จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1080



ซู่ววว—!


ปราณสีชาดปริมาณมหาศาลพวยพุ่งออกจากดาบรอบทิศ หลับใหลให้ทุกสรรพสิ่งกลายเป็นสีแดงฉานเข้มข้นชั่วขณะ


สว่างถึงขนาดว่า กริดและพรรคพวกซึ่งถูกส่งลงมายังเขตรอบนอกวังหลวง สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


“แดงยังกับร้านขายเนื้อ…*”


(*ร้านขายเนื้อในเกาหลีชอบเปิดไฟสีแดงสว่างให้เนื้อดูคล้ายสดใหม่)


นั่นคือความประทับใจแรกของกริด


ชายหนุ่มตะโกนออกไปตามความรู้สึก โชคดีว่าบาซาร่าไม่ได้ยิน


ไม่สิ เธออาจได้ยิน แต่สมาธิไม่สามารถจดจ่อกับคำพูดของใครได้ เนื่องจากความกังวลเพ่งไปยังวังหลวงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


“แดงฉานไปหมด… เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


“คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ องค์ชายสี่เสียสตินั่นก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก…?”


บรรดาคนสนิทของบาซาร่าต่างแสดงสีหน้ากระวนกระวาย พวกมันสัมผัสถึงลางร้าย


ทันใดนั้น คำอธิบายของบาซาร่าทำให้ทุกคนถึงคราวกระจ่าง


“นั่นคือปราณสีชาด”


“ปราณสีชาด…!”


เมื่อพวกมันทราบถึงต้นตอของแสงสีแดงเข้มข้นรอบกรุงไททัน ความวิตกกังวลพวกมันพลันคลายลงหลายส่วน


ปราณสีชาดคือสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์


จากมุมมองผู้รับใช้ตระกูลบาซาร่าซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ ไม่มีพลังในทวีปตะวันตกสามารถทัดเทียมปราณสีชาดได้


“แผ่ขยายได้ไกลถึงเพียงนี้เลยหรือ? ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิแข็งแกร่งเอาเรื่องเหมือนกัน…”


เกือบทุกคนเชื่อว่านี่คือปราณสีชาดของมหาจักรพรรดิ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะในทางสามัญสำนึก ไม่ควรมีบุคคลใด ถือครองปราณสีชาดทรงพลังกว่าผู้ปกครองสูงสุดแห่งทวีปไปได้


แต่บาซาร่าทราบดี


เธออาจไม่มั่นใจว่าขอบเขตปราณสีชาดของมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ไปสิ้นสุดตรงไหน แต่เธอมั่นใจว่า แสงปราณสีชาดเมื่อครู่อยู่นอกเหนือสามัญสำนึกเชื้อพระวงศ์รุ่นปัจจุบันมากเกินไป


‘ของใครกัน…?’


คุณสมบัติหลักของปราณสีชาดคือการทำปฏิกิริยากับสสารบนวัตถุ


ในกรณีปกติ เชื้อพระวงศ์จะหมั่นพัฒนาขุมกำลังโดยการฉีดปราณสีชาดเข้าไปในเนื้อโลหะบางชนิดเพื่อเสริมแกร่ง จากนั้นก็แจกจ่ายไปยังเหล่าขุนพลและอัศวินประจำตัว


แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันนั้นมีข้อยกเว้น เนื่องจากมันผูกขาดมิธริลนิลไว้แต่เพียงผู้เดียว อาวุธชุดเกราะในการครอบครองของฮวนเดอร์จึงทรงพลังกว่าฝ่ายใดทั้งหมด


ถึงกระนั้น… มีหนึ่งสิ่งไม่ควรมองข้าม


เมื่อปราณสีชาดเสริมพลังวัตถุได้ มันก็สามารถดูดกลืนพลังออกจากวัตถุได้เช่นกัน


อย่างไรก็ตาม ปราณสีชาดของเชื้อพระวงศ์ยุคสมัยปัจจุบัน อ่อนแอเกินกว่าจะใช้ดูดซับพลังออกจากวัตถุ จึงไม่มีใครนิยมใช้พลังสีชาดในรูปแบบดังกล่าวมากนัก เกือบทั้งหมดเลือกฉีดเข้าวัตถุเพื่อเสริมแกร่งให้กองทัพ


‘หากมีปราณสีชาดรุนแรงขนาดนี้ บุคคลผู้นั้นสามารถดูดกลืนพลังของวัตถุทุกชนิดรอบตัว… และได้รับพลังเหนือจินตนาการไปครอง’


สีหน้าบาซาร่าพลันดำมืด


เธอมีลางสังหรณ์ว่า มหาจักรพรรดิอาจกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ


ขณะเดียวกัน คนสนิทบาซาร่าเริ่มอ่านบรรยากาศออก


“แล้วทำไมฝ่าบาทต้องใช้ปราณสีชาดปริมาณขนาดนี้ในคราวเดียว…?”


“หรือกบฏ องค์ชายสี่จะแอบซุ่มโจมตีฝ่าบาทในวังหลวง?”


ทันใดนั้น กองทัพม้าหลักหมื่นพลันระส่ำ พวกมันต่างจ้องมองบาซาร่าด้วยท่าทีกระวนกระวาย


บาซาร่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจอย่างห้าวหาญ


“ตีฝ่าเข้าวังหลวง… พวกเราต้องรีบไปให้ถึงท้องพระโรงเพื่อช่วยฝ่าบาท”


เมื่อคำสั่งบาซาร่าจบลง เหล่าขุนนางคนสนิทพลันทักท้วงด้วยความห่วงใย


“ทหารหลวงกำลังปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด หากพวกเราบุกเข้าไปด้วยกำลัง คงไม่แคล้วต้องห้ำหั่นเอาชีวิตกับคนเหล่านั้น


“กว่าจะตีฝ่าเข้าไปถึงข้างใน กองทัพพวกเราคงสูญสิ้นจนไม่สามารถกระทำการใดได้”


“ท่านบาซาร่า สิ่งนี้คือลิขิตสวรรค์ พวกเราคงช่วยฝ่าบาทไม่ได้แล้ว”


“ใช่ขอรับ พวกเราควรปิดล้อมวังหลวงไว้ก่อน จากนั้นก็ขอกำลังเสริมจากคฤหาสน์ เมื่อทัพหลักมาถึง ค่อยเริ่มปฏิบัติการตีฝ่าวังหลวงเข้าไปเต็มกำลัง ต่อให้ฝ่าบาทสิ้นลมไปแล้ว ก็ยังพอมีโอกาสจัดการกับฝ่ายกบฏ อยู่บ้าง”


ตามหลักสืบบัลลังก์ บาซาร่าอยู่ลำดับห้า หรือก็คือ เป็นรองเพียงองค์ชายทั้งสี่เท่านั้น


แต่สำหรับเธอ ยังเร็วเกินไปหากคิดเรื่องสืบบัลลังก์ตอนนี้


‘อันตรายเกินไป… เรารู้ยังจักแกรนมาสเตอร์ไม่มากพอ’


แตกต่างจากเหล่าองค์ชายเลือดร้อนหรืออดีตจักรพรรดิองค์ก่อน บาซาร่าไม่เคยออกศึกทำสงครามเลยสักครั้ง


ไม่ใช่เพราะอ่อนโยนหรือขี้ขลาด แต่เธอเป็นคนยึดหลักเหตุและผลมาก่อน


บาซาร่ามองว่า การร่วมมือกับอาณาจักรเล็กรอบนอกและกลุ่มชนเผ่าคือทางเลือกฉลาด ความร่วมมือทางเศรษฐกิจมีแต่จะยิ่งช่วยให้จักรวรรดิเจริญก้าวหน้าอย่างไม่เคยเป็น


บรรพบุรุษได้พิสูจน์แล้วว่า สงครามเหยียบย่ำคนอ่อนแอและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่เคยเสริมประโยชน์อันใด ตรงกันข้าม ยังสูญเสียเสบียงและไพร่พลอย่างไร้ค่า


เธอไม่ทราบเลยว่า แกรนมาสเตอร์ผู้คอยรับใช้จักรพรรดิทุกรุ่นในเงามืด จะยอมรับหลักความคิดทางสันติภาพของตนหรือไม่


‘ดูเหมือนแกรนมาสเตอร์จะเป็นผู้กำหนดบุคคลดำรงตำแหน่งจักรพรรดิตั้งแต่สมัยฝ่าบาทพระองค์ก่อนแล้ว… ห้ามลืมเรื่องนี้เด็ดขาด’


หรือก็คือ หากขัดใจกับแกรนมาสเตอร์ ตำแหน่งในจักรวรรดิก็จะสั่นคลอนทันที และค่อนข้างแน่นอนว่า พลังอำนาจของแกรนมาสเตอร์จะอยู่เหนือจักรพรรดิองค์ใหม่


บาซาร่าตัดสินใจไม่แย่งชิงบัลลังก์จนกว่าจะทราบเจตนาแท้จริงของแกรนมาสเตอร์ เธอไม่ต้องการเป็นหุ่นเชิดไร้สมองให้อีกฝ่าย


ฉะนั้น


“พวกเราจะเข้าไปช่วยฝ่าบาท พระองค์ยังมีชีวิตอยู่!”


บาซาร่าเพิกเฉยต่อคำเตือนของเหล่าขุนนางคนสนิท เธอส่งสัญญาณเริ่มเคลื่อนทัพม้าเข้าใกล้กำแพงวังหลวง


กร่อก! กร่อก! กร่อก! กร่อก!


เมื่อม้ากว่าหมื่นตัวออกวิ่งพร้อมกัน เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมดุจดังฟ้าถล่ม หมู่นกน้อยจากบ้านเรือนและกิ่งไม้ต่างรีบบินหนี


“ท่านราชาโอเวอร์เกียร์”


หลังจากสั่งเคลื่อนทัพ เธอหันมาพูดกับกริด


ขณะอยู่บนเกาะเทพสงคราม บาซาร่าเคยสัมผัสพลังเวทปริมาณมหาศาลของกริดผมขาวอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าราชาโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าแกรนมาสเตอร์


“กองทัพของพวกเราคงใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะตีฝ่าเข้าเขตวังหลวงสำเร็จ ท่านช่วยรุดหน้าเข้าไปหาฝ่าบาทก่อนได้หรือไม่”


หากพิจารณาดูให้ดี คำขอร้องของบาซาร่ามีค่ามากพอให้กริดตอบตกลง


จุดประสงค์ของชายหนุ่มคือ สานสัมพันธ์ระหว่างโอเวอร์เกียร์และซาฮารันให้คืบหน้า หากตนช่วยชีวิตฮวนเดอร์ในคราวนี้ จะถือเป็นทางลัดเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในพริบตา


ฉะนั้น


“ไม่มีปัญหา”


ชายหนุ่มตอบรับข้อเสนอทันควัน คล้ายกับรอให้อีกฝ่ายขอร้องนานแล้ว


มุมปากของหญิงสาวยกโค้งอย่างมีความสุข


“แม้ด้านในจะเป็นดินแดนแปลกถิ่นและเต็มไปด้วยอันตราย… แต่ท่านกลับไม่ลังเล”


ในวินาทีนี้ กริดได้เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับบาซาร่าจนถึงค่าสูงสุด ชนิดว่า หากชายหนุ่มขอแต่งงาน เธอก็พร้อมไปฮันนีมูนได้ทันที


ขณะกริดหยิบหน้ากากหนังของเฟย์ริสออกมาสวม บาซาร่ามอบคำแนะนำเล็กน้อย


“ดิฉันทราบว่าท่านแข็งแกร่ง แต่ได้โปรดระวังตัวด้วย ภายในวังหลวงมีบุคคลหัวกะทิซึ่งชำนาญแต่ละด้านสุดโต่ง อาจลอบซุ่มโจมตีใส่ท่านในยามเผลอ กรุณาอ่านสถานการณ์ให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ชีวิตของผู้ช่วยเหลือสำคัญกว่าผู้ถูกช่วย”


“เข้าใจแล้ว”


กริดพยักหน้าตอบ


<หน้ากากหนังของเฟย์ริส>

เกรด : เลเจนดารี (ก้าวข้าม)

ความทนทาน : 10/10 (ซ่อมแซมไม่ได้)

สร้างจากฝีมือเฟย์ริส โดยการนำหนังมนุษย์มาเป็นวัสดุ

มันคือสุดยอดหน้ากากสำหรับปลอมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ผลจากพลังเวทมนตร์ของเฟย์ริส ผู้สวมจะไม่เปลี่ยนแปลงแค่ใบหน้า แต่ยังรวมถึงรูปร่างและน้ำเสียง

* สามารถปลอมตัวได้เฉพาะเป้าหมายคุ้นเคย

* เพื่อให้คุ้นเคย ท่านต้องพูดคุยกับเป้าหมายอย่างน้อย 100 คำพูด

* ยิ่งเป้าหมายมีค่าความสัมพันธ์มาก ความคุ้นเคยก็ยิ่งมาก

* ระยะเวลาปลอมตัวขึ้นอยู่กับความคุ้นเคย

* สามารถเลียนแบบได้เฉพาะรูปลักษณ์และน้ำเสียงของเป้าหมายเท่านั้น กรุณาระวังเรื่องกิริยาท่าทางขณะปลอมตัว

ระยะหน่วง : 12 ชั่วโมง

เลเวลขั้นต่ำ : 380 หรือสูงกว่า

น้ำหนัก : 2


“ฉันไปก่อนนะ”


กริดกล่าวขณะสวมหน้ากากเสร็จสิ้น


โทนเสียงเหมือนบาซาร่าทุกประการ


ถูกต้อง… เพื่อให้ผ่านด่านตรวจตราของทหารหลวงง่ายดาย กริดเลือกปลอมตัวเป็นหนึ่งในเจ็ดดยุคอย่างบาซาร่า


ใบหน้าหญิงสาวพลันแดงก่ำ


“น…นั่น”


“…?”


“ตรงอกของท่านบวมพองออกมา นั่นคือนุ่นใช่ไหม ดิฉันเชื่อไม่ลงว่า เวทมนตร์ของจอมอสูรจะสามารถเลียนแบบอวัยวะมนุษย์ได้ทุกส่วน”


“อา… แน่นอน”


กริดตอบกลับกระอักกระอ่วน


…มันไม่สามารถเล่าความจริงออกไปได้


***


วังหลวงไททันคือหัวใจของกรุงไททัน มหานครแห่งความมั่งคั่งและศูนย์กลางความยิ่งใหญ่ของทวีป


แต่ไททันในปัจจุบัน แตกต่างจากไททันซึ่งกริดเคยมาเยือนสมัยอดีต


อัศวินหลายร้อยกำลังควบม้าไปตามถนน เกิดการต่อสู้ประปรายหลายแห่ง บ้านเรือนบางส่วนถูกวางเพลิงลุกไหม้ ครอบครัวเร่ร่อนทำได้เพียงหลบมุมร่ำไห้อย่างโศกเศร้า


…หายนะของจริง


‘สงครามกลางเมืองเริ่มขึ้นแล้วสินะ’


ตรงกับความกังวลของบาซาร่าไม่มีผิด


ต้องรีบแล้ว…


ปัจจุบัน โอกาสสร้างบุญคุณกับจักรพรรดิอยู่ตรงหน้าแล้ว นับว่าพบได้ไม่บ่อยนัก กริดไม่ควรว่อกแว่กมัวเดินปลอบใจชาวเมือง ไม่อย่างนั้นคงไปไม่ถึงท้องพระโรงแน่


“นั่นท่านบาซาร่าไม่ใช่หรือ?”


ขณะเดินผ่านเขตพลเรือน อัศวินกลุ่มหนึ่งควบม้าหยุดตรงหน้ากริดผู้กำลังปลอมตัวเป็นหญิงสาว มันตัดสินใจซักถามขณะกลุ่มอัศวินลงจากม้าเพื่อทำการคารวะ


“พวกเจ้ากำลังค้นหาคนทรยศอีธานใช่ไหม”


“ข…ขอรับ!”


“สถานการณ์ในวังหลวงเป็นอย่างไรบ้าง”


“ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ทางเราก็ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดเช่นกัน แสงสว่างสีแดงได้ทำให้ทุกคนเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ภายในท้องพระโรงยังมีสองดยุคกับห้าเสาหลัก ทำให้โล่งใจไปหลายส่วน”


“ขอบคุณ… เชิญปฏิบัติงานต่อ”


“ขอรับ!”


พวกมันทั้งหมดแหวกทางเปิดถนนให้กริดเดินผ่านเข้าไปในวังหลวง


ชายหนุ่มครุ่นคิด


‘ไม่ว่าจะมองมุมใด การกระทำของอีธานก็เหมือนคนเสียสติไม่มีผิด…’


เล็ดลอดผ่านสายตาทีมค้นหา แทรกซึมและลอบโจมตีองค์จักรพรรดิภายในท้องพระโรง จากนั้นก็เกิดการต่อสู้กัน จนปราณสีชาดฮวนเดอร์ฉาบทุกสิ่งให้กลายเป็นสีแดงฉาน…


อย่างนั้นหรือ?


กริดคิดหาความเป็นไปได้อื่นไม่ออก


ถึงกระนั้น อีธานมีพลังมากพอจะเป็นภัยคุกคามต่อองค์จักรพรรดิด้วยหรือไง?


เมื่อสักครู่ กลุ่มอัศวินเล่าว่า ดยุคสองคนก็อยู่ภายในท้องพระโรงด้วย คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเกล็นฮาลและมอริส รวมถึงยังมีห้าเสาหลักคอยคุ้มครองไม่ห่าง


แต่เหนือสิ่งอื่นใด พลังต่อสู้ของฮวนเดอร์นั้นน่าหวาดหวั่นกว่าใครทั้งหมด


ต่อให้อีธานถูกกำหนดเป็น ‘บอสใหญ่’ และได้ครอบครองพลังสุดโกง แต่นั่นก็ไม่มากพอจะเอาชนะกลุ่มสุดยอดตัวตนบนทวีปตะวันตกได้พร้อมกัน


‘ต้องเร่งมือแล้ว’


ไม่อย่างนั้น เหยื่อให้แสดงฝีมืออาจถูกเชือดทิ้งจนหมดเสียก่อน


ปัจจุบันอาจยังพอทันการ หากตนปรากฏตัวในจังหวะเหมาะสม คงซื้อใจมหาจักรพรรดิได้ไม่มากก็น้อย


เมื่อคิดได้เช่นนี้ กริดยิ่งเร่งความเร็วตัวเอง


ทว่า ร่างกายของหญิงสาวส่งผลให้มันเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกนัก


นอกจากจะไม่คุ้นเคย แขนขายังเรียวยาว สะโพกใหญ่ และหน้าอกกระเด้งกระดอนไปมา


กริดนึกอยากจะจับไว้ให้นิ่งๆ เพื่อจะได้วิ่งเต็มฝีเท้า แต่หลังจากจินตนาการถึงใบหน้าอันสง่างามของบาซาร่า ชายหนุ่มรู้สึกผิดจนมือไม้สั่น


‘โธ่เว่ย…’


ใช่เวลามัวกังวลเรื่องเล็กน้อยไหม?


กริดกลืนความรู้สึกผิดบาปลงคอ มันใช้มือคว้าสองเต้าของสาวสวยพร้อมกับสับเต็มสปีด


ผิวสัมผัสช่าง…


ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ


***


‘เลวร้ายขนาดนี้เชียว…’


เมื่อกริดเริ่มใกล้ท้องพระโรง สถานการณ์ย่ำแย่ยิ่งกว่าเขตด้านนอกหลายเท่า


ภายในโถงทางเดินยาว ผนัง เพดาน และเสาหินล้วนถูกอาบด้วยคราบโลหิตสีแดงฉาน รวมถึงเสียงครวญครางอัศวินใกล้ตายร้องระงม


“ท…ท่านบาซาร่า…”


“อ…อัศวินสีชาด… พวกมันทรยศ”


“ฝ่าบาทกำลังเป็นอันตราย…”


ฝ่ายทหารหลวงกำลังนอนจมกองเลือด แต่ละคนฝืนกล่าวพลางกระอักโลหิตแดงก่ำ


กริดคาดเดาสถานการณ์ไว้แล้ว มันรีบสลับมีดสั้นอุดมคติออกมาบัฟพลิ้วไหว


‘องค์จักรพรรดิกวาดล้างอัศวินสีชาดล้มเหลว ผลจึงลงเอยแบบนี้สินะ’


ตำแหน่งอัศวินสีชาดไม่ได้ถูกจับสลาก พวกมันแข็งแกร่งอย่างแท้จริง หากอัศวินหลักเดียวร่วมมือกันทั้งหมด และยังมีหน่วยจักรกลเวทมนตร์ของอีธาน ไม่แปลกถ้าจะก่อความวุ่นวายได้มากเพียงนี้


ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับกริด


ยิ่งมีเหยื่อให้แสดงฝีมือมากก็ยิ่งดี


ฉึบ—!


ขณะกริดคนใหม่วิ่งผ่านโถงทางเดินด้วยความเร็วสูง พลังเหนือมนุษย์ช่วยส่งเสริมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับสิ่งรอบตัว


เคร้ง—!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


ยิ่งเข้าใกล้ท้องพระโรง เสียงกรีดร้อง เสียงระเบิด และเสียงโลหะกระทบกันก็ยิ่งดังเข้มข้น


หลังจากบัฟพลิ้วไหวหมดลง ชายหนุ่มตรวจสอบสถานะของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งก่อนเข้าร่วมสงคราม


‘สมบูรณ์แบบ…’


ทักษะติดระยะหน่วงเดียวคือพลิ้วไหว


ทักษะสุดโกงทุกชนิดอยู่ครบถ้วน หลอดมานาและพลังชีวิตเต็มเปี่ยม หลอดค่าเรี่ยวแรงลดลงเพียงเล็กน้อย


‘ก่อนห้าเสาหลักจะฆ่าอัศวินสีชาดจนหมด เราต้องโผล่หน้าไปแสดงฝีมือให้องค์จักรพรรดิได้เห็นบ้าง… ขอให้ทันทีเถอะ’


มันตัดสินใจถอดหน้ากากเฟย์ริสออก


ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากปิดบังฮวนเดอร์และห้าเสาหลัก สิ่งสำคัญคือความประทับใจแรก


หากพวกมันซักถามว่า ตนมาทำสิ่งใดในเขตวังหลวง ชายหนุ่มเตรียมคำตอบเชิงบวกน่าฟังไว้ล่วงหน้าแล้ว


บึ้ม—!


ใกล้เต็มที…


สุดทางเดินยาวตรงหน้า กริดมองเห็นกลุ่มอัศวินสวมชุดเกราะสีแดงฉาน


สถานการณ์เป็นไปตามคาดทุกประการ


ยกเว้น…


บึ้มมม—!


แกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์


และเกราะอสูร ชานสเลอร์


กริดพลันประหลาดใจเมื่อเห็นสองในห้าเสาหลักกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด


‘หมายความว่ายังไง?’


มีหนึ่งคนอยู่ฝั่งอีธาน…?


หรือทะเลาะกันเองด้วยเหตุผลอื่น…?


สายตามันเหลือบมองเข้าไปในท้องพระโรง


แล้วก็ได้เห็น…


อีธานกำลังใช้ดาบจ่อคอจักรพรรดิ


เกล็นฮาลและมอริสคุกเข่าแน่นิ่ง ส่วนเบอินนอนหมดสภาพพร้อมบาดแผลชุ่มร่าง


‘อีธานแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?’


สิ่งสำคัญไม่ใช่การหาคำตอบ แต่ต้องช่วยฮวนเดอร์ให้รอดจากวิกฤติ


เพื่อบรรลุแผนจับมือเป็นพันธมิตร เพื่อรักษาชีวิตสองดยุคผู้ฝ่าฟันอันตรายหนแล้วหนเล่ามาด้วยกัน


แต่ด้วยวิธีใด…?


บึ้ม!! บึ้ม!


คลื่นพลังรุนแรงจากแกรนมาสเตอร์และชานสเลอร์ได้แผ่กระแทกร่างชายหนุ่มจนเซเสียหลัก


สัตว์ประหลาดสองตนกำลังประหัตประหารด้วยพลังทั้งหมด กริดประเมินว่า ตนไม่สามารถเอาชนะใครสักคนในพวกมันได้ แม้จะเปิด ‘เสมือนเทพ’ และ ‘ร่างมืด’ เข้าสู้


ชายหนุ่มตัดสินใจปล่อยสิงโตกัดกันไปก่อน


‘บราฮัม… นายอยากตื่นไหม?’


กริดพยายามเรียกบราฮัมจากภายในจิตใต้สำนึก แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา บราฮัมซึ่งเข้าสู่ภาวะหลับใหลยาวนาน คงยังไม่ถึงเวลาตื่นในเร็ววันแน่นอน


> กริด! อย่ามาขัดขวาง!


ขณะเดียวกัน มันได้รับข้อความเสียงส่วนตัว


มาจากซีบาล


เมื่อมองไปรอบตัว กริดเหลือบเห็นซีบาลกำลังยืนรวมกับกลุ่มนักขับจักรกลเวทมนตร์หน้าประตูก่อนเข้าท้องพระโรง


สีหน้ากริดพลันตึงเครียด


ขนาดจักรกลเวทมนตร์ยังไม่เข้าร่วม ฝ่ายห้าเสาหลักและจักรพรรดิยังพ่ายแพ้ยับเยินขนาดนี้เชียวหรือ


ถ้าอย่างนั้นก็ต้อง…


“อัญเชิญอัศวิน!”


ชายหนุ่มหวนนึกถึงปิอาโร่


ในสถานการณ์เช่นนี้ มีแม้ต้องจั่วไพ่สูงสุดออกมาจากกองเท่านั้น และยังคงไม่ลืมว่า ปิอาโร่เคยเป็นวีรบุรุษของเหล่าอัศวินสีชาดเมื่อหลายสิบปีก่อน กริดเคยเห็นปฏิกิริยาตกตะลึงหลายครั้งหลายหน จนเริ่มคิดว่าอาจนำมาใช้ประโยชน์ได้ในสักวัน


“ปิอาโร่!”


[อัศวินขอบท่านตอบรับคำอัญเชิญ]


ข้อความระบบแสดงขึ้นแทบจะในพริบตา


กริดจ้องมองแผ่นหลังของบริวารผู้ภักดีซึ่งตอบรับคำเรียกหาโดยไม่ลังเล


ภายในใจสวดภาวนา


‘ปิอาโร่… ได้โปรดอย่าตาย’


ตนจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด


ท่ามกลางสายตาจำนวนมาก กริดออกคำสั่ง


“ปิอาโร่… ขอโทษสำหรับคำสั่งเอาแต่ใจ ได้โปรดช่วยชีวิตมหาจักรพรรดิด้วย”


จะลังเลสักหน่อยก็ได้นะ… ฉันไม่ถือ


กริดคิดในใจ


“ขอรับ ฝ่าบาท”


น่าประหลาด ปิอาโร่ตกปากรับคำทันทีโดยไม่คิดให้รกสมอง มันหยิบอุปกรณ์ทำฟาร์มออกจากเอวพร้อมกับวิ่งตะลุยผ่านทางโถงเดินเข้าไปในท้องพระโรงซึ่งมีกลุ่มอัศวินยืนเรียง


อัศวินหญิงผู้หนึ่งกระโดดขวางทางไว้ แต่ก็ถูกจอบสั้นซัดใส่จนล้มนอนโดยไม่รู้ชะตากรรม


“ท…ท่านปิอาโร่…!”


อัศวินสีชาดคนอื่นพลันร่างกายแข็งทื่อ


ไม่มีใครกล้าขวางทาง… ยกเว้นหนึ่งคน


“อย่ามาขวาง!!”


ผู้เล่นซีบาลซึ่งยืนอารักขาหน้าประตูห้อง มันทำการอัญเชิญจักรกลเวทมนตร์ออกมารับมือ


ไรเดอร์สสูงใหญ่เสียดเพดานโถง เล็งแทงหอกยักษ์คล้ายต้นเสาใส่ปิอาโร่โดยไม่ลังเล


ทันใดนั้น


“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบสอง เร่งโต!”


ครืนนนน!


ต้นถั่วสีเขียวงอกเงยจากพื้นพร้อมกับปัดป้องหอกมหึมาไว้ทันท่วงที


ไม่เพียงป้องกัน แต่พวกมันยังเลื้อยพันธนาการแขนขาของไรเดอร์สจนแน่นถนัด


หงึก! หงึกหงึก!


ซีบาลพลันหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่าไรเดอร์สจะขยับไม่ได้อีกสักพัก


“บ้าบอสิ้นดี!”


ในอดีต ซีบาลเคยถูกปิอาโร่สร้างความอับอายต่อคนทั้งโลกมาแล้วหนหนึ่ง เกิดเป็นตำนานชาวนาเสียสติแห่งซาทิสฟายอันโด่งดัง


เนื่องจากประจักษ์การต่อสู้ระดับเหนือมนุษย์ระหว่างแกรนมาสเตอร์และชานสเลอร์ ซีบาลจึงหลงลืมชั่วขณะว่าปิอาโร่เองก็เป็นหนึ่งในสุดยอด NPC ทรงพลังของทวีป


ผลลัพธ์นำพาไปสู่ความประมาท จนถูกตรึงอย่างหมดสภาพนานสามวินาทีเต็ม


ซึ่งนับว่ามากโขในการต่อสู้ระดับสูง


ปิอาโร่พุ่งผ่านด่านกีดขวางและเข้าไปในท้องพระโรงได้สำเร็จ


เคร้ง—!


ดาบซาฮารันปะทะกับเคียวสั้นเปื้อนเศษดิน


ภาพปิอาโร่ไม่ถูกสยบโดยปราณสีชาด ได้สร้างความประหลาดใจให้ทั้งอีธานและสามดยุค


“การเป็นตำนานได้ทำลายพันธนาการ…?”


เสียงอันขื่นขมเจือความเศร้าดังแว่ว


ไม่ใช่เสียงใครอื่นนอกจากจักรพรรดิฮวนเดอร์


ขณะเดียวกัน… ทางฝั่งกริด


“น่าแปลก… เจ้าฝ่าด่านถึงท้องพระโรงได้รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ”


ชายหนุ่มกำลังยืนเผชิญหน้าแกรนมาสเตอร์


“พรสวรรค์น่าสนใจมาก… ยิ่งทวีความคาดหวังของเรามากขึ้นไปอีก”


“นายต้องการอะไรจากฉัน?”


กริดไม่กล้าขยับตัวบุ่มบ่าม


มันอาจยังมีไพ่ตายเก็บซ่อนอยู่ ทั้งอัสโมเฟล เมอร์เซเดส โนลล์ จู๊ด และสิบวีรชนฯ แต่ชายหนุ่มไม่สามารถงัดไพ่ตายทั้งหมดออกมาใช้ในคราวเดียว


ด้านอัสโมเฟลและเมอร์เซเดสยังไม่เหมาะจะอัญเชิญ เนื่องจากทั้งสองอยู่ในภารกิจตามหาอดีตอัศวินสีชาด


ส่วนโนลล์เป็นอสูร และจู๊ดเป็นไอ้โง่


เหนือสิ่งอื่นใด กริดมีไอเท็มฉุกเฉินซึ่งช่วยรักษาชีวิต NPC อยู่เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น และเป็นเหตุผลให้มันกล้าเรียกปิอาโร่ออกมา


ลูกท้อขาว


<ลูกท้อขาว>

ลูกท้อปริศนา เติบโตในสวนสวรรค์เท่านั้น

กล่าวกันว่า มันมีรสชาติคล้ายอาหารจากสวรรค์ แถมยังมีสรรพคุณยอดเยี่ยม

เมื่อทานเข้าไป ค่าพลังชีวิตและค่าเรี่ยวแรงจะกลับไปเต็มหลอดอีกครั้ง อาการผิดปรกติทุกชนิดถูกลบล้าง และค่าประสบการณ์ตัวละครเพิ่มขึ้น 30% โดยไม่สนใจเลเวล

* ทานได้ครั้งเดียวชั่วชีวิต

น้ำหนัก : ไม่มี


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายให้ควาสนใจ กริดจึงเลือกเส้นทางเจรจา


“บอกมา… นายต้องการอะไรจากฉัน”


ชายหนุ่มถามย้ำ


“เจ้าไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิบ้างหรือ?”


ในวินาทีนี้...


กริดตระหนักได้ทันทีว่า เรื่องราวทั้งหมดมีต้นเหตุมาจากบุรุษชื่อแกรนมาสเตอร์ตรงหน้า


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,470
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ😤😤🤣🤣

    ReplyDelete
    Replies
    1. ละไว้ในฐานที่เข้าใจ....... มันคงจะนุ่มนิ่มมากเลยสินะ🤣🤣

      Delete
    2. กริดจะแต่งกับบาซาร่ามั้ยเนี่ย 😏😏🙄🙄☺️☺️

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00