุมต่าง


‘เนเฟลิน่าไม่เหมือนกับมังกรทั่วไป’


เป้าหมายของเธอคือการแก้แค้น


อนาคตของเด็กคนนั้นมีศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายรออยู่


ตรงข้ามกับมังกรตัวอื่นที่หยิ่งทระนงและเชื่อว่าตนคือสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้ว เนเฟลิน่าปรารถนาพลังที่มากกว่าขีดจำกัดทางสายเลือด


[ท่านสามารถแต่งตั้งผู้ส่งสารได้ทั้งหมดเจ็ดคน]


[ผู้ส่งสารแห่งเทพจะสืบทอดพลังที่เป็นสัญลักษณ์ของเทพ ผู้ส่งสารแต่ละคนจะได้รับคุณลักษณะพิเศษเพิ่มเติมหนึ่งชนิดตามอุปนิสัย]


<ผู้ส่งสารของศาสนจักรเทพโอเวอร์เกียร์>

สามารถสวมใส่ไอเท็มที่เทพโอเวอร์เกียร์สร้างขึ้นโดยไม่มีเงื่อนไข และประสิทธิภาพของไอเท็มจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก


“ฉันเชื่อว่าเนเฟลิน่าจะตอบสนองในแง่บวก… หรือต่อให้ปฏิเสธ ฉันก็จะพยายามโน้มน้าวต่อไป”


เอกลักษณ์ของผู้ส่งสารแห่งเทพโอเวอร์เกียร์คือ ‘พลังไอเท็ม’ สอดคล้องกับธรรมชาติของกริดที่เป็นช่างตีเหล็ก


ตราบใดที่กริดผลิตไอเท็มคุณภาพสูงขึ้น ผู้ส่งสารที่ใช้ไอเท็มดังกล่าวก็จะยิ่งแข็งแกร่ง


สิ่งนี้ต้องดึงดูดความสนใจของเนเฟลิน่าได้แน่ กริดเชื่อเช่นนั้น


“สรุปได้ว่า… ตอนนี้ตำแหน่งของผู้ส่งสารถูกกำหนดไว้แล้วห้าที่ ประกอบด้วยซาลิเอล บราฮัม ปิอาโร่ เมอร์เซเดส และเนเฟลิน่า”


ยังเหลือตำแหน่งว่างอีกสอง


ถึงตรงนี้ จิสึกะเริ่มกระวนกระวาย


ในหมู่ขุนพลโอเวอร์เกียร์มีตำนานอยู่สี่คน


นอกจากจิสึกะ ยังมีเฟคเกอร์ ยูร่า และยูเฟอมิน่า


จิสึกะไม่มั่นใจว่าตนจะถูกเลือกในสองตำแหน่งที่ว่างอยู่


ด้วยความสัตย์จริง ทั้งสี่คนล้วนเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ โดยเฉพาะอัตราการเติบโตที่น่าทึ่งของยูร่า กระสุนจากปืนวิศวกรรมเวทมนตร์ของเธอสามารถทะลวงผ่านผิวหนังหนา ๆ ของดราเชี่ยนจนสร้างความเสียหายใหญ่หลวง แตกต่างจากลูกศรของเธออย่างชัดเจน


แน่นอน จิสึกะเชื่อว่าช่องว่างดังกล่าวจะลดลงหากเลเวลของตนพัฒนากลับไปเป็นจุดเดิม แต่นั่นก็ต้องใช้เวลาอีกสักพัก


‘นอกจากนั้น อ้างอิงจากข้อความระบบ ศักยภาพของยูเฟอมิน่ายังไร้ขีดจำกัด เรียกว่าเป็นคลาสที่มีอนาคตสดใสกว่าใคร… และเราก็ไม่สามารถตัดชื่อเฟคเกอร์ออกไปได้เช่นกัน’


จิสึกะกำลังวิตก


เมื่อเห็นหญิงสาวหมายตาตำแหน่งผู้ส่งสาร กริดรีบดับฝัน


“จิสึกะ ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันไม่คิดจะแต่งตั้งผู้เล่นเป็นผู้ส่งสาร”


กริดเชื่อว่าตนต้องเผชิญหน้ากับเทพอีกหลายครั้งในอนาคต สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการรีดประสิทธิภาพของพวกพ้องให้ถึงขีดสุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้อาณาจักร ประชาชน พวกพ้อง และครอบครัวของตนอยู่รอดปลอดภัย


ต้องยอมรับตามตรงว่า ผู้ส่งสารที่มีเพียงเจ็ดตำแหน่ง หากแต่งตั้งผู้เล่นจะกลายเป็นการเสียของทันที


ไม่ว่าขุนพลโอเวอร์เกียร์จะแข็งแกร่งสักพักใด แต่เมื่อเทียบชั้นกับ NPC พิเศษ พวกเขายังห่างไกลอยู่มาก


“ฉันต้องการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งให้ได้มากที่สุด… กระทั่งตอนนี้ยังลังเลอยู่ว่าเมอร์เซเดสเหมาะสมจริงหรือ ดังนั้นได้โปรดเข้าใจด้วย… ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่”


“ฉันจะรู้สึกแย่ได้ยังไง? แบบนั้นมันแก่ตัวเกินไป”


ใบหน้าจิสึกะเริ่มแดงระเรื่อ


หญิงสาวอับอายที่ตนคาดหวังตำแหน่งผู้ส่งสารทั้งที่ไม่คู่ควร


แน่นอน จิสึกะมีเจตนาดี


ตำแหน่งผู้ส่งสารหมายถึงการได้ใกล้ชิดกริด เธอแค่ต้องการสนับสนุนกริดอยู่เคียงข้าง โดยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งผู้ส่งสารมอบสิทธิประโยชน์แบบใดบ้าง


กริดย่อมทราบในเรื่องนี้ และเป็นเหตุผลที่เขาเสียใจ


แม้จะรู้อยู่เต็มอก แต่ชายหนุ่มก็ต้องใจแข็ง ไม่มอบตำแหน่งผู้ส่งสารให้ขุนพลโอเวอร์เกียร์ที่ยังมีฝีมือไม่ถึงขั้น


จิสึกะพูดกับกริดที่กำลังรู้สึกผิด


“ฉันจะรีบแข็งแกร่งขึ้น นายจะได้ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้อีก… ฉันจะกลายเป็นผู้ส่งสารด้วยพลังของตัวเองให้ได้”


หญิงสาวฉีกยิ้มอย่างมั่นใจ


ท่าทีอันเข้มแข็งของอีกฝ่ายทำให้กริดเบาใจลง


“ขอบคุณมาก… แล้วจะรอนะ”


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างเติบโตขึ้นมากก็จริง แต่ NPC พิเศษอย่างอัครเทวทูตซาลิเอล มังกรเนเฟลิน่า และมหาจอมเวทในตำนานบราฮัม ล้วนเป็นตัวตนในระดับสุดยอดของเกม


แน่นอน กริดเชื่อว่าพวกพ้องของตนมีศักยภาพไร้ขีดจำกัด สามารถพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งกว่า NPC พิเศษเหล่านี้ได้ในอนาคต เพราะแต่ละคนคือยอดอัจฉริยะที่คัดสรรมาจากผู้เล่นกว่าสองพันล้าน


‘เพื่อให้วันนั้นมาถึงเร็วกว่าปรกติ เราต้องเร่งมือสร้างไอเท็ม’


อุปกรณ์ฝึกตนของลีจอง


หลังจากสวมใส่สักพัก กริดพบว่าอุปกรณ์ฝึกเหล่านี้ทำให้ต่อสู้ลำบากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า


ลำพังการเคลื่อนไหวร่างกายยังทำได้ยาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พลังต่อสู้จะลดลงจากปรกติราวๆ หนึ่งในสิบ


อย่างไรก็ตาม กริดวางแผนทำความคุ้นเคยกับมันโดยเร็ว จุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์หาจุดแข็งจุดอ่อนของไอเท็มเซตดังกล่าว และนำไปเป็นต้นแบบสำหรับผลิต ‘ไอเท็มฝึกตน’ ในเวอร์ชันที่ดีกว่า


‘จากนั้นก็แจกจ่ายให้พวกเขาใช้งาน…’


เซตอุปกรณ์ฝึกตนของลีจองถือเป็นไอเท็มดรอปที่มีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะแก่นสำคัญด้าน ‘เร่งความเร็วพัฒนาตัวละคร’ ที่สอดคล้องกับหลักการของพลังแห่งไอเท็ม


‘ถ้าเราเชี่ยวชาญการสร้างอุปกรณ์ฝึกตนเมื่อไร อาจเพิ่มตัวเลือกในการเร่งค่าประสบการณ์ให้กองทัพได้ด้วย’


แต่ก่อนอื่น ตอนนี้ต้องรีบวิเคราะห์หลักการของมันให้แตกฉาน


หลังจากมีแรงกระตุ้น กริดหันไปตรวจสอบรายละเอียดของอัครเทวทูตซาลิเอลด้านข้าง เป็นเรื่องปรกติที่ต้องศึกษาข้อดีข้อเสียของพวกพ้องใหม่ให้กระจ่าง


ชื่อ : ซาลิเอล

อายุ : ไม่ปรากฏ

เพศ : ไร้เพศ

เผ่าพันธุ์ : เทวทูต

★ ต้านทานการโจมตีระยะไกลทุกชนิด ทักษะประเภทบัฟจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นจากปรกติ 50%

คลาส : ผู้ส่งสารแห่งศาสนจักรเทพโอเวอร์เกียร์

★ สามารถสวมใส่ไอเท็มที่เทพโอเวอร์เกียร์ผลิตได้โดยไม่มีเงื่อนไข ประสิทธิภาพของไอเท็มจะเพิ่มขึ้นปรกติอย่างมาก

สมญานาม : เจ็ดสิ่งแรกที่ถูกสร้าง

* ต้านทานการอาการผิดปรกติทุกชนิด

* เป็นอมตะ – คืนชีพทันทีหลังจากความตาย (สมญานามนี้ถูกผนึกชั่วคราวเนื่องจากขัดแย้งกับอีกหนึ่งสมญานาม : เทวทูตตกสวรรค์)

สมญานาม : ผู้เฝ้ามอง

* ปิดกั้นเวทมนตร์และทักษะธาตุมืดของเป้าหมาย

* เมื่อโจมตีใส่เป้าหมายที่เพิ่งเข่นฆ่าชีวิต มีโอกาสสูงมากที่ทักษะ ‘พิพากษา’ จะแสดงผล

สมญานาม : เทวทูตตกสวรรค์

* มีโอกาสล้มเหลวขณะใช้เวทมนตร์และทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์

* อ่อนแอต่อการโจมตีธาตุศักดิ์สิทธิ์

* ค่าสถานะทุกชนิดจะลดลง 50% เมื่อเข้าสู่แอสการ์ด

* ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ ‘ร่างเนื้อ’ ที่เก็บสำรองไว้ในแอสการ์ด

* ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเข้าสู่ขุมนรก ทว่า มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นอสูรและออกอาละวาด

เลเวล : 550

พละกำลัง : 4,278

ความอดทน : 4,139

ความว่องไว : 4,278

สติปัญญา : 4,139

วิสัยทัศน์ : 6,060

เสน่ห์ : 20,511


ตรงข้ามกับบราฮัมซึ่งมี ‘ค่าสติปัญญาสูงลิบ’ แต่ค่าอื่น ๆ ค่อนข้างน่าผิดหวัง ซาลิเอลมีค่าสถานะคล้ายกับอัศวินที่สมดุลในทุกทาง ไม่ผิดนักหากจะเรียกว่าเมอร์เซเดสเวอร์ชันอัปเกรด


‘ค่าสถานะสุดยอดมาก…’


แต่รายการทักษะที่ครอบครองนั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า


เธอก็มีความชำนาญทุกชนิด ถึงส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับไม่สูงนักก็ตาม


ไม่เพียงจะครอบครองเวทมนตร์ทุกประเภทยกเว้นเวทมืด แต่ยังมีทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่าง ‘สวดวิงวอน’ ซึ่งจะทำให้เป็นอมตะชั่วเวลาหนึ่ง


นอกจากนั้นก็ยังมี ‘เนตรส่องความชั่ว’ ที่สามารถเปิดโปงบาปของเป้าหมาย


แต่สำหรับกริด ทักษะที่ดีที่สุดของอีกฝ่ายคือ ‘พิพากษา’ ซึ่งมาจากสมญานามผู้เฝ้ามอง


มีโอกาสสูงมากที่จะสังหารเป้าหมายทันที แถมยังไม่มีระยะหน่วง


‘ถึงจะเป็นทักษะประเภทแสดงผลตามเงื่อนไข แต่ก็ยังนับว่าโกงอยู่ดี’


หากซาลิเอลใช้ทักษะพิพากษาเมื่อครั้งอยู่ในร่างดราเชี่ยน ไม่ใช่ว่าฝ่ายกองทัพพันธมิตรจะถูกเก็บกวาดในพริบตาหรอกหรือ?


ชายหนุ่มเชื่อว่า ทักษะนี้ของเธอคงถูกผนึกไว้ในร่างดราเชี่ยน


ไม่สิ ตนไม่ควรเรียกซาลิเอลว่า ‘เธอ’


กริดจ้องใบหน้าอันงดงามของอีกฝ่าย


คางเรียวยาว ปากแดงสมส่วน ดวงตากลมโตและส่องประกาย ขนตาคมเข้มและยาวโค้งได้รูปทรง


‘ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนผู้หญิง’


กริดลดสายตาลงมาจ้องหน้าอกซาลิเอล


ปัจจุบัน อีกฝ่ายสวมเพียงผ้าโปร่งที่ค่อนข้างบาง หากจะรู้สึกเขินอายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


ทว่า โดยธรรมชาติแล้ว เทวทูตจะปราศจากความรู้สึก


ถึงซาลิเอลจะเป็นเทวทูตตกสวรรค์ที่มีอารมณ์เจือปนอยู่บ้าง แต่ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับมนุษย์


ตรงข้ามกับความเขินอาย ซาลิเอลเปิดปากพูดเสียงแผ่ว


“ท่านไม่สบายใจหรือ? ข้าสามารถทำให้หน้าอกแบนราบได้”


คล้ายกับสื่อเป็นนัยว่า ตนสามารถเปลี่ยนร่างกายให้เป็นชาย


ขณะกริดเตรียมส่ายหน้า จิสึกะและยูร่าตะโกนอย่างพร้อมเพรียง


“ใช่! รีบทำเลย!”


“มัวรออะไรอยู่!


“…”


***


[ท่านเป็นอิสระจากร่างกายมนุษย์ที่แสนอ่อนแอ]


[พลังเวทมืดและพลังอสูรปริมาณเข้มข้นกำลังเติมเต็มร่างกายและวิญญาณใหม่ของท่าน]


[เผ่าพันธุ์ของท่านกลายเป็นอสูร]


[ค่าสถานะของท่านมีการเปลี่ยนแปลง ค่าสถานะใหม่ถูกเพิ่มเข้ามา]


[เวทมนตร์และทักษะชนิดใหม่ถูกเปิดใช้งาน]


[ท่านมีคุณสมบัติในการเป็นผู้ปกครองแห่งขุมนรก]


อาโมแรคส่งวิวรณ์ให้โรสไปช่วยมนุษย์ปราบดราเชี่ยน โดยหวังว่า ‘สันดาน’ ที่แท้จริงของเทพจะถูกเปิดโปง


และนั่นลงเอยด้วยความสำเร็จ


โรสอาจไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันนัก แต่เธอก็ทำตามคำสั่งอย่างสุดความสามารถ และผลลัพธ์ก็ตรงตามที่อาโมแรคต้องการ


ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง โรสได้ก้าวข้ามขอบเขตของผู้เล่นเต็มตัวแล้ว


เดิมที มันควรเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง


ทว่า โรสกลับไม่พึงพอใจเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะยินดี


กริดกลายเป็นเทพ


กับแค่เผ่าอสูรอย่างเธอจะไปเทียบอะไรได้?


โรสที่ถูกความริษยาและกังวลเข้าครอบงำ รีบทักท้วงอาโมแรค


“ทำไมท่านถึงไม่ฆ่าเขา…? หมอนั่นไม่ได้เป็นแค่เทวทูตหรือครึ่งเทพ แต่เป็นเทพ! เทพเชียวนะ! มนุษย์กลายเป็นเทพ… จะต้องมีผลเสียร้ายแรงตามมาถึงเราแน่!”


สำหรับโรส กริดคือศัตรูโดยธรรมชาติ


ไม่เกินจริงไปหนักหากจะกล่าวว่า อายุขัยของเธอสั้นลงทุกครั้งที่กริดแข็งแกร่งขึ้น


และในตอนนี้ อีกฝ่ายกลายเป็นเทพเต็มตัว จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่โรสจะหวาดกลัวและมองว่าโลกช่างไม่ยุติธรรม


อาโมแรคพยายามสงบจิตใจอีกฝ่าย


> ในอดีต เทพมนุษย์เคยเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มนุษย์จะศรัทธาในมนุษย์ด้วยกัน หากคนหมู่มากยกย่องว่าบุคคลใดแข็งแกร่ง พวกเขาจะศรัทธาประหนึ่งเทพแห่งสงคราม หากคนหมู่มากยกย่องว่าบุคคลใดเฉลียวฉลาด พวกเขาจะยกย่องให้เป็นเทพแห่งปัญญา เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่พวกเราไม่ต้องกังวลอะไรนัก


ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่มนุษย์ไม่มีทางสมบูรณ์แบบ


ต่อให้ได้ครอบครองภูมิปัญญาและองค์ความรู้มหาศาล แต่ก็ต้องมีสักสิ่งสองสิ่งที่มิอาจหาคำตอบได้


> ตัวอย่างที่ชัดเจนคือมุลเลอร์ เรื่องเล่าของมุลเลอร์ในช่วงหลายร้อยปีหลังมิได้บรรยายถึงวีรกรรมของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นตำนานของตัวตนระดับทัดเทียมเทพ… มุลเลอร์ในตำนานไม่เคยพ่ายแพ้และเก่งกาจในทุกด้าน มีสติปัญญาหลักแหลมจนไม่เคยหลงเล่ห์เหลี่ยมของตัวตนชั่วร้าย และมีจิตใจประเสริฐจนไม่ลุ่มหลงไปกับอบาย


ไม่ว่าจะมองมุมใด มุลเลอร์ในตำนานคือตัวตนที่สมบูรณ์แบบ


> มนุษย์มักทำเรื่องเช่นนี้เสมอ พวกเขาพยายามเยินยอความแข็งแกร่งของมุลเลอร์และตำนานคนอื่นไว้เกินจริง เชิดชูเกียรติยศเกินกว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทึกทักเอาเองว่ามุลเลอร์เปรียบดังเทพ ดังนั้น เจ้าอย่าได้หวาดระแวง ต่อให้มนุษย์ทั่วโลกสรรเสริญกริดเยี่ยงเทพ แต่กริดไม่มีวันกลายเป็นเทพที่แท้จริง เขาอาจมีสถานะเป็นเทพ แต่ร่างกายยังไม่ใช่เทพ


นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ กริดเกิดมาในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง หากมนุษย์สามารถได้รับ ‘กายาเทพ’ เพียงเพราะถูกสรรเสริญเยินยอ คงมีมนุษย์หลายคนในอดีตที่เป็นอมตะและกลายเป็นเทพที่แท้จริง


หลักการนี้ยังใช้ได้กับยังบันของทวีปตะวันออก


> แต่สำหรับเจ้าที่ก้าวข้ามเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตอนนี้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าพวกเขาไปแล้ว


อาโมแรคมอบแง่คิดให้โรสพร้อมกับเปิดประตูนรก


นับแต่นี้ไป ที่นั่นจะกลายเป็นเวทีแห่งใหม่ของโรส


‘เราสามารถก้าวข้ามกริดได้…’


ตึกตัก ตึกตัก!


หัวใจโรสกำลังเต้นโครมคราม


ตัวเธอที่ถูกอาโมแรคเป่าหู เดินเข้าไปในประตูนรกด้วยรอยยิ้มสดใส


แต่ต้องไม่ลืมว่า ชื่อเล่นของอาโมแรคก็คือ…


จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง


เจตนาของหล่อนไม่เคยเป็นสิ่งที่ดี


อาโมแรคเพียงปรารถนาให้มีการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง


> ลืมบอกไป… จากบรรดาเทพมนุษย์มากมายในอดีต ไม่เคยมีตนใดมีผู้ส่งสารมาก่อน…


หลังจากประตูนรกปิดสนิท เศษเสี้ยวดวงวิญญาณอาโมแรคที่ลอยอยู่ตามลำพังพูดกับตัวเอง ก่อนจะสลายตัวไปอย่างสมบูรณ์

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,841
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared

Comments

  1. แล้วมีมังกรเป็นผู้ส่งสารด้วยนะ

    ReplyDelete
  2. โหดจัดด ในอนาคตน่าจะมีเงื่อนไขพิเศษให้เป็นผู้ส่งสารได้แน่ๆ

    ReplyDelete
  3. โดนอาโมแร็คเหลี่ยมแล้วมึงอีดอกโรส5555555555 ไม่บอกเรื่องสำคัญก่อนด้วยนะรอให้อีกฝ่ายไปก่อน

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00