จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1081
“เจ้าไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิบ้างหรือ?”
แมวยังเป็นเสือได้หากผ่านรั้วฝึกทหารนานกว่าสามปี คนธรรมดาก็สามารถเป็นยอดพ่อครัวได้หากคอยเฝ้ามองการทำงานอย่างใกล้ชิด
หมายความว่า การมีลอเอลข้างกายนานหลายปีช่วยให้กริดสั่งสมประสบการณ์ความรู้นับไม่ถ้วน ฉากตรงหน้า เห็นเพียงปราดเดียวก็ทราบถึงความเป็นมาทันที
“แกรนมาสเตอร์ นายทรยศจักรพรรดิและเลือกข้างอีธานสินะ”
“คำว่าทรยศคงไม่เหมาะสักเท่าไร เราแค่ใช้สิทธิ์อันชอบธรรมของตัวเอง”
“สิทธิ์อันชอบธรรม…?”
แกรนมาสเตอร์ใจดีกับกริดมาก มันยอมอธิบายเรื่องราวยืดยาวโดยไม่แสดงท่าทีรังเกียจ
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… บุรุษผู้หนึ่งเคยมาคุกเข่าขอร้องกับเราว่า ได้โปรดทำให้เขากลายเป็นมหาจักรพรรดิด้วย เขารับปากว่าจะช่วยบรรลุความต้องการของเราหลังจากนั้น”
“ชายคนนั้นคือ…”
“ถูกต้อง เขาคือซาฮารัน แต่ช่างน่าเศร้า ซาฮารันไม่สามารถรักษาสัญญากับเราได้ โดยก่อนตายได้ให้สัตย์สาบานว่า ลูกหลานของตนจะช่วยสานต่อความตั้งใจจนกว่าจะบรรลุผล
“แต่กาลเวลาล่วงเลย ทายาทแต่ละรุ่นเสื่อมพลังลงแถมยังไร้ความสามารถ ไร้ความรับผิดชอบ จนกระทั่งรุ่นปัจจุบันถึงขั้นหลงลืมสัญญาโดยสิ้นเชิง”
แกรนมาสเตอร์ชำเลืองหางตาเข้าไปด้านในท้องพระโรง
ผลพวงจากทักษะทำฟาร์มอิสระของปิอาโร่ เขตต่อสู้ส่วนใหญ่จึงถูกเปลี่ยนเป็นแปลงเกษตร
ภาพด้านในท้องพระโรงคือฉากอีธานและปิอาโร่กำลังปะทะฝีมือดุเดือด
แกรนมาสเตอร์ชี้ไปยังดาบดำในมืออีธาน
“ดาบเล่มนั้นคือสัญลักษณ์แทนคำมั่นสัญญา ซาฮารันได้บรรจุปราณสีชาดทั้งหมดของตัวเองเข้าไปจนถึงแก่ความตาย ก่อนเสียชีวิต เขากล่าวว่าหากลูกหลานคนใดบังอาจไม่รักษาสัญญา เราสามารถใช้ดาบเล่มนี้ยึดอำนาจปกครองกลับคืนและบริหารจักรวรรดิได้ตามใจชอบจนกว่าความปรารถนาจะบรรลุผล”
กริดพลันตกตะลึง ดวงตาเบิกโพลงคล้ายกับถูกค้อนทุบใส่ท้ายทอย
“นายเป็นใครกันแน่…?”
ทันใดนั้น
“…!”
หางตาทุกคนพลันกระตุกพร้อมกัน
ว่ากันตามตรง สิ่งน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องเล่าเมื่อครู่คงหนีไม่พ้น ‘ความปรารถนา’ แท้จริงของแกรนมาสเตอร์ เพราะหากได้ทราบความปรารถนาดังกล่าว ตัวตนของแกรนมาสเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยากจะคาดเดา
อย่างไรก็ตาม กริดกลับเลือกถามเรื่องไม่จำเป็นอย่าง ‘ตัวตน’ แท้จริง
ทำไมถึงไม่หลอกถามเรื่องความปรารถนาแทน…? เพราะหลังจากนั้น ตัวตนแกรนมาสเตอร์ก็จะเผยออกมาพร้อมคำตอบอยู่ดี
ทุกคนล้วนคิดเช่นนี้ในหัว
คำถามกริดซื่อตรงเกินไป
และแน่นอน แกรนมาสเตอร์ยังคงนิ่งเงียบ
หลายคนเริ่มมั่นใจว่าคำถามของกริดคงถูกเพิกเฉยและปล่อยผ่าน
“…”
แกรนมาสเตอร์เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน
ตัวมันเองก็คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะไต่ถามถึงความปรารถนา มิได้คิดว่ากริดจะโผงผางซักถามตัวตนแท้จริง
ราชาโอเวอร์เกียร์ยักไหล่
“นายต้องการให้ฉันเป็นจักรพรรดิไม่ใช่หรือ? คงทำสัญญากับคนแปลกหน้าไม่ได้หรอกนะ”
“ฮะฮะ…”
แกรนมาสเตอร์ระเบิดเสียงหัวเราะ เป็นฉากซึ่งพบเห็นได้ยาก แม้แต่บุคคลเคยทำงานในวังหลวงมานานหลายสิบปี
ไม่เกินจริงไปนักหากจะบอกว่าเมื่อครู่คือเสียงหัวเราะหนแรกจากปากแกรนมาสเตอร์
“…คนบาปแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวจากทั้งเจ็ด”
ดวงตาซึ่งเคยเหนื่อยหน่ายเบื่อโลกเริ่มถูกความเศร้าโศกเจือปน
นัยน์ตากระจ่างแวววาวของแกรนมาสเตอร์จ้องมองกริดอย่างไม่กะพริบ
“ร่างจุติของคนทรยศเพียงหนึ่งเดียว ผู้หันหลังละทิ้งพวกพ้องซึ่งกำลังถูกแสงสว่างเจิดจ้าปกคลุมดวงตาจนมองไม่เห็นความมืดมิดแม้เพียงหนึ่งจุด… นั่นคือตัวเรา”
“…?!”
ราวกับกริดถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ชายหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าใครคือกลุ่มซึ่งถูกทำให้ ‘ดวงตามืดบอดด้วยแสงสว่างเจิดจ้าจนมองไม่เห็นความมืดแม้เพียงหนึ่งจุด’
‘เจ็ดภัยพิบัติ…!’
เป็นไปไม่ได้…
แกรนมาสเตอร์คือร่างจุติของหนึ่งในเจ็ดภัยพิบัติ?
เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวกริดนัก ภารกิจสุดท้ายเกี่ยวกับเจ็ดภัยพิบัติยังผ่านมาไม่นาน มันยังไม่ลืมว่าชะตากรรมสุดท้ายของเหล่านักบุญคือการถูกกักขังไว้ในช่องว่างขุมนรกและโลกกึ่งกลาง
ขณะกริดกำลังทึ่งจนหมดคำพูด ผู้คนเริ่มมายืนมุงรอบตัวมากขึ้น
กวาดสายตามองไปรอบตัว ยากจะหาใครตระหนักถึงเรื่องราวของเจ็ดนักบุญภัยพิบัติได้ลึกซึ้งเท่ากริด
แน่นอน แทบไม่มีใครเข้าใจบทสนทนาระหว่างกริดและแกรนมาสเตอร์
ท่ามกลางการเสียงอื้ออึงจากฝูงชน แกรนมาสเตอร์เอ่ยปากสุขุม
“เราพยายามอย่างหนักเพื่อขจัดความรู้สึกผิดออกจากจิตใจ มันยาก. เพราะเรารู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งรอบตัว แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เราก็ทำให้ร่างกายใหม่นี้กลายเป็นเหนือมนุษย์ได้สำเร็จ เราพยายามเร่งมือศึกษาหาวิธีจุติให้กับพวกพ้องซึ่ง ‘สูญเสียชีวิตยืนยาว’ เนื่องจากอาจหาญเผชิญหน้ากับเทพ
“เราตระเวนไปทั่วทวีปเพื่อจับเผ่าพันธุ์อื่นมาทดลองเป็นจำนวนมาก พยายามรวบรวมวัตถุดิบจากจอมอสูร พยายามจับตัวราชาเนตรมา แต่ไม่ว่าจะใช้เวลามากเพียงใด แผนจุติของพวกพ้องก็ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเพราะตัวเราประสบอารมณ์เบื่อหน่ายง่ายเกินไป มักล้มเลิกความตั้งใจในตอนสำคัญเสมอ
“อย่างไรก็ตาม เราได้ตระหนักแล้วว่า สาเหตุสำคัญในความล้มเหลวของพวกพ้องคือ ไม่มีใครยอมพึ่งพาพลังของ ‘เทพตกสวรรค์’ ”
“…?”
เทพตกสวรรค์?
กริดทวีความสับสนขึ้นอีกหลายเท่า
ขณะเดียวกัน ฝูงชนรอบตัวเริ่มเพิ่มจำนวนจากตอนแรกมาก
แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีใครเชื่อมโยงแกรนมาสเตอร์กับเจ็ดนักบุญภัยพิบัติมาก่อน แต่เกือบทุกคนตระหนักอยู่แล้วว่ามัน ‘ไม่ใช่มนุษย์’
เมื่อแกรนมาสเตอร์เห็นสถานการณ์รอบตัวเริ่มบานปลาย มันทำการขยับปากพูดโดยไม่เปล่งเสียงออกมา
แต่ภายในหัวกริดกลับเกิดเสียงก้องกังวาน และไม่ใช่เสียงธรรมดา แต่มาแฝงพร้อมความระคายเคืองรุนแรง
คล้ายกับเสียงสะกดจิต… กริดเกิดความรู้สึกฉุนเฉียว ขณะเดียวกันก็ถูกความปรารถนาอย่างแรงกล้าครอบงำจิตใจ อารมณ์รุนแรงสุดโต่งทุกด้าน
“เมื่อทราบว่าเจ้ามีพลังของทาเร็น เราจึงเกิดความหวังขึ้นมาทันที”
“…”
“คำตอบทั้งหมดอยู่ในคุกนรก… จงกลายเป็นจักรพรรดิและสำรวจคุกนรกเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับเทพตกสวรรค์ สงครามเจ็ดบาปคำรบสองจะช่วยให้โลกพ้นภัยจากเหล่าเทพเสื่อมทราม”
[* ภารกิจลับ ‘ข้อเสนอของบาปลำดับหก’]
<ข้อเสนอของบาปลำดับหก>
*ภารกิจลับ?
บาปลำดับหก ‘ซิก’ ผู้ถือครองบาปแห่งความเกียจคร้าน เสนอแนะให้ท่านดำรงตำแหน่งมหาจักรพรรดิ
หากยอมรับ ท่านจะกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของจักรวรรดิซาฮารันทันที
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ยอมรับข้อเสนอของซิก
รางวัลภารกิจ : ครอบครองจักรวรรดิซาฮารัน
[ท่านยอมรับภารกิจหรือไม่]
แต่ไหนแต่ไร กริดเคยเห็นภารกิจลับมาแล้วมากมาย อย่างไรก็ตาม มันเพิ่งเคยพบภารกิจลับซึ่งมอบรางวัลตอบแทนมหาศาลเป็นหนแรก แถมเงื่อนไขก็บรรลุก็แสนง่ายดาย
เพียงตอบตกลง… จักรวรรดิอันเกรียงไกรก็จะตกเป็นของตนในชั่วข้ามคืน…?
แน่นอนว่ากริด…
“ฉันขอปฏิเสธ”
ปฏิเสธโดยไม่ลังเล
“…?”
แกรนมาสเตอร์ประหลาดใจมาก
มันไม่คิดว่ากริดจะกล้าปฏิเสธหลังจากได้ยินคำอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
ชายหนุ่มอธิบาย
“หากฉันรับตำแหน่งจักรพรรดิ การจลาจลจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหงจนยากรับมือ ตัวฉันในปัจจุบันไม่มีศักยภาพและกำลังพลมากพอจะบริหารดินแดนขนาดใหญ่… นายต้องเสียสติไปแล้วแน่ถ้ากล้าส่งมอบให้ฉัน”
หากตัวกริด ผู้ซึ่งมิได้สืบสายเลือดซาฮารันโดยตรง ทำการครองบัลลังก์จักรพรรดิ มั่นใจได้เลยว่าขุนนางใหญ่จำนวนมากจะก่อกบฏ และเริ่มจุดชนวนมหาสงครามแห่งทวีป
กริดและพวกพ้องจะต้องเผชิญสงครามหนักหน่วงทุกคืนวัน ดินแดนจักรวรรดิจะแบ่งแยกเป็นหลายสิบแห่ง แม้แต่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้
ความสำเร็จอันยาวนานซึ่งถูกสั่งสมตลอดหลายปีจะพังครืนไม่เป็นท่า
แกรนมาสเตอร์ส่ายศีรษะ
“เป้าหมายของเจ้าคือการสำรวจคุกนรกต่างหาก หาใช่บริหารบ้านเมือง เราไม่เคยสนว่าจักรวรรดิจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร”
“ในเมื่อนายไม่เคยใส่ใจเรื่องของผู้อื่น แล้วทำไมฉันต้องใส่ใจเรื่องของนาย?”
ด้วยความสัตย์จริง กริดชื่นชมวีรกรรมของเจ็ดนักบุญภัยพิบัติ กลุ่มคนเหล่านี้อาจหาญลุกขึ้นต่อต้านเทพเสื่อมทรามเพื่อมวลมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ต้องแยกแยะระหว่างการชื่นชมและการนำพาตัวเองไปสู่ความฉิบหาย
กริดไม่ต้องการเอาตัวเองและอาณาจักรผูกติดกับปัจจัยอันตราย
หากตนเลือกเข้าฝ่ายเจ็ดนักบุญ เกรงว่าเหล่าทวยเทพบนแอสการ์ดอาจโกรธกริ้วจนถึงขั้นเสกสายฟ้าถล่มอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เข้าสักวัน
ชายหนุ่มต้องการรักษาความสัมพันธ์เป็นกลางให้ยาวนาน ต้องมีข้อมูลในมือให้มากกว่านี้ และต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเข้าฝ่ายใด
การทำภารกิจของเทพเฮ็กเซเทียช่วยถ่วงดุลกับการถือครองพลังหนึ่งในเจ็ดภัยพิบัติอย่างบัญชาแห่งเทพ
“มหาจักรพรรดิ! ผมจะอยู่ฝั่งคุณ!”
กริดหันไปตะโกนลั่น
“…แม้จะทราบความจริงทั้งหมดแล้ว แต่ยังกล้าปฏิเสธเราอีกหรือ”
สีหน้าแกรนมาสเตอร์เริ่มแฝงโทสะ
มันเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและน่าหวาดหวั่นคล้ายกับปีศาจตัวจริง กริดเห็นเข้าถึงกับแทบหยุดหายใจ
“ด…เดี๋ยวก่อน! ฉันไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับนาย! เพียงต้องการยับยั้งมิให้อีธานก่อกบฏ สำเร็จ!”
“ช่างย้อนแย้ง… อีธานยังเป็นตัวแทนของเราจนกว่าเจ้าจะตอบตกลงร่วมมือ การต่อต้านเขาไม่ถือเป็นการต่อต้านเราหรือไง?”
“ฉิบ…”
ช่างน่าละอายนัก ตนมองข้ามเรื่องพื้นฐานเช่นนี้ไปได้อย่างไร
การสานสัมพันธ์กับจักรวรรดินับว่าสำคัญก็จริง แต่การเป็นศัตรูกับร่างจุติของเจ็ดมารใช่เรื่องถูกต้องแน่หรือ?
ถึงจะเป็นเพียงร่างจุติ แต่เจ็ดมารคือเจ็ดมารวันยังค่ำ พลังต่อสู้ของแกรนมาสเตอร์ต้องอยู่เหนือจินตนาการแน่นอน
ไม่อยากนึกภาพตามว่าจะเกิดความบรรลัยมากเพียงใดหากชายคนนี้โมโหสุดขีดและอาละวาดใส่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ขณะกริดกำลังกระสับกระส่าย ไม่รู้ว่าตนต้องเลือกเดินทางใดกันแน่
“หุบปาก! ซิกเฟรคเตอร์!”
อีธานซึ่งเอาชนะปิอาโร่ได้ไม่ยากเย็น พลันตะโกนแหกปากเสียงดัง มันจ้องมองแกรนมาสเตอร์ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“แกคิดทอดทิ้งฉันโดยไม่ลังเลเมื่อเห็นพบคนเหมาะสมกว่า! คิดว่าฉันคนนี้เป็นใครกัน? เห็นเป็นไอ้งั่งรึไง!!”
“…!”
ฟ้าววว—
คล้ายกับตอบสนองโทสะเดือดดาลของอีธาน ดาบซาฮารันในมือเปล่งแสงเข้มข้นยิ่งกว่าในตอนแรก
ความสุดยอดของดาบซาฮารันสามารถดูดกลืนได้แม้กระทั่งผิวโลหะอุปกรณ์ทำฟาร์มปิอาโร่ซึ่งถูกสร้างจากวัสดุบีเลียล
เกิดรอยแตกร้าวขนาดเล็กบนจอบสั้น คราด และเคียวเกี่ยวข้าวหลายจุด
นี่คือฤทธิ์เดชหลังจากทำการแผ่แสงสว่างดูดกลืนพลัง ‘สสาร’ ไปทั่วเขตวังหลวงไททันก่อนหน้านี้
อำนาจของศาสตรากึ่งเทพสามารถล้มได้แม้กระทั่งปิอาโร่ผู้เข้าสู่ภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ในวินาทีปัจจุบัน อีธานเข้าสู่ภาวะ ‘โอเวอร์เกียร์’ ชนิดสามารถต่อกรได้แม้กระทั่งตัวแกรนมาสเตอร์เอง
“ซิกเฟรคเตอร์! ฉันจะฆ่าแกก่อนใคร!”
“…เอ๋!?”
การพลิกผันของสงครามซึ่งไม่มีใครคาดคิด
กริดกำลังยืนมองอีธานพุ่งเข้าหาแกรนมาสเตอร์ด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มทำได้เพียงขมวดคิ้วฉงน
เคร้ง!
ดาบในมืออีธานปะทะเข้ากับแกรนมาสเตอร์จนสร้างแรงกระเพื่อมออกไปทั่วเขตวังหลวง
รุนแรงชนิดสามารถพัดพาหน่วยอัศวินองครักษ์และอัศวินสีชาดให้เสียการทรงตัว
“อั่ก!”
เป็นความซวยของแท้
กริดถูกเศษหินใหญ่จากเพดานหน้าท้องพระโรงตกกระแทกใส่ศีรษะ มันถึงกับร้องเสียงหลง
“ส่งมือมา!”
ชานสเลอร์ซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้าไปช่วยมหาจักรพรรดิได้ตะโกนเรียกกริดพร้อมกับยื่นแขนออกไปหา
ในวินาทีปลายนิ้วชายหนุ่มสัมผัส
ภายใต้สถานการณ์ความเป็นความตายเช่นนี้ มันไม่มีเวลามัวควบคุมพลัง ‘มือมาร’ มิให้ออกอาละวาด
“ฮื้อ~”
ชานสเลอร์ครางในลำคอ
แต่ใบหน้าหาได้แสดงความปีติเหมือนกับเหยื่อรายอื่น คล้ายกับมีค่าต้านทานความสุขสมในปริมาณสูงลิบ
“มนุษย์ทุกคนล้วนมีรสนิยมไม่เหมือนกัน… ผมเคารพในความแตกต่าง…”
“…?”
เชี่ยไรอีกเนี่ย…
กริดไม่ค่อยเข้าใจคำพูดประหลาดของชานสเลอร์สักเท่าไร หมอนี่คงกำลังเข้าใจผิดสักอย่างสองอย่าง แต่ปัจจุบันกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานเกินกว่าจะมัวคิดเล็กคิดน้อย
ชายหนุ่มเข้าถึงด้านในสุดของท้องพระโรงพร้อมชานสเลอร์ พวกมันช่วยพยุงร่างปิอาโร่และฮวนเดอร์ขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ย
…โดยไม่สนว่าตนอยู่ในฐานะใด อดีตจักรพรรดิทำการก้มศีรษะให้กริดอย่างไม่ลังเล
“ขอบคุณท่านมาก…”
“ฝ…ฝ่าบาท!”
มหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซาฮารัน
ท้องฟ้าผืนเดียวในทวีปตะวันตก กำลังคุกเข่าให้กับราชาอาณาจักรเล็กอย่างนั้นหรือ?
ไม่เพียงชานสเลอร์ แม้แต่สองดยุคซึ่งนับถือกริดอย่างมากก็ยังแสดงท่าทีประหลาดใจ
แน่นอน แม้แต่ตัวกริดเองก็ด้วย
สายตาของฮวนเดอร์ชำเลืองมองปิอาโร่ซึ่งเพิ่งถูกชายหนุ่มพยุงร่างขึ้น
“ราชาโอเวอร์เกียร์ ท่านอาจไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เราต้องการขอบคุณท่านมานานแล้ว ยิ่งเมื่อสงครามระหว่างอาณาจักรดำเนินยืดเยื้อ เราก็ยิ่งรู้สึกผิดจากก้นบึ้งจิตใจ”
“…”
แผนการจับมือเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป…
หัวใจกริดกำลังลุกโชนด้วยไฟแห่งความหวัง
ขณะเดียวกัน เกล็นฮาลตะโกนหน้าเครียด
“กระหม่อมไม่ทราบว่าอีธานจะรับมือแกรนมาสเตอร์ได้อีกนานแค่ไหน แต่ฝ่าบาทต้องรีบหนีไปให้ไกล!”
ไม่มีโอกาสใดเหมาะไปกว่าการอาละวาดอย่างบ้าคลั่งของอีธานอีกแล้ว
เมื่อเกล็นฮาลกล่าวจบ ฮวนเดอร์แสดงสีหน้าลังเลทันที
“เจ้าหมายถึงให้เราสละบัลลังก์หนีและถูกผู้คนทั่วทวีปหัวเราะเยาะเอาน่ะหรือ?”
แต่ถ้านายตายไปตอนนี้ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเหมือนกัน… กริดพลันห่อเหี่ยวเมื่อได้ยินทัศนคติหัวรั้นของมหาจักรพรรดิ
ชานสเลอร์ช่วยโน้มน้าว
“อีธานถ่วงเวลาแกรนมาสเตอร์ได้ไม่นานแน่ อีกไม่ช้าคงหมดสภาพ พวกเราต้องเร่งมือสร้างระยะห่างจากแกรนมาสเตอร์ให้ไกลเข้าไว้ มันจะได้ไม่มีเวลาฟื้นฟูพลังชีวิตนานนัก”
“แต่ว่า…”
“ฝ่าบาท ท่านไม่ควรปล่อยให้แผนกวาดล้างกบฏ ในคราวเดียวหลุดมือ”
“…เข้าใจแล้ว”
ฮวนเดอร์ตัดสินใจคลายความดื้อรั้น
มหาจักรพรรดิและสองดยุค เบอินและชานสเลอร์ รวมถึงกริดและปิอาโร่ ทั้งหมดทยอยเข้าไปในทางเดินลับซึ่งถูกบอกต่อเฉพาะผู้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิแต่ละรุ่นเท่านั้น
ขอบคุณครับ
ReplyDeleteมันส์~~~~~
ReplyDelete😁👍
ขอบคุณมากครับ