จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1053
กุญแจสำคัญในการต่อสู้คือเวลา ไม่มีประโยชน์ที่จะยื้อให้นานออกไป
ศึกปราบเฟย์ริสย่อมใช้หลักการเดียวกัน ด้วยสภาพภูมิประเทศเป็นขุมนรกที่การฟื้นฟูทรัพยากรตามธรรมชาติไม่เป็นผล สิ่งนี้ส่งผลเลวร้ายต่อฝ่ายผู้เล่นและ NPC อย่างหนักหน่วง
ด้วยเหตุนี้
บึ้มบึ้มบึ้ม!!
เคร้งเคร้ง—!
สมาชิกปาร์ตี้ที่มีปิอาโร่และเรเชลเป็นหัวหอก ทุกคนกัดฟันพยายามอย่างหนักเพื่อให้การต่อสู้จบลงเร็วที่สุด
สลับกันโจมตีใส่เฟย์ริสขณะที่ระยะหน่วงทักษะของคนที่เหลือยังวนกลับมาไม่ถึง คอยเปิดทางให้กันและกันเข้าไปโจมตี คอยขัดขวางศัตรูเมื่อพวกพ้องเพลี่ยงพล้ำ
การผนึกกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น ถึงเฟย์ริสจะถูกเพิ่มแต้มสถานะหลายเท่า แต่การรับมือตัวตนพิเศษจำนวนมากตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่าย
ปัญหาสำคัญคือมันไม่มีโอกาสโจมตีโต้กลับ
เฟย์ริสเป็นจอมอสูรสายเวท แต่ไหนแต่ไร มันถล่มศัตรูอย่างราบคาบด้วยเวทมนตร์สุดทรงพลังอยู่เสมอ ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ระยะประชิดบ่อยครั้งนัก
ยิ่งถูกผนึกการโจมตี โอกาสพลิกสถานการณ์ตรงหน้าจึงแทบไม่เหลือ
“พวกหมาหมู่!!”
ในที่สุดมันก็เปล่งวลีนี้ออกมา คล้ายกับกำลังบอกเป็นนัยว่า นี่คือครั้งแรกที่ตนรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง
ซู่ว!
ทันใดนั้น กลุ่มก้อนเวทมนตร์ปริศนาพุ่งลงมาจากผาสูงชัน ปริมาณเข้มข้นจนคิรินัส ปิอาโร่ และสี่ดยุคต่างแสดงสีหน้าตึงเครียด
เวทมนตร์หลากสีสันพุ่งถล่มใส่ผืนสนามสงครามขุมนรกจนสั่นสะเทือนถ้วนทั่ว
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
“อึก…!”
“พลังขนาดนี้…!?”
ครอเกลกับเฟคเกอร์บาดเจ็บหนักจนกระอักเลือด สี่ดยุครวญครางเล็กน้อยจากอาการบาดเจ็บตื้นเขิน
มีเพียงสามคนเท่านั้นที่รอดจากเวทมนตร์สีรุ้งโดยสมบูรณ์ ปิอาโร่ คิรินัส และเรเชล พวกมันมีพลังมากพอจะสลายเวทมนตร์ทิ้งก่อนพุ่งถึงตัว
“เป็นพลังเวทที่รุนแรงมาก…”
ฉึบ!
หลังจากยืนยันว่าปลายนิ้วตัวเองสั่นเทา ปิอาโร่รีบแหงนมองไปบนผาหิน
มันได้พบบุรุษผมเขียวนัยน์ตาทองยืนเด่นตระหง่านโดยมีสายลมรุนแรงพัดผ่าน
“แอ็กนัส…”
ครอเกลเอ่ยนามของผู้เล่นที่ตนไม่ต้องการพบหน้ามากที่สุด
แอ็กนัส ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล จอมอสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก สถานะและตัวตันของมันย่อมยืนฝั่งตรงข้ามมนุษย์
เมื่อจอมอสูรบุกถล่มทวีป ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แอ็กนัสจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตัวตนอย่างบาเอลไม่มีทางนิ่งดูดายในสถานการณ์เช่นนี้แน่
มันต้องมอบภารกิจบางอย่างให้แอ็กนัสทำ
แต่ครอเกลเดาออกถึงสาเหตุที่แอ็กนัสเงียบงันมาตลอดสามเดือนโดยไม่ลงมือ…
มันหวาดกลัวความเกลียดชังจากคนทั้งโลก
‘กล้าลงมือแบบนี้… เลิกลังเลแล้วหรือ?’
ผลลัพธ์เมื่อครู่คือสิ่งที่ครอเกลทำความเข้าใจได้ไม่ยาก หากลองย้อนกลับไปราวเดือนก่อน ขณะที่เฟย์ริสเพิ่งถล่มอาณาจักรโรเทมอนเสร็จ ผู้คนทั่วโลกกระทำสิ่งใดต่อแอ็กนัส?
มันถูกบังคับให้เสียสละ
ยิ่งแอ็กนัสไม่ตอบโต้ พวกมันก็ยิ่งได้ใจและคุกคามหนักข้อจนล้ำเส้นของความพอดี
คนที่เกลียดชังเป็นทุนเดิมแฝงตัวมาคุกคามเพื่อความสะใจส่วนตัว ไม่ได้ต้องการช่วยโลกแต่อย่างใด เป็นพฤติกรรมแสนน่ารังเกียจหากมองจากบุคคลภายนอก
ความโดดเดี่ยวและโทสะมากมายที่แอ็กนัสต้องเผชิญ ครอเกลพอจะเข้าใจอยู่หลายส่วน
ทันใดนั้น
“ถ้าเป็นฉันคงทำแบบเดียวกัน…”
เสียงของเฟคเกอร์
ร่างกายกำลังบาดเจ็บจากเวทมนตร์ บาดแผลไม่สามารถฟื้นฟูตามธรรมชาติ ไม่มีสิทธิ์ดื่มโพชั่น เรียกได้ว่าอาการค่อนข้างแย่ แต่น้ำเสียงเฟคเกอร์แฝงความเห็นใจชัดเจน
“ฉันคงไม่ยอมให้มนุษย์โลกได้อยู่อย่างสงบสุข หลังจากถูกทำเรื่องต่ำทรามแบบนั้นใส่…
“ถ้าต้องตกนรก ทุกคนก็ต้องลงไปพร้อมกัน”
“…”
ความรู้สึกแบบนั้น ครอเกลสัมผัสได้ไม่ต่าง
หากเฟย์ริสถูกปราบที่นี่ ความต่ำทรามของมนุษย์โลกที่เคยกระทำต่อแอ็กนัสจะถูกหลงลืมและหายเข้ากลีบเมฆ
ทุกฝ่ายจะเอาแต่เฉลิมฉลองโห่ร้องอย่างมีความสุข จนลืมเรื่องที่ชายคนหนึ่งถูกทำร้ายจิตใจจนบอบช้ำ ทุกคนจะปล่อยวางบาดแผลที่ถูกสลักลงในดวงวิญญาณของแอ็กนัส
เมื่อคิดตามจนถึงตรงนี้
ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองบ้าง… ใครจะทนไหว?
ใครมันจะนิ่งดูดายปล่อยให้ผู้อื่นเสพสุข?
ไม่มีวัน…
กระนั้น ถึงครอเกลและเฟคเกอร์จะเข้าใจ แต่พวกมันไม่มีเจตนาปกป้องหรือปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ
ความผิดที่บังอาจทำร้ายพวกตนยังคงไม่เปลี่ยนไป ถึงจะโกรธแค้นคนทั้งโลก แต่ฝ่ายตนไม่เคยทำอะไรให้ มีสิทธิ์ใดหันคมดาบใส่?
กริดก็คิดเช่นนั้น
“แอ็กนัส!!”
วิ้งงง—
พลังเหนือมนุษย์คือการยกระดับตัวตน
เสียงตะเบ็งของกริดดังก้องหุบเขาโดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์สนับสนุน เป็นความกังวานที่อัดแน่นด้วยอารมณ์เข้มข้นของเหนือมนุษย์
“ไอ้แม่เย็*!!”
“…”
…หรืออาจไม่เกี่ยวกับเหนือมนุษย์
อาจเป็นแค่โทสะอันเดือดดาลที่ช่วยขับขานให้เสียงเปล่งด่ากึกก้องถนัดปาก
แต่แน่นอน นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดถูกจารึกไว้ว่า คำด่าทอช่วยแก้ไขปัญหาตรงหน้าได้ลุล่วง
“ถ้านายยอมถอยไปตั้งแต่ตอนนี้…”
มีหลายคำที่กริดอยากพูดกับอีกฝ่าย
แต่เขาตัดสินใจไม่กล่าวออกไป เพราะมันไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
แน่นอน กริดย่อมทราบถึงสิ่งที่แอ็กนัสถูกกระทำตลอดเดือนที่ผ่านมา
ในฐานะบุคคลที่เคยมีชีวิตตกต่ำเหมือนกัน ย่อมเข้าใจความรู้สึกปัจจุบันของอีกฝ่ายได้ดีกว่าใคร หากเปลี่ยนเป็นตนบ้าง ก็คงปรารถนาให้การล่าเฟย์ริสล้มเหลวไม่เป็นท่า
ด้วยเหตุนี้
“ฉันจะทำเป็นมองไม่เห็น…”
กริดมิได้ชักดาบออกมา
ขณะเดียวกัน หลังจากครอเกลและเฟคเกอร์ตรวจสอบบาดแผลที่ได้รับจากแอ็กนัส พวกมันรีบเบือนหน้าหนีไปสนใจเฟย์ริสต่อ
“…”
แอ็กนัสพลันชะงัก มุมปากกระตุกระริก
หัวใจที่เย็นชาดุจดังน้ำแข็งเกิดรอยแตกร้าว โทสะปริมาณมหาศาลที่อัดแน่นด้านในเริ่มหลั่งไหลออกจนบรรเทา
“…ไม่ต้องมาสมเพชฉัน”
ปึด!
สีหน้าแอ็กนัสเริ่มบิดเบี้ยว
“คุฮ่าฮ่าฮ่า! ยอดเยี่ยมมาก! สมกับเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล! ไม่ไร้ประโยชน์เหมือนกับคนก่อนหน้า!”
เฟย์ริสโพล่งขึ้นอย่างมีความสุข ด้วยช่องว่างที่แอ็กนัสสร้างให้ ตนมีเวลามากพอจะใช้พลังบิดเบือนความจริงได้เต็มประสิทธิภาพ
“มนุษย์คือเผ่าพันธุ์แสนอ่อนแอ พวกแกไม่มีคุณสมบัติใช้งานอาวุธ!”
[หมื่นคำลวงที่กลายเป็นจริง]
เฟย์ริสไม่คิดประมาทปิอาโร่ คิรินัส และสี่ดยุคอีกแล้ว ถึงบุคคลเหล่านี้จะเป็นมนุษย์ แต่พลังต่อสู้ได้ก้าวข้ามสายพันธุ์ไปมากโข
ประสิทธิภาพคำโป้ปดเข้าขั้นหายนะ
“…!”
อาวุธทุกชนิดของสมาชิกปาร์ตี้พลันหลุดร่วงจากกำมือ ไม่ว่าจะเป็นดาบ หอก อุปกรณ์ทำฟาร์ม หรือมีด ทั้งหมดตกกระทบพื้นโดยไร้แรงต่อต้านขัดขืน
เขตปลอดอาวุธของจริง
ผลของคำลวงช่างทรงพลัง มนุษย์จำต้องสู้กับกองทัพอสูรบนเวทีขุมนรกด้วยมือเปล่า
“แอ็กนัส!!”
ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหล กริดตะโกนด้วยสีหน้าร้อนรนพร้อมกับจ้องมองแอ็กนัสเขม็ง ชายหนุ่มต้องการให้อีกฝ่ายไม่เข้ามาก่อกวนศึก
ต้องยื้อเวลาไว้อีกราว 20 นาที ก่อนที่กองทัพเสริมของโอเวอร์เกียร์จะเดินทางมาถึง
ในสภาพปัจจุบัน หากแอ็กนัสยื่นมือสอด รับรองได้เลยว่าชะตากรรมของทุกคนต้องจบลง
แล้วก็
‘เพื่อไม่ให้บราฮัมตื่นขึ้นมา…’
ภารกิจลับ ‘บราฮัมและมูมัด’ นั้นส่งผลกระทบร้ายแรงต่อดวงวิญญาณบราฮัมในร่างกริด หากฝืนผสานวิญญาณ จะส่งผลให้ดวงวิญญาณบราฮัมอ่อนแอลงหลายระดับจนเข้าใกล้ภาวะแตกสลาย
ถ้าบราฮัมในสภาพปัจจุบันต้องฝืนผสานวิญญาณอีกครั้ง กริดไม่อยากจินตนาการถึงผลลัพธ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
“…”
แอ็กนัสที่ยืนบนผา ก้มศีรษะมองกริด
ดวงตาของอีกฝ่ายมอบบรรยากาศที่ตนคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับแววตาของเธอคนนั้น ในตอนที่มันจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างและพบพานความอ่อนโยน
“…คิคิก”
แอ็กนัสหัวเราะไหล่สั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
เมื่อสถานการณ์พลิกพลัน เฟย์ริสคำรามลั่นด้วยน้ำเสียงสะใจเป็นที่สุด
สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนรวมถึงกริด สีหน้าพวกมันเริ่มดำมืด
“คิฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฮะฮ่าฮ่า!!”
เสียงหัวเราะของมนุษย์และจอมอสูรดังสอดประสานจนกังวานทั่วหุบเขา
ผู้ชมทางบ้านเริ่มหวาดกลัว ใบหน้ากริดทวีความวิตกกังวล
ทันใดนั้น
“…ฮะฮะ”
แอ็กนัสชะงักเสียงหัวเราะกลางคัน มันกวาดสายตามองโดยรอบเพื่อหากล้องถ่ายภาพ
เมื่อพบเข้า มันพูดกับคนทางบ้านด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา
“จอมอสูรตัวต่อไปที่บุกโจมตีโลกกึ่งกลาง… ฉันจะร่วมมือกับมันทำลายทวีปเพื่อแก้แค้นบาปที่พวกแกก่อไว้”
แต่ไม่ใช่กับตัวปัจจุบัน… มันหมดอารมณ์แล้ว
แอ็กนัสระงับเวทมนตร์ทั้งหมดพร้อมกับหันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ
“แอ็กนัส…”
สีหน้ากริดเปี่ยมด้วยความสับสนขณะเหม่อมองแผ่นหลังชายเสียสติที่กำลังเดินจากไป
เป็นความรู้สึกที่ยากบรรยาย
ต่างคนต่างเคยติดหนี้ต่อกันมาก่อน แต่ปัจจุบันไม่เหลือสิ่งใดให้ค้างคาอีกแล้ว
การพบกันครั้งหน้า ดาบสองเล่มจักต้องพุ่งเข้าห้ำหั่นอย่างดุเดือด
***
“หว่านเมล็ด”
โฮกกกก!
“เก็บเกี่ยว”
กี๊! กิกิกิกี๊!
หลังจากถูกปลดอาวุธ มีเพียงครอเกลและปิอาโร่ที่สามารถดิ้นรนรับมือกับฝูงมอนสเตอร์อสูร
ไม่มีใครพรากดาบไปจากอริยดาบได้ นั่นคือสัจนิรันดร์ ส่วนปิอาโร่ยังเหลือเทคนิคทำฟาร์มอิสระที่ไม่ต้องพึ่งพาอาวุธ
กระนั้น สถานการณ์สงครามก็ไม่สู้ดีนัก สี่ดยุค คิรินัส และเฟคเกอร์ที่สูญเสียอาวุธเกิดความบกพร่องด้านพลังทำลายไปหลายส่วน
พวกมันมิอาจสังหารมอนสเตอร์อสูรจำนวนมากรอบตัวได้ทันท่วงที ยิ่งเนิ่นนาน สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้าย
“ตายซะให้หมด! คิฮ่าฮ่าฮ่า!”
เฟย์ริสกำลังมีความสุข เพราะในท้ายที่สุด มันกลับมาเป็นฝ่ายกุมสถานการณ์ได้เปรียบอีกครั้งอย่างสง่างาม
‘แบบนี้ไม่ดีแน่’
หากปล่อยไว้ กองทัพจะถูกทำลายก่อนกำลังเสริมเดินทางมาถึง
การแทรกแซงของแอ็กนัสแม้จะเพียงชั่วครู่ แต่ได้สร้างผลกระทบใหญ่หลวงจนสงครามมีอันพลิกผัน
พวกมันต้องการสายลมระลอกใหม่
แต่จากใครกัน?
ขณะกริดเม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าเจ็บใจ มันเหลือบเห็นเงาลางของยักษ์สีขาวตนหนึ่งพุ่งปรี่เข้าหาด้วยความเร็วสูง
ฟ้าววววว—
ไรเดอร์ส
ซีบาลที่นั่งพักบนป้อมไทเลอร์จนฟื้นฟูทรัพยากรกลับมาเต็มหลอด มันเดินเครื่องจักรกลเวทมนตร์และทะยานใส่จอมอสูรด้วยความเร็วสูงสุด
“ไอ้บอสอัปลักษณ์! ตายไปซะ!”
เสียงคำรามของวีรบุรุษหาญกล้าดังก้องหุบเขา หอกยาวแหลมทะลวงใส่กายาครึ่งม้าของเฟย์ริสจนมิดด้าม
“แค่ก…!”
ทันทีที่โลหิตสีขาวพวยพุ่ง หลอดพลังชีวิตจอมอสูรลดลงในปริมาณที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทว่า
“คิดว่าข้าจะกลัวรึไง? มนุษย์ชั้นต่ำไม่มีทางควบคุมของวิเศษได้เต็มประสิทธิภาพแน่”
เฟย์ริสยังคงสุขุม มันทราบเรื่องที่จักรกลเวทมนตร์คือของวิเศษประจำเผ่าคนยักษ์ มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางรีดเร้นความสามารถได้เต็มพิกัด
แล้วก็เป็นเช่นนั้น
เปรี้ยะ!
ไรเดอร์สที่พยายามกวัดแกว่งหอกยักษ์ดวลเดี่ยวกับจอมอสูรอยู่นาน แม้จะโจมตีเข้าได้เป้าบ้าง แต่ความเสียหายไม่ใช่ตัวเลขที่น่าหวาดหวั่น
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะสนามรบแห่งนี้คือขุมนรก การดวลให้ชนะจอมอสูรในร่างจริงไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่าย
จนกระทั่งหุ่นสีขาวเกิดเสียงลัดวงจรและคุกเข่าลงฉับพลัน
ซีบาลในปัจจุบันสามารถเดินเครื่องจักรกลเวทมนตร์ได้เพียง 21 วินาทีเท่านั้น
“น่ารักน่าชัง”
ดวงตาเฟย์ริสโก้งโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวอย่างเหยียดหยัน มันรู้สึกเปี่ยมสุขเมื่ออีกฝ่ายหมดสภาพโดยไม่ก่อความเสียหายมากนัก
ภัยคุกคามทั้งหมดหายไปแล้ว
“งานเลี้ยงแสนน่าเบื่อได้เวลาปิดฉากเสียที”
เคร้ง!
เคร้งเคร้ง!
สิ่งนี้กลับมาอีกครั้ง… ใบดาบโลหะพันหมื่นเล่มเต็มท่วมท้องฟ้าขุมนรก
เฟย์ริสจะปิดฉากทั้งหมดในคราเดียว
ทำลายมนุษย์ทั้งหมดเบื้องล่าง จากนั้นก็เคลื่อนทัพถล่มป้อมปราการและยึดครองเมืองหลวง เฉลิมฉลองชัยชนะอันหอมหวาน
ทันใดนั้น ซีบาลแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยราวกับพวกตนเป็นฝ่ายชนะ
“คิดอย่างนั้นจริงหรือ? ฝ่ายที่ต้องเสียใจมันตัวแกต่างหาก”
“เจ้ากำลังพล่ามอะไรอยู่?”
“ฉันพูดถูกไหม…? กริด”
“…?”
ซีบาลมองไปยังบุรุษที่ยืนด้านหลังเฟย์ริส
จอมอสูรรีบเหลียวหลังกลับ… ภาพที่เห็นทำให้เฟย์ริสหวาดผวาสุดขีดจนเกือบลืมหายใจ
“ดวงตานั่น… ดวงตานั่นของเจ้า!!”
นี่คือเนตรบาเอลยังไงล่ะ คุฮ่าฮ่า…
ถ้าเป็นลอเอลต้องตอบไปแบบนี้แน่
กริดอมยิ้มเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิท ขณะเดียวกันก็มองหาไอเท็มที่ไม่ใช่แล้วเพื่อนำไปบูชายัญ
“เนตรแพ็กม่า”
[ตรวจสอบคุณสมบัติไอเท็มเป้าหมาย รวมถึงสูตรผลิตและออปชั่น]
[ท่านสามารถคัดลอกไอเท็มเป้าหมายได้]
[ไอเท็มเกรดเลเจนดารี ‘ค้อนตีเหล็กในตำนาน’ ถูกสังเวยเพื่อคัดลอกไอเท็ม ‘จักรกลเวทมนตร์ : ไรเดอร์ส’]
[ไอเท็มคัดลอกจะคงสภาพได้หนึ่งวัน หากครบกำหนด ไอเท็มจะถูกทำลายถาวร]
ฟ้าวววว!
เงาดำขนาดมหึมาร่อนลงจากท้องฟ้าและกระแทกพื้นขี้เถ้าสีดำตรงหน้าเฟย์ริส
เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ดวงตาของอาวุธโบราณพลันส่องแสงสีแดงเจิดจ้า
จอมอสูรพลันหวาดผวา
ขณะยืนเหม่อลอย ท่อนแขนขนาดใหญ่ของหุ่นเหล็กเหวี่ยงตวัดหอกยักษ์ปะทะใบหน้าด้วยความเร็วสูง
เปรี้ยงงง!
หอกเหล็กมหึมาแทงเสียบลำคอจอมอสูรโดยไม่พลาดเป้า มาพร้อมคลื่นกระแทกปริมาณมหาศาลจนหุบเขาเกิดการสั่นสะเทือน
ร่างเฟย์ริสกระเด็นปลิวไปในอากาศ
จอมอสูรที่ทำลายมาแล้วหลายอาณาจักร จอมอสูรที่สร้างความหวาดผวาทั่วทวีป สภาพของมันกำลังเสื่อมความน่าเกรงขาม ใบดาบหมื่นเล่มทั่วท้องฟ้าสลายไปคล้ายกับไม่เคยมีอยู่
“ด…ได้ยังไงกัน…”
จอมอสูรครวญคราง พลังชีวิตของมันลดต่ำลงไม่ถึง 20%
“พวกเราต่างหากที่เป็นผู้ชี้ชะตาศึกนี้”
กริดประกาศกร้าว พลังของเหนือมนุษย์ที่ยังไหลเวียนในกายส่งผลให้มันมีความสุข
เปรี้ยะ!
เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ!
ทันใดนั้น ห้วงมิติเกิดการบิดเบี้ยวฉับพลันประหนึ่งถูกหลุมดำดูดกลืน
เธอพยายามค้นหาทางลัดโดยการใช้ทักษะ ‘มิติขุมนรก’ เพื่อสุ่มหาขุมนรกชั้น 22 ให้พบ
จนในที่สุดก็ทำสำเร็จ
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักล่าอสูรยูร่า
“สยบขุมนรก!”
[ขุมนรกชั้น 22 ถูกสยบโดยนักล่าอสูร]
[อาการผิดปรกติทั้งหมดที่เกิดจากขุมนรกถูกยกเลิกชั่วคราว]
[พลังของเฟย์ริส จอมอสูรลำดับ 22 ลดลงหลายระดับ!]
“บาเอล… ไอ้บัดซบบาเอล!!”
อุปนิสัยที่ชอบโยนความผิดให้ผู้อื่นและก่นด่าสาปแช่ง ไม่ใช่สิทธิพิเศษของมนุษย์เพียงเผ่าพันธุ์เดียว เฟย์ริสกำลังโกรธแค้นบาเอลที่บังอาจมอบพลังให้มนุษย์ถึงสองคน
“แสงพิฆาต”
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
หนึ่งในท่าไม้ตายของนักล่าอสูร คำนวณจากพลังโจมตีพลังโจมตีกายภาพ 20 เท่า และคำนวณจากพลังโจมตีเวทมนตร์ 40 เท่า แถมยังส่งผลลดปริมาณเวทมนตร์ของเป้าหมายชั่วขณะ
เฟย์ริสอ่อนแอลงฉับพลัน และพลังคำลวงปลดอาวุธก็กำลังจะหมดลง
ด้วยอาวุธที่คืนกลับมา ถึงคราวสี่ดยุคและคิรินัสเปิดฉากโจมตีใส่จอมอสูรอีกครั้ง
แน่นอน คราวนี้มันตกที่นั่งลำบากสุดขีด
“อึก… อั่ก!”
ขออีกแค่ครั้งเดียว… แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
มันปรารถนาช่องว่างแบบเมื่อครู่ ช่องว่างที่ผู้ทำพันธสัญญาบาเอลสร้างให้ เฟย์ริสสวดภาวนาจากก้นบึ้งหัวใจ
ใครก็ได้ สักคนที่เข้ามาช่วยทำให้กลุ่มคนเหล่านี้เสียจังหวะเพียงอึดใจ
และสิ่งที่มันได้รับจากการภาวนา…
“พวกเรามาทันเวลา!”
กลุ่มคนจำนวนมากปรากฏตัวในระยะการมองเห็น ฉากตรงหน้าส่งผลให้เฟย์ริสเกิดความสิ้นหวังยิ่งกว่าเก่า
โดยเฉพาะ…
มันจ้องนักบุญหญิงรูบี้ไม่กะพริบตา
โดยทั่วไป ความตายของจอมอสูรในครั้งแรกจะไม่ใช่จุดจบ พวกมันยังหลงเหลือดวงวิญญาณ
แต่หลังสิ้นศึกนี้ ดูท่าตัวมันคงมีชะตากรรมต้องสาบสูญตลอดกาล
“จ…เจ้าเป็นใครกันแน่!? ผู้สืบทอดแพ็กม่า ราชาวีรบุรุษ มหาจอมเวท เนตรแห่งบาเอล… ทำไมพลังทั้งหมดถึงได้รวมอยู่ในมนุษย์เพียงคนเดียว!!”
เป็นเสียงตวาดที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารและอาฆาตแค้น แม้แต่ตัวตนที่รอบรู้เกือบทุกเรื่องอย่างจอมอสูร ก็มิอาจทำความเข้าใจในปริศนาที่กริดครอบครอง
“ฉันน่ะหรือ?”
กริดกระโดดขึ้นมายืนบนหัวไหล่จักรกลเวทมนตร์
“ฉันคือกริด… ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้”
…
เหตุการณ์หลังจากนั้น เฟย์ริสฝืนใช้พลังเฮือกสุดท้ายโดยไม่สนใจผลข้างเคียง ความหวาดกลัวในตัวนักล่าอสูรและนักบุญหญิงรูบี้ บีบคั้นให้มันไม่มีอะไรจะเสีย
ดาเมี่ยนนำทัพท็อปแรงเกอร์บุกตะลุยด้วยบัฟศักดิ์สิทธิ์นานับชนิด
หน่วยปืนใหญ่โอเวอร์เกียร์สุดแกร่งยืนประจำการบนกำแพงป้อมโดยมีโทบันนำทัพ การรุกรานของกองทัพอสูรบนผาหินมีอันต้องชะงักและถูกกำจัดราบคาบ
แรงเกอร์กิลด์สเน็กนำโดยบ็อกซ์รับหน้าที่ไล่ตามสังหารมอนสเตอร์อสูรที่ล่าถอย
ขุนนางและทหารบนป้อมได้รับการช่วยไว้ได้ทันท่วงที อาณาจักรฮาเค่นถูกต่อลมหายใจให้รอดพ้นจากความล่มสลาย
“เฮ—!!”
ท้ายที่สุด เมื่อเฟย์ริสล้มลง เสียงคำรามดีใจของผู้คนจำนวนมากพลันดังกึกก้องทั่วหุบเขา
ขุมนรกชั้น 22 สลายไป กองทัพอสูรที่ยังเหลือพลันอ่อนแอถนัดตา พวกมันพยายามหนี แต่ก็ถูกกองทัพฝ่ายผู้เล่นจัดการราบคาบ
ศึกที่ยืดเยื้อยาวนาน ได้เวลาดำเนินถึงช่วงผลลัพธ์สุดท้าย
[ดวงวิญญาณของเฟย์ริส จอมอสูรลำดับ 22 ถูกทำลายโดยสมบูรณ์!]
[ผู้เล่นที่สร้างประโยชน์ถึงจุดหนึ่งจะได้รับสมญานาม ‘ผู้กอบกู้โลก’]
[สำหรับผู้ที่ครอบครองอยู่ก่อนแล้ว ประสิทธิภาพของสมญานามจะถูกยกระดับ]
[ผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมศึกจะได้รับรางวัลแตกต่างกันไปตามผลงาน]
[รางวัล MVP อันดับหนึ่งคือ…]
ครอเกล ซีบาล และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างหันมองไปยังจุดหนึ่งพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
เฉกเช่นกล้องจับภาพจากทั่วโลกและผู้ชมหลักร้อยล้านที่อยู่ทางบ้าน
ใครจะได้อันดับหนึ่ง? ทุกคนต่างมั่นใจชนิดที่ไม่มีบ่อนไหนกล้ารับพนัน
[…ผู้เล่นกริด]
“เฮ—!!”
“วู้ววว!!”
บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ไม่ว่าจะภายในซาทิสฟายหรือโลกความจริง
ไม่แบ่งแยกเพศและเชื้อชาติ ทุกคนยกย่องความสุดยอดของกริดจากก้นบึ้ง
พวกนายรู้จักก็อดกริดรึเปล่า
ReplyDeleteคุๆๆ เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ คุๆๆ
ReplyDelete😊😆😊🤗
ReplyDeleteหายค้างละ😁
ขอบคุณครับ
อยากรู้ว่าหนูรูบี้เลเวลเท่าไหร่หลังกำจัดอสูรและทำไงถึงทำลายแก่นเวท ค้างๆ ค้างมาก😆😆😆
ReplyDeleteสุดยอดครับ ก็อดกริด 55555555
ReplyDeleteยื้อจนคนอื่นมารุมได้ แล้วก็หวังว่าไอ้เฮงซวยที่โยนภาระให้แอสนัสต้องโดนลงโทษบ้าง
👍
Deleteอยากเห็นตอนกริดรู้ความจริงอดีตแอ็กนัส
ReplyDeleteกริดรู้อยู่แล้วครับตอนที่กริดพูดก็ออกแนวเห็นใจอยู่
DeleteI'm Grid !!
ReplyDeleteGG BRO
ReplyDelete