จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,355



‘พลังดูดซับ… ในบางครั้งก็เป็นยาพิษสินะ’


หนึ่งในสุดยอดวิชาต่อสู้


ไคล์เผชิญความสิ้นหวังถึงขีดสุดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับลีจองผู้สามารถขโมย ‘ปราณ’ ไปเป็นของตัวเอง


หลังจากถูกช่วงชิงปราณสายฟ้าและพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช ไคล์ตระหนักได้ทันทีว่า ลีจองคือตัวตนที่มันมิอาจก้าวข้าม


ไคล์ถึงขั้นเชื่อว่า ต่อให้บราฮัมมาสู้ด้วยตัวเอง ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคงไม่มากไปกว่าเสมอ


แต่กริดกับโค่นลีจองลงได้


เมื่อเห็นกริดตัดสินใจเปิดเขตแดนพายุเพลิงเทพเพื่อชิงความได้เปรียบจากลีจองในร่างอันเดด ไคล์เชื่อทันทีว่า ต่อให้ไม่มีปัจจัยอย่างดูมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่กริดคงหาวิธีเอาชนะลีจองได้อยู่ดี


ในสงครามชี้เป็นชี้ตาย ปัจจัยที่คาดไม่ถึงสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และกริดคือผู้ที่ตอบสนองได้ชาญฉลาดกว่าจนนำมาซึ่งชัยชนะ


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือคุณลักษณะสำคัญของยอดฝีมือ


“แค่ก…”


ไคล์กระอักเลือดหลังจากถูกเคียวโซ่กระแทกใส่หลัง


บนร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าสีขาวถูกย้อมด้วยเลือด


การรับมือสาวกเทพสงครามยี่สิบเจ็บคนตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังเป็นการต่อสู้หลังจากสิ้นเปลืองพลังส่วนใหญ่ไปกับลีจอง


ไม่ว่าจะมองมุมใด โอกาสเอาชนะนั้นริบหรี่เหลือเกิน


‘ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป… เราไม่รอดแน่’


มันพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว


ไคล์ซึ่งยื้อเวลาได้นานจนกริดเอาชนะลีจอง เริ่มมองหาทางหนี


แต่กลับต้องพบว่า โอกาสรอดชีวิตของตนคงมาถึงทางตัน


รอบตัวถูกรายล้อมด้วยสาวกเทพสงครามสิบสองคน หากขยับเพียงก้าวเดียวก็จะถูกศาสตราสิบสองชิ้นพุ่งใส่จากทุกทิศ


“…”


ไคล์เพ่งสมาธิ


มันพยายามเลียนแบบกริดที่พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส


ความท้อแท้และตัดใจไม่หลงเหลืออยู่ในสติสัมปชัญญะ


ทันใดนั้น ไคล์ได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากฝั่งสนามรบ


“ฆ่าฉันที!”


เป็นบุรุษนามว่าแค็ทซ์ หนึ่งในสมาชิกโอเวอร์เกียร์ผู้ใช้เลือดเป็นอาวุธ


แค็ทซ์กำลังตะโกนร้องขอความตายจากกริด


เห็นสภาพแล้วก็เข้าใจได้ นักรบโลหิตผู้นี้ถูกดราเชี่ยนเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดและล้างบางพวกพ้องไปเป็นจำนวนมาก แค็ทซ์จึงปรารถนาความตายเหนือสิ่งอื่นใด


ณ กึ่งกลางสนามรบ หอกยักษ์ก่อตัวขึ้นจากบ่อเลือดจนดูเหมือนหอคอยสูง เลือดทั้งหมดมาจากศพทหารหลายร้อยชีวิตที่ถูกพิรุณโลหิตของแค็ทซ์สังหาร


หุ่นเชิดของดราเชี่ยนกำลังฉาบสนามรบให้คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น กลบกลิ่นความชั่วร้ายที่ระเหยจากผิวดินจนไม่หลงเหลือ


ขณะเดียวกัน หญิงสาวอีกคนหนึ่งตะโกน


“ฆ่าฉันด้วย…”


เธอเกลียดร่างกายตัวเองที่คอยแช่แข็งทหารหลายพันคนทางเขตเหนือ


ฉากดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับแม่มดแห่งอาณาจักรน้ำแข็งกำลังอาละวาดเข่นฆ่าผู้คนอย่างบ้าคลั่ง


“เฮ่อ…”


คนอยากรอด พยายามดิ้นรนเพื่อให้รอด


คนอยากตาย กลับไม่ได้ตายสมใจ


เป็นภาพที่ขัดแย้งและมอบความรู้สึกแปลกประหลาดแก่ผู้พบเห็น


อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่กับเหล่าสาวกเทพสงคราม พวกมันไร้หัวใจและอารมณ์ราวกับสัตว์ประหลาดที่ตัดขาดศีลธรรมโดยสิ้นเชิง


นอกจากนั้น ทำไมดราเชี่ยนถึงกำลังหลั่งน้ำตาเลือด?


ไคล์ที่มองเห็นทุกสิ่งพลันขนลุก


ที่นี่คือโลกมนุษย์จริงหรือ?


ไม่ใช่ว่ามันตายไปแล้วและกำลังใช้กรรมในนรกหรอกนะ?


ท่ามกลางสนามรบที่สับสนอลหม่าน เสียงทุ้มต่ำดังแว่วข้างหูไคล์


“ผลึกน้ำแข็ง”


“…!”


ไคล์พลันเย็นสันหลัง


อากาศที่เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเขตเหนือของสนามรบกำลังโอบกอดร่างกายของมัน


เพียงพริบตา ไคล์ถูกแช่แข็งทั้งเป็นด้วยน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย


ขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว ร่างกายหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์


‘เกิดอะไรขึ้น…?!’


ตรงข้ามกับร่างกาย สติของไคล์ยังแจ่มชัด


ภายใต้ชั้นน้ำแข็งหนา ไคล์ทำได้เพียงมองสาวกเทพสงครามด้านนอกรุมแทงอาวุธในมือเข้าใส่


ความตายกำลังย่างกรายเข้าใกล้อย่างสงบโดยมิอาจขัดขืน


“…?!”


ดวงตาไคล์ที่กำลังกระวนกระวายพลันเบิกโพลง


ไม่มีศาสตราชิ้นใดทะลวงผ่านชั้นน้ำแข็งหนาเข้ามาได้


‘อะ…!’


มันเพิ่งรู้ตัวเมื่อสาย


เวทผลึกน้ำแข็งที่ห่อหุ้มร่างกายตน แท้จริงแล้วกำลังคอยปกป้อง


ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…


‘บราฮัม?’


‘บราฮัม!’


อีกสองคนที่ถูกจับแช่แข็งเริ่มคิดแบบเดียวกับไคล์


ยูเฟอมิน่า ณ สนามรบเขตเหนือ และแค็ทซ์ ณ กึ่งกลาง


เมื่อคนทั้งสองขยับร่างกายไม่ได้ พายุหิมะเกรี้ยวกราดและพิรุณโลหิตจึงสลายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก


การเข่นฆ่าที่ไม่สมัครใจทำ ถึงคราวยุติลงเพียงเท่านี้


“เฮ่อ…”


เมื่อความโกลาหลบรรเทาลงหลายส่วน บราฮัมสางผมที่ชุ่มเหงื่อพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงเย็นชา


“พวกเจ้าอยู่นิ่ง ๆ ไปก่อน… อย่าอาละวาด”


บราฮัมมิได้แสดงฝีมือมากนักในตอนที่กริดดวลกับลีจอง และตอนที่ดราเชี่ยนไล่ทำลายกองทัพมนุษย์พร้อมกับสร้างหุ่นเชิด


มันกำลังนำข้อมูลจาก ‘เนตรมองทะลุ’ ของเมอร์เซเดสมาวิเคราะห์หาจุดอ่อนด้วยความรู้อันกว้างขวาง


บราฮัมสามารถสรุปได้ว่า หากดราเชี่ยนสร้างบาดแผลแก่เป้าหมายด้วยตัวเอง เหยื่อจะกลายเป็นหุ่นเชิดนานยี่สิบวินาทีเป็นอย่างต่ำ สูงสุดสามนาที


ขณะเดียวกันก็พบว่า คำสาปดูมจะเปลี่ยนให้เป้าหมายกลายเป็นอันเดดได้นานถึงสองนาที


น่าเสียดายที่บราฮัมจนปัญญาจะแก้คำสาป


พลังทั้งสองชนิดของดราเชี่ยนมิใช่เวทมนตร์ แต่มีบ่อเกิดมาจาก ‘พลังจิต’ อันเข้มแข็ง บราฮัมมิอาจแทรกแซงและยกเลิกพลังจิตของตัวตนซึ่งมีระดับใกล้เคียงกับตนได้


ในท้ายที่สุด บราฮัมได้ข้อสรุปว่าการขจัดดูมนั้นเป็นไปไม่ได้ จึงเลือกแก้ปัญหาตามแบบฉบับตัวเอง


แค่ทำให้คนที่ถูกสาปเคลื่อนไหวไม่ได้ก็สิ้นเรื่อง


เช่นแบบนี้เป็นต้น


“ผลึกน้ำแข็ง”


“…!”


แวนเนอร์และพีคซอร์ดที่เพิ่งได้รับคำสาปหลังจากถูกดราเชี่ยนใช้กรงเล็บสร้างบาดแผลบนร่างกาย โดนบราฮัมแช่แข็งจนมิอาจกระดุกกระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว ตกอยู่ในสภาพเดียวกับยูเฟอมิน่า แค็ทซ์ และไคล์


“ผลึกน้ำแข็ง”


ลาเอลล่าและเซ็ดนอสที่พยายามโจมตีใส่ดราเชี่ยน แต่เวทมนตร์สะท้อนกลับจนถูกคำสาป โดนบราฮัมแช่แข็งได้ทันท่วงทีเช่นกัน


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ชะตาชีวิตของทุกคนกำลังอยู่ในมือบราฮัม


หากมหาจอมเวทในตำนานไม่อนุญาต จะไม่มีใครได้ขยับไปไหนทั้งนั้น


น้ำแข็งของบราฮัมไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยเวทมนตร์หรือพลังทางกายภาพทุกชนิด


บราฮัมแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น


มันคือจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา


หลังจากสั่งสมค่าบารมีเทพจากการฆ่าไฮดร้าและยังบัน ทั้งเลเวลและระดับตัวตนของบราฮัมก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด


‘บ้าน่า…!’


รีซิเลีย อีกหนึ่งมหาจอมเวทในสนามรบกำลังตกตะลึงสุดขีด


จริงอยู่ การใช้เวท ‘ผลึกน้ำแข็ง’ เพื่อช่วยพวกพ้องไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ มหาจอมเวทหลายคนรู้หลักการและมักใช้ในเชิงกลยุทธ์บ่อยครั้ง


แต่สิ่งที่มันไม่เชื่อสายตาก็คือ ตามปรกติแล้ว เวทผลึกน้ำแข็งจะมีค่าการดูดซับความเสียหายกำจัด น้ำแข็งจะแตกออกหลังจากถูกโจมตีจนถึงระดับหนึ่ง


รีซิเลียไม่เคยเห็นผลึกน้ำแข็งที่ไม่มีวันแตกเหมือนของบราฮัมมาก่อน


“พวกเจ้ารีบไปช่วยกริด”


ผิวพรรณของบราฮัมเริ่มซีดลงเมื่อน้ำแข็งที่ไม่มีวันแตกเพิ่มจำนวนขึ้น


การคงสภาพผลึกน้ำแข็งจำนวนมากไม่ให้แตก ต้องสิ้นเปลืองพลังเวทและพลังใจในปริมาณมหาศาล บราฮัมในปัจจุบันจึงมิอาจใช้เวทมนตร์ได้หลากหลายนัก


แน่นอน หากเป็นเมื่อก่อน มันคงไม่ตัดสินใจทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้


บราฮัมในอดีตนั้นไม่สนว่ามนุษย์ที่น่าสมเพชจะตายไปสักกี่คน เมื่อสงครามเริ่มขึ้น มันจะทุ่มเททุกสิ่งไปกับการสังหารดราเชี่ยน


“ผลึกน้ำแข็ง”


แต่สำหรับตอนนี้ บราฮัมมองว่าไคล์สามารถเป็นประโยชน์ให้กริดในอนาคต จึงเลือกที่จะรักษาชีวิตไว้


เหนือสิ่งอื่นใด บราฮัมไม่อยากเห็นกริดเสียใจและเอาแต่โทษตัวเองหากมีผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก การยอมช่วยเหลือมนุษย์คนอื่นจึงมีสาเหตุจากความปรารถนาดีต่อกริด


จากจอมเวทที่มุ่งเน้นเข่นฆ่าเอาชีวิต กลายเป็นจอมเวทสายปกป้องและรักษาชีวิตคน


ความรู้สึกแบบนี้… ก็ไม่เลวเหมือนกัน…


“ไว้ใจได้เลย”


เมอร์เซเดสตกปากรับคำบราฮัมและรีบเคลื่อนไหวพร้อมปิอาโร่


เธอสยายปีกสีเงินและบินขึ้นไปในอากาศ ส่วนปิอาโร่ขี่ก้านมันหวานตรงเข้าไปยังใจกลางสนามรบ เจตนาของทั้งคู่ไม่ต่างกัน พวกเขาต้องการสนับสนุนกริดที่กำลังทุ่มหมดหน้าตักเพื่อเอาชีวิตดราเชี่ยน


“…”


การมีสองคนนี้ทำให้บราฮัมวางใจและกล้ารับบทบาทสนับสนุน


มหาจอมเวทในตำนานเชื่อว่า เมอร์เซเดส ปิอาโร่ และกริดเก่งกาจพอจะโค่นดราเชี่ยนได้โดยต้องไม่มีตน


“พวกเราก็จะช่วย!”


เหนือสิ่งอื่นใด กริดมิได้มีพวกพ้องเพียงหนึ่งหรือสอง


นอกจากเมอร์เซเดสและปิอาโร่ เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์กับดยุคจักรวรรดิเองก็เต็มใจช่วยกริด


แม้กระทั่งจักรพรรดินีบาซาร่าคนสำคัญก็ยังออกหน้าด้วยตัวเอง


ทุกคนต่อสู้ด้วยความเชื่อที่ว่า กริดจะนำพาชัยชนะมาสู่มวลมนุษย์


“ดูมกำลังจะหมดในอีกสิบห้าวินาที!”


เมอร์เซเดสที่วิเคราะห์คำสาปดูมร่วมกับบราฮัม หันไปส่งสัญญาณบอกนักบุญหญิงรูบี้และนักบวชรีเบคก้าที่กำลังอับจนหนทาง


ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนกลับมาฮึดสู้พร้อมกับตั้งสมาธิไปที่แนวหน้าของสนามรบ


ผ่านไปสิบห้าวินาทีตรง


“ฮีล!”


“ชำระล้าง!”


รูบี้และนักบวชต่างกระหน่ำใช้เวทรักษา ขจัดดีบัฟ ใส่กริดและพวกพ้องที่กำลังต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน


ดราเชี่ยนเริ่มประหม่าเมื่อพบว่า มนุษย์สามารถกะเกณฑ์ระยะเวลาของคำสาปดูมได้แม่นยำจนน่าตกใจ


ไม่เพียงเท่านั้น ดูมมีระยะหน่วงหลังใช้งาน


เมื่อผลของดูมจบลง กริดและเหล่าพวกพ้องจะสู้กับดราเชี่ยนได้อย่างสบายใจไปอีกพักหนึ่ง


ร่างของดราเชี่ยนถูกอัดจนล้มไปกองกับพื้นหลายครั้งหลายหน เกลือกกลิ้งบนผืนดินที่ปนเปื้อนความชั่วร้ายจากตัวมันเอง


แน่นอน ทางฝั่งกริดและคนอื่น ๆ เองก็ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ทุกคนรอดมาได้ด้วยเวทรักษาจากนักบุญหญิงและนักบวชรีเบคก้า


“โฮกกกกกก!”


หลังจากการต่อสู้ดำเนินไป ดราเชี่ยนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสิ้นสติและเข้าสู่ร่างที่สาม เสียงคำรามของมันฟังดูคล้ายสัตว์ป่า


ไม่เพียงเท่านั้น ยังนำขุมนรกขึ้นมายังโลกมนุษย์


ทว่า


“สยบขุมนรก”


ในวินาทีดังกล่าว ยูร่าใช้พลังสะกดอำนาจของขุมนรกไว้ชั่วคราว ส่งผลให้ความยากในการล่าดราเชี่ยนลดลงหลายระดับ


เวทมนตร์เขตแดนของจอมอสูรกลายเป็นสิ่งไร้ค่า


ยูร่าที่ใช้งานปืนวิศวกรรมเวทมนตร์ของอเล็กซ์เกรดมิธมีบทบาทอย่างมากในร่างที่สามนี้


“ดูม!”


เมื่อระยะหน่วงวนกลับมาถึง ดราเชี่ยนเริ่มสาปใส่ทุกคนอีกครั้ง


ขณะกริดและพรรคพวกเริ่มหน้าถอดสี เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งซึ่งไม่คุ้นเคยดังเหนือศีรษะทุกคน


“อัญเชิญดาบศักดิ์สิทธิ์!”


“…!”


แสงสว่างอันเจิดจ้าแผ่ปกคลุมสนามรบพร้อมกับปัดเป่าความชั่วร้าย


ด้วยพลังของแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดารีเบคก้าประทานให้มนุษย์ คำสาปดูมของดราเชี่ยนพลันมลายหาย


“…ทำไมถึงมาช้านัก?!”


สันตะปาปาดาเมี่ยน


บุคคลที่สำคัญที่สุดในการล่าจอมอสูร เพิ่งปรากฏตัวเมื่อสาย


“…ดาเมี่ยน?”


ขณะโทบันส่งเสียงทักทายเชิงตำหนิดราเชี่ยน สีหน้าของมันพลันแข็งทื่อเมื่อแหงนขึ้นไปมอง


“…”


ทุกคนก็ไม่ต่างกัน


ขนนกสีขาวโพลนกำลังปกคลุมเต็มท้องฟ้าสีแดงสลับดำ


พวกมันมีสีขาวบริสุทธิ์ ตรงข้ามกับดราเชี่ยนโดยสิ้นเชิง


ทันใดนั้น


ดาบแห่งแสงอันเจิดจ้ากึ่งกลางท้องฟ้า - ปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวดาเมี่ยน กำลังร่วงหล่นลงพื้นหลังหลุดจากมือผู้เป็นเจ้าของ


“ดาเมี่ยน!”


บนท้องฟ้า เทวทูตสองตนทำการดับลมหายใจดาเมี่ยน


ตนหนึ่งใช้หอกเสียบหัวใจ อีกตนใช้ดาบสะบั้นศีรษะ


“เจ้ามิใช่ผู้ถ่ายทอดเจตจำนงแห่งสวรรค์อีกต่อไป”


เทวทูตตนหนึ่งพึมพำ


มันดึงหอกที่แทงหัวใจดาเมี่ยนกลับ ก่อนจะผลักสันตะปาปาออกราวกับเป็นสิ่งสกปรก


“ดาเมี่ยน!”


กริดรีบพุ่งไปรับร่างดาเมี่ยนที่กำลังร่วงหล่น


น่าเสียดายที่ไม่ทันการ


ดาเมี่ยนสลายกลายเป็นละอองแสงก่อนที่มือของกริดจะเอื้อมไปถึง


ดวงตาชายหนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,832
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ต้องพึ่งแค่ซือโหยวอย่างเดียวแล้วหรอ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00