จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1054



[ผู้เล่นกริดได้รับรางวัล MVP อันดับหนึ่ง]


[เรเชลและคิรินัสได้รับรางวัลอันดับสอง]


[ปิอาโร่ได้รับรางวัลอันดับสาม]


[ผู้เล่นครอเกลและยูร่าได้รับรางวัลอันดับสี่]


[บาซาร่าได้รับรางวัลอันดับห้า]


[เกล็นฮาลได้รับรางวัลอันดับหก]


[มอริสได้รับรางวัลอันดับเจ็ด]


[ผู้เล่นซีบาลได้รับรางวัลอันดับแปด]


[ผู้เล่นเฟคเกอร์ได้รับรางวัลอันดับเก้า]


[ผู้เล่นคริสและจิสึกะได้รับรางวัลอันดับสิบ]


[★นักบุญหญิงรูบี้ได้รับรางวัลพิเศษในฐานะเป็นผู้ทำลายดวงวิญญาณจอมอสูร★]


[บุคคลที่เหลือจะได้รับรางวัลเข้าร่วม]


ผู้ชมและผู้เล่นทั่วโลกต่างอ่านข้อความประกาศด้วยสีหน้างุนงง


คิรินัสและเรเชลคือสองบุคคลที่ลดพลังชีวิตของเฟย์ริสได้จำนวนมากในช่วงต้น อาจเป็นปริมาณมากที่สุดจากบรรดาทั้งหมด


แต่ก็ไม่แปลกนักกับการรั้งอันดับสอง เพราะความเสียหายส่วนใหญ่สร้างขึ้นใส่เฟย์ริสในร่างแรกที่อ่อนแอกว่าและปราศจากขุมนรก


เรื่องนี้พอเข้าใจได้


ขณะเดียวกันปิอาโร่ซึ่งมาทีหลัง การได้ครองอันดับสามก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว


แต่สิ่งที่หลายฝ่ายประหลาดใจคือ เรื่องที่ยูร่าได้รับรางวัลอันดับสี่


เธอมาช้ากว่ากริด ครอเกล และเฟคเกอร์


ขุมนรกชั้น 22 ที่เฟย์ริสอัญเชิญออกมาคือสถานที่จริง ไม่ใช่แบบจำลอง ยูร่าจึงพยายามสุ่มหาด้วย ‘มิติขุมนรก’ เพื่อมาให้ถึงก่อนทัพเสริมของโอเวอร์เกียร์


ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังสยบขุมนรกของเธอคือกุญแจสำคัญที่ทำให้สงครามจบลงโดยเร็ว


แต่นั่นไม่เกินไปหน่อยหรือ หากจะรั้งอันดับสี่เคียงคู่มากับครอเกล อริยดาบผู้ใช้ดาบจิตสะบั้นแขนเฟย์ริสพร้อมสร้างความเสียหายสามร้อยล้านหน่วย แถมยังมีส่วนสำคัญในการบัฟปาร์ตี้


ผู้ชมต่างพากันสับสน


แต่ไม่ใช่กับครอเกลและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ ทุกคนล้วนตระหนักดีว่า ในทางทฤษฎีแล้ว การล่าจอมอสูรไม่มีทางสำเร็จได้ หากปราศจากตัวตนที่ชื่อนักล่าอสูร


ท่ามกลางเสียฮือฮาของหลายฝ่าย กริดก้มหน้าตรวจสอบข้อความระบบส่วนตัว


[สมญานาม ‘ผู้กอบกู้โลก’ เพิ่มแต้มสถานะทุกชนิดจาก 200 เป็น 300 แต้ม]


[รางวัลอันดับหนึ่งประกอบด้วย…]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘หน้ากากหนังเฟย์ริส’]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘กีบเท้าเฟย์ริส’]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘โลหิตเฟย์ริส’]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘แผงคอเฟย์ริส’]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘หินเสริมแกร่งอาวุธที่ถูกอวยพร’ 30 ก้อน]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘หินเสริมแกร่งเครื่องป้องกันที่ถูกอวยพร’ 60 ก้อน]


[พลังเฟย์ริสถูกสลักลงในอักขระความมืด]


[…!!]


[พลังจอมอสูรที่สลักลงในอักขระความมืดมีจำนวนมากถึงสาม หมายความว่าท่านจัดการจอมอสูรไปแล้วสามตน และกำลังไล่ตามความสำเร็จของแพ็กม่ากับมุลเลอร์ไม่ห่าง หากวันใดที่ท่านจำกัดจอมอสูรได้เท่ากับสองคนนั้น ตัวตนของท่านจะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น]


ข่าวดีจบลงเท่านี้


และไม่น่าประหลาดนักที่มีแต่สิ่งดีๆ ปราศจากข้อความระบบด้านลบหรือผลข้างเคียงชวนให้ปวดเศียร


กริดกำลังมีความสุข รางวัลท็อปสิบส่วนใหญ่ตกเป็นของขุนพลโอเวอร์เกียร์และสามดยุค สิ่งนี้หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างตนและเหล่าดยุคจะยิ่งแน่นแฟ้น


สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือเมอร์เซเดส กริดพลาดโอกาสสั่งสมบารมีให้เธอ


แต่หากทบทวนถึงเหตุผลที่กริดไม่ได้พาเมอร์เซเดสมาด้วย การพลาดโอกาสก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายมากนัก


เธอกำลังออกเดินทางกับอัสโมเฟล


กริดมอบหมายหน้าที่ให้อัสโมเฟลรวบรวมอดีตอัศวินสีชาด แต่สำหรับผู้ทรยศอย่างอัสโมเฟล อาจมีเรื่องราววุ่นวายคล้ายกับเหตุการณ์ของซินกูเล็ตเกิดขึ้นอีก ถ้าปล่อยไว้ อัสโมเฟลคงได้ถูกฆ่าในสักวัน การนำเมอร์เซเดสร่วมทางไปด้วยจะช่วยแก้ปัญหาได้ทันท่วงที


ยอมเสียสละเธอในวันนี้ ก็เพื่อพันธมิตรที่แข็งแกร่งในวันข้างหน้า


‘แล้วก็… ไอเท็มดรอปชนิดพิเศษสินะ’


กีบเท้าเฟย์ริสถือเป็นไอเท็มประเภทโลหะ และยังมีเลือดกับแผงคอซึ่งเป็นวัสดุรองหายาก…


ขณะกริดกวาดสายตาหยาบๆ ผ่านรายละเอียดไอเท็มดรอปเฟย์ริส เหตุการณ์ประหลาดพลันเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว


[…!!!]


[อักขระความมืดบรรจุพลังจอมอสูรในปริมาณมากเกินไป! อักขระความมืดรับภาระหนักจนไม่สามารถคงสภาพไว้ได้!]


‘เฮ้ย! เดี๋ยว!!’


หงึกกึกกึกกึก!


อักขระในช่องสัมภาระเกิดการสั่นกระเพื่อมรุนแรงคล้ายใกล้ระเบิด


ท่ามกลางเสียโห่ร้องยินดีของมิตรสหาย มีเพียงกริดที่กำลังยืนหน้าซีด ร่างกายเย็นยะเยียบไปถึงไขสันหลัง


ทันใดนั้น


บึ้มมม! เพล้ง!!


อักขระความมืดเกิดระเบิด


กริดกุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ ก่อนจะล้มทั้งยืนลงไปกองกับผืนทรายสีเหลืองอ่อน


“พี่!!”


“กริด!!”


รูบี้ เซ็กซี่สคูลเกิร์ล จิสึกะ และยูร่า พวกเธอรีบวิ่งเข้ามาดูอาการชายหนุ่มด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


กริดฝืนพยุงตัวนั่งลง ฝ่ามือกุมหน้าอก ลมหายใจเหนื่อยหอบขาดห้วง


ภายในช่องสัมภาระ เศษอักขระความมืดที่แตกกระจัดกระจายเริ่มละลายกลายเป็นของเหลว


“ที่รัก! ที่รัก! เกิดอะไรขึ้น? ตกใจหมดเลย”


“ยองวู ลุกไหวไหม?”


หนึ่งคน สองคน… ผู้คนกรูเข้ามารุมล้อมกริดมากขึ้นทุกขณะ


ปิอาโร่ ครอเกล และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ สีหน้าพวกมันอาจแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดล้วนแฝงไว้ด้วยความกังวล


ขณะเดียวกัน ร่างกายกริดกำลังปั่นป่วน


ตึกตัก… ตึกตัก!


ตุ๊บตุ๊บตุ๊บตุ๊บตุ๊บ…


หัวใจเต้นระรัวหนักแน่นจนกระทบไปถึงสมอง ใบหน้าชุ่มเหงื่อคล้ายกับเพิ่งเดินตากฝนมาไม่นาน


กริดมิอาจสงบสติ


ซ่าาาา!


ทันใดนั้น เศษอักขระความมืดที่แตกกระจัดกระจายและกำลังละลาย พวกมันเกิดระเหยฉับพลัน เปลี่ยนสภาพกลายเป็นปราณอสูรสีดำค่อยๆ ไหลซึมออกจากร่างกริดทีละนิด


ผิวหนัง เลือด กระดูก หัวใจ


ความรู้สึกประหลาดแล่นผ่านทุกอวัยวะภายในร่างกายอย่างเท่าเทียม


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…


ตึก… ตัก…


ตึก…


เสียงหัวใจที่ระรัวโครมครามบ้าคลั่งจนถึงเมื่อครู่ ท้ายที่สุดก็เริ่มสงบลงคล้ายกับพายุกำลังสลายตัว


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


มันได้สติกลับคืนอีกครั้ง กริดผ่อนลมหายใจยาวเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ


ข้อความระบบใหม่ปรากฏที่มุมสายตา


[พลังอสูรปริมาณมากในตัวท่าน หลอมรวมอักขระความมืดให้เป็นหนึ่งเดียวกับพวกมัน]


[อักขระความมืดที่เกือบหายไปตลอดกาลเพราะมิอาจรองรับพลังมหาศาล ถูกรักษาสภาพไว้โดยปราณอสูร และหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับตัวท่านในที่สุด]


[อักขระความมืดกลายเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน]


[ทุกครั้งที่เปิดใช้งานอักขระความมืด พลังอสูรจะเพิ่มขึ้น 200 แต้มเสมอ]


[พลังอสูรของท่านมีค่าสูงกว่า 30,000 แต้ม]


พลังอสูร


ค่าสถานะพิเศษซึ่งได้รับมาพร้อมกับโนเอะ หลังจากเอาชนะจอมอสูรเฮลกาโอบนเกาะคอร์ก


แต่ไหนแต่ไร มันส่งผลดีกับกริดมาตลอด


เพราะค่าพลังอสูร โนเอะจึงหลงใหลในตัวกริดและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่อง


เพราะค่าพลังอสูร มันจึงมีสิทธิ์ใช้งานต่างหูดาร์คบัสซึ่งมอบทักษะ ‘ร่างมืด’ สุดทรงพลัง ยิ่งพลังอสูรเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพของร่างมืดก็ยิ่งถูกยกระดับ


ทว่าสำหรับกริด พลังอสูรไม่ใช่ค่าสถานะที่มีแต่ด้านบวก ชายหนุ่มมอบความหวาดระแวงให้มันอยู่เสมอ เพราะในคำอธิบาย ค่าสถานะชนิดนี้มีคุณสมบัติทำให้มนุษย์เข้าใกล้ความเป็นเผ่าพันธุ์อสูร


ยิ่งมากก็ยิ่งเข้าใกล้


มันวิเคราะห์ว่า หากพลังอสูรเพิ่มจนถึงระดับที่ตนสามารถผ่านเข้าออกขุมนรกได้ดั่งใจนึก นั่นอาจเป็นสัญญาณการกลายเป็นเผ่าอสูรเต็มตัว


‘มีมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี…’


ในทุกศาสตร์ ทางสายกลางคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ฉะนั้น หากมีวิธีที่จะช่วยให้ตนไม่กลายเป็นเผ่าอสูรเต็มตัว กริดก็ยินดีทำโดยไม่ลังเล


แต่ไหนแต่ไร มันพยายามระงับจิตสังหารเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะในสงครามอีเทอนัล สงครามกับอัศวินสีชาดที่เบลโต้ สงครามกับเคียร์ที่ป่าเอลฟ์ และสงครามกับทัพอากาศรีกัลที่ไบรัน


ถึงจะเลี่ยงสงครามสังหารหมู่ไม่ได้ทั้งหมด แต่กริดก็พยายามยั้งมือ ไม่ฆ่าแกงเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเกิดจำเป็น นั่นก็เพื่อให้พลังอสูรไม่เพิ่มไปจากเดิม


ทว่าในปัจจุบัน การกระทำดังกล่าวไม่ช่วยยับยั้งพลังอสูรอีกแล้ว


ทุกครั้งที่เปิดใช้งานอักขระความมืด พลังอสูรจะเพิ่มขึ้นทันที 200 แต้ม หรือเทียบเท่าสังหารมนุษย์ 200คน เป็นความจริงที่ค่อนข้างเจ็บปวดสำหรับกริด


ชายหนุ่มยืนขมวดคิ้วตึงเครียดเป็นเวลานาน ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อฉุกคิดได้


‘ช่างเถอะ เราไม่ได้ใช้งานบ่อยอยู่แล้ว’


เดิมที อักขระความมืดจะมีไว้ในกรณีฉุกเฉินที่พลังธรรมดาของกริดไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้เท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นถี่นัก โดยเฉพาะในช่วงหลัง


เป็นเช่นนี้มานาน ไม่ใช่เรื่องใหม่


‘และถ้ามองในแง่ดี ยิ่งพลังอสูรมาก ร่างมืดของเราก็ยิ่งแกร่ง’


เนื่องจากตัวตนถูกยกระดับ กริดจึงมีความเร็วเกินขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์มนุษย์


ด้วยร่างมืด มันสามารถพุ่งตัวกลางอากาศได้ด้วยสปีดที่เร็วถึง 10 พยองต่อวินาที นี่คือการผลการทดสอบเมื่อครั้งบุกจู่โจมเฟย์ริส


หากวันใดที่ค่าบัฟของร่างมืดเพิ่มถึง 50% ความเร็วในจุดนี้ก็จะยิ่งพัฒนา หรือก็คือ การเพิ่มขึ้นของพลังอสูรไม่ได้มีแต่ผลเสีย


กริดพยายามคิดบวกเข้าไว้


และต้องไม่ลืมว่า โชคดีแค่ไหนแล้วที่พลังภายในอักขระความมืดไม่หายไป กว่าจะได้ครอบครองแต่ละชนิด มันต้องฝ่าฟันอุปสรรคไม่น้อย


โดยเฉพาะโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์


“อ๊ะ! ฉันไม่เป็นไร”


กริดจมอยู่ในห้วงความคิดอยู่นาน มันกวาดสายตามองพวกพ้องที่กำลังยืนรุมล้อมด้วยสีหน้าเป็นกังวล


รูบี้และจิสึกะน่ารักน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ เพราะพวกเธอพร้อมหลั่งน้ำตาตลอดเวลา


ด้านยูร่าก็เช่นกัน หญิงสาวใบหน้าเย็นชาพยายามข่มความกระวนกระวายเพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตก


“ฝ่าบาท… ฮึก! กระหม่อม… ฮือออ~”


“…”


ปิอาโร่โศกเศร้าออกนอกหน้ากว่าใคร ทำเอากริดรู้สึกกระอักกระอ่วน


ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองของมิตรสหาย มันเริ่มลงมือสำรวจไอเท็มดรอปที่ทุกคนได้รับ


น่าเสียดายที่ของรางวัลสำหรับผู้เข้าร่วมมีมูลค่าค่อนข้างต่ำ เป็นแค่หินเสริมแกร่งที่ถูกอวยพรคนละไม่กี่สิบก้อน แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับขนแผงคอเฟย์ริสติดไม้ติดทุกคน


ขนแผงคอเฟย์ริสมีลักษณะฟูและยาว ภายนอกอาจคล้ายขนสัตว์ทั่วไป แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ สิ่งนี้คือหนามโหละแหลมคมที่มีความแข็งและค่าทนทางสูง


‘ถ้านำไปติดกับส่วนปกของชุดเกราะ นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มพลังป้องกันได้อีกมาก’


แถมมีโอกาสเพิ่มออปชันสะท้อนความเสียหายแก่การโจมตีกายภาพ


ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงดีมาก ประสิทธิภาพของผลสะท้อนที่เกิดจากวัตถุดิบบอส แค่จินตนาการก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว


“พวกเราคงต้องกลับก่อน”


กลุ่มสี่ดยุคเดินมาหากริดที่กำลังนั่งสำรวจไอเท็มหลายชิ้นวางเรียงรายบนพื้น


หลังจากเห็นสายสัมพันธ์อันแนบแน่นอบอุ่นระหว่างกริดและปิอาโร่ พวกมันต่างอมยิ้มอย่างมีความสุข


ยกเว้นเรเชล เธอยังคงจ้องมองปิอาโร่ด้วยสีหน้าซับซ้อนกึ่งเย็นชา


เกล็นฮาลก้มศีรษะลงและพูดแทนทุกคน


“ท่านราชาโอเวอร์เกียร์ ขอขอบคุณสำหรับประสบการณ์ล้ำค่าบนเกาะโบราณสถาน พวกเราจะไม่ลืมบุญคุณที่ท่านได้ช่วยชีวิตไว้”


“กลับไปโบราณสถานการณ์ด้วยกันกับฉันไหม? ตอนนี้เลยก็ได้ หรือยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”


“หามิได้ พวกเราต้องรีบกลับไปรายงานฝ่าบาทถึงสถานการณ์จอมอสูร และโน้มน้าวให้พระองค์สานสัมพันธ์กับโอเวอร์เกียร์”


“ใช่แล้ว! ท่านราชาตั้งตารอพันธมิตรได้เลย!”


“ขอบคุณมาก แล้วฉันจะรอ”


เกล็นฮาลคำนับส่งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไปพร้อมกับบาซาร่าและมอริส


“ขอเวลาเดี๋ยว”


เรเชลพูดขัดจังหวะพวกมัน ก่อนเดินเข้ามาหากริดด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่มีใครทราบว่าเธอกำลังคิดสิ่งใด


เครื่องแต่งกายหรูหราสีแดงส้มกำลังสะบัดพลิ้วตามแรงลมภายใต้แสงแดดทองอร่าม นับเป็นตัวตนที่สง่างามยิ่งกว่าบุตรีแห่งรีเบคก้า


จิตคุกคามรวมถึงออร่ามหาศาล เทียบชั้นได้กับแมรีโรสที่กริดเคยเผชิญหน้าเลยทีเดียว


ในสายตาเธอ กริดคือตัวตนดาษดื่นมาตลอดจนกระทั่งศึกเมื่อครู่ สีหน้าท่าทีของเรเชลจึงออกอาการลังเลที่จะพูด


“การตายของรีกัลเป็นผลที่เกิดจากสงคราม ฉะนั้นวางใจได้ ฉันจะไม่นำอารมณ์ส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องส่วนรวม”


“เข้าใจแล้ว… ขอบคุณมาก”


เรื่องที่รีกัลและเรเชลเป็นเพื่อนสนิท กริดย่อมสืบทราบจากสายข่าว


ด้วยความสัตย์จริง กริดเคยหวาดกลัวความแค้นจากเรเชลอยู่หลายส่วน แต่อีกใจก็ยังแอบหวัง เธอเป็นดยุคแห่งซาฮารัน บางทีเรเชลอาจแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวและส่วนรวมได้


โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาเช่นนั้น อริยหอกสาวฉลาดพอจะไม่สร้างความวุ่นวายซึ่งเป็นผลร้ายต่อทุกฝ่าย


‘เหนือสิ่งอื่นใด คนที่ฆ่ารีกัลคือปิอาโร่…’


ถึงความผิดไม่ได้อยู่ที่ตนทั้งหมด แต่กริดก็ไม่โง่พอจะพูดออกไป มันยอมรับไมตรีจากอริยหอกสาวโดยไม่ขัดข้อง


“ฉันเคยฟังเรื่องราวของนายจากปากศิษย์รักมานานแล้ว สมกับที่คาดหวังไว้ ศักยภาพและพลังแฝงสูงมากจนน่าทึ่ง”


เมื่อเรเชลหมุนตัวกลับ คิรินัสเดินเข้าหากริดพร้อมกับยื่นแขนออกมาจับมือ สายตาที่อ่อนโยนและลุ่มลึกสำรวจชายหนุ่มหัวจรดเท้า


“ฉันมั่นใจว่าพวกเราต้องได้พบกันอีกแน่ ฮะฮะ! ขอตัวกลับก่อนนะ”


“แล้วเจอกันนะ กริด”


“ครั้งหน้าที่พบกัน ฉันจะหาโอกาสใช้ปีกมังกรในฉากเท่ๆ ให้ได้”


คิรินัส ครอเกล พี่น้องเฮ่า แรงเกอร์ชาวจีนและรัสเซีย ทุกคนเริ่มทยอยเดินทางกลับ


“ศึกตัดสินของพวกเราคงต้องเลื่อนไปก่อน”


“นายพูดเรื่องอะไร? เมื่อครู่ฉันเป็นฝ่ายชนะ”


ด้วยเหตุผลบางประการที่กริดไม่ทราบ คิรินัสและเรเชลกำลังมีปากเสียงเหมือนเด็ก


เพียงไม่นาน แผ่นหลังของสี่ดยุค ครอเกล และคิรินัสหายลับตากริดโดยสมบูรณ์


ถัดมา ซีบาลและบ็อกซ์เดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน โดยเฉพาะซีบาล


“เป็นเพราะจักรกลของฉันต่างหาก แผนการปราบเฟย์ริสจึงสำเร็จ นายก็ยอมรับใช่ไหม? ฉ…ฉันไม่ยกย่องนายเหมือนที่คนอื่นทำหรอกนะ!”


ซีบาลพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบหันหลังและเดินหายไป


“ขอบคุณมากที่ช่วยฮาเค่นไว้… ส่วนเรื่องความผิดในอดีตที่ผมเคยก่อ จะหาโอกาสชดเชยอย่างเหมาะสมในภายหลัง”


บ็อกซ์โค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินจากไปพร้อมสมาชิกกิลด์สเนก


ปัจจุบันเหลือเพียงกิลด์โอเวอร์เกียร์


หลังจากจัดการเก็บไอเท็มดรอปและสนทนาด้วยบรรยากาศชื่นมื่นอีกสักพัก


“กลับบ้านกันเถอะ”


ลอเอลกล่าวด้วยรอยยิ้ม



ขณะเดียวกัน ณ จุดหากไกลออกไป อีกฟากฝั่งของหุบเขาไทเลอร์


“บังเอิญเห็นฉากเด็ดของพวกกบฏเข้าจนได้”


องค์ชายลำดับสี่ อีธาน มันกำลังยืนแสยะยิ้มเหนือหัวไหล่ของจักรกลเวทมนตร์สีดำสนิท บรรยากาศรอบตัวชั่วร้ายสุดขีด แตกต่างจากไรเดอร์สซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง


มันได้เห็นดยุคของจักรวรรดิก้มศีรษะให้ราชาโอเวอร์เกียร์ แทนที่จะลงมือสังหาร


และมันได้ทราบว่า ปิอาโร่ยังมีชีวิตอยู่


อีธานพอจะคาดเดาเนื้อหาบทสนทนาได้


ในอดีต ตัวการสำคัญที่ป้ายสีปิอาโร่ให้กลายเป็นกบฏ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมันเอง


“ฉันต้องเล่นงานพวกมัน ก่อนที่ท่านแม่จะถูกปองร้าย…”


อีธานแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ มันหันกลับไปด้านหลังพร้อมกับเอ่ยปากถาม


“ท่านแม่จะได้ครองบัลลังก์อย่างราบรื่นด้วยสุขภาพพลานามัยแข็งแรง… ฉันพูดถูกไหม?”


นักบินหน่วยจักรกลเวทมนตร์ที่อีธานภาคภูมิใจ พวกมันทุกคนผงกศีรษะอย่างหนักแน่นพร้อมเพรียง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,443

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


 

Comments

  1. หลังจากการรอคอยอย่างยาวนาน
    ...
    ไม่ถึง1วันดี

    ReplyDelete
    Replies
    1. แอดเขาใจดีครับ😁

      Delete
  2. อีธาน​ ฮันต์ กำลัง​ทำมิสชั่นอิมพอสซิเบิ้ล🤭
    สนุก​ครับ​ผม
    ขอบคุณ​มาก​😊👍

    ReplyDelete
  3. 10 พยองต่อวิ = 120km/hr ไม่ธรรมดาๆ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00