จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1083
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1083
[บุคคลนิรนามกำลังเขียนบทกวีลำดับสอง]
[มหากาพย์เริ่มต้นภายในโถงทางเดินใต้ดินซึ่งมีเพียงแสงสลัวส่องสว่าง]
“…กริด?”
“กริด?”
ไม่มีใครไม่ทราบว่า ‘บุคคลนิรนาม’ ผู้เขียนบนกวีเป็นใคร
บทกวีแรกของกริดโด่งดังไปทั่วโลกจนแม้แต่คนทั่วไปซึ่งไม่ได้เล่นซาทิสฟายยังต้องรู้จัก
[…เขาจ้องมองแผ่นหลังสุดท้ายของผู้ปกครองสูงสุดเลือนหายเข้าไปในความมืดอย่างเงียบงัน]
“…บ้าน่า!”
สิบวีรชนกำลังอ่านข้อความประกาศโลกเหมือนกับผู้เล่นอื่นอีกหลายล้าน
แต่ละคนล้วนอยู่ต่างถิ่น สีหน้าพวกมันพลันตะลึงสุดขีดพร้อมกับร่างกายแข็งทื่อ
บทกวีของกริดถูกคาดหมายกันว่าจะปรากฏเฉพาะเวลาเกิดเหตุการณ์สำคัญชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มนุษย์
ข้อความโลกเกิดขึ้นไม่นานหลังจากกริดเดินทางไปยังวังหลวงพร้อมกับดยุคบาซาร่า
…หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ราชาโอเวอร์เกียร์บังเอิญเผชิญเหตุการณ์ใหญ่
สิบวีรชนต่างคาดหมายกันว่า ‘ผู้ปกครองสูงสุด’ ในบทกวีหมายถึงมหาจักรพรรดิ และเมื่อกล่าวถึง ‘แผ่นหลังสุดท้าย’ ย่อมหมายถึงการใกล้จบชีวิตลง
…หากแม้แต่มหาจักรพรรดิยังไม่ปลอดภัย แล้วตัวกริดจะปลอดภัยได้อย่างไร
โดยไม่ปล่อยให้รอนาน หน้าต่างข้อความกิลด์ปรากฏคำพูดลอเอลทันที
& อัศวินใต้บัญชากริดทุกคนเตรียมพร้อมรับการอัญเชิญตลอดเวลา!
กล่าวกันตามตรง อัศวินในบัญชากริดมีจำนวนเพียงน้อยนิด โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้เล่น
…หรือก็คือ แค่สิบวีรชน
คำสั่งลอเอลจึงเป็นการมุ่งเป้าไปยังสิบวีรชนโดยตรง
& ไม่ว่าพวกนายกำลังอยู่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ รีบจัดการตัวเองให้ว่าง! ถ้ามีการเรียกอัญเชิญจากกริดต้องตอบตกลงภายในหนึ่งวินาที ชีวิตกริดมีค่ามากกว่างานปัจจุบันของพวกเรา!
ด้วยความสัตย์จริง คำเตือนของลอเอลนั้นไร้ประโยชน์และหาสาระไม่ได้
…ทำไมน่ะหรือ? เพราะทั้งสิบวีรชนต่างจัดการตัวเองให้พร้อมโดยไม่ต้องรอใครบอก
บางคนเพิ่งถึงส่วนสุดท้ายของการสำรวจอันยาวนาน บางคนเตรียมจัดปาร์ตี้ล่าบอสซึ่งเกิดเพียงเดือนละครั้ง และบางคนเพิ่งเริ่มทำภารกิจลับสุดหายากซึ่งอาจไม่ปรากฏอีกเลยชั่วชีวิต
…แต่ทุกคนกำลัง
‘…กริด! อัญเชิญพวกเราเร็วเข้า!’
เกิดเป็นความรู้สึกหนึ่งเดียวโดยมิได้นัดหมาย
***
แผ่นหลังสุดท้ายของผู้ปกครองสูงสุด
คำอธิบายระบบกำลังบ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของมหาจักรพรรดิ
…ในเหตุการณ์ปรกติ มันอาจไม่ได้หมายถึงความตาย แต่สัญชาตญาณกริดกำลังร้องเตือน
มหาจักรพรรดิคงไม่รอดแน่
…ระดับเดียวกับยังบันการัม ไม่สิ แกรนมาสเตอร์อาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นร่างจุติของหนึ่งในเจ็ดมาร
แถมอีกฝั่งของการต่อสู้ยังเป็นอีธานผู้กำลังกวัดแกว่ง ‘ดาบซาฮารัน’ สุดยอดศาสตราซึ่งบรรจุปราณสีชาดปริมาณมหาศาลของซาฮารันบุรุษผู้เคยถูกยกย่องเยี่ยงเทพของทวีปตะวันตก
มหาจักรพรรดิอาจมีพลังไม่ธรรมดา แต่จะกลายเป็นเพียงเด็กทารกเมื่อนำไปเทียบกับสัตว์ประหลาดสองตนดังกล่าว ฮวนเดอร์คงถูกดับลมหายใจเป็นคนแรก การกระทำของมันไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม กริดไม่พยายามขัดขวาง
ความสัมพันธ์จากเหตุการณ์ ‘เมอร์เซเดส’ ไม่ได้ทำให้ราชาโอเวอร์เกียร์และมหาจักรพรรดิสนิทชิดเชื้อขนาดนั้น
เรียกว่าคนแปลกหน้าก็ยังได้
ความเกี่ยวข้องเดียวอาจเหลือเพียง ‘ปิอาโร่’ ผู้เคยเป็นอัศวินรับใช้ข้างกายทั้งสองมาก่อน
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงทั้งชาติกำเนิด สภาพแวดล้อมเติบโต และอำนาจบารมี แถมยังไม่เคยสนิทสนม อาจตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ค่อนไปทางเลวร้าย
ในมุมมองกริด มันย่อมหวาดกลัวต่อมหาจักรพรรดิผู้สามารถ ‘ลบ’ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จากทวีปตะวันตกได้ง่ายดาย
ในมุมมองฮวนเดอร์ กริดคือศัตรูตัวฉกาจซึ่งครอบครองพลังแปลกประหลาดหลายชนิด เป็นภัยคุกคามร้ายแรงในอนาคตโดยแท้จริง
…ต่างฝ่ายต่างต้องการกำจัดกันและกัน
ดังนั้นกริดไม่มีเหตุผล หรืออำนาจมากพอจะห้ามมิให้มหาจักรพรรดิย่างกรายออกไป
…ทำไมน่ะหรือ?
ถึงกริดจะเสียใจ แต่คงเป็นการเหมาะสมกว่าหากฮวนเดอร์รีบตายในวันนี้
ถ้าบาซาร่าได้สืบทอดตำแหน่งมหาจักรพรรดิ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็หมดห่วงเรื่องอนาคตไปอีกนานหลายปี
ตัวมันมีค่าความสัมพันธ์เต็มเปี่ยมกับบาซาร่า สองอาณาจักรจะกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวได้แน่
แม้แต่เด็กอนุบาลยังตัดสินใจได้ว่าทางเลือกใดเหมาะสมกว่า ไม่ต้องฉลาดก็คิดเป็นว่าหนทางใดจะนำพาซึ่งความสงบสุข
…แต่แล้วทำไม?
ทำไมถึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ตัวมันเริ่มเป็นห่วงเป็นใยฮวนเดอร์ตั้งแต่เมื่อไรกัน
หลังจากครุ่นคิด กริดก็เริ่มตระหนักถึงเหตุผล
มหาจักรพรรดิฮวนเดอร์
มันคือผู้ปกครองสูงสุดโดยแท้จริง ไม่ว่าจะด้านอำนาจหรือบารมีล้วนมีอย่างครบถ้วน สามารถครอบครองทุกสิ่งบนทวีปตะวันตกได้ดั่งใจนึก สามารถลบใครก็ได้ให้หายไปจากโลก
…แต่ฮวนเดอร์ก็ไม่ได้ทำ
มันเลือกหันหลังให้สาวงามทั่วโลกเพื่อสตรีเพียงหนึ่งเดียวในดวงใจ
เพื่อนเก่าในอดีตซึ่งต้องสูญเสียทุกสิ่งในชีวิตเพราะความผิดพลาดของตัวเอง ฮวนเดอร์ก็มิได้เพิกเฉย ยังคอยเป็นกังวลเสมอ ถึงขั้นส่งอัศวินในตำนานไปช่วยดูแลข้างกาย
…กระทั่งวาระสุดท้ายก็ยังฝากฝังให้กษัตริย์จากอาณาจักรเล็กคอยดูแลเหล่าบุตรชาย
บางทีในโลก NPC ฮวนเดอร์คงให้คุณค่ากับคำว่า ‘สายสัมพันธ์’ มากกว่าใครทั้งหมด
อาจเป็นดังคำแกรนมาสเตอร์กล่าว ฮวนเดอร์เป็นมหาจักรพรรดิไม่เอาไหน บางทีคงไม่ได้ดีไม่กว่าการให้อีธานหรือเบนัวต์ปกครองสักเท่าไร
อาจเคยก่อบาปร้ายแรง
…แต่ฮวนเดอร์ไม่เคยทำชั่ว
เป็นเพียงคนซื่อ …จนความชั่วร้ายไม่สามารถครอบงำจิตใจได้
กริดเริ่มมองเห็นภาพตัวเองซ้อนทับ
[…การตัดสินใจสุดท้ายของผู้ปกครองสูงสุด เขาเลือกเดินบนเส้นทางแห่งความเสียสละ เพื่อชดใช้บาปในอดีตโดยไม่ปกปิดหรือหลบหนี]
“การตัดสินใจของข้าพเจ้าจะเป็นแบบอย่างให้กับชนรุ่นหลัง”
มันเคยนึกหรือไม่ว่าสักวันจะถูกคุกคามแย่งชิงบัลลังก์ไปจากมือ?
มหาจักรพรรดิผู้รอดชีวิตจากการโจมตีของบุตรชายอย่างฉิวเฉียด มันใช้มือจัดแจงมงกุฎเหนือศีรษะให้กลับมาสง่างาม จากนั้นก็ใช้มือเช็ดคราบฝุ่นรวมถึงคราบเลือดสีแดงสดบนผ้าคลุมซึ่งเป็นของบุตรชายและเบอินปะปนกัน
มันจับดาบด้วยมือขวา ข้างนี้เคยใช้ลูบไล้แก้มขาวนวลของอาเรียมาก่อน
มันถือโล่ด้วยมือซ้าย ข้างนี้เคยใช้ลูบไล้ศีรษะของแมรี่ สตรีแกร่งกล้าผู้มากความสามารถ
รอยยิ้มของมันเหมือนกับบุตรชายทุกคน เพียงแต่สายตากำลังมุ่งมั่นหมายขจัดความมืดมิดให้พ้นไปจากทวีป
มหาจักรพรรดิหยุดฝีเท้าขณะยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องลับ มันหันศีรษะกลับมามองกริดอย่างสุขุม
“มหาจักรพรรดิแห่งซาฮารันคนต่อไปจักต้องไม่เลือกเดินบนเส้นทางผิดเหมือนข้าพเจ้าอีก”
…จงเรียนเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนและห้ามเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
บัลลังก์ไม่ใช่สิ่งต้องหวงแหนหรือไขว่คว้า
เมื่อก่อบาปร้ายแรงขึ้น สายตามนุษย์ก็จะยิ่งพร่ามัวและนำพาตัวเองออกห่างจากมันทีละนิด
จักรพรรดิรุ่นหลังถัดจากนี้จะถูกพร่ำสอนในทุกชั่วอายุคนว่า ‘อย่าโง่เขลาเหมือนฮวนเดอร์’
…จะไม่มีใครเดินออกนอกลู่นอกทางอีก
เป็นภาพซึ่งยากจะทำใจได้ ฮวนเดอร์ใช้มือเปิดประตูช่องลับออกไปด้วยตัวเอง
ในวินาทีดังกล่าว แสงสีแดงฉานจากดาบซาฮารันพลันส่องลอดเข้ามาด้านใน
“มหาจักรพรรดิ!!”
อีธานแหกปากคำรามเยี่ยงสัตว์ป่า
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
เสียงระเบิดจากการปะทะยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดลง
เสียงใครบางคนครวญครางโหยหวน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มฟุบลง
ฮวนเดอร์และสองเสาหลัก
อีธานและหน่วยจักรกลเวทมนตร์
แกรนมาสเตอร์และอัศวินสีชาด
ทุกคนต่างตระหนักว่าวินาทีนี้จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล จึงไม่มีใครด่วนถอดใจ พวกมันฝืนกัดฟันต่อสู้จนเกิดขีดจำกัดร่างกาย
[ผู้ปกครองสูงสุดนั้นทราบดีว่า หยาดโลหิตของตนไม่สามารถชะล้างบาปจากอดีตได้หมดจด]
ทันใดนั้น
“ฝ่าบาท!!”
เป็นเสียงของบาซาร่า
…บ้าจริง เร็วเกินไปแล้ว!
เธอไม่ปลอดภัยแน่
ขณะกริดกำลังกระวนกระวายสุดขีดและต้องการพุ่งออกไปยังท้องพระโรงวังหลวง
“บาซาร่า! เจ้าต้องมีชีวิตรอดและนำพาจักรวรรดิซาฮารันให้รุ่งเรือง!”
…นี่เขาใช้ ‘กระตุ้นแก่นพลัง’ ออกมาหรือ
ปราณสีชาดของฮวนเดอร์พลันระเบิดท่วมท้นทั่วบริเวณชนิดบาซาร่าไม่เคยพบเห็นมาก่อน ตามมาด้วยเสียงโอดครวญของอีธาน
ขณะเดียวกัน
โครม!
ร่างผอมบางของบาซาร่าถูกปราณสีชาดผลักกระเด็นเข้าไปในช่องว่างลับซึ่งกริดและคนอื่นหลบซ่อนอยู่
[อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองสูงสุดเสียสละตัวเองจนถึงวินาทีสุดท้าย เขาต้องการให้เลือดของตนสร้างแรงกระเพื่อมจนเกิดความเปลี่ยนแปลงกับจักรวรรดิในยุคเสื่อมถอย แม้จะทราบดีว่าโลหิตเหล่านี้มิอาจขจัดบาปในอดีตของตัวเอง]
[ภายในใจของเขาปรารถนา …จักต้องไม่มีคนบาปเหมือนตนเกิดขึ้นซ้ำสอง]
“บาซาร่า!”
กริดและสองดยุครีบพุ่งเข้าหาบาซาร่า
…ประตูหินทางเข้ากำลังปิดตัว
บาซาร่าต้องการออกไปช่วยฮวนเดอร์ แต่ก็ไม่ทันการณ์ เธอทำได้เพียงใช้สองกำปั้นทุบประตูด้วยหัวสมองขาวโพลน
…หญิงสาวร่ำไห้
“ฝ่าบาท!!”
ภาพในหัวบาซาร่าพลันย้อนกลับไปถึงความทรงจำสมัยหลายสิบปีก่อน
รอยยิ้มอันสดใสของฮวนเดอร์ในวัยหนุ่ม
รอยยิ้มเด็กหนุ่มญาติสนิทซึ่งมักถูกผู้ใหญ่นินทาว่าร้ายต่างๆ นานา กลับเจิดจรัสกว่าใครในสายตาของบาซาร่า หล่อนเคยคิดมาตลอดว่าบุรุษผู้นี้คือผ้าขาวซึ่งไม่มีวันถูกย้อมสี
…แต่อยู่มาวันหนึ่ง รอยยิ้มของเขาจางหายไป มันถูกแทนด้วยความเศร้าหมองและโกรธแค้น
…ทำไมตนถึงไม่คอยดูแลเขา
…ตนมัวทำอะไรจนกระทั่งบุตรชายของเขาหันคมดาบเข้าใส่
[ผู้ปกครองสูงสุดปรารถนาหนึ่งสิ่ง นั่นคือการปิดฉากยุคสมัยเก่าแก่และผิดเพี้ยน]
[…เขากำลังประจักษ์ทุกการกระทำของผู้ปกครองสูงสุด]
[…เขาเฝ้ามองฉากผู้ปกครองสูงสุดแสดงความรับผิดชอบพร้อมกับสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับชนรุ่นหลัง]
[…เขา. ได้เห็นจุดจบของยุคสมัย]
[ณ ใจกลางของจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ เขาตระหนักว่านักกวีเพียงคนเดียวคงมิอาจถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของบุรุษเบื้องหน้าได้หมด จด ภายในใจกำลังรู้สึกเจ็บแปลบเหนือพรรณนา]
…
[บุคคลนิรนามเสร็จสิ้นบทกวีลำดับสอง!]
ข้อความโลกจบลงตรงนี้
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—!
เสียงระเบิดล้างผลาญด้านนอกทางเข้ายังคงดังอื้ออึงต่อเนื่อง เสียงกรีดร้อง รวมถึงเสียงโลหะกระทบ ยังคงรัวบรรเลงไร้วี่แววสิ้นสุด
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ทั้งหมดก็เริ่มบางเบาลง
…จนกระทั่งเงียบสงัด เป็นบรรยากาศเงียบเชียบมาพร้อมกับลางอัปมงคล
“…ฝ่าบาท”
สองดยุคคาดเดาสถานการณ์ด้านนอกพลางหลับตาด้วยสีหน้าเจ็บปวด
บาซาร่าร่ำไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา ส่วนปิอาโร่ใช้กำปั้นชกกำแพงหินจนเลือดออก
ทันใดนั้น หน้าต่างข้อความระบบแสดงขึ้นตรงมุมสายตากริด
[บทกวีลำดับสองเสร็จสิ้น]
[ท่านกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ซึ่งจะถูกจารึกไปตลอดกาล…]
[<การถือกำเนิดของจักรวรรดิพันปี>]
[บทกวีทำให้ท่านกลายเป็นคนพิเศษสำหรับเชื้อพระวงศ์ซาฮารัน]
[เชื้อพระวงศ์ซาฮารันจะให้ความเคารพนับถือในตัวท่านตราบชั่วนิรันดร์]
[ผลจากบทกวีเสร็จสมบูรณ์ ท่านกลายเป็น <ประจักษ์พยานแห่งยุคสมัยใหม่>]
[ท่านบรรลุความสำเร็จซึ่งอายุขัยแสนสั้นของเผ่าพันธุ์มนุษย์มิอาจเอื้อมถึง <ตัวเอกสองยุค>]
<ตัวเอกสองยุค>
หากอายุสั้น คงไม่มีโอกาสได้เป็นสักขีพยานในหลายยุคสมัย
* ท่านจะไม่ตายโดยง่าย
* เสริมประสิทธิภาพ ‘ค่าความทรหด’
[บทกวีสมบูรณ์ช่วยยกระดับ ‘ตัวตน’ ของท่าน]
[ตัวตนของท่านถูกยกระดับ]
[สิ่งมีชีวิตชั้นสูงบางชนิดถูกลดระดับให้ต่ำกว่าท่าน]
[ลดค่าความเสียหายและเพิ่มพลังโจมตีแก่สิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่า]
[พลังของท่านเอื้อมถึงขอบเขต ‘ห้วงมิติ’ แต่ยังอยู่ในระดับคลุมเครือ]
[ค่าความเป็นเทพเพิ่มขึ้น 2 แต้ม]
“…”
กริดซึ่งกำลังสะลึมสะลือพลันเบิกตาโพลง
สามดยุคตรงหน้า ชายหนุ่มเคยมองเป็นบุคคลแข็งแกร่งมาตลอด แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน
…มิไม่ใช่การดูหมิ่นอีกฝ่าย
เพียงแต่กริดไม่ได้ถูก ‘ตัวตน’ ของคนเหล่านี้สะกดข่มเหมือนตอนแรก
…ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายกับทุกสิ่งรอบตัว
ต่อให้เผชิญหน้าการัมตอนนี้ มันก็ไม่คิดว่าตนจะออกอาการแข้งขาสั่นแบบเดียวกับอดีต
แน่นอน ความรู้สึกผ่อนคลายมิได้เกิดเพราะพลังต่อสู้ของกริดเพิ่มพูนหลายเท่าตัว
“…ฝ่าบาท?”
ปิอาโร่จ้องมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าตกตะลึง
เฉกเช่นสามดยุคซึ่งหันมองตามในเวลาไล่เลี่ย สายตาแต่ละคนพลันลุกวาว
ขณะประสานสายตากับกริด พวกมันบังเกิดความรู้สึกยากอธิบาย คลับคล้ายเมื่อครั้งได้พบหน้าแกรนมาสเตอร์เป็นหนแรก
โสตประสาทของกริดสามารถตระหนักถึงเหตุการณ์ด้านนอกได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
“…กองทัพกำลังจะมาถึง ฝั่งอีธานก็อ่อนแอลงมากแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ”
“…เดี๋ยวก่อนขอรับ!”
เกล็นฮาลพยายามฉุดรั้งกริด
ด้านนอกยังมีแกรนมาสเตอร์ มันจินตนาการภาพบุรุษผู้นั้นพ่ายแพ้ใครไม่ออก
ต้องซ่อนตัวให้นานเข้าไว้ การออกไปด้านมีเพียงอันตรายรออยู่
…ต้องคอยจนว่ากองทัพจะเริ่มบุกโจมตี จากนั้นค่อยแอบสนับสนุน
เกล็นฮาลกำลังคิดเช่นนั้น แต่กริดไม่สน ชายหนุ่มออกแรงผลักบานประตูหินซึ่งเคยตอบสนองเพียงปราณสีชาดของมหาจักรพรรดิ
…เพียงเท่านี้ก็บอกได้แล้วว่า หากฮวนเดอร์ไม่ถึงแก่กรรม ก็คงอยู่ในภาวะอ่อนล้าสุดขีดชนิดไม่หลงเหลือสติ
“…”
ท้องพระโรงวังหลวงเต็มไปด้วยคราบโลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อน
แกรนมาสเตอร์ หน่วยอัศวินสีชาด จักรกลเวทมนตร์ เบอิน ชานสเลอร์ และแม้แต่ฮวนเดอร์ ทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“…มาได้จังหวะพอดี”
เสียงของใครบางคนดังขึ้น
…แกรนมาสเตอร์นำดาบดำแห่งซาฮารันติดตัวกลับไปด้วยหรือ?
ในมืออีธานไม่ใช่ดาบ แต่เป็นมงกุฎราชา
มันกำลังนั่งบนบัลลังก์อย่างหมดสภาพ เรี่ยวแรงแทบไม่ลงเหลือ ใบหน้าขาวซีดคล้ายคนเพิ่งดื่มยาพิษเข้าไป
“…เรา …ขอ …ออกคำสั่ง”
แค่ก! แค่ก. แค่ก. แค่ก!!
อีธานประกาศราชโองการต่อหน้าสามดยุคด้วยดวงตาแดงก่ำ
“…ท่านแม่ …ท่านแม่ของฉัน”
คำพูดสุดท้ายมิได้ถูกถ่ายทอดออกจากปาก
อีธานพยายามสวมมงกุฎด้วยเรี่ยวแรงซึ่งเหลือเพียงน้อยนิด …แต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างอดีตองค์ชายลำดับสี่ ‘อีธาน’ กลายเป็นแสงสีเทาในสภาพดังกล่าว
…
“พระบิดามหาจักรพรรดิ!!”
“ฝ่าบาท!!”
องค์ชายลำดับ 1 และ 2 รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในท้องพระโรง
หลังจากสังเกตความผิดปรกติภายในเขตวังหลวง พวกมันรีบรวบรวมกองทัพเพื่อบุกฝ่าเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด
แต่ก็ไม่ทันการ
“…พระบิดามหาจักรพรรดิ บุตรผิดไปแล้ว!!”
บัลลังก์อันว่างเปล่า
โรแลนรีบวิ่งไปกอดมงกุฎอาบเลือดซึ่งหล่นจมกองโลหิตใจกลางท้องพระโรงพลางปล่อยโฮ
ดูรัลดัลทำได้เพียงยืนตะลึงด้วยสีหน้าเหม่อลอยราวกับคนสติหลุด
…วันสุดท้ายในตำแหน่งดยุคของบาซาร่า
กริดส่งสัญญาณบอกปิอาโร่ซึ่งกำลังยืนข้างบาซาร่าให้เตรียมตัวกลับ
“…องค์ชาย อดีตฝ่าบาทได้ฝากฝังให้ฉันคอยดูแลพวกนาย”
“ฉันไม่ต้องการคนดูแล!”
“…”
เย็นชาเหมือนอีธานไม่มีผิด
เป็นธรรมดาของการพบกันหนแรก แต่ยิ่งได้ทำความรู้จักกัน ต่างคนต่างจะยิ่งมองเห็นมุมอบอุ่นของอีกฝ่ายแน่นอน
กริดอมยิ้มพร้อมกันเดินออกจากห้อง
“ดิฉันจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้ท่าน …ตั้งตารอชมได้เลยค่ะ!”
“แล้วพบกันใหม่ขอรับท่านราชา!”
บาซาร่าและสองดยุคต่างกล่าววาจานอบน้อมต่อกริดซึ่งเดินไกลออกไปทุกขณะ
สององค์ชายต่างยืนขมวดคิ้วด้วยสีหน้างุนงง
ตึง!!
…นั่นกองทัพบาซาร่าไม่ใช่หรือ?
ทัพม้ากว่าสามหมื่นนายด้านนอกท้องพระโรงต่างคุกเข่าให้กริดและปิอาโร่พร้อมเพรียง
เสียงคำนับในชุดโลหะของกองทัพทหารกล้ายอมดังกังวานเสียดแทงทะลุท้องฟ้า
และในวันนี้ ผู้ปกครองสูงสุดแห่งทวีปตะวันตกนับตั้งแต่ซาทิสฟายเริ่มเปิดให้บริการ
…ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
อ่านแล้วดูเศร้าๆยังไงไม่รู้
ReplyDeleteอยากอ่านต่อแล้ว;--;
ReplyDeleteค้างงง
ReplyDeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDeleteขอบคุณมากๆครับ
ReplyDelete😊
ตอนนี้สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมหาจักรพรรดิเลย ขนลุกซุ่ววววว
ReplyDeleteอ่านบทกวีแล้วขนลุกเลยอะ
Deleteแล้วเป็นตำนานในยุคสมัยใหม่ที่มีบทกวีนะ ..ขนลุกจัด
Deleteขนตูดลุกเลยอะ😂😂
ReplyDeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDeleteแอดหาย
ReplyDeleteบทกวีนี้ทำให้หดหูีนิดนึงเลยครับ
ReplyDeleteหดหู่***
Deleteหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...... แสดงว่ายังไม่ตายดิแบบนี้🤨😭
ReplyDeleteความตายในซาทิสฟายไม่เหมือนโลกจิงนะ เมื่อตายร่างกายจะกลายเปนเเสงเทาเเละจางหายไปเหมือนข่าน ไม่หลงเหลือศพให้ประกอบพิธีกรรม
DeleteRipเเด่มหาจักรพรรดิผู้โง่เขลา 😔😔
ยังไม่ตายจ้าาาา แค่ออกไปปลีกวิเวก และจะไม่กลับมาแล้ว
Delete