จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1093
ถึงเวลาของยุคสมัยใหม่แล้ว
โลกซาทิสฟายเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน
ไม่ว่าจะเดินทางไปยังผืนป่าแห่งใด เสียงขับขานอันไพเราะของเผ่าเอลฟ์จะดังกังวานเสมอ ริมทะเลมีสัตว์เขี้ยวยาวปลุกปล้ำอย่างสนุกสนาน เหนือเทือกเขามีสัตว์หูแมวปรากฏตัวออกมาเล่นกับคาราวานพ่อค้า ส่วนภายในเมืองมีออร์คตัวเขียวพักอาศัย
จะมีสักกี่คนบนโลกเคยจินตนาการว่าจะได้อยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตหลากเผ่าพันธุ์เช่นนี้
กลุ่มผู้เล่นหัวไว กลุ่มผู้เล่นเสพติดนิยาย และกลุ่มหลงใหลอนิเมคงปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ได้ไม่ยาก แต่ไม่ใช่กับประชากรมนุษย์ส่วนใหญ่ แต่ละคนตกตะลึงกับความแปลกตาและน่าหวาดหวั่นของสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์
อย่างไรก็ตาม เคยมีใครบางคนกล่าวไว้ว่า บรรพบุรุษของมนุษย์สามารถปกครองโลกเพราะรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
อาการสับสนเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
บางคนเริ่มร่วมมือกับกลุ่มต่างเผ่าพันธุ์อย่างราบรื่น บางคนถึงขั้นตัดสินใจเปลี่ยนเผ่า บางคนวางแผนอาศัยความอ่อนโยนของอีกฝ่ายเพื่อหลอกใช้ และบางคนชิงเปิดการค้าขายกับหลากเผ่าพันธุ์
โลกกึ่งกลางไม่ใช่ของมนุษย์ผู้เดียวอีกแล้ว ทุกสิ่งมีชีวิตมีสิทธิ์ในการอาศัยเท่าเทียม
และนั่นคือทิศทางใหม่ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เช่นกัน
“ฉันนึกสงสัยมาสักพัก ทำไมพวกเราถึงไม่ให้ออร์คถือสัมภาระหนักเหล่านี้?”
“ให้ทำงานสำรวจดีแล้ว จมูกของออร์คสามารถดมกลิ่นได้ดีกว่าสายตามนุษย์มาก!”
สังคมปราศจากอคติ
ไม่ว่าต้นกำเนิดหรือฐานะจะเป็นเช่นไร แต่ถ้ามีความสามารถ หรือหากหลงใหลในงานชนิดนั้นจนหัวปักหัวปำ ทางอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยินดีมอบหมายงานให้และจ้างด้วยค่าแรงสมเหตุสมผล
“เป็นเพราะราชาโอเวอร์เกียร์ถูกกดขี่มาตั้งแต่ยังเด็ก อาณาจักรของเขาจึงพยายามทำความเข้าใจผู้ถูกกดขี่และมอบอิสระให้”
ใครบางคนเริ่มเล่าอดีต
กริดผู้อ่อนแอสมัยก่อน น่าสมเพชจนใครหลายคนไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับกริดในปัจจุบัน
กริดเคยทำอย่างนั้น
กริดเคยพูดแบบนี้
หลายเรื่องตกตะลึงจงผู้ฟังแยกแยะไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังอำหรือพูดเรื่องจริงกันแน่ อดีตของกริดน่าประหลาดใจถึงเพียงนั้น
…
“ยังไม่มีข่าวจากเอลฟ์อีกหรือ?”
ณ ห้องประชุมกิลด์โอเวอร์เกียร์
แต่เดิมเคยเป็นห้องสำหรับให้สิบวีรชนล้อมวงประชุมเป็นครั้งคราวเมื่อเกิดวาระสำคัญเกี่ยวกับอาณาจักร
ในอดีตอาจเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย แต่ปัจจุบันเหมาะสมแก่การปรึกษาเรื่องสำคัญอย่างมาก
บุรุษสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันบนโต๊ะกลมขนาดสิบเก้าอี้
กริดและลอเอล
“ถูกต้อง พวกเขายังไม่เชื่อใจมนุษย์ อาจมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์เล็กน้อยในป่าบางแห่ง แต่ยังไม่คิดร่วมมือเต็มรูปแบบในเร็ววัน”
“…พวกเขายังไม่เชื่อใจฉันสินะ”
กริดแสดงสีหน้าเจ็บแปลบชัดเจน ชายหนุ่มตระหนักได้ดีกว่าใครว่าเผ่าเอลฟ์เคยถูกมนุษย์เหยียบย่ำรุนแรงมากแค่ไหน
ไม่แปลกหากเอลฟ์จะตราหน้ามนุษย์ว่าเป็นเผ่าพันธุ์เห็นแก่ตัวและชอบใช้ความรุนแรง มองเอลฟ์เป็นเพียงเหยื่ออ่อนแอหรือไม่ก็สัตว์สวยงามชนิดหนึ่งเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ มนุษย์เคยก่อหายนะให้พวกมันนับครั้งไม่ถ้วน
แม้กระทั่งผู้เล่นยังพยายามจับเป็นเชลย
กริดกำลังหมายถึงเคียร์ บุรุษผู้ครั้งหนึ่งเคยถูกยกย่องให้เป็นราชาพ่อค้า
และบุคคลยื่นมือช่วยเหลือเผ่าเอลฟ์ให้พ้นจากวิกฤติก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกริด
ลอเอลสวมรอยยิ้มขื่นขมเมื่อเห็นชายหนุ่มแสดงสีหน้าเจือความผิดหวัง
“เอลฟ์คือเผ่าพันธุ์น่าสงสาร พวกเขาอาจเชื่อใจและเคารพฝ่าบาท แต่ยังไม่เข้มแข็งพอจะยอมเชื่อผู้ติดตามของฝ่าบาท การแสดงความเคารพจากพวกเขาคือจะไม่ระรานเขตป่าไม้ภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”
“เคยได้ยินว่าเวลาคือยารักษาชั้นดี อีกไม่นานชาวเอลฟ์ต้องกลับมาเข้มแข็งได้แน่”
“ถูกต้อง”
“แต่ฉันนึกสงสัยมาตลอด เผ่าเอลฟ์มีจำนวนเพียงน้อยนิด พวกเขาจะยึดครองผืนป่าทั่วทวีปสำเร็จจริงหรือ?”
“เผ่าเอลฟ์คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แถมยังมี 12 ผู้พิทักษ์คอยชี้นำแต่ละเผ่าย่อย ไม่เพียงเท่านั้น สัตว์ป่าดุร้ายจำนวนมากล้วนอยู่ใต้อาณัติของเอลฟ์ หากกองทัพมนุษย์อาจหาญรุกราน ชะตากรรมคงไม่แคล้วพ่ายพ่ายหมดท่าเยี่ยงสุนัขสุกร”
“ถึงเอลฟ์จะเคยถูกกองทัพเคียร์เล่นงานอย่างง่ายดาย แต่นั่นเป็นผลพวงมาจากแก่นยาธาน เหนือสิ่งอื่นใด พวกเรายังไม่ได้กล่าวถึงภูตธาตุด้วยซ้ำ”
ต่อให้เป็นแรงเกอร์หัวแถวของโลกก็มิอาจรับมือ 12 ผู้พิทักษ์ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสังเวียนต่อสู้คือผืนป่าเขียวขจี แม้แต่กริดก็ยังต้องมีสมาธิ
ดังนั้นจำนวนประชากรน้อยนิดของเอลฟ์ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับยึดครองผืนป่าทั่วทวีป
แน่นอน ทั้งหมดอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าจักรวรรดิซาฮารันไม่ยื่นมือแทรกแซง
“แล้วทางฝั่งจักรวรรดิมีท่าทีเช่นไร?”
“ถึงจะเป็นเอลฟ์ แต่การบุกรุกผืนป่าของจักรวรรดิก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัจจุบันจึงยังไม่มีรายงานว่าเอลฟ์ทำสงครามกับซาฮารัน สรุปโดยสั้นก็คือ เอลฟ์ตัดสินใจไม่ก่อปัญหากับเราและจักรวรรดิเพียงสองประเทศ”
“…?”
“อาณาจักรทุกแห่งยกเว้นโอเวอร์เกียร์และซาฮารันจะถูกปิดป่าโดยสมบูรณ์ ทรัพยากรทุกชนิดในป่าล้วนถูกยึดครองจนเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ เหมืองแร่ สมุนไพร และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า”
“ส่งผลต่อเศรษฐกิจมากขนาดไหน?”
“ราคากลางของแร่ ไม้ สมุนไพร หนังสัตว์ และผลิตภัณฑ์อื่นสูงขึ้นมาก ผู้เล่นหลายคนไหวตัวทันตั้งแต่เอลฟ์เริ่มลงมือ ทำการกักตุนสินค้าประเภทดังกล่าวไว้อย่างสุดความสามารถ แต่พลังของหนึ่งบุคคลย่อมไม่ส่งผลเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ฉันได้สั่งกักตุนสินค้าประเภทดังกล่าวไว้มากเช่นกัน”
“แต่ป่าของโอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิยังสามารถใช้งานได้ตามปรกติ?”
“ถูกต้อง”
“…บ้าไปแล้ว”
หากเป็นเช่นนี้ จักรวรรดิซาฮารันและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะกลายเป็นผู้ควบคุมราคาตลาดเพียงสองเจ้า
ฝั่งจักรวรรดิมีช่างตีเหล็ก NPC ในความดูแลนับหมื่นคน ส่วนฝั่งโอเวอร์เกียร์ได้ถือครองช่างเหล็กผู้เล่นแรงค์สูงไว้เกือบทั้งหมดในโลกซาทิสฟาย
ต่อให้ไม่นับวิกฤติป่าไม้ ลำพังอุตสาหกรรมตีเหล็กก็ถูกผูกขาดโดยสองประเทศมานานหลายปีแล้ว
แต่หลังจากนี้ เมื่อวัสดุพื้นฐานตกอยู่ในมือโอเวอร์เกียร์และซาฮารันเฉกเช่นอุตสาหกรรมตีเหล็ก จึงไม่เกินจริงหากจะสรุปว่าตลาดการค้าถูกผูกขาดจากสองมหาอำนาจโดยสมบูรณ์
ยิ่งมีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวข้อง ทั่วโลกก็ยิ่งมองเห็นเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ประจักษ์ชัดและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
เหตุการณ์โอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิกลายเป็นผู้เหลือรอดสองชาติสุดท้ายบนทวีป
อาจเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
“…”
“นายกังวลหรือ?”
เมื่อลอเอลเห็นกริดแสดงสีหน้าตรงข้ามกับความยินดี จึงตัดสินใจซักถามตรงไปตรงมา
“นายรู้อะไรไหม? ฉันยังดูแลประชาชนอาณาจักรตัวเองได้ไม่ทั่วถึงเลย”
“…”
“เมืองยอเรลล์อยู่ตรงไหนของอาณาจักร และใครเป็นเจ้าเมือง? มีประชากรเท่าไร สินค้าพิเศษคืออะไร ข้อมูลทั้งหมดผ่านตาบนแผ่นกระดาษเท่านั้น ไม่เคยเดินทางไปเยือนด้วยตัวเองสักครั้ง ในโอเวอร์เกียร์มีเมืองเล็กแบบนี้อีกนับร้อยแห่ง แล้วนายคิดว่าฉันเหมาะกับอาณาจักรใหญ่กว่านี้สิบเท่าหรือ? ยังอยากให้มีประชากรใต้อาณัติเพิ่มอีกร้อยเท่า? ฉันคงดูแลไม่ไหวแน่”
“ในทางทฤษฎี ฝ่าบาทสามารถครองบัลลังก์จักรพรรดิโดยมีกษัตริย์อาณาจักรเล็กอยู่ใต้บังคับบัญชาได้ จากนั้นก็จัดสรรการบริหารส่วนท้องถิ่นให้พวกเขา วิธีปกครองเช่นนี้จะทำให้ฝ่าบาทถูกยกย่องโดยมีศักดินาทัดเทียมมหาจักรพรรดินีบาซาร่า”
“…นั่นยิ่งน่าเป็นห่วง”
เพื่อนสนิทและไว้ใจได้
กริดกังวลว่าจะมีใครมาทำให้คนเหล่านี้ต้องแปดเปื้อนเข้าสักวัน
ยกตัวอย่างเช่น หากชายหนุ่มแต่งตั้งให้เหล่าสิบวีรชนเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรแยกย่อย
แต่ละคนจะมีบริวารเพิ่มขึ้นมากมาย และในบรรดาขุนนางเหล่านั้นอาจมีเห็บหมัดชั่วร้ายปะปนมาด้วยสักสองสามคน
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อาณาจักรโอเวอร์เกียร์และกิลด์โอเวอร์เกียร์จะเริ่มถูกกัดกร่อนจากภายในจนกระทั่งรอวันล่มสลาย กรณีเลวร้ายอาจเกิดเป็นสงครามกลางเมืองจากขั้วอำนาจใหญ่ลุกลามจนยากควบคุม
ลอเอลอมยิ้มเมื่อได้ยินกริดเล่าความในใจ
“ไม่ต้องห่วง ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ว่ากันตามตรง ฉันไม่มีความมั่นใจจะรับตำแหน่งเลยสักนิด หากตัวเองมีคุณสมบัติจริง หัวสมองคงไม่เอาแต่กังวลเรื่องเล็กน้อยแบบนี้แน่ ทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ไม่เหมาะกับตำแหน่งจักรพรรดิแม้แต่น้อย”
‘ถ่อมตัวเกินไปแล้ว’
ลอเอลยังจำได้ หลายวันก่อน มันเห็นภาพองค์ชายไชน์นิ่งเดินทางกลับพร้อมกับถือดาบความผิดพลาดในมือ สิ่งนี้คือเครื่องพิสูจน์ว่ากริดเติบโตมากแล้วในหลายด้าน
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ออกปากโต้แย้ง
การฝืนสั่งให้ใครสักคนทำในสิ่งไม่ต้องการ ผลลัพธ์มักออกมาเลวร้ายเสมอ
แต่ภายในใจทราบดีว่า กริดมีคุณสมบัติครบทุกด้านสำหรับการปกครองอาณาจักรใหญ่เกินตัว
“แล้วจุดมุ่งหมายของฝ่าบาทคือสิ่งใด? รักษาตำแหน่งท้องฟ้าไปเรื่อยๆ พร้อมกับการครองบัลลังก์โอเวอร์เกียร์อย่างสบายใจหรือ?”
“เคยคิดแบบนั้น จนกระทั่งไม่นานมานี้”
“…?”
“ฉันคิดว่าตำแหน่งท้องฟ้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอีกมากมายไม่รู้จบ”
“…!”
“อุปนิสัยแท้จริงของเทพ เจ็ดมาร เทพตกสวรรค์ ยังบันแห่งทวีปตะวันออก อดีตอันซับซ้อนของแพ็กม่า รวมถึงเหล่าจอมอสูร”
สิ่งเหล่านี้คือรากฐานใหญ่ของซาทิสฟาย
“ฉันต้องการไขปริศนาของทุกสิ่งจนกระจ่าง ในการจะทำเช่นนั้นให้สำเร็จ พลังคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด”
“…”
หัวใจลอเอลพลันเต้นโครมคราม
เงินตรา เกียรติยศ และอำนาจ
เป้าหมายสูงสุดของผู้คนทั่วโลก แต่สามสิ่งนี้กลับไม่สามารถสนองความต้องการของกริดได้อีกแล้ว
ในวินาทีปัจจุบัน ลอเอลตระหนักทันทีว่า กริดกำลังจะก้าวไปเป็นตัวตนยิ่งใหญ่ชนิดของเก่าเทียบไม่ได้แม้แต่น้อย
“หลังจากทราบความจริงทั้งหมด ฉันจะเปิดโรงตีเหล็กขนาดเล็กเพื่อออกแรงวันละนิด คนเราต้องหมั่นทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้สมองเสื่อมใช่ไหม?”
“ฮะฮะ! คงเป็นชีวิตบั้นปลายในฝันของใครหลายคน แม้จะเกษียณไปแล้วแต่ยังหาความสุขใส่ตัวได้เสมอ”
“ถูกเผง”
“แล้วนายคิดจะสร้างโรงเหล็กตรงไหน?”
ลอเอลไม่ได้หมายถึงเมืองหรือดินแดน แต่ความหมายคือ ‘โลก’ ใบใด
ผู้เล่นทุกคนล้วนอาศัยในโลกสองใบ ทั้งโลกแห่งความจริงและซาทิสฟาย
กริดอมยิ้ม
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“…?”
“…ทั้งคู่”
***
[อาณาจักรไวโอเล็ตล่มสลาย!]
[ผู้เล่นสังกัดอาณาจักรไวโอเล็ตทุกคนจะตกอยู่ในสถานะ ‘ผู้ลี้ภัย’ ค่าเรี่ยวแรงลดลงรวดเร็วกว่าปรกติ ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นจากปรกติ]
[อาณาจักรออร์คสนธยาถือกำเนิด!]
[เสียงคำรามของมหาออร์คลอร์ด ‘อูรูชาน’ ดังกึกก้องไปทั่วทวีป]
แผนการอันยาวนานของพวกมันบรรลุผล
เมื่อต้องเผชิญการรุกรานอย่างหนักหน่วงจากเผ่าออร์คซึ่งขึ้นชื่อด้านการฟื้นตัวและขยายพันธุ์ อาณาจักรไวโอเล็ตถึงคราวสิ้นท่าภายในระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน
อาณาจักรใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
สิ่งมีชีวิตหลากเผ่าพันธุ์ซึ่งซุ่มซ่อนดำรงชีวิตมานานหลายร้อยปี พวกมันมอบสิทธิ์ประโยชน์ให้แก่ผู้ชนะจำนวนนับไม่ถ้วน
ผู้เล่นเผ่าออร์คสนธยาซึ่งสร้างคุณงามความดีในสงครามอาณาจักรไวโอเล็ต ทุกคนต่างได้รับคลาสใหม่นามว่า ‘นักปฏิวัติ’
“พวกนายคิดว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิจะถูกคุกคามจากออร์คไหม?”
มวลชนเริ่มตั้งคำถามอย่างกระวนกระวาย
มีการวิเคราะห์ว่าออร์คสนธยาจะกลายเป็นขั้วอำนาจฝั่งสามของทวีปตะวันตก ซึ่งแต่เดิมมีเพียงจักรวรรดิและโอเวอร์เกียร์
แต่กลับผิดคาด
“…พวกมันนิ่งเฉย”
ออร์คสนธยามิได้กระหายขยายอาณาเขตเหมือนกับความคาดหวัง พึงพอใจดินแดนในมือซึ่งเทียบเท่าหนึ่งอาณาจักร
จนกระทั่งเกิดเรื่องน่าตกตะลึง
[ออร์คลอร์ด ‘อูรูชาน’ พ่ายแพ้ในการดวลและเสียชีวิต!]
[ผู้ชนะ ‘เทรูชาน’ กลายเป็นออร์คลอร์ด!]
[เทรูชานประกาศกร้าว!]
“พวกเรา! ออร์ค! ต้องการดินแดนกว้างขวางยิ่งกว่านี้!! คุรุรุก! คุรุรุก!!”
การรุกคืบของกองทัพออร์คเริ่มขึ้นตามเจตจำนงของมหาออร์คลอร์ดตนใหม่
หลากหลายอาณาจักรถูกรุกรานและปล้นสะดมหนักหน่วง
แน่นอน รวมถึงอาณาจักรโฟลด์ด้วย
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,482
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ขอบคุณครับ
ReplyDeleteเดียวรู้ว่าก็อดกริดเป็นยังไง
ReplyDeleteคนเขียนพัฒนาขึ้นมากนะมีการพูดถึงเกมการเมืองแต่ยังไม่ละทิ้งแก่นความสนุกของเกมออนไลน์ไว้ได้ รวมถึงผู้แปลด้วยเช่นดันครับที่มีคำศัพท์ใหม่ๆ น่าสนใจไม่ใช่แค่เพียงแปลทั่วๆไปแต่มีการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างดี สำหรับผทก็ขอบคุณสำหรับงานแปลนะครับ
ReplyDelete👍เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
Deleteขอบคุณมากครับ🙏
ReplyDeleteสปอย
ReplyDeleteเทรูชาน เป็นตัวละครดีไม่ใช่ตัวร้าย
เทรูซาน ว่าที่ อัศวินใหม่ของกริด 5555
ReplyDelete