จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,352
<ผนึกกำลังโจมตี>
ทักษะจากชิ้นส่วนลับซึ่งจะแสดงผลก็ต่อเมื่อทำคอมโบกับบุคคลที่มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง
กริดคือผู้เล่นคนแรกที่ค้นพบทักษะนี้ และเมื่อทักษะผนึกกำลังโจมตีถูกใช้งาน ความแรงของทักษะกริดจะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 260%
กริด บราฮัม และปิอาโร่
ดราเชี่ยนถูกสามยอดฝีมือ ‘ผนึกกำลังโจมตี’ จนหายไปจากสมรภูมิ
ไม่มีใครพบร่างของจอมอสูรลำดับสิบเอ็ดที่ถูกฝังลึกลงในหลุมขนาดมหึมาซึ่งดูราวกับเป็นเวิ้งนรกแห่งที่สอง
‘…เกิดอะไรขึ้น?’
แม้จะถูกโจมตีด้วยมหาเวทของบราฮัมและท่าไม้ตายของปิอาโร่ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ศัตรูเป็นถึงจอมอสูรลำดับสิบเอ็ด ดราเชี่ยนอาจได้รับบาดเจ็บประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ควรถึงกับสาหัส
กริดเดาว่าดราเชี่ยนจะลุกขึ้นมาโจมตีตอบโต้ทันที จึงตั้งท่าเตรียมรับมือด้วยสีหน้าขึงขัง
ทว่า ดราเชี่ยนไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย เอาแต่แน่นิ่งอยู่ใต้ดินเหมือนกับไส้เดือนพยายามซ่อนตัว
‘หรือจะรอโจมตีทีเผลอ?’
กริดซึ่งเชื่อว่าดราเชี่ยนรอจู่โจมในจังหวะเหนือความคาดหมาย เพ่งสมาธิลงไปยังใต้ดินโดยไม่ลดการป้องกัน
ชายหนุ่มวางแผนใช้พลังเทพธรณีเพื่อตรึงอีกฝ่ายไว้ ตามต่อด้วยทักษะผสานห้าชนิดเพื่อกำราบ
แต่จนแล้วจนรอด ดราเชี่ยนก็มิได้โผล่หัวขึ้นมา
“อ๊ากกก!”
“อะ… อะอั่ก…!”
เสียงร้องโหยหวนดังจากทุกสารทิศ
ทหารจักรวรรดิยังคงมิได้หยุดพักแม้ดราเชี่ยนจะกำลังซ่อนตัว
บนสนามรบยังหลงเหลือคำสาปของจอมอสูร รวมถึงสัตว์ประหลาดดุร้ายซึ่งเกิดจากขนนกสีดำ
‘ชิ…’
กริดซึ่งต้องการปิดฉากดราเชี่ยนและยุติศึกนี้โดยเร็ว เกิดความหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมโผล่หน้าออกมาสู้
ชายหนุ่มเริ่มลังเลว่าตนควรไล่ตามลงไปจัดการในหลุมหรือไม่
แต่เพียงไม่นานก็ได้ข้อสรุป การต่อสู้ในที่แคบไม่ใช่เรื่องฉลาดสักเท่าไร
“ต่อให้รัศมีของเทพธรณีกว้างกว่านี้ร้อยเท่า ก็ยังไม่มากพอจะสร้างความได้เปรียบให้เรา…”
ทันใดนั้น กริดซึ่งกำลังเพ่งสมาธิเพราะไม่อยากพลาดโอกาส รีบแหงนหน้ามองท้องฟ้าหลังจากได้ยินเสียงร้องครวญครางของไคล์
ชายหนุ่มพบว่าสถานการณ์ฝั่งไคล์ค่อนข้างเสียเปรียบ
‘หมอนั่นยังเอาชนะสามยอดนักรบไม่ได้?’
กริดคาดหวังกับไคล์ไว้สูงมาก
ต้องไม่ลืมว่า ไคล์เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่ทำให้ ‘มหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ยอมเชื่อใจจนถึงที่สุด’ จากบรรดา NPC พิเศษด้วยกัน ไคล์จึงพิเศษยิ่งกว่าใคร
กริดประเมินว่าไคล์แข็งแกร่งกว่าตน
ถึงตัวกริดจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งกว่าอัศวินหลักเดียวและสามดยุค แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมิอาจเทียบชั้นไคล์
ไคล์อาจสั่นกลัวต่อหน้ากริดเนื่องจากมีแผลใจกับบราฮัมเป็นทุนเดิม แต่หากคำนึงถึงความเป็นจริง ถ้าวัดเฉพาะฝีมือเพียงอย่างเดียว ไคล์เป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่ากริดในการต่อรอง
ถูกต้อง ไคล์แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น
ในปัจจุบัน ไคล์อาจเป็นเหนือมนุษย์ที่ยังมีระดับตัวตนต่ำกว่ากริด แต่หากนับรวมพรสวรรค์ด้านสายฟ้า เลเวล และค่าสถานะของ NPC พิเศษเข้าไป ไคล์จะเหนือกว่ากริดอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลเชิงตัวเลข กริดเคยมีประสบการณ์การล้มศัตรูที่เหนือกว่าตนมาแล้วหลายหน ไม่มีใครสามารถคาดเดาการผลการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองได้
“ตัวแปรสำคัญคือสาวกเทพสงคราม”
ขณะจับตามองการเคลื่อนไหวของดราเชี่ยน บราฮัมกล่าวเตือนกริด
“ถ้ามิอาจหยุดพวกมัน พันธมิตรเราจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก”
กล่าวจบ เงารางของคนกลุ่มหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า ไม่ใช่ใครนอกจากสาวกเทพสงครามซึ่งมีเทคนิคลับอย่างน้อยสิบชนิด พวกมันถูกส่งมาที่นี่เพื่อช่วยลีจอง
บราฮัมหันไปมองปิอาโร่
นับตั้งแต่ดราเชี่ยนปรากฏกาย ปิอาโร่พยายามหว่านเมล็ดพันธุ์ลงดินด้วยเหตุผลที่ว่า หากตนหยั่งรากพืชพรรณลงใต้ดินได้สำเร็จ พลังอสูรของดราเชี่ยนจะถูกชำระล้างออกไปบางส่วน ส่งผลให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง
บราฮัมมองกลับมายังดินใต้ฝ่าเท้าตน
มันเองก็ไม่ทราบว่าดราเชี่ยนจะโผล่ออกมาอีกเมื่อไร
หลังจากครุ่นคิดสักพัก มหาจอมเวทในตำนานพูดกับกริด
“นายต้องเป็นคนไปหยุดพวกมัน”
“…”
บราฮัมมิอาจไปจากตรงนี้
มันคือบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพอย่างไร้ข้อกังขา ไม่มีใครสามารถรับมือดราเชี่ยนได้ดีกว่าบราฮัม กริดทราบเรื่องนี้อยู่เต็มอก
และชายหนุ่มยังทราบด้วยว่า นอกจากตนและบราฮัม ไม่มีใครสามารถรับมือสาวกเทพสงครามจำนวนยี่สิบเก้าคนบนฟ้าได้ตามลำพัง
“ตกลง”
เมื่อไม่มีทางเลือก กริดสลัดมือที่กำลังสั่นเทาเพราะความเครียดและทะยานขึ้นไปในอากาศ
ความสำคัญอันดับหนึ่งคือการช่วยไคล์ให้พ้นภัย
‘ราชาลบล้าง’
ทักษะซึ่งแนบมากับ ‘ขาดน้ำ’ ถูกใช้งานเพื่อปลดอาวุธทุกชนิดของเหล่าสาวกเทพสงคราม
ชายหนุ่มไม่แยแสคำเตือนของไคล์ซึ่งเอาแต่พูดว่า พวกตนไม่มีทางชนะหนึ่งในสามยอดนักรบและดราเชี่ยนได้
‘เคลื่อนที่อิสระ’ ถูกใช้งานเพื่อหลบการโจมตีของลีจองและเข้าประชิดกลุ่มเป้าหมายด้านหลัง
ณ ใจกลางสาวกเทพสงคราม ปราณดาบปริมาณมหาศาลพลันถาโถม
“…?!”
“…!!”
สาวกเทพสงครามทั้งยี่สิบเก้าคน ไม่รวมลีจอง ล้วนถูกคลื่นดาบเล่นงานและกระชากร่างเข้าใกล้กริด หลายรายถูกผลการ ‘ตัด’ เล่นงานฉับพลัน
“อั่ก!”
สาวกเทพสงครามจำนวนหนึ่งร้องครวญครางพร้อมกับ ‘เสียการทรงตัว’ ผลจากเอฟเฟคดังกล่าวทำให้เคล็ดวิชา ‘เท้าท่องนภา’ ถูกยกเลิก หลายคนจึงชะงักพร้อมกับร่วงหล่นลงพื้น
<คลื่น>
นี่คือวินาทีที่วิชาดาบ ‘หนึ่งชนิด’ พลิกผันสถานการณ์
แต่กลับไม่มีใครเชื่อว่า นั่นเป็นเพียงวิชาดาบ ‘ไม่ผสาน’
“นั่นท่าอะไร? วิชาใหม่ของกริดหรือ”
“ต้องใช่แน่… ไม่เพียงจะมีค่าพลังโจมตีสูง แต่ยังทำให้เสียการทรงตัวและมาพร้อมอาการผิดปรกติอีกมาก… เป็นทักษะโจมตีหมู่ที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบ”
กลุ่มผู้เล่นซึ่งกำลังจับตามองปาร์ตี้ล่าดราเชี่ยนของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิ เข้าใจผิดคิดว่า ‘คลื่น’ เป็นท่ารำดาบผสาน
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก หลังจากผ่านการสอบซือโหยวด้วยคะแนนเป็นเลิศ วิชาดาบกริดถูกยกระดับจนแทบไม่เหลือข้อบกพร่อง วิชาดาบหนึ่งชนิดกลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนวิชาดาบผสานทั้งในเชิงพลังทำลายและเอฟเฟค
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก”
ลีจองกล่าวชมจากใจ
ในวินาทีที่ ‘เคลื่อนที่อิสระ’ ของกริดสิ้นสุด ลีจองโผล่ขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับยกแขนขวา
“แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ยังเร็วเกินไปที่จะเอาชนะข้าตามลำพัง”
กำปั้นอันทรงพลังของลีจองพุ่งกระแทกหัวไหล่กริด
แต่ฝ่ายที่บาดเจ็บกลับเป็นลีจอง
[เอฟเฟคพิเศษของ ‘เกราะไหล่เสือขาวที่ถูกฟินิกซ์แดงโอบกอด’ ช่วยให้ท่านมองข้ามความเสียหายโดยสมบูรณ์]
[เอฟเฟคพิเศษของ ‘เกราะไหล่เสือขาวที่ถูกฟินิกซ์โอบกอด’ ปลดปล่อย <หนามลุกไหม้>]
“คึ่ก?”
ความฉงนกำลังเผยบนสีหน้าลีจอง ผู้เคยเชื่อว่าตนได้รับชัยชนะแล้วในวินาทีที่กริดเปิดช่องว่างทางด้านหลัง
ถือเป็นภาพอันน่าเหลือเชื่อเมื่อหมัดของมันมิอาจสร้างรอยขีดข่วนบนเกราะไหล่ของกริด ทั้งที่หมัดเดียวกันสามารถป่นเหล็กกล้าได้เหมือนเต้าหู้
‘เทวอาภรณ์?’
ในบางครั้ง ปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดและมีข้อมูลมากเกินไปก็กลายเป็นดาบสองคม ลีจองคอยระวังไหล่กริดและตัดจุดดังกล่าวออกจากเป้าโจมตี
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มขยับตัว ไม่ว่าช่วงไหล่จะเปิดช่องว่างกว้างแค่ไหน ลีจองก็ไม่คิดโจมตีเข้าไปแม้แต่หนึ่งหน มันสร้างข้อจำกัดให้ตัวเองจนกริดสามารถคาดเดาพฤติกรรมได้ง่ายขึ้น
ลีจองบรรลุศาสตร์การต่อสู้อย่างลึกซึ้ง ตัวมันที่ครอบครองเคล็ดวิชาลับเทพสงครามนับร้อยชนิดจากเซราทุล มีเทคนิคมากพอจะสร้างความได้เปรียบในทุกสถานการณ์ แม้จะตั้งเงื่อนไขว่า ‘ห้ามโจมตีไหล่’ ไว้ก็ตาม
หากวัดกันในเชิงเทคนิคเพียว ๆ น้อยคนบนโลกจะเอาชนะลีจองได้
แน่นอน กริดคือหนึ่งในคนที่ไม่สามารถ
‘สูสี? ไม่สิ กริดกำลังเสียเปรียบ!’
ใบหน้าของผู้เล่นที่กำลังจับตามองการดวลของกริดและลีจองบนฟ้าต่างพากันถอดสี ไม่มีใครอยากเชื่อว่า แทนที่จะถูกกดดันให้จนตรอก ลีจองกลับสามารถชิงความได้เปรียบเหนือกริด ‘ผู้ยิ่งใหญ่’
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เล่นธรรมดาที่ไม่ใช่แรงเกอร์จะประหลาดใจเป็นพิเศษ คนกลุ่มนี้ไม่รู้จักการมีอยู่ของสาวกเทพสงคราม
ยิ่งลีจองเป็นฝ่ายสร้างความเสียหายต่อกริดมากเท่าใด ‘คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก’ ในสายตาพวกเขาก็ยิ่งเปลี่ยนจากกริดไปเป็นลีจองมากเท่านั้น นี่คือมุมมองจากผู้มีประสบการณ์และความรู้ในโลกซาทิสฟายน้อยนิด
ขณะเดียวกัน ลีจองพบช่องว่างจากร่างกายส่วนล่างของกริด จึงเตะใส่ต้นขาชายหนุ่มโดยไม่ลังเล แต่นั่นทำให้ร่างกายของมันแข็งทื่อไปชั่วขณะ
พลังไอเท็มแสดงผลอีกครั้ง
[เอฟเฟคพิเศษของ ‘เกราะกางเกงพญาเสือขาวค้ำจุนฟ้าดิน’ ช่วยให้ท่านมองข้ามความเสียหายดังกล่าวโดยสมบูรณ์]
[เอฟเฟคพิเศษของ ‘เกราะกางเกงพญาเสือขาวค้ำจุนฟ้าดิน’ ทำการปลดปล่อย <หนามแหลม>]
“อั่ก!”
ลีจองขมวดคิ้วอย่างตื่นตระหนกพร้อมกับรีบสร้างข้อจำกัดใหม่ให้ตัวเอง : นับแต่นี้ไป ห้ามโจมตีร่างกายส่วนล่างของอีกฝ่ายเด็ดขาด!
นั่นยิ่งทำให้กริดเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยเฉพาะขาสองข้าง
เพื่อจะยับยั้งการโหมบุกอย่างหนักของอีกฝ่าย กริดเริ่มตอบโต้ด้วยวิชาดาบผสานซึ่งยังไม่ถูกงัดออกมาใช้
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างเข้มข้นและสูสี
‘หมอนั่น… สัตว์ประหลาด…’
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ไคล์เห็นกริดกำราบสาวกเทพสงครามกลุ่มใหญ่ได้อย่างง่ายดาย จากนั้น มันเห็นกริดค่อย ๆ จำกัดการเคลื่อนไหวของลีจองทีละนิดอย่างเยือกเย็น
ยิ่งคิด ไคล์ก็ยิ่งหวาดกลัวกริด
‘ด้วยระดับอันต่ำต้อยของเรา แค่จะทำความเข้าใจกริดยังเป็นไปไม่ได้’
มันรู้ว่ากริดแข็งแกร่งกว่าตน แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดต่อกรกับหนึ่งในสามยอดนักรบได้อย่างสูสี
ความเข้าใจผิดเริ่มหยั่งรากลึกจนยากจะถอนออก
ขณะเดียวกัน บนพื้นดิน
‘พลังงานของโลกจะคอยมอบพลังชีวิต… ดังนั้น วัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกจึงเป็นดิน’
ปิอาโร่ก้มหน้าสร้างป่า ณ ใจกลางสนามรบโดยไม่สนใจความวุ่นวายรอบตัว ชาวนาในตำนานอาศัยจุดอ่อนของดราเชี่ยนซึ่ง ‘แพ้ธาตุดิน’ มาวิเคราะห์พร้อมกับลงมือตอบโต้อย่างเหมาะสม
ปิอาโร่พยายามฉวยโอกาสที่จอมอสูรตัดสินใจผิดพลาด เลือกซ่อนตัวอยู่แต่ในดิน สร้างความได้เปรียบให้กับฝ่ายตน
‘เราแค่ต้องทำให้ดินอุดมสมบูรณ์… นั่นจะเป็นการฆ่าดราเชี่ยนที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง’
ปิอาโร่ขยับคราดในมือเร็วขึ้น
ฉากตรงหน้าคือชาวนาหนึ่งคนที่พยายามไถหน้าดิน หว่านเมล็ด และรดน้ำ โดยหวังเปลี่ยนผืนดินอันรกร้างให้กลายเป็นป่าเขียวขจีด้วยมือตัวเอง
“อ๊าก!”
ขณะเสียงร้องของลีจองดังมาจากด้านบน
“…?!”
มือของปิอาโร่พลันชะงักการไถเนื่องจากตรวจพบความผิดปรกติ
ผืนป่าเขียวขจีอันเกิดจากความพยายามของตน ในวินาทีนี้ค่อย ๆ ถูกเปลี่ยนเป็นสีดำทีละนิด เห็นได้ชัดว่าโลกกำลังถูกปนเปื้อนด้วยพลังสกปรก
ทันใดนั้น ผืนดินสั่นสะเทือนหนักหน่วง กลิ่นเหม็นชวนให้อาเจียนลอยโชยจากทุกสารทิศรอบตัว
ดราเชี่ยนที่ซ่อนตัวอยู่ในดินมานานเพื่อสร้างการปนเปื้อนและกลบจุดอ่อนของตัวเอง กำลังจะกลับมาปรากฏกายต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง
มังกรไม่ต้องมาแล้วมั้ง 5555+ ถ้าอีเว้นท์จะชุบขนาดนี้
ReplyDelete