จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1057



“นี่คือเกาะสุดท้ายแล้วหรือ?”


มันเรียกขานตนเองว่าจอมอสูรลำดับสิบ


“นามของเราคือเลอราเฆ่ เป็นจอมอสูรระดับสูงจากบรรดาทั้ง 33 ตนในขุมนรก”


มือข้างหนึ่งถือหมวกปิดครึ่งหน้า ผิวหนังขาวซีดราวซากศพ ริมฝีปากแดงสดคล้ายแมวเพิ่งกินหนูเป็นมาเมื่อครู่


“เราคือราชันผู้เปี่ยมด้วยพลังและปัญญา หลักฐานคงเป็นการมาถึงเกาะลำดับ 66 ได้ง่ายดายเช่นนี้กระมัง คึคึก!”


“…”


ไม่ได้พบสิ่งมีชีวิตมานานแค่ไหนแล้วนะ?


สิบปี? หรือมากกว่านั้น?


ท่ามกลางโลกเงียบสงัดและวังเวง กาลเวลาไหลผ่านเนิ่นนานจนเราเลิกสนใจ


แต่ไม่ดีใจเลยสักนิด


น่ารำคาญฉิบ พวกจอมอสูรบัดซบที่เอาแต่พล่ามไม่หยุดพัก


“คุณสมบัติพิเศษของเราคือความดื้อรั้น เราเกลียดการพ่ายแพ้เหนือสิ่งอื่นใด และจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองชัยชนะ


“นักล่าอสูรอเล็กซ์แล้วอย่างไร? จอมอสูรตนอื่นอาจหวาดกลัว แต่ไม่ใช่กับเรา คึคึคึก!”


“…”


“หืม พูดกับอัศวินความตายไปก็ไม่เกิดประโยชน์สินะ คงไม่หลงเหลือสามัญสำนึกสมัยยังมีชีวิตแล้ว


“แต่เราคาดหวังกับเจ้ามาก หากประเมินจากดาบตรงเอว เจ้าคงเป็นอริยดาบมุลเลอร์สินะ? ตำนานผู้ผนึกจอมอสูรมากมายรวมถึงเฮลกาโอ


“แบบนั้นก็เยี่ยมเลย เราหวังอยากพบเจ้ามาตลอด จะได้พิสูจน์ให้เห็นเสียทีว่าตัวเรานั้นยอดเยี่ยมกว่าเฮลกาโอหลายขุม”


“ข้าไม่ใช่มุลเลอร์”


ไอ้ระยำนี่…


รนหาที่ตายแล้ว


เมื่อสิ้นเสียง ริมฝีปากแดงฉานของเลอราเฆ่แสยะกว้างทันที


“โฮ่? อัศวินความตายพูดได้?


“หากไม่ใช่มุลเลอร์ แล้วเจ้ามีนามว่าอะไร?”


“มาดรา กษัตริย์แห่งลูบาน่า”


“มาดราสินะ เราเคยได้ยินชื่อเจ้าสักสองสามหน น่าผิดหวังนิดหน่อย นึกว่าจะได้เอาชนะมุลเลอร์บนเกาะลำดับสุดท้ายเสียอีก”


“…”


ความหงุดหงิดพลันเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี


แพ็กม่า นายคืนชีพฉันเพียงเพราะหวาดกลัวจอมอสูรบัดซบพวกนี้เนี่ยนะ?


“ดาบสลายทัพสองแสน”


“…!”


ชีวิตหนสองปราศจากคุณค่าโดยสิ้นเชิง


ไม่มีกำลังใจจะอยู่ต่อ ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่หนเดียวนับตั้งแต่ถูกส่งเข้ามายังห้วงมิติปัจจุบัน


วันเวลาเลือนผ่านอย่างสูญเปล่า ทำเพียงแหงนมองท้องฟ้าและตัดพ้อรำพัน


แต่ฝีมือข้าพเจ้ามิได้ขึ้นสนิม


เลอราเฆ่แสนโอหังตนนั้น ใบหน้าพลันฉาบด้วยความกลัวจากก้นบึ้ง


***


ก่อนกริดจะได้เรียนดาบสลายทัพสองแสน ไดอารีมาดราหยุดค้างถึงบทที่เจ็ด


แต่ปัจจุบันเกิดความคืบหน้า


กริดเลเวล 399 และได้ครอบครองวิชาดาบทัพสองแสน ส่งผลให้สามารถอ่านไดอารีต่อเนื่องในบทถัดไป


***


“แค่ก! แค่ก!! อั่ก…


“นี่เรากำลังจะแพ้… อัศวินความตาย…?”


“ไหนแกโอ้อวดว่าไม่ชอบความพ่ายแพ้?”


“เจ้าโกหกเรา! ผู้ใช้ดาบมือฉมังเช่นนี้ไม่มีทางเป็นแค่กษัตริย์ลูบาน่าแน่! เจ้าคือมุลเลอร์เองสินะ!”


“ข้าคือราชาไร้พ่าย รังเกียจความพ่ายแพ้เหนือสิ่งอื่นใดเหมือนกับแก ตลอดชีวิตไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้แม้แต่หนเดียว”


“เหลวไหล!”


เลอราเฆ่พยายามปฏิเสธตัวตนข้าพเจ้า ขณะเดียวกันก็กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากท่าโจมตีสุดทรงพลัง


ดาบเก่าในมือข้าพเจ้ากรีดเฉือนลงบนเนื้อหนังแสนบอบบางของมัน


‘…’


นั่นคือเนื้อหาของไดอารีในช่วงถัดมา


กริดเริ่มเห็นเค้าลางของวิชาดาบทัพสองแสน


เลอราเฆ่ถูกบดขยี้แสนสาหัสภายใต้อำนาจของดาบสลายทัพสองแสนลดระดับ


เวทมนตร์นานาชนิดพรั่งพรูจากกายาจอมอสูรเพื่อต้านรับอย่างสิ้นหวัง แต่เทคนิคดาบของมาดรามีสรรพคุณลบล้างทักษะตรงหน้าทั้งหมด


‘ยิ่งได้มองก็ยิ่งเห็นชัด ระดับแตกต่างกันราวท้องฟ้ากับหุบเหว’


ห่างกันคนละมิติ


กริดมิได้ดูแคลนแพ็กม่า บราฮัม หรือยังบัน หากแต่เมื่อเทียบกับมาดราแล้ว บุคคลเหล่านั้นล้วนต่ำกว่าหนึ่งระดับ


ราชาไร้พ่ายมาดรา ชายคนนี้คืออันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา


ตึกตัก! ตึกตัก!


หัวใจกริดเริ่มเต้นระรัว


หลังจากผสานวิญญาณเข้ากับมาดรา มันเริ่มคล้อยตามและหลงเชื่อว่าตนคือราชาไร้พ่าย


บุรุษเพียงคนเดียวที่ไม่เคยพ่ายแพ้


เรา… กำลังเป็นชายคนนั้น


[★คำเตือน★ ในสภาพปัจจุบัน ความทรงจำและอารมณ์ของท่านจะถูกหลอมรวมกับมาดราชั่วขณะ ระมัดระวังอย่างให้ถูกอารมณ์อีกฝ่ายครอบงำโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น จิตใจของท่านในโลกความจริงจะอ่อนเพลียอย่างมาก]


[ท่านกำลังสับสน]


[ระบบทำการวิเคราะห์คลื่นสมองและชีพจร หากถูกตัดสินว่าอันตราย ไดอารีมาดราจะผนึกตัวเองชั่วคราว]


[อันตราย! อันตราย! ทำการผนึกไดอารีมาดรา]



“…!”


จบบทที่เจ็ด


กริดลืมตาขึ้นหลังจากผสานวิญญาณกับมาดราเป็นเวลานาน ร่างกายชุ่มด้วยเหงื่อไคลเย็นเฉียบ มันพยายามหยิกแก้มตนเองเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้อยู่ในภาพมายาไดอารี


มายาซ้อนทับ


ขณะเล่นเกมเสมือนจริง ตัวมันก็ถูกแสดงภาพจินตนาการทับลงไปอีกชั้น


‘เราไม่ใช่มาดรา แต่เป็นกริด’


เหนือสิ่งอื่นใด ตนคือชินยองวู มีน้องสาวและพ่อแม่ กริดหรือราชาโอเวอร์เกียร์เป็นเพียงตัวละครในเกม ชายหนุ่มพยายามย้อนกลับไปถึงความจริงในจุดเริ่มต้น


ตึกตัก! ตึกตัก!


ตึก…


ภาวะหัวใจคลุ้มคลั่งเริ่มสงบลง


[อาการสับสนบรรเทาลง]


[ระบบทำการยืนยันสภาพร่างกายอีกครั้ง…]


[ท่านสามารถอ่านไดอารีอัศวินความตายมาดราในบทที่แปดต่อได้]


[กรุณายืนยัน]


“แฮ่ก…แฮ่ก…


“ตกลง ยืนยัน”


ทันใดนั้น…


@%$P) @!#$~$X##!!!!!!!


“…”


ไม่สำเร็จ


หลังจากครอบครองวิชาดาบทัพสองแสน กริดไล่อ่านไดอารีมาดราไปจนจบบทที่เจ็ด


ความทรงจำของสิ่งมีชีวิตประเภท ‘อมนุษย์’ ค่อนข้างเจ็บปวดทรมาน ห้วงจิตมาดราเปี่ยมด้วยความโดดเดี่ยว โหยหา และสิ้นหวัง


กระนั้น กริดก็ทนอ่านจนจบบทเจ็ด


และต้องการอ่านบทที่แปดต่อ


‘มาดรา ฉันอยากรู้จักตัวตนของนายและแพ็กม่าให้มากกว่านี้ อยากประจักษ์เศษเสี้ยวความอลังการของวิชาดาบทัพสามแสน’


แต่กริดไม่สามารถอ่านไดอารีบทที่แปดได้ ข้อความบนกระดาษไม่ใช่ภาษามนุษย์อีกต่อไป


ทำไมกัน?


กริดไม่เข้าใจในตอนแรก แต่หลังจากพยายามไตร่ตรองโดยละเอียด มันพอจะมองเห็นเค้าลางความเป็นไปได้


‘ช่วงเวลาสับสนสินะ’


หลังจากกำราบจอมอสูรทุกตนบนหมู่เกาะเบเฮ็น มาดราต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวนานนับร้อยปีตามลำพัง


ไม่มีใครให้พูดคุยด้วย ไม่แปลกหากจะหลงลืมภาษามนุษย์ไปบ้าง


ความคิดจึงถูกถ่ายทอดลงไดอารีตามสัญชาตญาณดิบ มิได้สนใจความถูกต้องของภาษา อาจมีเพียงมาดราคนเดียวเข้าใจเนื้อหาของไดอารี


หมายความว่าบทที่แปดต้องให้มาดราอ่านเท่านั้นหรือ?


‘ไดอารีจบแค่นี้สินะ’


กริดเริ่มวิเคราะห์ตามหลักเหตุผล


แต่ไหนแต่ไร อัศวินความตายมาดราไม่เคยใช้วิชาดาบทัพสามแสนต่อหน้าตนเลยสักครั้ง แม้กระทั่งยามกำลังจะพ่ายแพ้


มีความเป็นไปได้ว่า ร่างกายแสนเปราะบางของอันเดดคงมิอาจทนรับภาระหนักหน่วงจากวิชาดาบทัพสามแสนไหว


เมื่อย้อนนึกถึงการต่อสู้ในคราวนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่ามาดราจะไม่ได้บันทึกวิชาดาบทัพสามแสนลงไดอารี


‘หรือต่อให้มี แต่เลเวลที่สามารถเรียนได้จะต้องเท่าใด? 499? แล้วอีกนานแค่ไหนกว่าเราจะมีเลเวลสูงขนาดนั้น’


เลเวล 499


จากการคำนวณอย่างหยาบของกริด ตัวมันคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าห้าหกปีกว่าจะเอื้อมถึง


‘คิดไปก็เท่านั้น ไม่มีใครยืนยันให้เราได้’


กริดเปิดหน้าต่างตัวละคร


เลเวล 399 ค่าประสบการณ์ 97%


การฆ่าเฟย์ริสอาจไม่ช่วยให้เลเวลอัพด้วยซ้ำ เพราะต้องไม่ลืมว่ายังมี NPC พิเศษอีกมากมายในปาร์ตี้ ค่าประสบการณ์จะหารตามสัดส่วนความดีความชอบ


โดยเฉพาะความต่างด้านเลเวล สิ่งนี้คือปัจจัยพื้นฐานของระบบปาร์ตี้เกมออนไลน์ทั่วไป


ถึงอีกฝ่ายจะเป็นจอมอสูร แต่ค่าประสบการณ์ที่ต้องหารกับผู้อื่นอาจไม่มากพอทำให้เลเวลอัพ


‘ทั้งที่เหลือแค่เลเวลเดียว แต่เรากลับอัพไม่ทันก่อนลุยบอส’


ดูเหมือนค่าประสบการณ์สำหรับอัพเลเวลจะเพิ่มเป็นเท่าตัวเมื่อเลเวลเพิ่มถึง 399


‘คงไม่มีเวลาแยกตัวไปเก็บเลเวลแล้วสินะ’


เมื่อครุ่นคิดมาถึงจุดนี้ มือของกริดหยุดเย็บกางเกงในตามจิตใต้สำนึก


ต้องขอบคุณทักษะตัดเย็บที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง กริดจึงสามารถเย็บได้ทั้งกางเกงในชายและชุดชั้นในสตรี


ปัจจุบัน ชายหนุ่มกำลังถือยกทรงอยู่ในมือ


หากใครไม่รู้จักกริด คงได้เข้าใจผิดว่าเป็นพวกวิตถารขโมยชั้นในหญิงสาว แต่ภาพเช่นนี้คือเหตุการณ์ปรกติสำหรับสมาชิกโอเวอร์เกียร์


‘ใหญ่ไปหน่อยรึเปล่า…’


‘ของจิสึกะชัวร์’


‘แล้วกริดรู้ขนาดหน้าอกจิสึกะได้ยังไง?’


‘ก็พวกเขาเคยอยู่บ้านเดียวกัน’


‘อิจฉาจิสึกะชะมัด’


‘…?’


ขณะสมาชิกกิลด์กำลังซุบซิบนินทา กริดยืนเปิดอ่านหน้าต่างภารกิจหนึ่ง


<ฝึกฝนทักษะตัดเย็บ>

ภารกิจคลาส

ยิ่งมีทักษะตัดเย็บระดับสูง ศักยภาพของตัวละครท่านก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาก

หากท่านพัฒนาทักษะตัดเย็บจนสามารถผสานเข้ากับทักษะตีเหล็ก ทักษะตีเหล็กจะถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น

แต่ปัจจุบัน สิ่งนั้นยังคงห่างไกล

ช่องว่างระหว่างสองทักษะมีมากเกินไป ทักษะตีเหล็กของท่านมีระดับตำนาน แต่ทักษะตัดเย็บยังอยู่เพียงขั้นกลาง

หากนำมารวมกัน ค่าเฉลี่ยจะดึงทักษะตีเหล็กให้มีประสิทธิภาพถดถอยลง

จงฝึกฝนทักษะตัดเย็บจนกว่าจะหลอมรวมกับทักษะตีเหล็กได้

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ฝึกฝนทักษะตัดเย็บจนถึงขั้นสูง Lv.10

รางวัลภารกิจ :

- เลเวลตัวละครเพิ่มขึ้น 6 ระดับ

- ได้รับทักษะตัดเย็บระดับช่างฝีมือ


ภารกิจดังกล่าวคือสาเหตุที่กริดลงมือสร้างชุดชั้นในแจกจ่ายทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง


ภารกิจประจำคลาสซึ่งยากและมิอาจเลี่ยง แต่ก็มาพร้อมรางวัลล่อตาล่อใจก้อนโต


ในตอนต้น กริดหวังเพียงได้รับทักษะตัดเย็บช่างฝีมือ ทว่าเกิดเปลี่ยนใจกลางคัน


‘ลาก่อน ชุดชั้นใน’


จุดมุ่งหมายภารกิจไม่ใช่ทักษะตัดเย็บระดับช่างฝีมืออีกแล้ว เพราะเมื่อใดที่ทักษะพัฒนาไปถึงจุดสูงสุด กริดจะหลอมรวมเข้ากับทักษะตีเหล็กและเลิกสร้างกางเกงในเป็นการถาวร


ดังนั้นเมื่อเทียบกับทักษะตัดเย็บ การเพิ่มเลเวลตัวละครหกระดับจึงน่าสนใจกว่ามาก


‘ก้าวกระโดดครั้งใหญ่’


ค่าประสบการณ์ของบอสระดับจอมอสูรอาจไม่มากพอสำหรับอัพหนึ่งเลเวล ฉะนั้น การได้รับถึงหกเลเวลจากภารกิจเดียวจึงถือเป็นรางวัลตอบแทนมหาศาล


และกริดก็ได้ข้อสรุป


‘ภารกิจตัดเย็บ เราไม่ควรรีบเคลียร์’


นานไปอาจไม่ดีก็จริง แต่เร็วไปก็ไม่ดีเช่นกัน


ยิ่งเลเวลสูงเท่าใด 6 เลเวลก็ยิ่งมีค่ามาก


เมื่อตัดสินใจได้ ชายหนุ่มผ่อนคลายตัวเองลงและไม่ยึดติดกับความเร็ว


‘เป้าหมายเร่งด่วนในปัจจุบันก็คือ…’


ยังขาดอีก 3% กว่าเลเวลจะอัพถึง 400


หลังจากปราบเฟย์ริสเสร็จ ต้องเร่งอัพเลเวลเพื่อให้ได้รับระบบการตื่นค่าสถานะครั้งที่สี่ จากนั้นค่อยนำไอเท็มดรอปจากเฟย์ริสมาสร้างไอเท็มแจกจ่ายทุกคน เสริมสร้างขุมกำลังโอเวอร์เกียร์ให้แข็งแกร่ง


“ดีล่ะ แต่ก่อนอื่น…”


เมื่อสรุปแผนเสร็จ กริดส่งเสียงตะโกนเรียกใครบางคนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“สติกส์!”


คล้ายกับโนบิตะเรียกหาโดราเอม่อน


การเรียกชื่อสติกส์มักทำให้กริดรู้สึกตื่นเต้นเสมอ เพราะอีกฝ่ายแทบไม่เคยทำให้ความปรารถนาของตนผิดหวัง


“เฮ่อ… กระหม่อมกำลังสอนหนังสือ ฝ่าบาทมีอะไรให้ช่วยหรือ?”


นอกจากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนหลวง สติกส์ยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาภูตธาตุ


เมื่อไม่กี่วันก่อน สติกส์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากทราบว่า ตนต้องได้ยินเสียงกริดตลอดเวลาผ่านทาง ‘หูฟังสื่อสารระยะไกล’ ซึ่งเป็นผลผลิตของโรงแปรธาตุเรย์ดัน


นั่นไม่ต่างจากคำสาป…


กริดตัดบทเข้าเรื่อง


“พาฉันไปเรย์ดันหน่อย”


“ทำไมฝ่าบาทถึงไม่ใช่อุปกรณ์เดินทางข้ามมิติระหว่างเมือง? ไรนฮาร์ทเชื่อมต่อกับเรย์ดันไม่ใช่หรือ?”


“แบบนั้นจะเป็นการสิ้นเปลืองมานาสะสมของไรนฮาร์ทเกินไป ค่าใช้จ่ายตรงนี้สูงมาก”


“ฝ่าบาทห่วงมานาไรนฮาร์ท แต่ไม่ห่วงมานาของกระหม่อม?”


“ห่วงทำไม? จอมปราชญ์สติกส์ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”


“เฮ่อ… เข้าใจแล้วขอรับ


“เคลื่อนย้ายมิติ”


งานของสติกส์ยุ่งวุ่นวายมาก มันต้องคอยอบรมสั่งสอนเด็กเล็กให้เติบโตอย่างชาญฉลาด ทุกคนล้วนเป็นอนาคตแสนสำคัญของอาณาจักร


สติกส์ไม่คิดเสียเวลาทำงานทำการ มันรีบใช้เวทมนตร์ส่งกริดข้ามมิติจากระยะไกลจนถึงเรย์ดันในพริบตา


นี่คือตัวอย่างการใช้พลังมหาจอมปราชญ์ในทางที่ผิด ผู้เล่นทั่วไปไม่มีทางจินตนาการความสะดวกสบายระดับนี้ได้แน่



“ถวายบังคมฝ่าบาท!!”


เรย์ดัน เมืองแห่งทะเลทราย


กองอัศวินถูกระดมพลทันทีเมื่อสัมผัสถึงมวลพลังมานาผิดปรกติเหนือท้องฟ้า


และเมื่อมาถึง ทุกคนได้พบกษัตริย์กริด


คริสเดินออกมาจากปราสาทพร้อมขมวดคิ้ว


“ถ้านายไม่คิดจะใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายมิติระหว่างเมือง ช่วยส่งข้อความมาบอกก่อนได้ไหม นึกว่าทัพศัตรูบุกจู่โจมฉับพลัน”


“โทษที คราวหน้าจะไม่ลืม”


กริดหัวเราะพร้อมขอโทษขอโพย ก่อนจะเดินตรงไปทางโรงแปรธาตุหรูหราของเรย์ดัน


คริสเดินตามด้วยสายตาใคร่รู้


“กองทัพเฟย์ริสแข็งแกร่งอีกแล้วหรือ?”


“อา…”


กริดตอบพลางยิ้มมีเลศนัย


“พวกเรามาแสดงพลังแปรธาตุของจริงให้โลกได้ประจักษ์กันเถอะ”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,446
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. มาไวมาก น้ำตาจะไหล
    นี่ต้องเป็นผลจากการภาวนาต่อเทพรีเบคกาทุกวันแน่ ๆ

    ReplyDelete
  2. เอ๋ทำไมเวลหนึ่งหายไปไหน
    เวลที่ได้จากบทประพันโลกอะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. น่าจะแปลผิดไม่ก็ผิดมาตั้งแต่ต้นฉบับ

      Delete
    2. นี่มันคือเหตุการก่อนจะไปปราบเฟริส

      Delete
    3. อันที่จริงมันคือ"ตัวตนของท่านถูกยกระดับขึ้น"ไม่ใช่เลเวลอัพครับ

      Delete
    4. อออ นึกว่าเลเวลอัพสะอีก

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00