จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1082



[ท่านค้นพบ ‘ความลับของวังหลวง’ เป็นคนแรก!]


[ท่านค้นพบ ‘ห้องหลบภัยฉุกเฉินของมหาจักรพรรดิ’ เป็นความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อ!]


[ท่านได้รับ ‘พิมพ์เขียววังหลวง (ส่วนกลาง) ’ เป็นรางวัลจากการค้นพบคนแรก]


[‘มหาโจรราตรีสีชาด’ เริ่มให้ความสนใจในตัวท่าน จงระวังค่ำคืนแดงฉานให้ดี]


<พิมพ์เขียววังหลวง (ส่วนกลาง) >

เกรด : เลเจนดารี

พระราชวังหลวงของจักรวรรดิซาฮารันคือหนึ่งในสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมแห่งยุคสมัย ถูกออกแบบโดยความร่วมมือระหว่างสถาปนิกช่างฝีมือชาวมนุษย์และคนแคระ

พิมพ์เขียววังหลวงแบ่งออกเป็น 19 แผ่น จากบรรดาทั้งหมด โถงส่วนกลางถูกออกแบบไว้อย่างซับซ้อนแถมยังใช้เทคนิคขั้นสูง

เอกสารแผ่นนี้จะช่วยให้ผู้อ่านตระหนักถึงความลึกซึ้งของศาสตร์สถาปนิก

เอฟเฟคจากการเรียน :

- เปิดใช้งานทักษะความชำนาญก่อสร้างระดับช่างฝีมือ

- เข้าใจโครงสร้างวังหลวงเพิ่มขึ้น 10%

- โอกาสสร้าง ‘สถาปัตยกรรมลือชื่อ’ เพิ่มขึ้นหลายเท่า

เงื่อนไขการเรียน : สถาปนิก

น้ำหนัก : 0.1


‘เอ๋!?’


เจ็ดมาร


ซาฮารัน


เทพตกสวรรค์


หลังจากฟังเรื่องเล่าและตระหนักถึงตัวตนแท้จริงของแกรนมาสเตอร์ ห้วงสมองกริดจมอยู่กับข้อมูลใหม่จำนวนมากยากทำความเข้าใจ


ภายในห้องทางเดินขนาดใหญ่ โคมไฟสลัวถูกติดตั้งเพื่อให้ความสว่างในระยะหนึ่งเมตร อุโมงค์แห่งนี้คือข้อมูลลับแสนสำคัญ สมควรถูกล่วงรู้โดยมหาจักรพรรดิเพียงผู้เดียวเท่านั้น


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า มันคือห้องลับสุดยอดซึ่งหาพบได้ยากเป็นอันดับหนึ่งของทวีป


ดังนั้นเมื่อฮวนเดอร์กล้าพา ‘คนอื่น’ เข้ามาด้านในพร้อมกัน สิ่งนี้มีความหมายลึกซึ้ง


‘เขาเชื่อใจเรา…’


ไม่ใช่ระดับความไว้วางใจซึ่งเกิดจากการช่วยชีวิตไว้เพียงหนึ่งครั้ง


บางทีฮวนเดอร์อาจต้องการขอบคุณกริดเรื่องปิอาโร่มากกว่าบุญคุณช่วยชีวิตเสียอีก ชายคนนั้นให้ความสำคัญกับมิตรภาพเหนือชีวิตตัวเอง


ชีวิตซึ่งเต็มไปด้วยบาปหนา มันต้องการชดเชยให้กับผู้สูญเสียทุกสิ่งไปอย่างไม่สมควร


หากปิอาโร่ไม่ได้อยู่กับราชาโอเวอร์เกียร์ มันคงเป็นแค่คนร่อนเร่พเนจรและปล่อยให้ความเคียดแค้นกัดกินหัวใจจนวันตาย อาจถึงขั้นกลายเป็นคนเสียสติไม่รู้ภาษามนุษย์เนื่องจากต้องใช้ชีวิตลำพังเป็นเวลานาน


‘…ปิอาโร่ช่วยเราไว้ทางอ้อมสินะ’


สีหน้ากริดพลันขื่นขมเมื่อตระหนักถึงความนัยซึ่งแฝงมากับการกระทำของฮวนเดอร์


หากปิอาโร่ไม่พบกริด มันคงยังเป็นเพียงบุคคลร่อนเร่พเนจรรอวันแก้แค้นอัสโมเฟลก็จริง


…แต่ในทางกลับกัน หากกริดไม่ได้พบปิอาโร่ ตัวมันก็ไม่เป็นอย่างทุกวันนี้เช่นกัน หลากหลายเหตุการณ์ในอดีตล้วนผ่านมาได้เพราะปิอาโร่


ความสัมพันธ์กับครอเกลเริ่มขึ้นเพราะปิอาโร่ พื้นฐานเทคนิคดาบทั้งหมดถูกก่อตัวเป็นรูปร่างโดยการฝึกสอนจากปิอาโร่อย่างเข้มงวด


…ใช่แล้ว กล่าวกันตามตรง กริดไม่ใช่ผู้มีพระคุณของปิอาโร่เลยสักนิด ตรงกันข้าม ปิอาโร่ต่างหากคือผู้มีพระคุณตัวจริงของกริด


ทั้งสองต่างมอบสิ่งเติมเต็มให้กัน รวมถึงเคารพในฝีมือของกันและกัน เป็นสหายซึ่งมีสถานะเท่าเทียม


ด้วยเหตุนี้


‘…ปิอาโร่ ทำไมนายถึงยอมทำตามคำขอร้องเห็นแก่ตัวของฉันโดยไม่ลังเล?’


ไม่ว่าจักรพรรดิจะคิดอย่างไรกับปิอาโร่


แต่ในมุมมองปิอาโร่ อีกฝ่ายคือศัตรูคู่อาฆาตซึ่งสมควรตายเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ฮวนเดอร์คือจักรพรรดิผู้ออกคำสั่งล้างบางตระกูลปิอาโร่จนสิ้นซาก แม้ดยุคหลายคนจะพยายามคัดค้านแล้วก็ตาม ศีรษะของขุนพลคนสนิท คนในครอบครัว ล้วนถูกตัดเสียบประจานอย่างเหี้ยมโหด


…แต่ปิอาโร่ก็ระงับความโกรธ


ถึงภายในใจต้องการฆ่าฟันฮวนเดอร์มากเพียงใด แต่เมื่อกริดขอร้องให้ช่วย มันก็ช่วย


แม้จะไม่ได้แสดงออกมา แต่ภายในใจปิอาโร่คงกำลังขัดแย้งรุนแรง กริดย่อมเข้าใจความรู้สึกของปิอาโร่ดีกว่าใคร ชายหนุ่มกำลังแสดงสีหน้าสำนึกผิด


ขณะเดียวกัน


‘…ขอโทษ คาซิม’


ศิษย์แห่งลันเทียร์ เพื่อนสนิทของโดรัน และยังเป็นอาจารย์ให้ลอร์ดกับเฟคเกอร์


ในฐานะผู้เหลือรอดคนสุดท้ายของชนเผ่านีโร คาซิมถูกจักรวรรดิพรากทุกสิ่งไปเพียงชั่วข้ามคืน


ถูกจักรวรรดิลอบจู่โจมฉับพลัน ต้องสูญสิ้นครอบครัว พวกพ้อง มิตรสหาย และชาติพันธุ์ทั้งหมด


ปัจจุบัน ปิอาโร่อาจกำลังเคียดแค้นฮวนเดอร์และแมรี่เหมือนกับอัสโมเฟล รวมถึงศาสนาชั่วอย่างวิหารยาธาน แต่เทียบไม่ได้เลยกับคาซิม ชายคนนั้นเกลียดชังทุกสิ่งทุกอย่างของจักรวรรดิ


ตัวกริดในอดีตได้อาศัยปัจจัยดังกล่าวโน้มน้าวให้คาซิมอยู่ใต้บัญชา มันเคยสาบานว่าจะแก้แค้นให้คาซิมและชนเผ่านีโรด้วยการทำลายจักรวรรดิจนสิ้นซากไม่เหลือเค้าเดิม


แต่สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างกระอักกระอ่วน กริดปรารถนาความสามัคคีมากกว่าทำลาย


ปัจจุบัน คาซิมยังอดทนเพราะเข้าใจจุดยืนของกริด แต่ความอดทนเหล่านั้นมีโอกาสหมดลงในสักวัน


…บางที อุปสรรคสำคัญของแผนจับมือเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิ อาจเหลือแค่คาซิมเท่านั้น


‘…ความแค้นคงไม่สลายไปเพียงเพราะมหาจักรพรรดิยอมก้มหัวขอโทษแค่คนเดียวแน่’


หากจักรวรรดิไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไล่ล่าชนเผ่าชายแดน คาซิมคงไม่มีวันอภัยจักรวรรดิไปชั่วชีวิต


…หากจักรวรรดิไม่เปลี่ยนแปลง คาซิมก็คงไม่สลายความแค้น


…และเมื่อถึงตอนนั้น ตนควรเลือกสิ่งใด?


ขณะความตึงเครียดภายในใจกำลังทวีคูณ


“…อึก”


ดาบซาฮารันได้ดูดซับมวลสสารของวัตถุทุกชนิดรอบวังหลวง ส่งผลให้อำนาจของมันสร้างภัยคุกคามมหาศาล


ปิอาโร่ร่างปัจจุบันซึ่งมีพลังกึ่งเทวตำนานถึงกับผงะเมื่อได้ประสานอาวุธกันครั้งแรก แม้แต่ชายคนนี้ยังสิ้นท่าหากต้องเผชิญหน้าไอเท็มสุดโกงแห่งซาทิสฟาย


…ปิอาโร่เริ่มได้สติกลับมา


“ปิอาโร่!”


“ท่านดยุคปิอาโร่!”


กริดและสองดยุคช่วยกันประคองร่างปิอาโร่อย่างระมัดระวัง


ฮวนเดอร์ยังคงสงบนิ่ง มันรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์เอ่ยนามเรียกขานปิอาโร่


“…ฝ่าบาท ทรงปลอดภัยดีใช่ไหม”


“แน่นอนอยู่แล้ว”


แปล๊บ.


เมื่อเห็นปิอาโร่ไต่ถามความปลอดภัยกริดเป็นอันดับแรกหลังจากได้สติ หัวใจฮวนเดอร์พลันปวดแปลบเหนือคำบรรยาย


ดวงตาแสนห่วงหาอาทรคู่นั่น


…แต่เดิมเคยมอบให้เราผู้เดียว


ปิอาโร่ในปัจจุบันได้กลายเป็นคนแปลกหน้าโดยสมบูรณ์


ถึงจะดีใจหลังจากรอดชีวิตมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน แต่เหตุไฉนถึงไม่มีความสุขเลยสักนิด หัวใจประสบเพียงอารมณ์ด้านชา


…ฮวนเดอร์มีนิสัยเห็นแก่ตัวเพราะเคยชินกับการได้ครอบครองทุกสิ่ง อยากได้อะไรก็ต้องได้ จนกลายเป็นบุคคลเอาแต่ใจ


มหาจักรพรรดิมิได้แยแสสภาพร่างกายตัวเอง สายตามันยังคงจดจ้องเพียงปิอาโร่ไม่กะพริบ


…เบื้องหน้าคือบุรุษผู้สูญสิ้นทุกสิ่งไปเพราะความโง่เขลาและดื้อรั้นของตน มันตระหนักว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ได้รับความเคารพจากปิอาโร่ไปชั่วชีวิต


ฮวนเดอร์ไม่ต้องการจ้องมองอีก เพราะมีเพียงความเจ็บปวดรออยู่


ขณะมหาจักรพรรดิกำลังไร้เรี่ยวแรง


“ฝ่าบาท กระหม่อมมีคำแนะนำ”


เป็นเสียงของเกราะอสูร ชานสเลอร์


ตามลำตัวปรากฏบาดแผลขนาดใหญ่ซึ่งได้รับจากแกรนมาสเตอร์ในศึกก่อนหน้า แต่มันคุกเข่าลงบนพื้นเย็นเฉียบโดยไม่กังวลสภาพตัวเอง


“ฝ่าบาทควรกล่าวคำขอโทษต่อหน้าปิอาโร่”


ว่ากันตามตรง หากนับเฉพาะปัจจุบัน ไม่มีใครในจักรวรรดิซาฮารันจงรักภักดีต่อฮวนเดอร์ไปมากกว่าชานสเลอร์อีกแล้ว


ต่อให้ฮวนเดอร์มิใช่มหาจักรพรรดิ แต่ความตั้งใจอันแน่วแน่ก็จะไม่แปรเปลี่ยน


ดังนั้นมันจึงกล้าออกปากขอร้อง


“ฝ่าบาทคือท้องฟ้า ย่อมไม่มีใครกล้าลงโทษความผิดของฝ่าบาท และไม่มีใครสมควรกระทำเช่นนั้น บุคคลเดียวซึ่งสามารถตำหนิท่านได้คือตัวท่านเอง ได้โปรดตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีตและกล่าวคำขอโทษต่อหน้าดยุคปิอาโร่ นั่นเพื่ออนาคตของตัวท่านเองทั้งสิ้น”


ขณะฮวนเดอร์ได้รับข่าวร้ายเรื่องการก่อกบฏของปิอาโร่ ขณะฮวนเดอร์ออกคำสั่งประหารชีวิตทั้งครอบครัว


…รวมถึงขณะทราบความจริงภายหลังว่าปิอาโร่ถูกใส่ร้ายปรักปรำ ทุกเหตุการณ์ ชานสเลอร์คอยอยู่เคียงข้างฮวนเดอร์เสมอมา


มันจึงเข้าถึงอุปนิสัยของมหาจักรพรรดิได้ดีกว่าใคร และเชื่อมั่นว่า ฮวนเดอร์สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้หากรวบรวมความกล้าเพื่อขอโทษปิอาโร่ต่อหน้า


“…”


มหาจักรพรรดิออกอาการลังเล


ด้วยความสัตย์จริง มันต้องการวิ่งไปหาปิอาโร่และคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อขอโทษทันที


แต่การขออภัยเพียงไม่กี่ประโยคจะช่วยให้บาดแผลในใจสมานสมบูรณ์งั้นหรือ?


แน่นอน ปิอาโร่ไม่มีทางอภัย


…อย่างน้อยถ้ามันเป็นปิอาโร่จะไม่มีทางอภัย


ดังคำแกรนมาสเตอร์ว่า ความโดดเดี่ยวและความปวดร้าวซึ่งกัดกินจิตใจฮวนเดอร์หลังความตายของจักรพรรดินีอาเรียเป็นเพียงข้ออ้าง


การทรยศมิตรสหายไม่ว่าจะรูปแบบใดไม่สมควรได้รับการอภัยทั้งสิ้น


“…”


และเมื่ออีกฝ่ายไม่ยกโทษ หมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับปิอาโร่ก็ต้องสิ้นสุดเพียงเท่านี้


การขอโทษซึ่งหน้ามันดีแล้วหรือ?


…จนแล้วจนรอด หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน มหาจักรพรรดิไม่กล้าเดินเข้าไปหาปิอาโร่ มันหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย


…แบบนั้นเจ็บปวดเกินไป ขอจมอยู่กับบาปร้ายแรงซึ่งไม่มีวันถูกแก้ไขไปชั่วชีวิตยังดีเสียกว่า


“…ฝ่าบาท”


ชานสเลอร์ถอนหายใจยาว


มันต้องการให้ฮวนเดอร์กล้าหาญเผชิญหน้าความผิดของตนอย่างเถรตรง และแน่นอน ชานสเลอร์หวังลึกๆ ว่าปิอาโร่จะไม่ให้อภัย เพราะนั่นจะช่วยให้สถาบันปกครองของจักรวรรดิเป็นปึกแผ่นและกรุยทางไปสู่แผนปราบกบฏ ได้เสียที


แต่ฮวนเดอร์ไม่กล้า


ใบหน้าชานสเลอร์พลันเศร้าหมอง แต่ก็มิได้ตำหนิหรือต่อว่าฮวนเดอร์


ยิ่งบาปร้ายแรงเท่าไร การเผชิญหน้าโดยตรงก็ยิ่งทำใจได้ยาก ในฐานะมนุษย์ด้วยกัน ชานสเลอร์เข้าใจในจุดนี้ดี


ขณะเดียวกัน ปิอาโร่ก็ยืนหันหลังให้มหาจักรพรรดิตลอดเวลา คล้ายกับไม่ต้องการเห็นอีกฝ่ายในสายตาแม้แต่น้อย



ภายในสภาพแวดล้อมคุ้นเคย ฮวนเดอร์กำลังนั่งผ่อนลมหายใจในจุดห่างออกจากกริด


ปิอาโร่มิได้เหลียวมองแม้แต่หางตา มันตัดสินใจตัดขาดจากคนทรยศแสนน่ารังเกียจนับตั้งแต่ชะตาชีวิตพลิกผันเมื่อสิบกว่าปีก่อน


ปิอาโร่ทราบดี หากตัวมันและมหาจักรพรรดิประสานสายตาตอนนี้ น้ำตาคงได้พรั่งพรูออกมาเป็นสายน้ำแน่


…หากมีความแค้นต่อใครสักคน ห้ามมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายเด็ดขาด นั่นคือกฎ


เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ ปิอาโร่จึงเอาแต่จ้องมองกริดด้วยสายตาเป็นกังวล


อย่างไรก็ตาม กริดย่อมตระหนักถึงแววตาอันไม่ปรกติของปิอาโร่ จิตใจชายหนุ่มจึงเกิดความระคายเคืองเล็กน้อย


แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของตน มันตัดสินใจไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงปัญหาคาใจระหว่างทั้งสอง


“…”


“…”


ความเงียบงันทำให้เสียงหายใจดังชัดเจน


ทุกคนกำลังรอให้ความวุ่นวายโกลาหลเหนือทางลับเงียบสงบ จากนั้นค่อยเริ่มเคลื่อนไหวต่อ


ทันใดนั้น กริดพลันตะโกนอย่างลนลาน


“…จริงด้วย! ดยุคบาซาร่า!”


“…?”


เมื่อเห็นแต่ละคนพากันขมวดคิ้วสับสน กริดรีบอธิบายร้อนรน


“…ดยุคบาซาร่ากำลังนำกองทัพเข้ามาในเขตวังหลวง!”


“บาซาร่า…?”


เสียงตอบรับแรกมาจากฮวนเดอร์


มันเพิ่งตระหนักว่า บาซาร่าไม่ได้ทอดทิ้งตน แต่กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากด้านนอกเพราะต้องนำกองทัพบุกฝ่าเข้ามาช่วยเหลือ


‘…ดีกว่าเหล่าบุตรชายไม่เอาไหนเสียอีก’


แม้กระทั่งพรสวรรค์ของเธอก็โดดเด่นกว่าใคร


ปราณสีชาดของบาซาร่าเป็นแบบพิเศษซึ่งหาได้ยากยิ่ง ‘ปราณมอบชีวิต’ แต่ข้อเสียคือจะส่งอิทธิพลต่อโลหะได้น้อยกว่าปรกติ


แต่ไหนแต่ไร กองทัพของดยุคบาซาร่ามักห้าวหาญปราศจากความสั่นคลอน เหล่าขุนนางต่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวประหนึ่งลูกแกะเชื่องต่อหน้าหล่อน


ปราณสีชาดของบาซาร่ามีพลังพิเศษสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบสสาร คล้ายกับเนตรเมอร์เซเดสซึ่งสามารถมองเห็นทุกสิ่งแม้กระทั่งอนาคต


บิดาของมันเอาชนะบิดาของบาซาร่าได้ในศึกแห่งสายเลือด และด้วยเหตุนั้น ฮวนเดอร์จึงได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน


หากผู้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิไม่ใช่ตน


…แต่เป็นหล่อน


‘อาเรียคงไม่โชคร้าย และครอบครัวปิอาโร่ก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนถึงปัจจุบัน’


ทันใดนั้น สายตาฮวนเดอร์ชำเลืองมองกริด


เป็นภาพสองดยุคและปิอาโร่ต่างกำลังช่วยเหนี่ยวรั้งร่างราชาโอเวอร์เกียร์ไว้แน่นถนัด


“…ปล่อยฉัน! ฉันจะออกไปช่วยบาซาร่า!”


“ไม่ได้นะฝ่าบาท ข้างนอกอันตรายเกินไป!”


“แต่บาซาร่าไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เธออาจถูกลูกหลงจากการต่อสู้ระหว่างอีธานกับแกรนมาสเตอร์จนถึงแก่ความตาย!”


“ดยุคบาซาร่าเป็นสตรีมากปัญญา เธอคงไม่นำพาตัวเองเข้าสู่อันตรายง่ายขนาดนั้นแน่”


“หากท่านกลับออกไป แม้แต่ชีวิตท่านเองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน!”


“แต่ฉันคืนชีพได้!! ช่างแม่มชีวิตฉันสิ!”


กริดสลัดหลุดจากพันธนาการจากสองดยุคได้ไม่ยากเย็น แต่มิอาจขัดขืนพละกำลังอันแข็งแกร่งของปิอาโร่


มีเพียงน้อยคนบนทวีปตะวันออกสามารถประลองพลังชนะบุรุษผู้นี้ได้ ลำพังจิตใจอันแน่วแน่ดื้อรั้นของกริดนั้นไม่เพียงพอ


“…ฝ่าบาท”


แววตาลุ่มลึกของปิอาโร่จ้องมองกริดอย่างไม่สั่นคลอน


“กระหม่อมทราบว่า ท่านคือมนุษย์อมตะผู้ได้รับพรจากเทพ สามารถนั่งหัวเราะได้อย่างมีความสุขแม้จะเสียชีวิตหนแล้วหนเล่า”


“…ใช่! ดังนั้นช่วยปล่อยมือ—”


“…แต่”


“…?”


“หัวใจกระหม่อมถูกกรีดแทงเสมอเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น”


“…”


“คิดว่ากระหม่อมไม่ทราบหรือ มนุษย์ถูกอวยพรทุกคนจะประสบความสูญเสียมหาศาลหลังความตาย ยังไม่รวมถึงอาการเจ็บปวดขณะได้รับบาดแผล ฝ่าบาทไม่ควรเคยชินกับความตายเยี่ยงเพื่อนสนิท”


“ป…ปิอาโร่…”


“หากกระหม่อมยังมีลมหายใจ ฝ่าบาทจะไม่มีทางตายไปต่อหน้าแน่นอน ส่วนเรื่องของดยุคบาซาร่านั้น ขอใช้ชีวิตกระหม่อมเป็นเดิมพันคงเหมาะสมกว่า”


“…?”


…ต้องล้อกันเล่นแน่ ใช่ไหม?


ขณะกริดพยายามคว้ามือปิอาโร่ซึ่งกำลังพุ่งกลับไปยังทางเข้า


“เราไปเอง”


“…?!”


ไม่มีใครคาดคิดว่าบุรุษผู้นี้จะเสนอตัว


มหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ มันกล้าสบตาปิอาโร่อย่างแน่วแน่เป็นหนแรก


ขณะยืนเผชิญแววตาอาฆาตจากอดีตเพื่อนสนิทโดยไม่สั่นคลอน ฮวนเดอร์กล่าวกับปิอาโร่ด้วยน้ำเสียงแสนสุขุม


“อัศวินผู้ถูกเจ้านายเข้าใจผิดและสูญสิ้นทุกอย่างในชั่วข้ามคืน”


“…หุบปาก”


“บุรุษผู้ถูกเพื่อนรักทรยศหักหลัง”


“…หุบปาก!!”


“…เราขอโทษจากก้นบึ้งของหัวใจ”


“หุบปาก!!”


ปิอาโร่อุดหูพลางตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าคล้ายร่ำไห้ หยดน้ำใสเริ่มไหลรินจากดวงตาแสนแดงก่ำ สองมือซึ่งถืออุปกรณ์ทำฟาร์มกำลังสั่นระริกอย่างมิอาจยับยั้ง


หลังจากมหาจักรพรรดิโค้งคำนำเสร็จ มันหันไปมองทางเบอินและชานสเลอร์


“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”


“…แต่กระหม่อมต้องคอยอยู่ข้างกายฝ่าบาทตลอดเวลา”


“…กระหม่อมมิอาจปล่อยให้ฝ่าบาทตายได้”


เบอินและชานสเลอร์กล้าขัดราชโองการโดยไม่กังวลว่าจะถูกตัดสินโทษประหาร


ต่อหน้าพฤติกรรมเสียมารยาทของคนสนิททั้งสอง ฮวนเดอร์เพียงอมยิ้ม


กึก. กึก.


มหาจักรพรรดิเดินมาหยุดข้างปิอาโร่ซึ่งกำลังยืนสั่นเทา มันหันไปมองสองดยุคและกล่าว


“เราขอมอบตำแหน่งผู้สืบทอดให้บาซาร่า ท่านทั้งสองต้องคอยสนับสนุนข้างกายเธอและเป็นประจักษ์พยานถ่ายทอดราชโองการของเรา …ดังนั้นจะได้มิได้เด็ดขาด”


“…ฝ่าบาท!!”


ฮวนเดอร์ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ มันเดินผ่านมอริสและเกล็นฮาลก่อนจะหยุดลงตรงหน้ากริด


“ราชาโอเวอร์เกียร์ เราทราบดีว่า ความเห็นแก่ตัวของเราทำให้ทุกฝ่ายไม่มีความสุข ปัญหาทั้งหมดเกิดจากตัวเราเพียงคนเดียว”


“…”


“เรามีบุตรชายทั้งหมดสี่คน อีธานซึ่งเป็นคนสุดท้องได้รวมข้อผิดพลาดของบิดาและมารดาเอาไว้ เด็กคนนั้นก่อบาปร้ายแรงยากเกินอภัย แต่บุตรของเราอีกสามคนไม่เกี่ยวข้อง”


“…”


“คนโตมีนิสัยเหมือนมารดา ฉลาดเฉลียวแต่อ่อนโยน คนรองมีนิสัยเหมือนบิดา ไร้ความสามารถและละโมบ ส่วนองค์ชายสามผิดหวังในตัวบิดาอย่างรุนแรงจึงพยายามหาวิธีต่อต้าน”


“…”


“…ได้โปรด ราชาโอเวอร์เกียร์ ช่วยชักนำบุตรชายทั้งสามของเราให้เดินบนเส้นทางถูกต้อง หากจักรพรรดิองค์ใหม่คิดกำจัดพวกเขา ได้โปรดช่วยเหลือลูกหลานของเราให้ปลอดภัย …ถือเป็นคำขอร้องสุดท้ายได้ไหม?”


…มหาจักรพรรดิยอมฝากฝังเรื่องสำคัญเช่นนี้


แน่นอน กริดไม่คิดปฏิเสธ น้ำใจเมื่อครั้งฮวนเดอร์ยอมปล่อยมือจากเมอร์เซเดสยังคงตราตรึงจวบจนปัจจุบัน


“…ตกลง”


เมื่อสิ้นเสียงกริด มหาจักรพรรดิถอนหายใจแผ่วเบาพร้อมกับเดินตรงไปยังทางเข้าช่องลับ


…ช่องลับของจักรพรรดิ ซึ่งไม่มีจักรพรรดิ


ทันใดนั้น ข้อความโลกปรากฏ


[บุคคลนิรนามกำลังเขียนบทกวีลำดับสอง]


[มหากาพย์เริ่มต้นภายในโถงทางเดินใต้ดินซึ่งมีเพียงแสงสลัวส่องสว่าง]


หน้าอกกริดพลันอัดแน่นด้วยหลากอารมณ์


[…เขาจ้องมองแผ่นหลังสุดท้ายของผู้ปกครองสูงสุดเลือนหายเข้าไปในความมืดอย่างเงียบงัน]



▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,471
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ตอนนี้เข้มข้นจรืงๆ

    ReplyDelete
  2. สุดยอด จักพรรดืคือจักพรรดิ

    ReplyDelete
  3. ผู้เล่นคนอื่น ได้แต่ยืนเกาหัว

    ReplyDelete
  4. ทำไมตอนต่อไปไม่อัพชักที่อะใครพอรู้บ้าง

    ReplyDelete
  5. ผู้เล่นทั่วโลก:เหยดแหม่มมันเอาแล้วหราว

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00