จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1051



หลังจากจบงานแข่งนานาชาติ ครอเกลสัญญากับตัวเองไว้ว่า—จะอยู่ฝึกฝนวิชากับคิรินัสตลอดสามปีเต็มโดยไม่ออกไปไหน


ยกเลิกกิจกรรมที่ไม่จำเป็นทั้งหมด ยอมสูญเสียผลประโยชน์ระยะสั้น สำหรับครอเกลแล้ว สิ่งนี้นับเป็นโซ่ตรวนที่คอยขัดขวางความมั่งคั่ง


ไม่ว่าจะวันเมฆครึ้มหรือแดดออก


วันหิมะหรือฝนโปรย


มันอดทนใช้ชีวิตร่วมกับคิรินัสตลอดมา


กระท่อมเล็กๆ บนเนินเขากลายเป็นโลกทั้งใบ


เลเวลครอเกลไม่กระดิก การอยู่แต่ในกระท่อมย่อมไม่ช่วยให้ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้เล่นทั่วทวีปต่างกอบโกยผลประโยชน์จากบัฟ EXP ของงานแข่ง กอบโกยความมั่งคั่งและยกระดับไอเท็มสวมใส่


ครอเกลเลือกหยุดนิ่ง


แต่นั่นมิได้สลักสำคัญ


การอยู่ฝึกฝนกับคิรินัสช่วยให้เทคนิคและฝีมือพัฒนาขึ้นชนิดที่หาจากไหนไม่ได้


หลังจากบรรลุภารกิจเกี่ยวกับคิรินัสจำนวนมาก ในที่สุดเส้นทางแห่งอริยดาบที่แท้จริงก็เปิดออกตรงหน้า


มันได้รับ ‘ดาบแห่งจิตใจ’


อาจไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่าดาบผ่ามิติ แต่นี่คือวิชาดาบที่จะแสดงให้โลกประจักษ์ว่า เหตุใดศาสตราประเภทดาบถึงเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด


<ดาบแห่งจิตใจ>

สะบั้นศัตรูด้วยดาบจิตที่มองไม่เห็น

สร้างความเสียหายเทียบเท่า 10% ของพลังชีวิตสูงสุดศัตรู พร้อมกับ ‘ตัด’ เป้าหมาย

* ไม่สนใจพลังโจมตีของผู้ใช้ มองข้ามพลังป้องกันทั้งหมดของเป้าหมาย

ทรัพยากรที่ใช้ : ปราณดาบครึ่งหนึ่งของค่าสูงสุด

ระยะหน่วง : 24 ชั่วโมง


สร้างความเสียหายเพียง 10% ของพลังชีวิตสูงสุด พลังโจมตีต่ำติดดินจนน่าใจหาย ทักษะไม้ตายของคลาสอริยดาบไม่ควรอ่อนแอขนาดนี้


ในตอนแรกที่ได้รับ ครอเกลสับสนงุนงงอยู่นาน ถึงขั้นคิดว่านี่คือบั๊กของเกม


แต่หลังจากไตร่ตรองถี่ถ้วน มันเริ่มค้นพบความจริงที่น่าตกตะลึง


พลังนี้อาจเป็นสาเหตุสำคัญ ที่มุลเลอร์สามารถปราบจอมอสูรตนแล้วตนเล่าเพียงลำพัง


เหนือสิ่งอื่นใด มันคือท่าโจมตีที่ไม่มีวันหลบพ้น ในวินาทีที่สมองคิดว่าจะ ‘ตัด’ เป้าหมาย สิ่งนั้นจะถูกสะบั้นขาดทันทีโดยปราศจากสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า


พลังชนิดนี้ใช้ได้ผลแม้กระทั่งคิรินัสที่เป็น NPC สุดพิเศษของซาทิสฟาย เช่นนั้นจึงหมายความว่า บอสใหญ่หรือจอมอสูรก็ต้องไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน


ไม่ต้องสงสัยเลย ในอนาคต มันจะกลายเป็นสุดยอดทักษะซึ่งสามารถเทียบเคียงพลังสุดโกงที่กริดครอบครอง


‘นายแสดงไปแล้ว… ถึงตาฉันบ้าง’


มันเคยคิดจะเก็บงำพลังนี้ไว้เป็นไพ่ตาย จนกว่าจะได้ดวลกับกริดอีกครั้งในอนาคต แต่เมื่อกริดเปิดเผยวิชาดาบเวทมนตร์ของตัวเอง ฝ่ายตนจะออมมือก็กระไรอยู่


“ดาบแห่งจิตใจ”


ปัจจุบัน กล้องทุกตัวกำลังเพ่งจับภาพมาที่อริยดาบ ไม่ว่าจะใช้พลังใดออกไป ทั่วโลกจะรับรู้ทุกซอกมุมและพยายามหาวิธีรับมืออย่างสุดความสามารถ


แต่ครอเกลมิได้แยแส มันมีศักดิ์ศรีของตัวเอง


ในเมื่อกริดเป็นฝ่ายเปิดเผยก่อน ตัวมันที่เท่าเทียมย่อมต้องกระทำแบบเดียวกัน


ฉัวะ—!


[จิตแห่งอริยดาบทำการสะบั้นเป้าหมาย]


“…?”


ฉูดดดดด—!


[สร้างความเสียหาย 290,654,000 หน่วย]


[ทักษะโจมตีประเภทแปรผันตาม % พลังชีวิตจะไม่ถูกบันทึกสถิติและมอบสมญานาม]


หัวไหล่เฟย์ริสขาดกระเด็น มันยืนตกตะลึงเช่นนั้นโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา


“…!”


“…!”


“…!”


ดวงตากริดและสามดยุคพลันเบิกโพลง


โดยเฉพาะกริดที่คล้ายกับกำลังเห็นผี


หากไม่ประจักษ์ด้วยดวงตาคู่นี้ มันไม่มีทางเชื่อเลยว่า มีใครสักคนสามารถสร้างความเสียหายเทียบเท่าตนได้ในการโจมตีเดียว


ตัวมันที่กลายเป็นเหนือมนุษย์ ตัวมันที่ได้รับระบบการตื่นค่าสถานะครั้งที่สี่ก่อนใคร


สุดยอดท่าไม้ตายที่ครอบครองอย่างยากลำบาก กระหน่ำใส่เป้าหมายสองครั้งซ้อนภายใต้เงื่อนไขร่างแยกสี่ร่าง เป็นคอมโบผสานที่ต้องอาศัยความชำนาญและดวงเข้าช่วย


แต่กลับมีค่าเทียบเท่าอีกฝ่ายพูดหนึ่งวลี


แน่นอน ฝั่งผู้ชมก็แตกตื่นไม่ต่างกัน


ครอเกลเพิ่งตัดแขนจอมอสูรด้วยคำพูด?


สร้างความเสียหายเกือบสามร้อยล้านหน่วย แก่บอสจอมอสูรที่แรงเกอร์ทั่วโลกแทบมิอาจสร้างรอยขีดข่วน?


ท่ามกลางบรรยากาศโกลาหล


“ถ้าเป็นวิชาดาบ... ฉันอยู่เหนือทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นาย”


ครอเกลพ่นถ้อยคำสุดโอหังด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์


“หะ…?”


กริดถึงกับขมวดคิ้ว


ความอวดโอ่นี้มันอะไร? กำลังข่มเรา?


คิดเข้า…


ทันใดนั้น กริดพลันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ปลายนิ้วเริ่มสั่นเทา


มันกำลังดีใจ คู่ปรับตลอดกาลของตนกลับมาเป็นท้องฟ้าคนเดิมแล้ว กลายเป็นบุคคลที่ไม่มีใครเอื้อมถึง เป็นท้องฟ้าให้ตนไล่ตามไขว่คว้า…


กริดเริ่มผ่อนคลาย


ต้องแบบนี้… แข็งแกร่งไปพร้อมกัน…


เมื่ออีกฝ่ายแสดงความมั่นใจต่อหน้า ชายหนุ่มรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก


“ท่าทีแบบนั้น… ชอบใจสินะ”


ครอเกลยิ้มเล็กๆ หลังจากเห็นอากัปกิริยาของกริด


เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองคนตระหนักว่า การมีอยู่ของอีกฝ่ายคือสิ่งจำเป็นในการพัฒนาตัวเอง หากใครหายไป เกรงว่าอีกฝ่ายจะหยุดการเติบโตไว้ที่จุดเดิมตลอดกาล


‘นายคือ’


‘นายคือ’


‘เข็มทิศของฉัน’


‘เป้าหมายของฉัน’


ฟุ่บ—!


ถ้ากริดกลายเป็นเหนือมนุษย์ที่มีประสาทสัมผัสละเอียดอ่อนและเฉียบคม ครอเกลเองก็มีค่าสถานะ ‘อ่านใจ’ ที่แสดงผลคล้ายคลึงกัน


เพียงพริบตา อริยดาบหายตัวไปโผล่ข้างเฟย์ริสพร้อมกับปลดปล่อยทักษะ


“พยัคฆ์คร่ำครวญ”


บึ้มมมม—!


พลังคีทะลวงผ่านด่านบาเรียโลหะกระแทกร่างจริงของจอมอสูรชั่วร้าย


“…”


ช่องท้องเฟย์ริสถูกปะทะจนชะงัก แต่มันมิได้กระอักโลหิตหรือแสดงสีหน้าเจ็บปวด


หลอดเลือดไม่ขยับ


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น พลังโจมตีครอเกลยังอยู่ในระดับของผู้เล่น มิได้มหาศาลเกินจินตนาการเหมือนกับกริด หากเป็นท่าโจมตีทั่วไปที่ไม่แปรผันตาม % เลือด ความเสียหายเรียกได้ว่าแทบไม่เกิดขึ้น


แต่ถ้าหวังผล CC ให้ศัตรูเสียจังหวะ ฝ่ามือพยัคฆ์คร่ำครวญหรือว่าตอบโจทย์มาก


ครอเกลแข็งแกร่งในแนวทางที่ตรงข้ามจากกริดโดยสิ้นเชิง มันไม่ได้พึ่งพาพลังไอเท็ม ผลแพ้ชนะในการดวลเกิดจากจินตนาการ การอ่านเกม และฝีมือควบคุมระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์


“มังกรปฐพีผงาด”


ขณะเฟย์ริสเสียงการทรงตัวชั่วขณะ ปราณดาบอันแหลมคมพุ่งขึ้นจากผืนทราย ทะลวงผ่านบาเรียโลหะกระแทกใส่ปลายคางจอมอสูรครึ่งคนครึ่งม้า


เฟย์ริสชะงักต่ออีกเล็กน้อย แต่ไม่มากเท่าคราวก่อน มันตบกรงเล็บในมือสวนกลับทันควัน


[ท่านได้รับความเสียหาย 31,500!]


“ตายซะ!”


“อั่ก…!”


เคร้ง!


เคร้งเคร้งเคร้ง—!


การแลกอาวุธระหว่างครอเกลและเฟย์ริสดำเนินไปอย่างเข้มข้น


จอมอสูรอย่างมันอ่อนแอกว่าปรกติมาก เนื่องจากไม่มีขุมนรกคอยเป็นแหล่งสนับสนุนปราณอสูร


สาเหตุที่กริดมีความเร็วสูงจนเฟย์ริสตามไม่ทัน เพราะชายหนุ่มเข้าถึงภาวะเหนือมนุษย์และบัฟร่างมืดทับเข้าไป


ด้านครอเกลก็ไม่ต่าง เฟย์ริสที่อ่อนแอเมื่อต้องสู้นอกขุมนรก ความเร็วของมันย่อมไล่ตามอริยดาบในระยะประชิดไม่ทัน สิ่งนี้ถือเป็นลักษณะเด่นของค่าสถานะอ่านใจ


เคร้ง—!


คมดาบเสือขาวฟันปะทะกรงเล็บเฟย์ริสได้สูสี ดูคล้ายเป็นเช่นนั้น แต่ความจริงแล้วตรงกันข้าม


“…!”


น้ำหนักดาบเสือขาวเพิ่มขึ้นฉับพลัน เมื่อผิดไปจากที่คาด เฟย์ริสพลันเสียจังหวะจากที่คำนวณไว้


ทันใดนั้น โซ่เหล็กและริ้วผ้าพุ่งมารัดพันแขนเฟย์ริสที่เหลือเพียงข้างเดียวถนัดแน่น


สองพี่น้อง เฮ่า เหมยเซียว


แรงเกอร์ชาวรัสเซียเปิดจากรุมถล่มจากระยะไกลด้วยเวทมนตร์และทักษะโจมตี


“พวกกระจอก!!”


เฟย์ริสออกแรงกระชากแขนด้วยโทสะ สองพี่น้องเฮ่า เหมยเซียวกระเด็นลอยไปในอากาศ


แต่พวกมันมิได้แตกตื่น ตอบรับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็นคล้ายกับเตรียมใจเผชิญไว้ก่อนแล้ว


เหมยเซียวปล่อยริ้วผ้าและชักแส้ออกมาฟาด ส่วนเฮ่าแปลงเป็นครึ่งดราโกเนี่ยนและพ่นไฟออกจากปาก


ช่องว่างแสนสำคัญที่พวกพ้องเสี่ยงตายสร้างขึ้น ครอเกลไม่ทำให้เสียของ มันลงมือประเคนมวลหมู่ทักษะดาบมากมายเข้าใส่


ครอเกลทำหน้าที่ตัวเองได้ไร้ที่ติ ทักษะส่วนใหญ่ไม่หวังผลสร้างความเสียหาย แต่จะเป็นดีบัฟประเภทสร้างจุดอ่อนและลดพลังป้องกัน


ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อเปิดทางให้ชายคนนี้ลงมือได้ง่ายที่สุด


“ทำฟาร์มอิสระ”


เฟย์ริส จอมอสูรที่กำลังถูกดึงความสนใจไว้โดยครอเกล เหนือศีรษะของมัน…


ฟ้าววว—!


เงารางของวัตถุขนาดมหึมาปรากฏจากฟ้า


“หมอกเมฆคราม!”


เมฆสีฟ้าฟุ้งกระจายรอบตัวครอเกล เนื่องด้วยปริมาณที่เข้มข้นคล้ายกลุ่มหมอก การมองเห็นของเฟย์ริสถูกบดบังในพริบตา


“บดข้าวเปลือก!”


“นี่มัน…!”


เฟย์ริสที่ถูกครอเกลหลอกล่อยื้อเวลาอยู่นาน เมื่อรู้ตัวเข้า สีหน้ามันพลันดำมืด


ปึด!


ส่วนหัวที่มีลักษณะคล้ายม้าปรากฏเส้นเลือดขนาดใหญ่ปูดโปน


หนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของมวลมนุษย์ วัตถุขนาดใหญ่เท่าบ้านคน กำลังร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าเตรียมกระแทกศีรษะจอมอสูร


ดูท่าแล้ว กายาตนคงทานทนไม่ไหวแน่


“สามหาวนัก!”


เคร้ง! เคร้ง!


ทันใดนั้น กลุ่มหมอกสีฟ้าที่ครอเกลสร้างเริ่มจับตัวแข็งเป็นก้อนโลหะ เทคนิคซึ่งหวังก่อกวนอีกฝ่าย กลับถูกเปลี่ยนให้เป็นบาเรียโลหะทรงร่มยักษ์ช่วยปกป้องชีวิตมันแทน


‘ใหญ่มาก…’


เนื่องจากหมอกที่ครอเกลสร้างมีปริมาณเข้มข้น ร่มบาเรียโลหะจึงก่อตัวแผ่ปกคลุมกินอาณาบริเวณเป็นวงกว้าง บดบังแสงอาทิตย์จนบรรยากาศรอบหุบเขามืดสนิท


ปิอาโร่ยืนขมวดคิ้ว


มันทราบดี ด้วยพลังป้องกันระดับนี้ ครกยักษ์คงถูกลดทอนประสิทธิภาพลงหลายส่วน


แต่กระนั้น ปิอาโร่มิได้สิ้นหวัง ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งปราบจอมอสูรบีเลียลที่ต้องต่อสู้ตามลำพัง ปัจจุบัน มันมาพร้อมพวกพ้องที่พึ่งพาได้


สหายเก่าแก่ซึ่งกลับมารวมตัวกันอีกครั้งโดยมีกริดเป็นสื่อกลาง


“ดยุคปิอาโร่! พวกเราก็จะช่วย!”


“ผมไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนอีกแล้ว!”


เกล็นฮาลและมอริสกระโจนร่วมศึก พวกมันมิได้ใช้พลังนักรบคลั่งและสัตว์ป่า ยังไม่จำเป็นต้องเอาจริงขนาดนั้น ภารกิจตรงหน้าคือการทำลายร่มโลหะ มิใช่ฆ่าฟันจอมอสูร


เพล้ง! เพล้ง!


กำปั้นมอริสและเกล็นฮาลชกใส่ร่มโลหะจนจุดกึ่งกลางแหลกละเอียด แสงแดดสาดส่องลงมายังผืนทะเลทรายสีเหลืองด้านล่างอีกครั้ง


ทว่า


“อย่าเพิ่งได้ใจไป”


เฟย์ริสแสยะยิ้มชั่วร้าย มันใช้พลังแปรธาตุที่ถูกลดขั้นตอน ซ่อมแซมร่มโลหะยักษ์จนฟื้นฟูกลับสู่ภาพปรกติในพริบตา


การลงมือของมอริสและเกล็นฮาลกลายเป็นสิ่งสูญเปล่าทันใด


แต่ยังไม่จบ


“ฉันจะทำลายมันเอง”


มงกุฎทอง บาซาร่า เธอลืมตาขึ้นพร้อมกับประกายแสงแดงฉานส่องสว่าง


สิ่งนี้คือปราณสีชาด พลังที่สืบทอดผ่านสายเลือดซาฮารันโดยตรงเท่านั้น


มีต้นกำเนิดจากอดีตมหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์


ไอเซ็น·ซาฮารัน


ปราณสีชาดมีคุณสมบัติแทรกซึมเข้าไปในมวลอะตอมของวัตถุทุกชนิด เป็นสาเหตุที่ชุดเกราะของอัศวินสีชาดต้องเป็นสีแดงเท่านั้น


ปราณสีชาดสามารถทำให้วัตถุแกร่งขึ้นหรือเสื่อมสลายได้ตามใจนึกคิด


ซ่าา—!


คล้ายกับผ่านไปหมื่นล้านปี ร่มโลหะขึ้นสนิมและผุกร่อนรวดเร็ว ในวินาทีดังกล่าว วัตถุลึกลับซึ่งอัดแน่นด้วยพลังทำลายมหาศาล พุ่งตกลงมาสัมผัสกับร่มโลหะที่เสื่อมสภาพพอดิบพอดี


บาซาร่าคำนวณเวลาแม่นยำ


เฟย์ริสลนลานสร้างร่มโลหะซ้อนทับของเก่า


เคร้งเคร้ง—!


ร่มโลหะก่อตัวปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็สายเกินไป ครกขนาดเท่าบ้านคนพุ่งลอดผ่านโดมบาเรียเข้ามาแล้ว


เปรี้ยง!!


ภายใต้เงามืดร่มยักษ์ การโจมตีของปิอาโร่ตกกระแทกร่างเฟย์ริสจนอวัยวะบิดเบี้ยวผิดรูป โลหิตสีขาวพวยพุ่งหลายจุดดุจดังสายลำธาร…


แต่…


พรืดดด—


หมับ! หมับ! หมับ!


เถาวัลย์โลหะพุ่งขึ้นจากฝืนทรายโดยไม่บอกกล่าว พันธนาการลำตัวดยุคทั้งสาม ปิอาโร่ และครอเกลไว้แน่นถนัด


“อึก…!”


ความเสียหายไม่รุนแรง แต่ปัญหาคือ มันสร้างอาการผิดปรกติประเภทรัดรึง ซึ่งถือเป็นอาการทางกายภาพที่หมดสิทธิ์ต้านทาน


‘ยิ่งวัตถุรอบตัวมาก ก็ยิ่งแข็งแกร่งสินะ…’


จักรวรรดิซาฮารันคือศูนย์กลางของทวีปอย่างไร้ข้อกังขา มอริสเชื่อเช่นนี้มาตลอด ถึงจอมอสูรอัสทารอธจะเคยสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้ซาฮารัน แต่นั่นเป็นในทางการเมือง


เมื่อต่อสู้จริง อัสทารอธถูกกำราบง่ายดายด้วยจำนวนคนเพียงหยิบมือ มอริสจึงดูแคลนตัวตนจอมอสูรมาตลอด


แต่ความคิดนั้นต้องเปลี่ยนไป ในวินาทีที่ถูกเถาวัลย์โลหะพันธนาการ บุคคลบ้าพลังอย่างมันกลับไม่สามารถสลัดให้หลุด


‘ไม่เขยื้อนเลย… มีแต่ต้องแปลงร่างเท่านั้น’


วาบ!


มอริสพลันขมลุกเมื่อสมองเริ่มจินตนาการ หากเฟย์ริสในสภาพสมบูรณ์เข้ารุกรานวังหลวง กองทัพจักรวรรดิจะต่อต้านไหวจริงหรือ?


ที่นั่นมีโลหะให้จอมอสูรหยิบยืมแปรเปลี่ยนเป็นพลังจำนวนมาก แล้วทหารของจักรวรรดิจะรับมือด้วยวิธีใด?


ด้านแกรนมาสเตอร์ จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันคือสิ่งใดก็ไม่มีใครทราบ เป็นได้สูงว่า ชายคนนั้นจะเฝ้ามองความสูญเสียห่างๆ โดยไม่ลงมือช่วยเหลือ มันคงมองมนุษย์เป็นเพียงหนูทดลองเพื่อความบันเทิงเท่านั้น


กับโกลด์ฮิตก็ไม่ต่าง


ส่วนเบอิน ชายคนนั้นจะไม่ออกห่างข้างกายฝ่าบาทมหาจักรพรรดิโดยเด็ดขาด เรื่องช่วยรบ ถ้าไม่มีคำสั่งก็คงไม่ขยับตัว


‘ความหวังเหลือแค่ไคลน์กับชานสเลอร์’


แค่สองคนจะเอาชนะได้ไหม?


พอเป็นไปได้… จากที่ได้พบกันบนเกาะโบราณสถาน เวทมนตร์ของไคลน์พัฒนาขึ้นจากแต่ก่อนหลายเท่า ส่วนชานสเลอร์ ชายคนนั้นไม่มีวันตาย การต่อสู้คงสูสีและมีโอกาสจบลงที่ชัยชนะของสองในห้าเสาหลัก


แต่กว่าจะได้บทสรุป ทุกสรรพสิ่งภายในวังหลวงคงพินาศสิ้นหมดแล้ว…


ถึงแม้ทั้งห้าดยุคที่ยังมีชีวิตอยู่ จะรวมพลังกันปกป้องวังหลวงอย่างสุดความสามารถ ก็ไม่แน่ว่าจะกำจัดเฟย์ริสได้โดยไม่เกิดหายนะร้ายแรงกับสภาพแวดล้อม


‘บัดซบ!’


ในที่สุดมอริสก็ตระหนักได้ ว่าตัวมันโง่เขลาเพียงใดที่แสร้งทำหูทวนลมหลังจากทราบข่าวจอมอสูรปรากฏตัว


เฟย์ริสต้องถูกกำจัดที่นี่เท่านั้น…


‘ฝ่าบาทกริด… ขอบคุณมาก!’


เราต้องแปลงร่างเดี๋ยวนี้ ไม่สนแล้วว่าพลังของหนึ่งในดยุคจักรวรรดิจะถูกเปิดเผยต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหรือไม่ การจำกัดจอมอสูรสำคัญเป็นลำดับแรก


มอริสหันไปมองกริด


ต้องขอบคุณเขา… บุรุษผู้มีจิตใจกว้างขวางและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง บุคคลผู้ยอมเสี่ยงชีวิตทั้งที่อาณาจักรของตนยังไม่ได้รับความเดือดร้อน


หากไม่มีกริด ตนคงไม่มีวันทราบถึงความน่ากลัวของเฟย์ริส กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คงสายเกินแก้


ปึด!


ปึดปึดปึด!


แขนข้างที่บีบรัดเถาวัลย์พลันขยายขนาดพร้อมกับสร้างมัดกล้ามเนื้อใหญ่โต


ขณะเส้นผมสีเงินกำลังจะยืดยาว…


พรึบ!


ซ่าาาาา—


เปลวเพลิงสีเหลืองทองพุ่งปะทะร่างมอริสจากด้านหลัง อุณหภูมิของไฟสูงจนทำให้เถาวัลย์โลหะละลายในพริบตา


ทุกคนรวมถึงมอริสล้วนได้รับอิสระกลับคืน


“ดยุคบาซาร่า คุณควรอยู่แนวหลัง ศัตรูจะได้เข้าถึงตัวยาก นั่นคือวิธีต่อสู้ของผู้ครอบครองปราณสีชาด… คงไม่ดีแน่ถ้าทุกคนถูกศัตรูเล่นงานพร้อมกันหมด”


อริยหอกเรเชล อันดับหนึ่งแห่งเจ็ดดยุคในด้านการต่อสู้ และมีพลังทำลายมหาศาลเทียบเท่ามอริสในร่างสัตว์ป่า


“เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมกับคุณเลย… เพราะอะไรถึงได้สูญเสียความเยือกเย็นขนาดนี้?”


หลังจากเฝ้ามองการต่อสู้อย่างเงียบงันอยู่นาน ในที่สุด เรเชลยื่นมือช่วยเหลือในจังหวะสำคัญพร้อมตำหนิบาซาร่าและมอริส


“ส่วนดยุคมอริส คุณคิดจะใช้พลังป่าเถื่อนนั่นทำอะไรกันแน่?”


“…”


“จะแปลงร่างเป็นสุนัขขาดสติและแก้ปัญหาด้วยพละกำลังเหมือนทุกครั้งงั้นหรือ?”


“…หมาป่า ไม่ใช่สุนัข”


“สายพันธุ์เดียวกัน… จะอะไรก็ช่าง”


สายตาเรเชลหันไปมองปิอาโร่


นับตั้งแต่กริดปรากฏตัว เธอก็เอาแต่เงียบงันมาตลอดจนกระทั่งเมื่อครู่


เรเชลพูดออกไปโดยที่ไม่ได้ตระหนักว่า มีผู้คนหลายร้อยล้านทั่วโลกกำลังรับชมติดขอบสนาม


“ฉันไม่เคยทราบเลยว่า… ดยุคปิอาโร่ อดีตแม่ทัพใหญ่แห่งกองอัศวินสีชาด แท้จริงแล้วกำลังรับใช้ราชาโอเวอร์เกียร์”


『....!』


= ....!


“แต่อย่างน้อยฉันก็เดาถูก ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครในทวีปแข็งแกร่งพอจะเอาชีวิตคุณได้… วีรบุรุษของฉันและจักรวรรดิ”


『....!? 』


= ...!?


ชาวนาเสียสติแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ตัวตนที่แท้จริงคืออดีตแม่ทัพแห่งกองอัศวินสีชาดงั้นหรือ?


อดีตหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป…


แถมบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างเรเชลถึงกับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษจักรวรรดิ


เมื่อได้ทราบความจริงอันน่าตกตะลึง ผู้ชมทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่กำลังดื่มโค้กหรือเบียร์ ต่างปล่อยสิ่งที่ถือในมือตกหล่นพื้นเสียของ แต่ชาวเกาหลีใต้นั้นโชคร้ายยิ่งกว่า ส่วนใหญ่พวกมันกำลังถือปีกไก่ทอดหรือไม่ก็กิมจิ ซึ่งมีราคาแพงกว่าโค้กและเบียร์มาก


การกินไก่ทอดอันตรายถึงเพียงนี้…


『ผมเข้าใจแล้วครับว่า เพราะเหตุใด ดยุคแห่งจักรวรรดิถึงปรากฏตัวมาพร้อมกริด ทั้งที่สองฝ่ายกำลังทำสงครามกันอยู่』


เมื่อตระหนักถึงความจริง แต่ละคนยิ่งแสดงสีหน้าตกตะลึงมากกว่าเก่า


ที่แท้… กริดแอบซุ่มใช้ปิอาโร่เป็นเครื่องสานสัมพันธ์กับจักรวรรดิมายาวนาน


ตั้งแต่เมื่อไรกัน?


หรือคำเชิญให้เข้าเฝ้ามหาจักรพรรดิ รวมถึงสนธิสัญญาสงบศึกเมื่อหลายปีก่อน จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปิอาโร่ด้วย?


เป็นการวางแผนหลายชั้นชนิดที่คนทั่วไปไม่มีทางจินตนาการตามทัน กริดมองล่วงหน้าไปยังอนาคตหลายสิบปีได้อย่างไร


อึก…!


เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นกระทั่งภายในสถานีข่าวที่กำลังถ่ายทอดสด


ผู้คนต่างเพ่งความสนใจไปที่กริดด้วยสีหน้าเคารพยกย่อง


ขณะเดียวกัน พระเอกของโลกที่ไม่ได้ตระหนักเลยสักนิด มันกำลังนั่งพักเพื่อให้เรี่ยวแรงและทักษะกลับมาพร้อมใช้งานใหม่


ทันใดนั้น ข้อความระบบแสดงสิ่งที่กริดกำลังรอคอยมาตลอด


[ผลคำลวงที่เป็นจริงหมดเวลา]


[คลาส สมญานาม และทักษะที่เคยสูญเสียไป ทั้งหมดจะกลับคืนสู่สภาพเดิม]


[แต่คลาสหลักยังไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจาก ‘มหาจอมดาบเวท’ มีระดับสูงกว่า ‘ผู้สืบทอดแพ็กม่า’]


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,440
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. กลุ่มคนขี้มโนแห่งโลกโอเวอร์เกียร์

    ReplyDelete
    Replies
    1. มวลมนุษยชาติจอมมโนต่างหากกกก

      Delete
  2. ได้เวลาโชว์ของรอบ 2

    ReplyDelete
  3. ชอบๆๆๆ👍
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete
  4. ถึงเวลาออกโรงอีกรอบแล้ว😆😆😆😆

    ReplyDelete
  5. ว้าวเปลี่ยนคลาสหลักโดยที่ไม่ต้องกลับไปเลเวลหนึ่งใหม่

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00