จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1050



“อั่ก!”


“โอหังนักนะ!”


“อ๊ากกกก!”


วิชาดาบที่มองตามไม่ทันถูกโถมกระหน่ำใส่เฟย์ริสต่อเนื่อง นี่คือครั้งแรกที่มันถูกเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำเยี่ยงมนุษย์ต้อนให้จนมุมเพียงนี้


หลังจากถูกแทงเป็นแผลลึกช่วงเอว เฟย์ริสร้องคำรามพลางโจมตีโต้กลับ


แต่ก็เป็นอีกครั้งที่พลาดเป้า มันตามความเร็วกริดไม่ทันแม้แต่น้อย


ฟ้าววว—


กริดเคลื่อนไหวร่างกายรวดเร็วจนเกิดคลื่นลมร้อนและก่อตัวเป็นพายุ


รัศมีดาบกรีดเฉือนกายาจอมอสูรด้วยความเร็วที่มนุษย์มิอาจเอื้อม กริดหายตัวไปจากการมองเห็นของเฟย์ริสมาพักใหญ่


ทันใดนั้น


เปรี้ยง!


ภาพบุรุษผมดำเข้มปรากฏตัวพร้อมกับเสียงฟ้าคำรามและท่วงท่าโจมตีเมื่อรำดาบเสร็จ


“ทำลายล้าง”


ฉัวะ—


ชายหนุ่มตวัดดาบฟันผ่ากลางลำตัวเฟย์ริส ตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงหว่างขา


ผิวหนังของเขาขาวซีด มุมปากยกขึ้นอย่างมั่นใจปนเหยียดหยัน รอบกายแผ่ปราณอสูรปริมาณเข้มข้นจนคล้ายหมอกหนา


ร่างมืด


ช่างน่าขัน ค่าพลังอสูรที่ถูกสั่งสมยาวนานตลอดหลายปีหลัง ถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังให้ราชาโอเวอร์เกียร์ใช้ต่อกรจอมอสูรชั่วร้าย


ขีดจำกัดด้านเผ่าพันธุ์มิอาจฉุดรั้งชายผู้นี้


‘อาโมแร็ค!’


เมื่อเหลือบเห็นต่างหูดาร์คบัส เฟย์ริสขบกรามอย่างเจ็บแค้น


อาโมแร็ค จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง


ตัวตนแสนโง่เขลาที่ศรัทธาเทพยาธานอย่างไม่ลืมหูลืมตา มันแจกจ่ายพลังอสูรแก่มนุษย์โดยอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของเผ่าพันธุ์อสูร


‘ไอ้งั่ง!’


พลังที่อาโมแรคมอบให้มนุษย์ สุดท้ายกลายเป็นคมหอกที่หันกลับมาทิ่มแทงใส่อสูรเสียเอง


ความอับอายของตนในวันนี้ เกิดจากอุปกรณ์ที่อาโมแร็คสร้างให้กับพวกมนุษย์บัดซบ!


‘อาโมแร็ค!อาโมแร็ค!อาโมแร็ค!’


ทั้งหมดเป็นเพราะแก… อุปกรณ์ที่แกผลิตกำลังนำพาหายนะมาสู่เผ่าพันธุ์อสูรทั้งหมด


‘ไม่อย่างนั้น เราคงไม่ต้องอับอายเพียงนี้!’


ใช่แล้ว เฟย์ริสมั่นใจว่า การที่กริดพัฒนาพลังในพริบตา มีสาเหตุมาจากต่างหู ‘ร่างมืด’ ที่อาโมแร็คเป็นผู้สร้าง


มันย่อมไม่ทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง


ระบบการตื่นค่าสถานะ ผลด้านบวกซ้อนทับกันหลายด้าน วีรกรรมของกริดกลายเป็นบทกวี และบทกวีได้มอบหนึ่งเลเวลให้กริด จากนั้นจึงปิดท้ายด้วย ‘ร่างมืด’ เพื่อรีดเร้นพลังต่อสู้จนถึงจำกัดสูงสุด


ฉัวะ—!


ในที่สุด กริดปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากระบำท่า ‘ทำลายล้างสังหาร’ เสร็จสิ้น


[เวทเสริมแกร่งอาวุธของบราฮัมแสดงผล]


[พลังโจมตีอาวุธเพิ่มขึ้น 60% และได้รับผลเจาะเกราะ 20% เป็นเวลาห้าวินาที]


เดิมทีนั้น เวทเสริมแกร่งของบราฮัมจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีอาวุธ 50% ระหว่างใช้ทักษะ


แต่หลังจากกริดเสร็จสิ้นบทกวีหน้าแรกและดัดแปลงเทคนิคดาบให้เข้ากับเวทมนตร์ ประสิทธิภาพของเวทบราฮัมจึงถูกยกระดับ


ชิ้ง!


ดาบอัสนีฯถูกฉาบด้วยแสงเวทเสริมแกร่งจนเกิดประกายสุกสว่าง วิชาดาบกริดถูกตวัดใส่กายาจอมอสูรเฟย์ริสโดยไม่ลังเล เหลือทิ้งแสงตกค้างระยิบระยับคล้ายกับทางช้างเผือก


ผู้คนต่างถูกความงดงามสะกดจนตกตะลึง


แต่สำหรับเฟย์ริส ภาพตรงหน้าไม่ต่างจากฝันร้ายหายนะ


“เวทมนตร์ของเจ้าคืออะไรกันแน่…!”


ทุกครั้งที่กริดใช้วิชาดาบ จักต้องมีเวทมนตร์แถมมาด้วยเสมอ เป็นปริศนาที่มันไม่เคยพบเจอในเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน ไม่แปลกที่จะคาดเดาไม่ได้และทำความเข้าใจไม่กระจ่าง


เวทมนตร์อาจธรรมดา ความรุนแรงก็ไม่สูงมาก แต่มาพร้อมออปชั่นมองข้ามพลังป้องกันสุดระยำ ส่งผลให้พลังแปรธาตุของเฟย์ริสที่ชำนาญด้านป้องกันพลันด้อยค่า


จอมอสูรตนนี้ได้แต่นึกสงสัย นับตั้งแต่เกิดมา เคยมีวันใดที่มันต้องอับอายเช่นนี้หรือไม่


ฉัวะ!


ฉึก!


กายาเฟย์ริสที่มีลักษณะคล้ายก้อนเนื้อบนเขียงหมู ถูกสลับฟันแทงต่อเนื่องจนเลือดสาดกระเซ็นเป็นละอองฝอย


พลังชีวิตลดต่ำกว่า 45% แล้ว


ในวินาทีที่กริดปรากฏตัว เฟย์ริสมีพลังชีวิตเกินกว่า 50% ไปเล็กน้อย เป็นผลจากการร่วมมือของเรเชลและคิรินัส


หมายความว่า ภายในไม่กี่วินาที กริดคนเดียวสามารถสร้างความเสียหายได้หลักร้อยล้าน


ไม่มีใครที่ไม่ทึ่ง


ทั่วโลกเริ่มแสดงสีหน้าคาดหวัง


หลังจากมนุษย์ถูกจอมอสูรคุกคามและสลักฝันร้ายมานานร่วมสามเดือน เมื่อจินตนาการถึงความสงบสุขที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกคนเริ่มแสดงประกายความหวังบนแววตา


เคร้ง!


เคร้งเคร้งเคร้ง!


กริดใช้งานโทสะช่างตีเหล็กพร้อมกับเปิดฉากรุกหนักใส่เฟย์ริส ซึ่งแน่นอน จอมอสูรผู้นี้ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเป็นกระสอบทราย


มันรีบเสกเวทแปรธาตุขัดขืนต่อต้าน


ฉึก!


ในวินาทีที่ดาบกริดเสียบร่างอีกฝ่าย ตัวเขาก็ถูกหนามโลหะยาวแหลมพุ่งทะลวงลำตัว


“อึก…!”


[ท่านได้รับความเสียหาย 19,500 หน่วย]


ท่าสะท้อนของเฟย์ริสซึ่งมิอาจหลบเลี่ยง แปรเปลี่ยนสภาพกริดให้เป็นผ้าขี้ริ้วในการโจมตีเดียว


แต่เขามิได้ชะงัก คล้ายกับเตรียมใจเผชิญไว้ล่วงหน้าแล้ว ชายหนุ่มลงมือโจมตีต่อเนื่อง แต่คราวนี้มีร่างแยกช่วยสนับสนุน


หนึ่งกริดหมุนควงดาบตวัดกวัดแกว่ง อีกหนึ่งกริดฟาดฟันศาสตราเข้าปะทะซึ่งหน้า


เคร้ง!


ฉึก!


กริดได้รับแผลใหม่พร้อมกับร่างแยกที่เพิ่มจำนวนกลายเป็นสี่ ก่อนที่ทุกร่างจะกำดาบแน่นถนัดและแทงใส่หัวใจเฟย์ริสพร้อมเพรียงจากทุกทิศทาง


พัฒนาของกริดส่งผลไปถึงพลังบีเลียลที่ถูกสลักอยู่ในอักขระความมืดด้วย ถึงจะมีสี่ร่าง แต่ชายหนุ่มมิได้สับสนหรือวิงเวียนศีรษะเหมือนก่อน แถมยังได้รับสิทธิ์บังคับทุกร่างในเวลาเดียวกัน


ดาบถูกดึงกลับพร้อมระบำท่วงท่าสุดทรงพลัง


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


ก่อนลงมือ เขาเปิดจังหวะด้วยการใช้พลัง ‘แสงจ้า’ ของภูตแสงสำหรับสร้างอาการตาบอด


[เวทเสริมแกร่งอาวุธของบราฮัมแสดงผล]


ฉึก!ฉึกฉึก!


ฉึกฉึกฉึกฉึกฉึกฉึก—


กริดสี่ร่างปลดปล่อยรัศมีดาบสังหาร28เส้นใส่กายาเฟย์ริสในพริบตาเดียว


“…!”


ลำตัวจอมอสูรพลันชะงักงัน ความเจ็บแปลบที่ไม่เคยเผชิญมาก่อนพลันแล่นกระจายไปทั่วร่าง


ถึงขนาดส่งเสียงร้องไม่ออก


ยังไม่จบ… ยังมีหายนะรอมันอยู่


“…!?”


คมมีดวายุหลายสิบเส้นพุ่งผ่านบาเรียโลหะเข้าไปปะทะผิวหนังพุพองได้ง่ายดาย


กลีบดอกไม้เบ่งบานท่ามกลางท้องฟ้า ก่อนทะลวงผ่านช่องว่างบาเรียโลหะกรีดเฉือนเพิ่มจำนวนบาดแผลบนลำตัว


ถัดมา


บึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


กลุ่มคลื่นพลังระเบิดตัวเองอย่างต่อเนื่อง


หากสถานที่ต่อสู้ไม่ใช่บนท้องฟ้า ป่านนี้หุบเขาคงพังทลายจากแรงปะทะเรียบร้อยแล้ว


[คริติคอล!]


[สมญานาม ‘สังหารในการโจมตีเดียว’ แสดงผล ความรุนแรงคริติคอลเพิ่มขึ้น40%]


[สร้างความเสียหาย 8,990,600!]


[สร้างความเสียหาย 899,060!]


[สร้างความเสียหาย 899,060!]


[สร้างความเสียหาย 899,060!]


[‘บัญชาเทพ’ ทำการลบล้างระยะหน่วงหลังใช้ของทักษะ หากใช้ซ้ำภายใน…]


ทันทีที่จบช่วงเวลาหายนะของ ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ กริดสี่คนก้าวถอยหลังพร้อมกับหายไปจากการมองเห็นเฟย์ริสอีกครา


และ…


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


เขาปรากฏตัวอีกครั้ง โดยเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำเดิมทุกประการ


“ตำนาน…”


เฟย์ริสจ้องมองดาบสี่เล่มที่พุ่งเข้าหาพลางส่งเสียงพึมพำ


มันเพิ่งตระหนักได้ มนุษย์ตรงหน้าที่อาจหาญต่อกรกับตน แท้จริงแล้วไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเพราะหยิบยืมพลังเผ่าอสูร


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—


***


『ส…สุดยอดครับ!』


พิธีกรและผู้บรรยายทั่วโลกต่างไม่ยอมทำหน้าที่อธิบายเหตุการณ์นานหลายนาที


แทนที่จะบอกเล่าให้ผู้ชมรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น พวกมันเอาแต่เงียบงันโดยไม่กล่าวสิ่งใดพักใหญ่


ทำตัวเหมือนกับเป็นผู้ชม… ทั้งที่ถูกจ้างมา


สีหน้าของผู้อำนวยการแต่ละสถานีเริ่มดำมืด พวกมันกังวลว่าช่องของตนจะถูกผู้ชมรุมถล่มในทางเสียหาย โทษฐานไม่ยอมปฏิบัติตัวให้เป็นมืออาชีพ


ในทางกลับกัน ผู้ชมกำลังตกตะลึง ทุกคนถูกฉากการต่อสู้ดึงดูดเข้าไปไม่แพ้เหล่าพิธีกร


บางคนหลงลืมไปด้วยซ้ำว่าช่องที่ตนดูมีผู้บรรยายคอยอธิบายเหตุการณ์ หากไม่มีเสียงการต่อสู้ดังเล็ดลอดออกมา คงนึกสงสัยว่าตนเผลอไปกดปุ่ม ‘Mute’ เสียงทีวีเข้าตอนไหน


= ช…ช่องแชทเงียบจัง?


หลังจากกลุ่มระเบิดกัมปนาทเริ่มก่อตัวสร้างความฉิบหายเป็นหนที่สอง ร่างเฟย์ริสถูกซัดจนร่วงหล่นกระแทกผืนทรายสีทองด้านล่างรุนแรง


การต่อสู้เกิดช่องว่างให้พักหายใจเป็นหนแรกนับตั้งแต่กริดเริ่มลงมือ


นั่นคือสัญญาณ


= ส…สุดยอด! มันบ้ามาก!


= ก็อดกริด!!


= ฉันเคยไม่ชอบกริด… แต่วันนี้ขอเรียกว่าก็อดกริดก็แล้วกัน


หลังจากผู้ชมได้สติกลับมา ช่องแชทเริ่มหลั่งไหลเป็นสายลำธารอีกครั้ง


เวปไซต์ถ่ายทอดที่ใหญ่ที่สุดยังไม่สามารถรับมือกับปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ถูกป้อนในชั่วพริบตา เซิร์ฟเวอร์เกิดอาการค้างชั่วขณะ


แต่หากเป็นเวปไซต์ขนาดกลางถึงเล็ก พวกมันทำลายตัวเองจนระบบล่มโดยปริยาย


ภาพบนหน้าจอ


“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก”


ผิวหนังกริดกลับเป็นปรกติอีกครั้ง ลมหายใจชายหนุ่มเริ่มขาดห้วงเนื่องจากสูญเสียค่าเรี่ยวแรงปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น


ร่างมืดหมดลงแล้ว


สีหน้าของกริดกำลังอ่อนเพลียสุดขีด


ข้างกายมียูนิคอร์นชื่อประหลาด โอเวอร์เกียร์คอร์น กำลังยืนเลียบาดแผลจากด้านหลัง


แต่ภาพดังกล่าวไม่ได้ทำให้ผู้ชมวิตกมากนัก ไม่มีใครจินตนาการว่ากริดจะล้มลง


ด้านหลังราชาโอเวอร์เกียร์ยังมีสามดยุคสุดแกร่งอยู่ด้วย ฉะนั้น การล่าเฟย์ริสในหนนี้ต้องลงเอยด้วยความสำเร็จแน่นอน


“…”


เฟย์ริสพยุงร่างตัวเองขึ้นจากผืนทรายด้วยสภาพน่าอดสู


เคยสร้างหายนะมานับไม่ถ้วน นำพาฝันร้ายสู่มนุษย์นับล้าน ตัวตนสุดทรงพลังที่ไม่เคยพ่ายแพ้แก่กองทัพมนุษย์ ปัจจุบัน สภาพของมันไม่ต่างจากเศษผ้าขี้ริ้ว


ถึงหลอดพลังชีวิตจะยังเหลือมากถึง40% แต่ร่างกายกลับเละเทะอย่างน่าอนาถ


ขณะเดียวกัน ฝ่ายมนุษย์ยังมีขุมกำลังเป็นหอกเอกแห่งทวีป สี่ดยุคแห่งซาฮารัน ซีบาลที่ยังมีจักรกลเวทมนตร์ และอริยดาบครอเกล


อีกไม่นานก็คงจบ


จอมอสูรบัดซบตนนี้ถึงคราวถูกแผดเผาเป็นเถ้าธุลีและเริ่มการแบ่งสมบัติของฝ่ายมนุษย์


ขณะที่ทุกคนมั่นใจโดยไม่เคลือบแคลง


“…ร่างนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว”


เสียงเฟย์ริสดังกังวานอย่างมีเลศนัย


ไม่ผิดแน่ นี่คือเสียงของเฟย์ริส เสียงที่ใช้เหยียดหยันมนุษย์ตลอดสามเดือนผ่านมา


ทว่า… เหตุใดปากของเฟย์ริสถึงไม่ขยับตาม?


“…?”


ไม่เพียงผู้ชม แม้แต่กริดเองก็ตะลึงไม่ต่าง


ก่อนจะตระหนักได้ภายหลัง


เจ้าของเสียงที่แท้จริงคือ… ‘มัน’


“…!”


ผู้ชมทั่วโลกพากันอ้าปากค้าง ส่วนกริดรีบตั้งท่าป้องกันอย่างหวาดระแวง


ม้าอัปลักษณ์… อาชาของเฟย์ริสที่ดูเหมือนอ่อนแอและป่วยไข้ตลอดเวลา


นับตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน สิ่งมีชีวิตที่คอยแบกเฟย์ริสไว้บนหลังเพิ่งจะขยับปากเป็นหนแรก


“เป็นชุดที่ข้าชอบที่สุดเสียด้วย…”


แสยะ


เมื่อสิ้นเสียง ม้าอัปลักษณ์พลันอ้าปากกว้างราวสองเมตรคล้ายกับยางยืด จากนั้นก็เริ่ม ‘กิน’ ร่างเน่าเปื่อยที่ผู้คนเข้าใจเข้าเป็นเฟย์ริสมาตลอด


กร็อบ! กร็อบ!


เศษเนื้อถูกฉีกขาด เสียงกระดูกถูกบดจนแตกละเอียดดังกังวานลั่นหุบเขา


เฟย์ริสตัวจริงเคี้ยวกลืนเฟย์ริสตัวปลอมง่ายดายราวกับหญ้าแห้ง


“คึคึก…”


กระบวนการกลืนลงท้องเสร็จสิ้น ปากของม้าอัปลักษณ์ยังคงมีเลือดไหลออกเป็นระยะ


ปึด!


ปึดปึดปึด!


กระดูกตามร่างกายเฟย์ริสในร่างม้าเริ่มบิดงอในองศาผิดรูป หัวไหล่ขยายกว้างออก กีบเท้าแต่ละข้างมีสามนิ้วงอกเงย สองขาคู่หน้ากลายเป็นแขนที่มาพร้อมมัดกล้ามเนื้อใหญ่โต สองขาหลังบึกบึนสามารถพยุงเดินได้ด้วยตัวเอง


เฟย์ริสในร่างคล้ายมนุษย์มีส่วนสูงสี่เมตร


ท่ามกลางผืนทราย ร่างกายจอมอสูรใหญ่โตจนความน่าเกรงขามของกริดลีบเล็กลงถนัดตา


สัตว์ประหลาดหัวม้าก้มศีรษะมองกริด


“เจ้าจงภูมิใจได้เลย ที่ทำให้ข้าต้องเผยร่างจริงออกมา แต่ไหนแต่ไร เคยได้ยินว่าตำนานยุคสมัยปัจจุบันยังอ่อนแอและเติบโตไม่เต็มที่… สงสัยจะเข้าใจผิดไป”


ศึกยกที่สามกำลังจะเริ่ม


ตรงข้ามกับรูปลักษณ์โครงกระดูกที่น่าขยะแขยงในตอนแรก เฟย์ริสโฉมใหม่มอบบรรยากาศคุกคามสะกดข่มจนขวัญกำลังใจฝ่ายมนุษย์เริ่มหดหาย


= ดูแข็งแกร่งชะมัด…


แสงแห่งความหวังที่เคยมีพลันริบหรี่อีกครั้ง ความกังวลแทรกซึมเข้าไปในจิตใจ


และเฟย์ริสได้พิสูจน์ให้ประจักษ์


ว่าการสวมชุดตัวเก่งที่เคลื่อนไหวถนัด สามารถยกระดับฝีมือต่อสู้ได้มากเพียงใด


ฟุ่บ—!


เวทแปรธาตุ… เวทมนตร์สุดทรงพลังที่เคยมีสองขั้นตอนใหญ่อย่าง ‘รวบรวมโลหะ’ และ ‘ก่อตัวเป็นรูปร่าง’ แต่ปัจจุบัน มันกลับแสดงอิทธิฤทธิ์ในพริบตาโดยข้ามขั้นตอนทั้งหมด


หอกโลหะพุ่งถึงปลายจมูกกริดในเสี้ยวอึดใจ


หากมองผิวเผิน สปีดการโจมตีของเฟย์ริสในร่างปัจจุบัน จะเทียบเท่ากริดในร่างมืดเลยทีเดียว


ขณะราชาโอเวอร์เกียร์กำลังจะกางปีกมังกรเพื่อเอาตัวรอด เขาเกิดเปลี่ยนความคิดกลางคัน


เคร้งเคร้ง!!


ดาบบินหลายสิบเล่มที่กระจายทั่วท้องฟ้า พวกมันพุ่งมาก่อตัวเป็นกำแพงคมดาบช่วยสลายพลังทำลายของหอกโลหะ


“…เฮ่อะ”


เฟย์ริสพ่นลมหายใจ


บุรุษรูปงามที่ยืนข้างกริด ยากที่จะระบุว่าเป็นหญิงหรือชาย เฟย์ริสย่อมทราบตัวตนเป็นอย่างดี


อริยดาบ


สมญานามที่น่าหวั่นเกรงสำหรับจอมอสูร


…แต่ก็เท่านั้น


“มนุษย์อย่างเจ้าจะสู้ข้าได้หรือ?”


ฉึก!


ขณะกำลังอ้าปากพล่ามอย่างเหยียดหยัน ดาบบินจำนวนมากฉวยโอกาสพุ่งทิ่มแทงตามลำตัวมัน รวมถึงบริเวณดวงตา


ตั้งแต่เมื่อไรกัน?


ดาบบินเหล่านี้ เมื่อครู่ยังก่อกำแพงปกป้องกริดอยู่เลยไม่ใช่หรือ?


เมื่อดวงตาถูกรบกวนการมองเห็นชั่วขณะ ทัศนวิสัยเฟย์ริสเริ่มพร่ามัว มันมองไม่เห็นใครนอกจากภาพเลือนรางของกริดเบื้องหน้า


“นายไปพักก่อน พวกเราจะสานต่อเอง”


ครอเกลที่ยืนด้านข้างหันไปกล่าว


กึก…


ปิอาโร่ คิรินัส สามดยุค ทุกคนเดินแซงกริดมายืนประจันหน้ากับเฟย์ริส


มีเพียงหนึ่งคน


เรเชล… สายตาของเธอเอาแต่จ้องมองแผ่นหลังปิอาโร่มาได้พักใหญ่


“กระหม่อมจะคอยปกป้องฝ่าบาทไปจนวันตาย… ถึงแม้ฝ่าบาทในอนาคตจะแข็งแกร่งกว่ากระหม่อมก็ตาม”


ปิอาโร่ประกาศกร้าว


“ขอบใจ”


กริดยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางครอเกลพร้อมกับเหยียดกำปั้นออกไป


“ฝากด้วยนะ…”


อีกฝ่ายคืออัจฉริยะครอเกล คำอธิบายยืดยาวนั้นไม่จำเป็น


ทุกคนต่างทราบว่า จอมอสูรจะมีทักษะอัญเชิญขุมนรกในตอนที่พลังชีวิตเหลือน้อย ครอเกลต้องคอยยื้อเวลาไว้จนกว่ากองทัพโอเวอร์เกียร์จะพร้อมรบ


จนกว่ารูบี้จะมาถึง


และเหนือสิ่งอื่นใด…


“ฉันรู้ เขาก็เป็นคนสำคัญของฉันเหมือนกัน”


ครอเกลไม่ลืมที่จะปกป้องปิอาโร่ด้วยชีวิต


กึก


กำปั้นสองบุรุษชนกันเป็นการให้คำมั่นสัญญา


ทันใดนั้น


“ดาบแห่งจิตใจ”


แต่ไหนแต่ไรมา เอกลักษณ์อันโดดเด่นซึ่งเป็นลายเซ็นครอเกล คือจินตนาการสุดบรรเจิดที่ไม่มีผู้ใดคาดเดาล่วงหน้า


มันจึงพัฒนาวิชาดาบของตัวเองโดยใช้จินตนาการเป็นหลัก แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ส่งผลในระดับน่าพึงพอใจ


ฉูดดดดด—


หัวไหล่ของเฟย์ริสพลันขาดสะบั้น



▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,439
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เป็นอะไรที่ค้างมาก ยังสู้กันอยู่แต่จินตนาการเราไปถึงของดรอปล้ะ5555

    ReplyDelete
    Replies
    1. มันต้องได้วิชาแปรธาตุอ่ะ หอก10 เล่มของสันตะปาปาลำดับ2 ลอยมาเลย *มันต้องโดน

      Delete
  2. ตึกว่าต้องค้างไปอีกหลายคืนแล้วววว ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  3. ได้เวลาอริยะดาบโชว์ของ 😆

    ReplyDelete
  4. มันส์มาก​ สนุกมาก​ ค้างมาก
    ขอบคุณ​มาก​ ครับ😊🙏

    ReplyDelete
  5. อ่านถึงล่าสุดสักทีไปตามในกลุ่มละ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00