จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,353
ผืนดินเริ่มเน่าเปื่อย
นกประหลาดขยายขนาดจนมีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ ทุกครั้งที่พวกมันใช้จะงอยปากโจมตี โล่เหล็กมีอันถูกแทงทะลุ
“พวกมันเหลือน้อยแล้ว! ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ สู้ตามกลยุทธ์!”
อัศวินพยายามปลุกความฮึกเหิมของทหาร แต่ผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้าม โล่ใหญ่และชุดเกราะของอัศวินถูกจะงอยปากทรงพลังทะลวงผ่านอย่างง่ายดาย เนื้อหนังหลังชุดเกราะถูกฉีกกระชาก ขาทั้งสองข้างของอัศวินดีดดิ้นด้วยความเจ็บปวดขณะถูกกินทั้งเป็น
นกประหลาดใช้อุ้งเท้าขนาดมหึมากระแทกใส่หน้าอกจนพวกเขาหยุดหายใจ
“อ…อึ๋ย!”
ดวงตาสีแดงเลือดของนกประหลาดซึ่งสังหารอัศวินคนแล้วคนเล่า กำลังบั่นทอนขวัญกำลังใจทหารเป็นวงกว้าง
แตกต่างจากดราเชี่ยนซึ่งอยู่ห่างออกไป นักประหลาดที่กำลังอาละวาดเบื้องหน้าได้ทำลายความกล้าหาญของกองทัพจนป่นปี้
นกตัวหนึ่งหันมาจ้องทหารหลังจากเคี้ยวอัศวินเสร็จ ตุ่มเล็กใหญ่บนลิ้นยาวแหลมในจะงอยปากของมัน ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ชวนให้อาเจียน
ขณะขวัญกำลังใจกองทัพกำลังเสื่อมถอยสุดขีด ความหวังอันริบหรี่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“ย๊ากกกกก!”
เป็นเสียงของแวนเนอร์ อัศวินผู้พิทักษ์ซึ่งศีรษะล้านของมันกำลังสะท้อนภายในดวงตานกประหลาดจนแวววาว
“ไอ้บัดซบ! แกหลบหน้าฉันทำไม!”
นกที่เผลอจ้องแสงจ้ากะทันหัน รีบชักสายตาหนีอย่างตื่นตระหนก
อาจเป็นเพราะศีรษะล้านของแวนเนอร์กำลังเคลือบด้วยเหงื่อ นกประหลาดทั้งหมดเลี่ยงการจ้องมองโดยตรงประหนึ่งนั่นคือแสงศักดิ์สิทธิ์จากนักบวชรีเบคก้า
แวนเนอร์ใช้โล่กระแทกจนคอของนกหมุน 360 องศา ต่อด้วยการสับขวานจนคอของมันขาดกระเด็น
“ไอ้พวกบัดซบ! ทำไมถึงไม่ยอมมองมาทางนี้!”
ทั้งที่เป็นฝ่ายชนะ แต่แวนเนอร์รู้สึกราวกับตนพ่ายแพ้
สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นทั่วทั้งสนามรบ หากอัศวินจักรวรรดิเสียท่าเมื่อใด สมาชิกโอเวอร์เกียร์จะโผล่ออกมาช่วยกำจัดนกประหลาดที่ร่างกายใหญ่ขึ้นจากการปนเปื้อนของพื้นดิน
ไม่ว่านกประหลาดจะเก่งกาจมากแค่ไหน ไม่สนว่าจะเกิดจากขนนกของดราเชี่ยนหรือไม่ แต่พวกมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ อยู่คนละระดับกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์โดยสิ้นเชิง
ขวัญกำลังใจกองทัพจักรวรรดิเริ่มฟื้นฟูกลับมาภายใต้ความขยันขันแข็งของชาวโอเวอร์เกียร์
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ! ทุกคนจะปล่อยภัย! ไม่ต้องกลัว!”
นักบุญหญิงรูบี้มีบทบาทอย่างมากในสงคราม
พลังการรักษาระดับปาฏิหาริย์ซึ่งใกล้เคียงการชุบชีวิตคนตาย สร้างความตะลึงงันแก่ทหารจักรวรรดิเป็นล้นพ้น ใครหลายคนต่างสวดวิงวอนถึงเธอโดยเข้าใจว่าเป็นร่างอวตารของเทพธิดาแห่งแสง แต่บางคนก็เชื่อว่ารูบี้คือตัวตนที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่านั้น คุณงามความดีของเด็กสาวมากมายยิ่งกว่าเทพธิดาซึ่งเอาแต่เฝ้ามองจากจุดห่างไกล
เป็นเพราะสัญชาตญาณของพวกมันหรือเจตจำนงของดราเชี่ยน?
นกประหลาดทุกตัวในสนามรบพลันหันมาจ้องรูบี้อย่างพร้อมเพรียง จิตสังหารที่สกปรกติยิ่งกว่าการปนเปื้อนกำลังคละคลุ้งไปทั่วสมรภูมิเลือด
กลุ่มนกประหลาดกรูเข้าหารูบี้ด้วยเจตนาฆ่าให้ตายโดยไม่สนใจทุกเป้าหมายรอบข้าง
นกประหลาดอาจเหลือประมาณหนึ่งร้อยตัว นั่นเป็นจำนวนที่ไม่มากนักหากเทียบกับทหารนับหมื่น แต่ในวินาทีที่นกทั้งร้อยโหมโจมตีใส่คนคนเดียว จำนวนของมันก็ไม่น้อยอีกต่อไป
“หลบหลังฉันไว้”
อัศวินแห่งนักบุญหญิง
สาวสวยคนดังของโลกซาทิสฟาย ผู้เล่นหญิงที่ต้องการ ‘บัตรเปลี่ยนชื่อตัวละคร’ มากกว่าใครในโลก ‘เซ็กซี่สคูลเกิร์ล’ ยืนตัวเกร็งเมื่อเห็นนกยักษ์นับร้อยวิ่งมาทางตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปักหลักยกโล่อย่างอาจหาญ
เซ็กซี่สคูลเกิร์ลใช้โล่ <ผู้พิทักษ์แห่งความหวัง> ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ <โล่แสงศักดิ์สิทธิ์> ปัดป้องจะงอยปากนกยักษ์ ตามด้วยการเหวี่ยงค้อนศึกในมืออีกข้างสวนกลับ
นกประหลาดถูกตีจะงอยปากเข้าอย่างจังจนศีรษะบิดกลับหลังและระเบิดกระจาย
เมื่อรวมทักษะ <การโจมตีศักดิ์สิทธิ์> ซึ่งเป็นบัฟของนักบุญหญิง เข้ากับค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างมากขณะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตประเภทชั่วร้ายร่วมกับ ‘นักบุญหญิง’ เงื่อนไขทุกอย่างของเยริมถูกปลดล็อกจนเธอกลายเป็นนักรบที่ทรงพลังต่อหน้านกประหลาด
ความแข็งแกร่งของอัศวินแห่งนักบุญ ในวินาทีนี้เทียบเท่ากับแรงเกอร์ระดับหัวแถว เพียงแต่คลาสของเธอไม่เชี่ยวชาญทักษะโจมตีหมู่ หลังจากจัดการไปหนึ่งตัวต้องถอยฉากเพื่อปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่น
“แกพร้อมรับแรงกระแทกหรือยัง?”
เธอกำลังถามใคร?
นกยักษ์เบื้องหน้าเด็กสาวไม่เข้าใจคำถามของเยริม
ไม่สิ พวกมันไม่มีสติปัญญามากพอจะตอบคำถามตั้งแต่แรก
เสียงหนึ่งดังขึ้นเป็นคำตอบ
“กีก้าไลท์นิ่ง” (Giga Lightning)
บราฮัมอาจใช้เวทมนตร์ชนิดนี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายและไม่ต้องร่ายคาถาประหนึ่งเป็นทักษะระดับต่ำ แต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม นี่คือหนึ่งในเวทมนตร์ระดับสูงสุดซึ่งมีความเร็วโพรเจกไทล์ที่ยากจะมองตามทัน
สายฟ้าพุ่งแหวกอากาศไปทางนกยักษ์กลุ่มใหญ่
แตกต่างจากกีก้าไลท์นิ่งของบราฮัมซึ่งจะกระจายออกเป็นวงกว้าง เวทมนตร์ที่กำลังสำแดงทั้งเข้มข้นและเต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาด
ประหนึ่งดอกไม้ไฟอันเจิดจ้าและน่าเกรงขาม เวทมนตร์สีสันตระการตาช่างงดงามเหมือนกับผู้ที่ร่ายมันออกมา
กระแสไฟฟ้าของกีก้าไลท์นิ่งเริ่มแตกตัวในตอนสุดท้าย แผ่ขยายออกเป็นวงกว้างและสร้างอาการอัมพาตแก่นกยักษ์จำนวนมาก
เลือดเริ่มไหลซึมจากซอกหลืบขนนก สิ่งมีชีวิตซึ่งน่ากลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สภาพปัจจุบันยิ่งน่าสยดสยองเหนือคำบรรยาย
เซ็กซี่สคูลเกิร์ลใช้ค้อนศึกกระแทกจะงอยปากของนกยักษ์ตัวหนึ่งที่กำลังโซซัดโซเซพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นฟ้า
“ไนซ์แอสซิส!” (Nice assist!)
“ฮะฮะ… ฉัน… ขอพักสักครู่”
ยูเฟอมิน่า
ในฐานะผู้สืบทอดมูมัด ศักยภาพของเธอใกล้เคียงคำว่าไร้ขีดจำกัด สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างลงความเห็นตรงกันว่า คลาสของยูเฟอมิน่าคงไม่สิ้นสุดแค่ตำนาน แต่จะพัฒนาไปถึงเทวตำนานได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวเพิ่งสืบทอดคลาสได้ไม่กี่วัน คุณค่าในปัจจุบันจึงสวนทางกับศักยภาพและความคาดหวังของทุกคน เพียงใช้กีก้าไลท์นิ่งหนึ่งหนร่างกายก็แทบหมดสภาพ
หากในสมรภูมิมีเพียงเซ็กซี่สคูลเกิร์ลและยูเฟอมิน่า สองสาวคงไม่มีทางจำกัดนกยักษ์กว่าร้อยตัวตามลำพังไหว แต่ที่นี่คือสงครามซึ่งมีกองทัพอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เข้าร่วม เหล่าบุคคลพรสวรรค์ที่กริดรวบรวมมาจึงยังมีอีกเหลือเฟือ
“ใบมีดเงา”
คมมีดสีดำหลายร้อยเล่มโผล่ขึ้นจากเงาใต้ฝ่าเท้านกยักษ์
มีดทุกเล่มทิ่มแทงนกประหลาดที่พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอาการอัมพาต วิถีของมีดเป็นไปอย่างซับซ้อนและงดงามจนแทบจะหมดสิทธิ์หลบพ้น นี่คือการโจมตีผสานของศิษย์อาจารย์แสนรู้ใจ
‘ราชันเงา’ คาซิม และ ‘ลันเทียร์’ เฟคเกอร์
นกประหลาดกลุ่มใหญ่ส่งเสียงร้องโหยหวน เลือดและลำไส้ทะลักออกมานอกลำตัว เปื้อนเปรอะลงบนพื้นดินพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์
“พิรุณโลหิต”
แอ่งเลือดบนพื้นเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศและกลั่นตัวตกลงมาเป็นสายฝนโปรยปราย เข่นฆ่านกยักษ์ที่ยังมีลมหายใจรวยริน
ความเก่งกาจของ ‘นักรบโลหิต’ ในสนามรบยังคงไม่เสื่อมมนต์ขลัง แค็ทซ์กำลังแสดงให้ทุกคนเห็นว่า สถานที่แห่งนี้คือถิ่นของตน
หลังจากร้องโหยหวนสักพัก กลุ่มนกยักษ์เริ่มสลายกลายเป็นละอองแสงสีเทาทีละศพสองศพ จนกระทั่งเหลือไว้เพียงคราบเลือดดำบนพื้นดิน เป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่พิสูจน์ว่าพวกมันเคยมีตัวตน
“เลเวลอัป!”
เซ็กซี่สคูลเกิร์ลตะโกนอย่างตื่นเต้น
ไม่ใช่แค่เธอ แต่รูบี้ด้านหลัง ยูเฟอมิน่าบนท้องฟ้า รวมไปถึงเฟคเกอร์ที่อยู่ในเงามืด ทุกคนล้วนถูกอาบด้วยเสาลำแสงซึ่งแสดงถึงการเลเวลอัปอย่างถ้วนหน้า
เป็นอีกครั้งที่พวกเขาพัฒนาตัวเองในสนามรบ
ทว่า นั่นยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทุกคนตระหนักถึงความผิดปรกติจากใต้ดิน บางสิ่งด้านล่างต้องการระบายความโกรธแค้นหลังจากสูญเสียนกประหลาดทั้งหมดไปในคราวเดียว
บทเรียนครั้งนี้ราคาแสนแพง
ฝ่ามือขนาดมหึมาข้างหนึ่งโผล่ขึ้นจากพื้น จับขาเซ็กซี่สคูลเกิร์ลพร้อมกับกระชากจนขาดในพริบตา กระแสคำสาปสีดำไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายเด็กสาวอย่างฉับพลัน
เฉกเช่นแค็ทซ์ที่ไม่ทันระวัง มันถูกฝ่ามือยักษ์บดขยี้ร่างกายจนมีสภาพยับเยินไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว นักรบโลหิตวูบหมดสติในพริบตา อวัยวะทุกส่วนถูกปกคลุมด้วยคำสาป
“บ…บาเรีย!”
บนท้องฟ้า ยูเฟอมิน่าที่เห็นเซ็กซี่สคูลเกิร์ลและแค็ทซ์เสียท่าทีละคนสองคน รีบประสานมือเพื่อสร้างบาเรียคุ้มกาย
แต่น่าเสียดายที่ไม่ทันการ
เล็บแหลมยาวและสกปรกทะลวงผ่านบาเรียจนทะลุหน้าอกหญิงสาว
“อั่ก…”
[ท่านถูกจอมอสูร ‘ดราเชี่ยน’ โจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส! คำสาปทรงพลังเริ่มครอบงำร่างกายของท่าน! หลังจากนี้หนึ่งนาที ท่านจะกลายเป็นหุ่นเชิดของดราเชี่ยน!]
[ท่านต้านทานล้มเหลว!]
“อะ… ไร… กัน…”
กระแสมานาในร่างกายยูเฟอมิน่าพลันปั่นป่วน
การพยายาม ‘เข้าฌาน’ เพื่อทำให้จิตใจสงบหลังจากใช้กีก้าไลท์นิ่งกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย
[เนื่องจากฝืนใช้เวทมนตร์ที่ค่าสติปัญญาในปัจจุบันไม่สูงพอจะทำความเข้าใจ ร่างกายของท่านได้รับผลข้างเคียง]
[พลังเวทลดลง 200% ระยะเวลาร่ายเวทเพิ่มขึ้น 200%, หากใช้งานเวทมนตร์ ท่านจะสูญเสียพลังชีวิต ค่าเรี่ยวแรง และมานาพร้อมกัน]
[นี่คือสัญญาณเตือนให้ท่านพักการใช้เวทมนตร์]
[นี่คือสัญญาณเตือน…]
“อั่ก…!”
การฝืนใช้กีก้าไลท์นิ่งต้องจ่ายด้วยทุกสิ่ง วงจรเวทมนตร์ของเธอกำลังรวนและไม่พร้อมสำหรับการใช้เวทครั้งใหม่
“พายุ… แค่ก… เพลิง!”
เวทมนตร์ที่หญิงสาวมิได้ต้องการใช้ ถูกปลดปล่อยโดยไม่ถามความสมัครใจของเจ้าตัว
เลือดสดสีแดงเข้มไหลซึมออกจากกำเดาและมุมปาก ยูเฟอมิน่าผู้สูญเสียการควบคุมร่างกายให้ดราเชี่ยน ลงมือยิงพายุเพลิงอันทรงพลังเข้าใส่กลุ่มทหารจักรวรรดิและโอเวอร์เกียร์ด้านล่าง
[ท่านได้รับความเสียหายอย่างหนัก]
[ตำนานจะไม่ตายโดยง่าย…]
เวทมนตร์เมื่อครู่แลกมากับประกันชีวิตอมตะ
แต่สำหรับเธอ การที่ยังไม่ตายนั้นเลวร้ายกว่ามาก
“พายุหิมะ!”
พายุหิมะเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมสนามรบ
สติยูเฟอมิน่ากำลังหมุนเคว้งเมื่อเห็นเวทมนตร์ของตัวเองคร่าชีวิตพวกเดียวกันไปมากมาย
ฉากตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับนรก
เฉกเช่นเซ็กซี่สคูลเกิร์ลและแค็ทซ์ พวกเขาใช้ทักษะประจำตัวเข่นฆ่าพวกพ้องอย่างมิอาจควบคุม
สนามรบถูกเปลี่ยนให้เป็นอเวจี
จอมอสูรกำลังมอบความสิ้นหวังแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต่ำต้อยกว่า
ตำนานเล่าขานอันน่าเกรงขามของดราเชี่ยน จอมอสูรแห่งคำสาป มิได้แต่งเสริมเติมเกินจริงแม้แต่กระผีกเดียว
“ม…ไม่นะ…”
รูบี้เริ่มหน้าถอดสีขณะพยายามใช้เวทรักษายื้อชีวิตผู้คน
สถานการณ์ของฝั่งนักบวชรีเบคก้าก็ไม่ต่างกันนัก
เมื่อเห็นมนุษย์ด้อยค่าพยายามยื้อชีวิตให้พวกพ้อง ดราเชี่ยนเปล่งเสียงแหบพร่าเจือความเหยียดหยัน
“ดูม”
จุดจบของมวลมนุษย์ใกล้เข้ามาทุกที
Comments
Post a Comment