จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1085



กริดเดินทางกลับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์พร้อมปิอาโร่ โดยเหตุผลในการตัดสินใจเดินเท้ากลับแทนอุปกรณ์เคลื่อนย้ายมิติก็มาจากตัวปิอาโร่เช่นกัน


หลังสิ้นสุดยุคสมัยเก่าของจักรวรรดิ ห้วงความคิดปิอาโร่กำลังกระเจิดกระเจิงและไม่ปะติดปะต่อ


‘…ปิอาโร่’


อัศวินคู่กายคนนี้ก้มหน้าเดินอย่างเงียบงันโดยไม่กล่าวสิ่งใดมาสองสามวันแล้ว บรรยากาศรอบตัวหม่นหมองและดำมืด


…มันไม่ยิ้มหรือหัวเราะ


บางทีอาจไม่กลับมายิ้มอีกเลยตลอดชีวิต


กริดเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก


…ช่างย้อนแย้งนัก


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สาเหตุหลักทำให้ปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่มานานนับสิบปีคือฮวนเดอร์


…ถูกต้อง ความเคียดแค้นในใจซึ่งพุ่งเป้าไปหาฮวนเดอร์ตลอดเวลา ทำให้มันกัดฟันนึกภาพตระกูลตัวเองถูกกวาดล้างตัดคอ ปิอาโร่อาศัยความแค้นสุมอกขัดเกลาฝีมืออยู่เสมอและประคับประคองชีวิตเพื่อนรอวันแก้แค้น


อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์กลับไม่ได้ลงเอยด้วยการแก้แค้นตามเจตนารมณ์เดิม ความคับแค้นยังคงคั่งค้างสุมในอก


ผลลัพธ์ไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด แม้แต่สาปแช่งยังก็ไม่มีโอกาส เนื่องจากจักรพรรดิจบชีวิตลงด้วยความตั้งใจของตัวเอง


…ความแค้นของตระกูลซึ่งไม่มีวันถูกสะสางไปตลอดกาล


“คึ่ก…! ว๊ากกกก!”


ทันใดนั้น ร่างกายมันเริ่มสั่นกระตุก


ขณะปิอาโร่กำลังเคี้ยวเนื้อตากแห้งซึ่งกริดยืนให้ มันคำรามกึกก้องพร้อมกับถลึงตาแดงก่ำอย่างน่าหวาดกลัว


…ถัดมาเป็นการวิ่งอาละวาด



ไม่มีอะไรหยุดยั้งชายคนนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเนินเขาสูงชัน สายน้ำเชี่ยวกราก รวมถึงพายุฝนโถมกระหน่ำ ไม่มีฝูงมอนสเตอร์ใดกล้าย่างกรายเข้าใกล้ปิอาโร่แม้แต่กลุ่มเดียว


กว่าจะรู้ตัวอีกที ดวงตาปิอาโร่กลายเป็นสีขาวโพลนไร้นัยน์ตาดำ มันยังคงกรีดร้องแหกปากพร้อมกับวิ่งปีนป่ายข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าโดยไม่หยุดพัก กริดซึ่งวิ่งตามติดเริ่มออกอาการเหนื่อยล้า แข้งขาสั่นระริกรุนแรง


‘…เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’


เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเหล่าดยุคถึงประเมินให้พลัง ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ อยู่ในระดับสูง


ปิอาโร่ดูดกลืนพลังจากธรรมชาติรอบตัวจนค่าเรี่ยวแรงฟื้นฟูตลอดเวลา ไร้วี่แววเหนื่อยหอบอ่อนล้าเช่นกริด


…และดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้น


“ห…หยุดก่อน! แฮ่ก! แฮ่ก!”


หลอดค่าเรี่ยวแรงกลายเป็นสีแดงกะพริบ


ร่างกายชายหนุ่มหนักอึ้งประหนึ่งถูกถ่วงจมก้นทะเลลึก ห้วงลมหายใจติดขัด หัวใจเต้นระรัวราวกับใกล้ระเบิด ดวงตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน


ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องน่าหงุดหงิดก็คือ ตนไม่สามารถแบ่งปันความเจ็บปวดและสิ้นหวังกับปิอาโร่ได้เลย


หากฉลาดเหมือนลอเอล


หากวาจาคมคายเหมือนฮิวรอย


หากเจ้าเล่ห์เหมือนพีคซอร์ด


และมีหัวใจอันบริสุทธิ์เหมือนเรกัส


บางทีอาจมีหนทางปลอบใจปิอาโร่ได้บ้าง


แต่มันกลับทำอะไรไม่ได้เลย


“โอเวอร์เกียร์ …ค …อร์น”


เหตุใดถึงตัดสินใจเรียกเครื่องเลียแก้มออกมาในอารมณ์เศร้าหมองเช่นนี้?


ว่ากันตามตรง กริดไม่อยากเรียกโอเวอร์เกียร์คอร์นเท่าไรนัก ชายหนุ่มเบื่อหน่ายกับการรับมือเจ้าม้าโสดขี้น้อยใจ


แต่หากไม่ทำ เกรงว่าคงได้ตายจริงแน่นอน


และถ้ามันตายตรงนี้ ปิอาโร่ซึ่งจิตใจกำลังไม่ปรกติอาจคิดสั้นทำเรื่องสุดโต่งเหนือจินตนาการ


ขณะกริดยืนกระเสือกกระสนเปล่งเสียงเรียกสัตว์อัญเชิญอย่างยากลำบาก


[อัศวินของท่าน ‘ปิอาโร่’ พัฒนาถึงขอบเขตใหม่ภายใต้สภาพแวดล้อมสุดหฤโหด!]


[ทักษะ ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ เลื่อนระดับจากขั้นเริ่มต้น กลายเป็นขั้นกลาง!]


“…!”


ราวกับได้รับคำอวยพรอันยิ่งใหญ่


สายน้ำ ท้องทะเล ภูเขา ผืนป่า และพื้นดิน


ธรรมชาติทั่วทุกมุมโลกต่างร่วมแรงร่วมใจแบ่งปันห้วงอารมณ์โศกเศร้ากับปิอาโร่


ทันใดนั้น


[สัมผัสทั้งหกของท่านถูกพัฒนาจนถึงขอบเขต ‘ห้วงมิติ’]


ซู่ว—!


“…?!”


กริดซึ่งเคยวิ่งห่างจากปิอาโร่ในระยะค่อนข้างไกล กลับมองเห็นแผ่นหลังอีกฝ่ายใกล้ชิดเพียงปลายจมูก


‘…หรือว่า’


[พลังของท่านเอื้อมถึงขอบเขต ‘ห้วงมิติ’ แต่ยังอยู่ในระดับคลุมเครือ]


ชายหนุ่มพลันหวนนึกถึงข้อความระบบเมื่อครั้งตัวตนถูกยกระดับจากบทกวีลำดับสอง


หากกล่าวถึงการบิดเบือนมิติ ชื่อของทักษะ ‘พุ่งตัว’ ชนิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวทันที


ยังบันเรียกสิ่งนั้นว่า …ชุนโป


ลักษณะคล้ายกับการพุ่งข้ามมิติ


ซึ่งกริดเพิ่งจะใช้มันออกมาเมื่อครู่


แน่นอน ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจ เพราะยังไม่มีชื่อทักษะดังกล่าวในรายละเอียดตัวละคร


แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือตน ‘สามารถใช้ได้’ แม้จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญก็ตาม


‘หมายความว่า หากพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มันสามารถกลายเป็นทักษะถาวรของเราได้?’


เมื่อเห็นโอกาสแข็งแกร่งขึ้น ชายหนุ่มเกิดความสุขและความตื่นเต้น


…แต่ก็เพียงไม่นาน


เพราะสมาธิต้องกลับมาสนใจปิอาโร่ตรงหน้าอีกครั้ง


อีกฝ่ายหยุดวิ่งและนั่งลง


“ฝ่าบาท”


ปิอาโร่หันศีรษะกลับมา


น้ำเสียงของมันเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ปราศจากอาการสั่นเครือเหมือนก่อนหน้า แววตาเริ่มกลับมากระจ่างใส ความดำมืดบนใบหน้าถูกลบเลือนทีละนิด


“น่าเสียดาย …กระหม่อมไม่สามารถลงโทษมหาจักรพรรดิด้วยมือคู่นี้ได้”


“…”


“…กระหม่อมต้องการควักดวงตาซึ่งเห็นภาพมันคุกเข่า กระหม่อมต้องการตัดใบหูสองข้างทิ้งเพื่อหลงลืมว่าเคยได้ยินคำขอโทษน่าสะอิดสะเอียนจากปากมัน”


“…”


“แต่มหาจักรพรรดิได้สิ้นลมไปแล้ว”


ในวินาทีนี้ ท้องฟ้าเริ่มสว่างสดใส


ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นระหว่างสันเขาลึกด้านหลัง สาดแสงส่องกระทบร่างปิอาโร่ตรงหน้ากริดจนเด่นชัด


“อดีตของกระหม่อมจบลงตรงนี้”


“…ปิอาโร่”


เป็นเพราะดวงอาทิตย์หรือ?


สีหน้าแววตาของปิอาโร่จึงดูสุขุมและอบอุ่นกว่าทุกครั้ง


“อนาคตของกระหม่อม …คืออนาคตร่วมกับฝ่าบาทเพียงผู้เดียว”


[ท่านสัมผัสถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างตัวท่านกับอัศวิน ‘ปิอาโร่’]


[ระบบใหม่ถูกเปิดใช้งาน]


<สายสัมพันธ์>

รายชื่อบุคคลสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับท่าน

* ปิอาโร่

เลเวลความสัมพันธ์ : 1

- เพิ่มค่าสถานะทุกชนิด 1% เมื่ออยู่ใกล้

- สามารถรับรู้ได้เมื่ออีกฝ่ายเหลือพลังชีวิตอยู่ในระดับอันตราย


จะมีสักกี่คนบนโลก พร้อมยืนเคียงข้างในยามลำบากโดยไม่ต้องมีบทสนทนาให้รกหู


ในทางปฏิบัติ ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจ คงยากจะแก้ไขได้ด้วยเหตุและผล มีแต่ต้องปล่อยให้บุคคลผู้นั้นแก้ไขด้วยตัวเอง


แต่กริดกลับตัดสินใจวางทุกปัญหารอบตัวลงและเลือกอยู่เคียงข้างปิอาโร่


ชายหนุ่มละทิ้งภาระของกษัตริย์ ละทิ้งเศรษฐกิจอาณาจักร รวมถึงความพยายามในการรักษาตำแหน่งท้องฟ้าอันดับหนึ่งของโลก


สิ่งนี้ไม่ได้ถูกคำนวณไว้ล่วงหน้า เพียงแต่กริดเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับปิอาโร่จากก้นบึ้งหัวใจ


แม้จะไม่สามารถสรรหาคำพูดปลอบใจสวยหรูได้เหมือนคนอื่น แต่หัวใจอันซื่อตรงของกริดได้สื่อถึงปิอาโร่ผ่านการกระทำ


“…ขอบใจมาก …ขอบใจมากจริงๆ”


ชายหนุ่มถึงคราวผ่อนคลาย มันพ่นลมหายใจแผ่วเบาอย่างโล่งอก


ขณะเดียวกันก็ร่ำไห้


…ถ้าตนให้ความสำคัญกับข่านมากกว่านี้


หากตนใช้เวลาร่วมกับข่านให้มากขึ้น ระบบ ‘สายสัมพันธ์’ ก็คงแสดงผลไม่ต่างจากปิอาโร่


…หรืออย่างน้อยก็ไม่ต้องเจ็บปวดในวาระสุดท้ายของชีวิต


‘…ทำไมเราถึงไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักครั้ง?’


ทันใดนั้น ใบหน้าของพ่อแม่บนโลกจริงเริ่มปรากฏในหัวกริด


ตามด้วยไอรีน ลอร์ด เซฮี และบรรดาพวกพ้องในกิลด์ รวมถึงบราฮัม อัสโมเฟล หรือแม้กระทั่งเมอร์เซเดส


‘…พวกเขายังสบายดีกันไหม’


ด้านอัสโมเฟลและเมอร์เซเดสยังเขียนจดหมายติดต่อเป็นระยะ


ทั้งสองพบอดีตอัศวินสีชาดบางคนและพยายามโน้มน้าว สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็รายงานความปลอดภัยตัวเองสม่ำเสมอ รวมถึงพิกัดล่าสุดในปัจจุบัน


ถึงกริดจะได้รับข้อมูลอย่างละเอียด แต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี เพราะจากลักษณะนิสัยของทั้งอัสโมเฟลและเมอร์เซเดส หากมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พวกเขาอาจตัดสินใจปิดบังเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเป็นกังวล


ส่วนบราฮัมกำลังหลับใหล


อย่างไรก็ตาม ดวงวิญญาณของบราฮัมกลับมีอัตราการฟื้นฟูไม่รวดเร็วสักเท่าไร


“หลับให้สบายนะ รีบฟื้นฟูตัวเองไปก่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้”


การพูดคนเดียวกลายเป็นนิสัยไปแล้ว


เมื่อกล่าวกับบราฮัมจบ และฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงกลับคืนจากโอเวอร์เกียร์คอร์นถึงจำนวนหนึ่ง กริดส่งสัญญาณบอกกับปิอาโร่เพื่อเตรียมใช้ม้วนคาถาเคลื่อนย้ายมิติ


***


“ถึงจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็อดดีใจไม่ได้เมื่อเห็นนายกลับมาอย่างปลอดภัย”


“จริงด้วย โล่งอกไปที ฉันเอาแต่กังวลเหมือนคนบ้าตลอดเวลา”


เมื่อกลับถึงไรน์ฮาร์ทหลังจากห่างหายไปหลายวัน กริดเตรียมพบไอรีนและลอร์ดเป็นลำดับแรก


แต่ภาพการมองเห็นรอบตัวกลับเป็นบรรดาพวกพ้องสิบวีรชน


“กลับมาแล้วหรือคะ”


ขณะกำลังถูกรายล้อมด้วยเสียงเอะอะโวยวายของสิบวีรชน เสียงใสกังวานของไอรีนดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทกริด


เธอยืนอมยิ้มอย่างมีความสุขตรงมุมโถงทางเดิน พร้อมกับลอร์ดซึ่งกำลังแสดงท่าทางดีใจเมื่อได้เห็นกริดกลับมาถึง


ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสถึงความไม่พอใจเล็กๆ จากบรรดาเพื่อนสนิทรอบตัว


จิสึกะอมยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด


เธอละทิ้งภารกิจลับสุดหายากทันทีเมื่อขณะเห็นบทกวีของกริดปรากฏขึ้น เนื้อหาของภารกิจดังกล่าวคือการดวลธนูกับอดีตนักธนูในตำนาน โพเวีย


“หนอนไชเข้าไปกินสมองหมดแล้วรึไง!? หรือทักษะอัญเชิญอัศวินมันบูดจนไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว!?”


“…”


แม้ใบหน้ากำลังจะยิ้มร่า แต่น้ำเสียงกลับชวนสยองขวัญเหนือคำบรรยาย


กริดพลันกระอักกระอ่วนพร้อมกับผงะถอยหลังหนึ่งก้าว


ทันใดนั้น ยูร่าเดินเข้ามาใกล้


ขุมนรกชั้น 32 ถูกทำลายย่อยยับหลังจากสูญเสียผู้ปกครองอย่างบีเลียล


เมื่อสำรวจจนทะลุปรุโปร่ง ยูร่าขยับไปยังขุมนรกชั้น 33 และเผชิญหน้ากับจตุรอาชาสี่ตนซึ่งเป็นลูกน้องจอมอสูรลำดับ 33


ในฐานะคลาสสุดแกร่งเมื่อต่อสู้ภายในเวทีขุมนรก เธอจัดการจตุรอาชาไปได้สาม แต่ขณะกำลังปิดบัญชีตัวสุดท้าย ข้อความบทกวีพลันปรากฏขึ้นตรงมุมสายตา ยูร่ารีบละทิ้งการต่อสู้ตรงหน้าและหาจุดปลอดภัยเตรียมตอบรับการอัญเชิญ


“ยองวู เกี่ยวกับเดทสุดสัปดาห์นี้ เอาเป็นสวนสนุกก็แล้วกัน”


“…หือ?”


ต่อให้ถูกมีดจ่อคอ แต่ตนจะไม่ยอมเล่นเครื่องเล่นบัดซบในสวนสนุกเด็ดขาด


เพราะเมื่อตอนประถม เด็กชายชินยองวูเคยฉี่รดกางเกงขณะขึ้นเครื่องเล่นไวกิ้ง


…เราเคยบอกเธอไปแล้วนี่?


ขณะกำลังจะคัดค้าน ชายหนุ่มมีอันต้องปิดปากเงียบสนิท เนื่องจากสายตาดันชำเลืองเห็นมุมปากของยูร่ากำลังยกขึ้นพร้อมกับจ้องมองด้วยท่าทีแสนเย็นชา


“กระหม่อมสมควรตาย! เป็นเพราะกระหม่อมอ่อนแอ ฝ่าบาทจึงไม่ยอมอัญเชิญ!”


ฮิวรอยแหกปากโวยวายพร้อมกับชักดาบเตรียมคว้านท้องตัวเอง


“เฮ้! นายเป็นคนญี่ปุ่นรึไงฟะ!?”


พีคซอร์ดพึมพำพลางเบี่ยงเบนความฉุนเฉียวของตนใส่ฮิวรอยแทน


เรกัสยืนยิ้มแห้งคนเดียวตรงมุมห้อง สีหน้าคล้ายกับยอมรับบางสิ่งแต่โดยดี


“นั่นสินะ พวกเราคงอ่อนแอเกินไปและไม่สามารถเป็นพลังให้นายได้แล้ว”


คริสยักไหล่


“แต่อย่างน้อยฉันก็ยังช่วยรักษาอันดับสองของโลกไว้อย่างเหนียวแน่น ถ้าเป็นอันดับเลเวล ฉันยังมีประโยชน์มากกว่าใคร!”


ป็อนตะโกน


“แล้วกริดเรียกนายไปด้วยรึไง? นายมันก็ผู้เล่นอ่อนแอเหมือนกับเราทุกคนนั่นแหละ!”


“…”


เฟคเกอร์เงียบงันตามปรกติ ส่วนแวนเนอร์ถามว่ามีไอเท็มประเภทโล่หรือวิกผมดรอปมาบ้างไหม


ท่ามกลางเสียงดังโวยวาย


“คงได้ของติดมือกลับมาด้วยใช่ไหม?”


ลอเอลขยับเข้ามาใกล้ สีหน้าของมันสุขุมมากกว่าใครในห้อง


“นายเดินทางไปจักรวรรดิเพื่อนำมิธริลนิลกลับมาไม่ใช่หรือ?”


“อ…เอ่อ …เรื่องนั้น”


กริดเริ่มสาธยายการเดินทางอันยาวนานของตนให้พวกพ้องคนสนิทฟัง



เมื่อเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่หนึ่งถึงสิบ มันเริ่มเล่าต่อว่าเพราะเหตุใดถึงกลับมามือเปล่า


“ด้วยบรรยากาศตอนนั้น ฉันไม่สามารถเอ่ยปากขอมิธริลนิลได้เลย”


“…”


ทุกคนกำลังจินตนาการภาพและบรรยากาศตามเรื่องเล่าของกริด


มหาจักรพรรดิสละชีพตัวเองเพื่อยุติยุคสมัยเก่าพร้อมกับเริ่มต้นยุคสมัยใหม่


ไม่อยากจะนึกภาพ หากในเวลานั้น กริดหน้าด้านประกาศขอแร่มิธริลนิลโดยไม่แยแสความโศกเศร้าของเหล่าองค์ชายและบรรดาขุนนางระดับสูง


“…นั่นคงเป็นปัญหาแน่”


ลอเอลไม่มีทางเลือกนอกจากทำใจยอมรับ


ขณะเดียวกันก็นึกกังวล


“แต่ถ้าเราไม่รีบขอมิธริลนิลตอนนี้ แล้วต้องรอไปจนถึงเมื่อไร?”


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บาซาร่าจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตงานยุ่งวุ่นวายเป็นอันดับหนึ่งของโลกไปอีกหลายเดือน


จักรวรรดิโฉมใหม่จำเป็นต้องถูกปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองขนานใหญ่ และหัวหอกไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวบาซาร่าเอง


อาจถึงขั้นลืมสัญญาซึ่งเคยให้ไว้กับกริด


และนั่นจะหมายความว่า แผนการสร้างแร่จะถูกลื่นออกไปยาวนานชนิดไม่มีกำหนด


“นายคงอยากสร้างแร่ชนิดใหม่ใจแทบขาด …ทนไหวรึไง?”


“ก็มีแต่ต้องทน หากไม่คืบหน้าคงต้องส่งจดหมายไปทวง”


ทันใดนั้น


“ฝ่าบาท!”


ปัจจุบัน รอยแมนกลายเป็นอัศวินอาวุโส


ในเครื่องแบบอัศวินชาย เธอรีบวิ่งเข้ามารายงานข่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


“ข่าวด่วนจากเวรยามประตูหลักขอรับ! ท่านดยุคเกล็นฮาลต้องการให้เปิดประตูเมือง”


…หมอนั่นไม่รีบร้อนไปหน่อยรึไง?


กริดไม่เก็บซ่อนความประหลาดใจ


“รีบเชิญเข้ามาในท้องพระโรงทันที!”



ถัดมาไม่นาน


ดยุคเกล็นฮาลผู้มีท่าทีสำรวมต่อกริดบนบัลลังก์ ทำการล้วงหยิบสัมภาระจำนวนหนึ่งออกมาถือ


“เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจในนามแห่งมหาจักรพรรดินี”


[ท่านได้รับ ‘มิธริลนิล’ 102 ก้อน]


“…!”


“…!”


ปากของกริดและสิบวีรชนพลันอ้ากว้างอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย


เกล็นฮาลคำนับซ้ำ


“มหาจักรพรรดินีกราบทูลว่า ราชวงศ์ซาฮารันจะไม่มีวันลืมบุญคุณของราชาโอเวอร์เกียร์ตราบชั่วนิรันดร์ ศัตรูของโอเวอร์เกียร์คือศัตรูของจักรวรรดิ ซาฮารันจะเป็นดังสันเขื่อนคอยปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จากลมฝนทุกชนิด …ยิ่งไปกว่านั้น ท่านราชาโอเวอร์เกียร์สามารถเยี่ยมเยียนกรุงไททันได้ทุกเมื่อ ทางเราได้เตรียมวังพิเศษไว้ให้พักอาศัยแล้ว”


“…”


“ท่านราชาโอเวอร์เกียร์ ท่านจะยอมรับการเป็นพันธมิตรครั้งนี้หรือไม่ ทางโอเวอร์เกียร์สามารถถอนพันธมิตรได้ฝ่ายเดียว จักรวรรดิซาฮารันไม่มีสิทธิ์กระทำเช่นนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน”


ถ้อยคำพรั่งพรูจากปากเกล็นฮาลทำให้ทุกคนภายในท้องพระโรงถึงกับยืนสั่นเทา


แน่นอน กริดมีความสุขมาก เป็นผลลัพธ์เกินกว่าจินตนาการในตอนแรกหลายเท่า


…แต่มีบางจุดต้องไม่ลืม


ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเจ็บแปลบขณะแหงนมองขึ้นไปบนเพดานตรงหน้า


มันสัมผัสได้ถึงตัวตนของคาซิม


เฉกเช่นเกล็นฮาลซึ่งสามารถสัมผัสตัวตนคาซิมได้ตั้งแต่เริ่ม


…ถูกดยุคแห่งจักรวรรดิพบตัวง่ายดาย


คาซิมเคยเล่านานแล้ว ว่าระดับของมันยังอยู่ต่ำกว่าเจ็ดดยุคหนึ่งขั้น


เกล็นฮาลยังคงเล่าต่อ


“นโยบายของจักรวรรดิจะมีการเปลี่ยนแปลง กองทัพมีไว้เพื่อปกป้องอาณาดินแดนของตัวเองเพียงอย่างเดียว จักรวรรดิมุ่งหมายอยู่ร่วมกับทุกเผ่าพันธุ์บนทวีปโดยไม่กีดกันหรือเข่นฆ่า พวกเราจะไม่รุกรานอาณาจักรเล็กอย่างไร้เหตุผล ไม่ใช้พลังอำนาจกดขี่ทางการเมืองโดยมิชอบ จักรวรรดิยุคใหม่จะชดเชยให้กับหลายล้านชีวิตซึ่งเคยเข่นฆ่าอย่างไร้มนุษยธรรม”


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า เกล็นฮาลมีเจตนาพูดให้คาซิมได้ยิน


ทันใดนั้น ราชันแห่งเงากระโดดลงจากเพดาน ดวงตาแดงก่ำของมันถลึงใส่เกล็นฮาลโดยไม่กะพริบ



▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,474
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. แล้วงานนี้จะได้เป็นพันธมิตรไหมเนี่ย

    ReplyDelete
    Replies
    1. เป็น หลังจากปล่อยวางความแค้นตลอดมา คาขิมอาจจะเติบโตขึ้น

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00