จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1049
ทำการปลดปล่อยรัศมีดาบ 40 เส้นใส่ศัตรูหนึ่งเป้าหมาย แต่ก่อนหน้านั้นจะประทับ ‘มาร์ค’ ใส่ศัตรูทุกเป้าหมายในการมองเห็น
หลังประทับมาร์คสำเร็จ ทุกมาร์คที่ปรากฏจะสร้างกลีบดอกไม้รอบตัวผู้ร่าย 2 กลีบ แต่ละกลีบจะแยกโจมตีใส่เป้าหมายของตัวเอง
จากคำอธิบายดังกล่าวของ ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ จะเห็นได้ชัดว่า นี่คือท่าโจมตีที่ไม่สนใจขนาดกองทัพของศัตรู
แถมยังเป็นทักษะที่รีดเร้นประสิทธิภาพไอเท็มประเภท ‘ดูดเลือด’ ได้ถึงขีดสุด
การรับต้องมือกับศัตรูจำนวนเทียบเท่ากองทัพ สำหรับกริดไม่ใช่เรื่องยากเย็นขนาดนั้น
ฉึบ…
มาร์ค 1 ขีดปรากฏเหนือศีรษะเฟย์ริสและกองทัพอสูรทุกตนในระยะมองเห็น
ซู่ว!ซู่ว!ซู่ว!ซู่ว…
ปราณดาบรูปกลีบดอกไม้สีฟ้าครามนับพัน เริ่มปรากฏปกคลุมท้องฟ้าเหนือหุบเขาไทเลอร์จนมืดมิด
ฉากสงครามนองเลือดสุดสยดสยองระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และอสูร ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นนิทรรศการบุปผชาติสุดวิจิตรอลังการ
แสงสะท้อนจากทะเลโลหิตสีแดงสด ส่องปรากฏบนกลีบดอกไม้หลายพันกลางอากาศ
[กลีบดอกไม้ฟ้าครามชุ่มชโลมโลหิตแดงฉาน]
“สุดยอด…”
เสียงฮือฮาดังจากทั่วสารทิศ ทั้งตกตะลึงในความงามของฉากที่เห็น และทึ่งกับข้อความโลกที่กำลังแสดงเป็นบทกลอน
ขณะสายตาทุกคู่จ้องมองกริด หน้าอกชายหนุ่มพลันร้อนรุ่มดุจดังเพลิงโลกันตร์แผดเผา
มันกำลังรู้สึกโอหัง เพราะว่าตนเหนือกว่าผู้อื่นงั้นหรือ?
ผิดแล้ว
เป็นความรู้สึกอันบริสุทธิ์ ที่หัวใจถูกเติมเต็ม หลังจากคนทั่วโลกให้การยอมรับ
สำหรับกริดที่ชีวิตต้องเผชิญความเลวร้ายมานานนับสิบปี ความสุขช่วงหลายปีหลังไม่ได้ทำให้เขาหลงลืมอดีต ทุกครั้งที่ผู้คนให้การยอมรับ ไม่แปลกหากหัวใจจะพองโตเบ่งบาน
เขาอาจไม่ชินกับความรู้สึกดังกล่าวไปชั่วชีวิต
[เคยถูกกลั่นแกล้งและเย้ยหยัน]
[ถูกมิตรสหายเอาเปรียบและกีดกันให้ต้องโดดเดี่ยวลำพัง]
‘…แล้วทำไมต้องขุดเรื่องสมัยอดีตมาเล่าให้ฟังด้วย’
กริดตัดพ้อด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ
เขาได้แต่ภาวนา หากไม่ใช่ข้อความโลกก็คงจะดี
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—
มวลหมู่กลีบดอกไม้เบ่งบานเต็มย่านน่านฟ้าเหนือหุบเขา ยิ่งงดงามก็ยิ่งอันตราย
คมกลีบดอกซึ่งถูกสร้างจากปราณดาบเฉียบแหลม โปรยกระหน่ำกรีดเฉือนกายาอัปลักษณ์เหล่าอสูรจากขุมนรกโลกันตร์
“เฮ—!!”
กองทัพอสูรมีอันต้องพานพบหายนะ
พลังของหนึ่งบุคคลสามารถสยบมวลหมู่สัตว์ชั่วร้ายหลายพันตนที่กระจุกตัว
ทหารฮาเค่นโห่ร้องดีใจด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เสียงตะโกนกังวานสนั่นลั่นผืนฟ้า
ทว่า บทกวีกลับปฏิเสธพลังกริด
[บุรุษผู้นี้ยังอ่อนแอ]
[พลังที่ใช้ปราบกองทัพอสูรในหุบเขา แก่นแท้มิได้เกิดจากฝีมือตนเอง]
[เป็นพลังของผู้อื่น ซึ่งหากสูญเสีย เขาจะล้มจนมิอาจลุกยืนกลับมา]
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
ถึงเวลาของรัศมีดาบ 40 เส้นพวยพุ่งออกจากส่วนคมดาบ จุดหมายปลายทางคือจอมอสูรลำดับ 22 เฟย์ริส
[ท่านสร้างความเสียหาย 33,250]
[ท่านสร้างความเสียหาย 32,999]
สองกลีบดอกฟ้าครามพุ่งทิ่มแทงใส่เฟย์ริส
เป็นสองกลีบดอกเหมือนกับที่สร้างความพินาศแก่กองทัพเผ่าอสูร แต่เฟย์ริสใช้กายาปีศาจรับไว้ง่ายดายโดยไม่ปรากฏแม้แต่แผลถลอก
พลังป้องกันของจอมอสูรมีระดับมหาศาลเพียงใด ครอเกลเคยพิสูจน์ให้เห็นแล้ว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่กลีบดอกไม้ของกริดในภาวะบัฟเต็มสูบ จะมิอาจสร้างบาดแผลระคายเคืองบนเรือนร่างจอมอสูรสำเร็จ
แต่ว่า
“ได้ยังไงกัน…”
สีหน้าเฟย์ริสเจือปนความตกตะลึงชัดเจน
มันสับสนเรื่องที่ เหตุใดกริดถึงรอดพ้นจากคำลวงนับหมื่นที่บิดเบือนความจริงของตนมาได้
ทำไมอีกฝ่ายถึงสามารถใช้ทักษะโจมตี?
มนุษย์ผู้นี้ต่อต้านพลังจอมอสูรได้เชียวหรือ?
ความกังวลเริ่มก่อตัวภายในใจเฟย์ริส
กริดครอบครองพลังบางส่วนของมุลเลอร์และแพ็กม่า สองอดีตตำนานที่เคยปราบจอมอสูรตนแล้วตนเล่า
เหนือมนุษย์ที่เหล่าจอมอสูรพากันเข็ดขยาดหวาดกลัว
[จอมอสูรในหุบเขากล่าวเย้ยหยัน]
“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ… แต่ท้ายที่สุด เจ้าก็มีชะตากรรมต้องถูกข้าคนนี้กำจัดทิ้งอยู่ดี”
เฟย์ริสตัดสินใจเอาจริง
ฟุ่บ—!
หายไปราวกับหมอกควัน
ม้าอัปลักษณ์ของเฟย์ริสทะยานขึ้นฟ้าได้ว่องไวยิ่งกว่ายูนิคอร์นหรือเปกาซัสตัวใดทั้งหมด ด้วยความเร็วระดับนี้ การหลบหลีกรัศมีดาบสี่สิบเส้นไม่ใช่เรื่องยากเย็น
[เวทตรวจจับของบราฮัมแสดงผล]
[รัศมีของดาบมายาร่ายรำเบี่ยงเบนทิศทางเพื่อติดตามเป้าหมาย]
จนกระทั่งเวทมนตร์บราฮัมทำงาน
“อะไรกัน…?”
[แต่ท้ายที่สุด เขาก็พัฒนาตนจนสมบูรณ์แบบ]
[กายาที่ซึมซับการทุบค้อนนับสิบล้านครั้ง จดจำท่วงท่าร่ายรำดาบนับหมื่นหน]
[เวทมนตร์ที่ปะทุหลังจากสิ้นสุดเทคนิคดาบ คือหลักฐานพิสูจน์การมีตัวตนของเส้นทางใหม่]
[เส้นทางที่เขาสร้างขึ้นด้วยสองมือตัวเอง]
[หลังจากถูกเงาของบุคคลอื่นครอบงำมาแสนนาน ในที่สุด ชายหนุ่มเติบใหญ่จนมีพลังมากพอจะทำลายขีดจำกัดเดิม]
ฟุ่บ…
เป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
รัศมีดาบสี่สิบเส้นซึ่งเคยพุ่งขนานไปกับพื้น เกิดการหักเหวิถีตามติดม้าของเฟย์ริสที่กระโจนขึ้นท้องฟ้า
“สามหาวนัก!”
เป็นแค่มนุษย์ แต่กลับอ่านการเคลื่อนไหวจอมอสูรทะลุปรุโปร่งเพียงนี้เชียว?
เฟย์ริสใบหน้าบิดเบี้ยว ศักดิ์ศรีของมันป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี โทสะกายในปะทุพร้อมกับเวทแปรธาตุปริมาณมหาศาล
บาเรียโลหะที่ป้องกันการโจมตีกายภาพทุกชนิดถูกสร้างปกคลุมร่างกายไว้ทุกส่วน
นี่คือการประกาศกร้าว ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์แสนต่ำต้อยไม่มีสิทธิ์สร้างบาดแผลบนเรือนร่างผู้ปกครองสูงสุดแห่งขุมนรกอย่างมัน
ทว่า ถึงบาเรียโลหะจะมีพลังป้องกันสักร้อยล้านหน่วยก็ไม่สลักสำคัญ
ทำไมน่ะหรือ
ฉัวะ—
“…!?”
ใบมีดวายุปริศนาก่อตัวจากอากาศว่างเปล่า พุ่งเฉือนร่างเฟย์ริสทุกครั้งที่คลื่นดาบปะทะเข้ากับบาเรียโลหะครบสี่หน
เวทลมเฉือนของบราฮัมมีคุณสมบัติเป็นเวทมนตร์ บาเรียโลหะที่ต้านทานพลังทางกายภาพย่อมมิอาจขัดขวาง เนื้อหนังเน่าเปื่อยของเฟย์ริสถูกกรีดเฉือนจนหยดเลือดพุ่งสาดกระเซ็น
ในเวลาเดียวกัน
เปรี้ยะ!เปรี้ยะ!
หลังจากกลีบดอกไม้ถล่มทิ่มแทงกองทัพอสูรถ้วนหน้า ปราณดาบกลีบดอกเกิดระเบิดพร้อมกับสร้างกระแสไฟฟ้าทรงพลัง บั่นทอนพลังชีวิตเหล่าอสูรไปพร้อมกับก่ออาการผิดปรกติ ‘อัมพาต’
เวทอัสนีของบราฮัมจะแฝงในกลีบดอกเสมอ
โฮกกกกกก!!
กองทัพอสูรเริ่มระส่ำอย่างแท้จริง
มอนสเตอร์ประเภทแมลงที่พลังชีวิตต่ำ พวกมันบาดเจ็บเจียนตายด้วยการทิ่มแทงจากกลีบดอกเพียงสองหน ส่วนมอนสเตอร์ประเภทสัตว์ป่าร่างใหญ่ พวกมันส่งเสียงร้องโอดครวญเจ็บปวดพร้อมกับแสดงท่าทีเกรี้ยวกราด
อสูรบาดเจ็บจำนวนหลายพันต่างหันมองกริดเป็นตาเดียวโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
สำหรับมนุษย์ทั่วไป นี่อาจเป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นชวนให้หัวใจหยุดเต้น
แต่ไม่ใช่กับกริด ชายหนุ่มไม่เปลี่ยนสีหน้า
เหตุไฉนต้องแยแสสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย?
จำนวนมากเพียงใดก็ไม่เห็นจะมีนัยสำคัญ
[มนุษย์คนแรกที่เหยียดหยันความน่าเกรงขามของกองทัพอสูรภายในหุบเขา]
[ศักดิ์ศรีและความทระนง ของผู้ไขว่คว้าเส้นทางแห่งตำนานด้วยตัวเอง ย่อมสูงตระหง่านเสียดแทงฟากฟ้า]
…
…
[บุคคลนิรนามเสร็จสิ้นบทกวีหน้าแรก]
ข้อความระบบจบเพียงเท่านี้
เป็นอีกครั้งที่หลายคนนึกขึ้นได้ว่า กริดเคยมีชีวิตย่ำแย่และน่าอดสูมาก่อน
พวกมันหลงลืมเสียสนิท ว่าชายผู้นี้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์เป็นศูนย์
เขายืนบนจุดสูงสุดได้ด้วยความมุมานะ
ท้องฟ้าที่ปราศจากพรสวรรค์ สมควรถูกยกย่องเหนืออัจฉริยะคนใดทั้งหมด
กริดกำเนิดใหม่กลายเป็นตัวตนระดับสวรรค์ที่ผู้คนทั่วโลกยกย่องสรรเสริญ
[ใครบางคนสักการะ ‘รูปปั้นราชาวีรบุรุษ·กริด’]
[ใครบางคนสักการะ ‘รูปปั้นราชาวีรบุรุษ·กริด’]
[ใครบางคนสักการะ ‘รูปปั้นราชาวีรบุรุษ·กริด’]
[ใครบางคน…]
…
…
[รูปปั้นของท่านถูกสักการะอย่างต่อเนื่อง!]
…
…
[‘รูปปั้นราชาวีรบุรุษ·กริด’ เพิ่มระดับกลายเป็นเลเวล 15 (สูงสุด) !]
[ท่านได้รับบัฟจากรูปปั้นเลเวลสูงสุด นับแต่นี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ค่าความชำนาญเพิ่มขึ้น 30% โอกาสสร้างไอเท็มเกรดสูงเพิ่มขึ้นจากปรกติหลายเท่า และทักษะดาบจะปลดปล่อยได้เร็วขึ้น 20%]
ข้อความระบบแจ้งข่าวดี ปรากฏที่มุมสายตากริดอย่างต่อเนื่อง
[หน้าแรกของบทกวีเสร็จสมบูรณ์!]
[ทักษะ < (ความห่วงใยจากบราฮัม) เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า> กลายเป็น <วิชาดาบกริด>]
[ท่านมีโอกาสประจักษ์สุดยอดเวทมนตร์ของบราฮัมบ่อยครั้ง วิชาดาบเฉพาะตัวของท่านถูกดัดแปลงให้ใช้งานเวทมนตร์ได้เต็มความสามารถมากขึ้น เวทมนตร์เฉพาะตัวของบราฮัมจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม]
[ท่านคือผู้เล่นคนแรกที่ทำลายขีดจำกัดและสร้างทักษะใหม่เป็นของตัวเอง]
[ท่านได้รับทักษะ ‘สร้างทักษะ’ เป็นรางวัลตอบแทนความสำเร็จอันยิ่งใหญ่]
<สร้างทักษะ>
สร้างทักษะประเภทกดใช้งานได้หนึ่งชนิด
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เป็นรางวัลตอบแทนจากการถูกจารึกตำนานไว้ในบทกวี]
[ร่างกายของท่านถูกปลดพันธนาการ ความเร็วทุกชนิดเพิ่มขึ้นเกินขีดจำกัด วิสัยทัศน์เพิ่มขึ้นเกินขีดจำกัด สัมผัสทั้งหกเฉียบคมขึ้นเกินขีดจำกัด]
[ค่า ‘ความเป็นเทพ’ เพิ่มขึ้น 1 แต้ม]
[จากเนื้อหาของบทกวี ท่านได้รับสมญานาม ‘ตำนานแห่งหุบเขา’]
<ตำนานแห่งหุบเขา>
ภายใต้สนามรบประเภทหุบเขา แต้มสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 10% ความรุนแรงทักษะโจมตีวงกว้างเพิ่มขึ้น 20%
ท่านสลักความหวาดกลัวลงในใจจอมอสูรลำดับ 22 เฟย์ริส ทำการลดพลังป้องกันกายภาพและเวทมนตร์ของเฟย์ริสลง 10%
เอฟเฟคข้างต้นมีผลกับจอมอสูรทุกตนที่ลำดับต่ำกว่าเฟย์ริส
[สัญชาตญาณและสายตาของท่านเฉียบคมยิ่งกว่าผลจากออปชั่นไอเท็ม ‘ผ้าปิดตาเพชฌฆาต’ การสวมมันจะไม่เกิดประโยชน์อันใด แถมยังระคายเคืองการมองเห็นของท่าน]
“…”
ท้องฟ้าถือกำเนิดใหม่ท่ามกลางผืนทรายสีเหลืองทอง
ถึงแม้กระแสลมจะเริ่มสงบ แต่กลิ่นคาวเลือดน่าสะอิดสะเอียนยังคงคละคลุ้งฟุ้งกระจาย
ฉึบ
สายตากริดและเฟย์ริสประสานกันด้วยฐานะที่เท่าเทียม ไม่มีใครสูงกว่าใคร
“ฟู่ว…”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอด เขาหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง
โลกทั้งใบเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน…
ไม่ได้การ… ต้องรีบปรับตัวชินโดยเร็ว
“เป็นไงเป็นกัน…”
กริดพึมพำพร้อมกับถอดผ้าปิดตาทิ้ง
กล้องทุกตัวรีบจับภาพมาที่ดวงตาข้างซ้าย
ม่านตาแดงก่ำรอบนอกปรากฏจุดดำจำนวนแปดจุดเรียงตัวเป็นวงกลม ขนาดของแต่ละจุดเล็กเพียงครึ่งหนึ่งของรูม่านตาที่อยู่กึ่งกลาง
สัญลักษณ์ของเนตรมาร
[ความรู้สึกเปี่ยมสุขกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างท่าน เวทมนตร์จาก ‘เนตรทำหมัน’ ถูกระงับผลใช้งานอัตโนมัติ เนื่องจากตัวตนของท่านถูกยกระดับ]
“…ฮ่าห์”
กริดมองเห็นแม้กระทั่งทิศทางสายลมเอื่อยที่พัดผ่านผิวหนัง
เมื่อดวงตาถูกเสริมประสิทธิภาพวิสัยทัศน์ให้เฉียบคม ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายกับตนคือผู้ปกครองสูงสุดเหนือท้องฟ้าทั้งมวลก็มิปาน
ภายในเสี้ยววินาที ข้อมูลจำนวนมากถูกส่งผ่านเข้ามาในรูปแบบภาพการมองเห็นและประสาทสัมผัสทั้งหก
เหมือนกับซูเปอร์ฮีโร่ในภาพยนตร์…
เหมือนกับ… ตนไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว
สำหรับกริด มันเคยซึมซับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน จากภาพนิมิตที่เครย์เชอร์แสดงให้ดูเมื่อครั้งย้อนเวลากลับไปหาแพ็กม่า
ความรู้สึกนี้มัน… เหนือมนุษย์
ระดับสมรรถภาพร่างกายของกริดตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าเจ็ดดยุคแน่นอน
“กล้าทำสีหน้าโอหังต่อหน้าข้าเชียวหรือ”
ก่อนกริดจะมาถึงหุบเขา เฟย์ริสผ่านการต่อสู้กับบุคคลที่แข็งแกร่งมาแล้วหลายยก
โดยเฉพาะศึกระหว่างผู้ใช้หอกเก่งฉกาจสองคนพร้อมกัน เป็นการดวลที่ตึงมือที่สุดนับตั้งแต่มันปรากฏกายบนโลกมนุษย์
หลอดพลังชีวิตถูกลดทอนลงไปหลายส่วน
และเมื่อเวทมนตร์จากบราฮัมกระแทกซ้ำหนักหน่วงโดยไม่ทันตั้งตัว พลังชีวิตจึงลดต่ำลงจนเข้าสู่โหมดคลุ้มคลั่งทันที
“เจ้า… โอหังเกินไปแล้ว… ข้าจะแสดงพลังที่แท้จริงให้ประจักษ์”
พลังสุดโกงซึ่งสามารถบดขยี้กองทัพอาเรสได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
บัฟที่ถูกกล่าวขานกันว่า เป็นบัฟที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่ซาทิสฟายเคยมีมา
คลื่นกระเพื่อมแผ่ขยายไปทั่วหุบเขา ผืนดินสั่นสะเทือนโครมครามด้วยบรรยากาศน่าเกรงขามหวาดหวั่น กองทัพอสูรถูกปลุกขวัญกำลังใจให้กลับมาฮึกเหิมอีกระลอก อาการบาดเจ็บเริ่มถูกฟื้นฟูจนบาดแผลสมาน
“ไม่มีใครในโลกสร้างบาดแผลให้ข้าได้”
คำลวงที่กลายเป็นความจริงชั่วขณะ
“หนึ่งลมหายใจของข้าจะแผดเผาผืนป่าให้ไหม้เกรียมโล่งเตียน หนึ่งฝ่าเท้าของข้าจะกระทืบภูผาให้พังครืน”
เฟย์ริสฉาบตัวเองด้วยบัฟคำลวงสุดทรงพลังเหนือจินตนาการ นับแต่นี้ไปเป็นเวลาหนึ่งนาที เฟย์ริสจะอยู่ในภาวะอมตะ แถมยังเพิ่มพลังโจมตีทุกชนิดอีกหลายเท่า
ใช่แล้ว กองทัพอาเรสถูกทำลายด้วยสิ่งนี้
ผู้ชมทางบ้านที่เคยชมสงครามอาเรส พวกมันล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘จีจี’
ทันใดนั้น
“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี”
กริดเปล่งถ้อยคำสุดเหลวไหลต่อหน้าทุกคน
แก้มชายหนุ่มแดงระเรื่ออย่างเขินอาย
『....? 』
= …?
เมื่อครู่กริดพูดว่าอะไร…?
ขณะคนทั่วโลกไต่ถามด้วยสีหน้าฉงน ฝ่ามือฝ่าเท้าของพิธีกรและผู้ชมต่างพากันสั่นระริก
เพล้ง!
บัฟคำลวงที่เฟย์ริสฉาบบนร่าง พลันแหลกละเอียดคล้ายเศษกระจกในพริบตา
『.…!!』
= …!!
“…!!”
ความตกตะลึงแผ่ปกคลุมไปทั่วโลก รวมถึงสนามรบหุบเขาไทเลอร์
และแน่นอน ฝ่ายที่ประหลาดใจที่สุดหนีไม่พ้นตัวเฟย์ริสเอง
ทันใดนั้น บางสิ่งได้พุ่งเข้าประชิดปลายจมูกเฟย์ริสที่ยืนหวาดผวาอย่างฉับพลัน
เป็นกริด
ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้เกิดใหม่พร้อมกับสปีดเหนือมนุษย์ ยิ่งรวมเข้ากับบัฟร่างมืด ความเร็วจึงกลายเป็นคนละมิติจากแต่ก่อน ชนิดที่ไม่มีผู้เล่นคนใดเอื้อมถึง แม้กระทั่งคลาสนักลอบสังหารแถวหน้าของโลก
“วิชาดาบกริด”
“…!?”
“สังหาร”
ผู้ปกครองขุมนรก ตัวตนระดับจอมอสูรซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของเผ่ามนุษย์ทั้งมวล
ฉึก—
ดาบในมือกริดทะลวงหัวใจเข้าไปง่ายดาย
“นี่เจ้า…”
ฉัวะ—!
ปากที่ใช้เย้ยหยันมนุษย์ กริดใช้ส่วนคมสะบั้นใส่จนชะงักการเปล่งเสียง
ฉัวะ ฉัวะ!!
ปราณดาบและคลื่นเวทมนตร์ถาโถมพัลวันรอบตัวเฟย์ริส เกิดระเบิดลุกท่วมอย่างต่อเนื่อง แสงหลากสีของเวทมนตร์ปรากฏสลับรัศมีดาบ
กริดหายตัวโผล่โจมตีเฟย์ริสจากทุกทิศ
บ้างด้านซ้าย บ้างด้านบน และบ้างด้านหลัง
วิชาดาบกริดชนิดแล้วชนิดเล่าถูกประเคนใส่กายาจอมอสูรอย่างไม่เกรงใจ
ถึงกับขนลุก
ReplyDeleteสนุกมากกกกก รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วครับบ
ReplyDeleteค้างเบย 😂
ReplyDeleteตัดจบแบบละครไทย พบกันใหม่อาทิตย์หน้า 555
ReplyDeleteเอามาอีกสัปดาห์ละ4ตอนนนี่เพิ่ง3ตอนเองงง จะลงเเดงเเหล่ววว
ReplyDeleteโหดดดดด
ReplyDeleteสุดยอดดดดด
ค้างงงสิครับแบบนี้😆
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง😁🙏
โคตรของโคตรเทพ ซุปเปอร์กริด
ReplyDeleteสุดยอดมากเลยตอนนี้
ReplyDeleteข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี AKA ของแสลงสายบัฟ
ReplyDelete👍
Delete