จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1047



“เดี๋ยว… รอดูท่าทีไปก่อน”


ครอเกลปรากฏตัวพร้อมคิรินัสและเรเชลได้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ ผู้เล่นจำนวนมากจึงรีบเดินทางไปยังป้อมไทเลอร์เพื่อรับส่วนแบ่งจากการปราบจอมอสูร


ศึกที่ยังไงก็ชนะ…


รางวัลตอบแทนเป็นถึงไอเท็มดรอปจากบอสใหญ่ระดับจอมอสูร ต่อให้เป็นเศษเดนที่ห่วยที่สุด มูลค่าของมันก็ไม่มีทางต่ำ


ใช่แล้ว หากไม่เพราะเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติทุกชนิดถูกปิดกั้นในสนามรบป้อมไทเลอร์ คงมีแรงเกอร์ทั่วโลกถูกส่งตัวมายังป้อมไทเลอร์ในพริบตาเพื่อหมายแย่งชิงส่วนแบ่ง และนั่นจะเป็นความโกลาหลวุ่นวาย


‘เจ้าพวกขุนนางโง่… ทำไมถึงได้กางข่ายเวทปิดกั้นทักษะเคลื่อนย้ายมิติ’


บ๊อกซ์ แรงเกอร์แห่งอาณาจักรฮาเค่น


ผู้เล่นคลาส ‘ลิ้งเกอร์’ แรงค์หนึ่งของโลก เติบโตพร้อมกับ ‘อาสึกะ’ ภายในอาณาจักรฮาเค่น ในระยะหลัง พัฒนาการของบ๊อกซ์ก้าวกระโดดยิ่งกว่าแรงเกอร์คนใด


มันคือผู้สืบทอดตำแหน่งหัวกิลด์สเน็กหลังจากซีบาลสละทุกสิ่งและมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิ


บ๊อกซ์ออกคำสั่งกับลูกกิลด์ว่า—พวกเราจะมุ่งหน้าไปรับส่วนแบ่งไอเท็มดรอปที่ป้อมไทเลอร์!


กิลด์สเน็กสามารถเคลื่อนพลได้เร็วกว่าใคร เนื่องจากปักหลักในเมืองใกล้กับป้อมไทเลอร์มาตั้งแต่ต้น ทว่า เมื่อเดินไปถึงสนามรบจุดเกิดเหตุ ภาพตรงหน้ากลับไม่เหมือนที่จินตนาการไว้เลย


เฟย์ริสไม่ได้มีอาการร่อแร่ ไม่ปรากฏแรงเกอร์หลายพันหลายหมื่นกำลังรุมโจมตีจอมอสูร


มีเพียงแรงเกอร์ไม่กี่สิบคนที่กำลังหลบมุมด้วยท่าทีสั่นกลัว


ข่ายเวทปิดกั้นทักษะเคลื่อนย้ายมิติคือสาเหตุสำคัญที่แรงเกอร์ส่วนใหญ่ยังมาไม่ถึงสนามรบ


‘บ้าจริง!’


สถานการณ์กำลังย่ำแย่ อริยหอกและหอกเอกของทวีปอยู่ในสภาพตกร่อแร่ ด้านครอเกลและปาร์ตี้ผู้เล่นก็ยังเผชิญหน้ากับกองทัพอสูรหลายพันอย่างตึงมือ


กองทัพอสูรประกอบด้วยหลายเผ่าพันธุ์ ภายในยังถูกแบ่งระดับชั้นแต่งต่างออกไป กลุ่มที่เป็นมอนสเตอร์ระดับหัวหน้าจะไม่ถูกฆ่าตายด้วยทักษะเดียวของอริยดาบ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มอนสเตอร์ประเภทพืชที่ร่างกายเต็มไปด้วยท่อน้ำเลี้ยง พวกมันสามารถพ่นหมอกควันฟุ้งกระจายทั่วสนามรบ บดบังการมองเห็นชั่วขณะ แถมยังสามารถบรรเลงเสียงประหลาดออกมาจากท่อดังกล่าว ทหารฮาเค่นที่ได้ยินเข้ามีอันต้องถูกสะกดจิตจนทำร้ายกันเอง


ไม่เพียงเท่านั้น แรงเกอร์และทหารฮาเค่นบางส่วนถูกอสูรแมลงครอบงำจิตใจให้ปรี่เข้าทำร้ายร่างกายครอเกล


มีครบทั้งพลังโจมตี ความถึกทน สติปัญญา มอนสเตอร์ประเภทดังกล่าวรับมือได้ยากยิ่งกว่าบอสแม็ปเสียอีก พวกมันคือหัวใจหลักของกองทัพเฟย์ริสอย่างไม่ต้องสงสัย


บ๊อกซ์ได้ข้อสรุปว่า ยุทธการปราบจอมอสูรของผู้เล่นคงล้มเหลวเฉกเช่นทุกครั้ง มันตัดสินใจเงยหน้ามองเหล่าขุนนางฮาเคนที่ยืนประจำด้านบนกำแพง


‘ถ้าต้องการกำลังเสริม แล้วทำไมถึงไม่เปิดข่ายเวทอนุญาตให้เคลื่อนย้ายมิติสักที?’


อันที่จริง บ๊อกซ์พอจะทราบถึงเหตุผลอยู่บ้าง หากไม่ปิดกั้นเวทเคลื่อนย้ายมิติและปล่อยให้บุคคลภายนอกผ่านเข้าออกอิสระ จะเกิดปัญหาตามมาถ้าวิหารยาธานยกทัพมาช่วยเหลือเฟย์ริส หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่หวังให้ฮาเค่นล่มสลาย


แต่การปิดกั้นไว้ ผลลัพธ์สุดท้ายคือความพินาศของฮาเค่นอยู่ดีไม่ใช่หรือ?


บ๊อกซ์ได้แต่กัดฟันเจ็บแค้นที่ราชวงศ์ฮาเค่นเลือกปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนนอกจนอาณาจักรถึงคราวล่มสลาย


ทำตัวสมกับเป็นอาณาจักรเล็ก… อาณาจักรอ่อนแอที่ไม่มีปัญญางัดข้อกับใคร


“ไม่ไหว… ล้มเหลวแน่”


จุดสูงสุดของศาสตร์แปรธาตุ


เมื่อเห็นเรเชลและคิรินัสถูกใบดาบโลหะทะลวงร่างอย่างโหดเหี้ยม ครอเกลกับพวกพ้อง เฮ่า อเล็กซานเดอร์ แรงเกอร์ชาวจีน รัสเซีย ต่างละทิ้งกองทัพอสูรตรงหน้าและพุ่งเข้าไปเปิดทางหนีให้สองขุนพลหอก


‘เราไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง’


นอกจากความตายอย่างเปล่าประโยชน์จะทำให้สูญเสียค่าประสบการณ์และไอเท็ม ชื่อเสียงของกิลด์สเน็กจะยิ่งเสื่อมเสียในฐานะไอ้ขี้แพ้


…แบบนั้นคงรั้งสมาชิกไว้ไม่ได้อีก


บ๊อกซ์ถอนหายใจยาวก่อนจะออกคำสั่ง


“กลับกันเถอะ ที่นี่หมดหวังแล้ว”


“…นายจะไม่ช่วยซีบาลหรือ?”


กิลด์สเน็ก


หนึ่งในกิลด์ใหญ่ของโลกที่นำโดยบ๊อกซ์ พวกมันหลายคนเหลือบเห็นซีบาลกำลังบัญชาทัพอย่างห้าวหาญบนกำแพงป้อม


สมาชิกส่วนใหญ่ต่างทราบเจตนาที่แท้จริงของบ๊อกซ์ ถ้อยคำที่ว่า ‘พวกเราไปชิงส่วนแบ่งไอเท็มดรอปกันเถอะ’ เป็นแค่ข้ออ้างที่ต้องการช่วยเหลือซีบาล


ในฐานะอดีตหัวหน้ากิลด์ บ๊อกซ์ย่อมเคารพศรัทธาในตัวซีบาลไม่น้อย และปัจจุบันยังคงห่วงใยอยู่ แต่ในฐานะหัวหน้ากิลด์คนปัจจุบัน มันที่กุมชะตาชีวิตแรงเกอร์กว่าสามร้อยคนไว้ในมือ บ๊อกซ์ไม่สามารถเอาความตายพวกพ้องมาเสี่ยงด้วยเหตุผลส่วนตัว


“ซีบาล? ใครจะสนกัน?”


บ๊อกซ์แสร้งตีหน้าขึงขังพร้อมกับนำกองทัพสามร้อยหนีออกจากหุบเขา เป้าหมายการเดินทางเป็นทิศตรงข้ามกับเมืองที่พวกมันเคยอาศัยอยู่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ กิลด์สเน็กกำลังละทิ้งอาณาจักรฮาเค่น


‘อันที่จริง เราไม่อยากให้ชื่อเสียงและความสำเร็จที่สั่งสมในฮาเค่นต้องสูญเปล่า แต่จะมีประโยชน์อันใดถ้าอาณาจักรล่มสลาย? สู้หนีไปพึ่งพิงซาฮารันยังดีเสียกว่า’


อาณาจักรเล็กก็มีข้อได้เปรียบของมัน ยิ่งไม่เป็นที่สนใจของผู้คน จำนวนแรงเกอร์ที่เป็นขวากหนามก็ยิ่งน้อย หมายความว่า พวกมันมีโอกาสกอบโกยชื่อเสียงเงินทองได้ง่ายกว่าดินแดนใหญ่อย่างจักรวรรดิ รวมถึงการผูกขาดจุดเก็บเลเวลสำคัญไว้กับกิลด์


ถือเป็นแดนสวรรค์สำหรับกิลด์แรงเกอร์ที่สามารถยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างกิลด์สเน็ก


ในบางครั้ง หัวหมาก็ดีกว่าหางสิงโต บ๊อกซ์ต้องการเสพสุขและครองอำนาจในฮาเคนตราบนานเท่านาน


แต่สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปเป็นหางสิงโตที่ซาฮารัน


อาณาจักรโรเทมอนคือตัวอย่างที่ชัดเจน ราชวงศ์ไร้ความสามารถ มิอาจปกป้องอาณาจักรตัวเอง ผู้คนในอาณาจักรจึงต้องละทิ้งไปเลือกพึ่งพิงดินแดนที่มั่นคงกว่า


‘ในขณะที่อาณาจักรฮาเค่นยังไม่ล่มสลาย เรายังพอมีอำนาจต่อรองอยู่บ้าง’


บริบทจะแตกต่างกันเล็กน้อย ระหว่างการคุกเข่าขอร้องผู้อื่นในตอนที่บ้านถูกไฟไหม้จนไร้ที่ซุกหัวนอน กับการต่อรองในตอนที่ตัวเองยังมีบ้านให้อยู่อาศัย


ถ้าไม่พอใจข้อเสนอก็ยังมีบ้านเก่าให้กลับ ไม่จำเป็นต้องง้ออีกฝ่ายขนาดยอมถูกกดขี่


บ๊อกซ์ครุ่นคิดขณะนำกองทัพกิลด์สเน็กหนีออกจากบริเวณสงคราม ระหว่างทาง มันพบเห็นแรงเกอร์หลายคนกำลังเดินตรงไปยังป้อมไทเลอร์


กลุ่มที่หวังกอบโกยเศษเดนจากเฟย์ริสสินะ…


‘แล้วพวกแกต้องเสียใจภายหลัง… หือ?’


บ๊อกซ์ยิ้มแห้งๆ เมื่อเหลือบเห็นผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังเดินหนีออกจากจุดสงครามในลักษณะเดียวกับพวกตน


NPC ชาวบ้านลี้ภัย


บ๊อกซ์โล่งใจ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่พวกมันที่ตัดสินใจละทิ้งฮาเค่น ชาวบ้านและแรงเกอร์อีกหลายคนต่างก็คิดแบบเดียวกัน


การตัดสินใจของตนถูกต้องแล้ว…


ความคิดเช่นนี้ย้ำเตือนภายในหัว…


“…”


กึก


บ๊อกซ์ที่กำลังเดินนำหน้าสุด มันตัดสินใจชะงักฝีเท้ากลางคัน


บางที การได้เห็นชาวเมืองอพยพคงไปสะกิดต่อมความรู้สึกผิดภายในใจ


หมับ…!


ความทรงจำเก่าๆ เริ่มย้อนกลับมา


มันเริ่มเล่นซาทิสฟายอย่างไร้เดียงสาเฉกเช่นคนอื่น อาณาจักรเมืองเกิดที่เลือกคือฮาเค่น ผ่านประสบการณ์มากมายร่วมกับ NPC ที่นี่ จนกระทั่งได้รู้จักกับซีบาลและเข้าร่วมกิลด์สเน็ก


ฮาเคนคือบ้านที่ทำให้มันยิ่งใหญ่เฉกเช่นปัจจุบัน คือบ้านที่หล่อหลอมให้กลายเป็นผู้เล่นลิ้งเกอร์แรงค์หนึ่งของโลกอย่างยาวนาน


ตนอยากเห็นฮาเคนถูกทำลายจริงหรือ…?


“…”


ทำไมคำถามโง่ๆ ถึงชอบผุดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตมนุษย์?


ไม่เห็นหรือไง… ฮาเค่นไม่มีหวังอะไรอีกแล้ว


ขณะบ๊อกซ์ยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้น สมาชิกกิลด์คนหนึ่งส่งเสียง


“กลับไปช่วยซีบาลกันเถอะ”


“ถ้าหนีตอนนี้ ฉันคงรู้สึกผิดชั่วชีวิต”


“…พวกนาย”


ลงเอยด้วย


“ตกลง… กลับกันเถอะ”


ถ้าต้องสละบ้านทุกครั้งที่มีปัญหา สักวันคงไม่เหลือบ้านให้ซุกหัวนอน


ขณะสมาชิกกิลด์สเน็กทุกคนตัดสินใจหันหลังกลับไปช่วยซีบาล


“นี่!”


“…?”


ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ร่างกายบ๊อกซ์พลันรู้สึกชาไปทั้งตัวคล้ายกับถูกไฟดูด เงาดำขนาดใหญ่ของบางสิ่งพาดทับร่างโดยไม่รู้ตัว


ทำไมถึงคุ้นหูนัก?


“…!!”


เมื่อหันกลับไปมองและพบกับเจ้าของเสียงเรียก ดวงตาบ๊อกซ์พลันเบิกโพลง


บุรุษผมดำกำลังจ้องมองลงมาจากหลังฮิปโปสองหัวขนาดมหึมา


“พวกนายหนีมาจากป้อมใช่ไหม? สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”


“…”


ความทรงจำเก่าเริ่มหวนคืน


บ๊อกซ์ ชายที่ประสบความสำเร็จในซาทิสฟายมากมาย มีไม่กี่ครั้งที่มันเคยลิ้มรสความล้มเหลว จึงไม่มีวันลืมใบหน้าของบุคคลที่เคยทำให้ตนต้องอับอาย


“…ถ้าปล่อยไว้ อีกไม่นานทุกคนจะตายหมด”


ท้องฟ้าผืนปัจจุบันของโลก ต่อหน้าชายผู้นี้ บ๊อกซ์ทำได้เพียงตอบโดยหลบสายตา


“เราต้องรีบแล้ว”


สายตาของบุรุษคนดังกล่าวเปลี่ยนจากบ๊อกซ์ไปเป็นพวกพ้องด้านหลัง


“ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน เฟคเกอร์ ปิอาโร่ และพวกนายสามคนมากับฉัน”


ฟุ่บ!


เป็นสปีดที่น่าเหลือเชื่อมากหากเทียบกับขีดจำกัดของผู้เล่น แต่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ ห้าบุคคลที่ตามไปด้านหลังล้วนมีความเร็วไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นกำลังขี่หลังเสือตัวใหญ่


ผู้เล่นนักลอบสังหารหนึ่งคน และ NPC อีกสี่คนซึ่งมีชื่อสีทองอร่าม


หากลองนึกทบทวนดูให้ดี ชื่อของ NPC เหล่านี้ค่อนข้างคุ้นหู มันเคยได้ยินมาก่อนไม่ผิดแน่


แต่ได้ยินจากที่ไหน…?


ขณะเดียวกัน สตรีเลอโฉมผู้หนึ่งเดินมาหยุดด้านข้างบ๊อกซ์พร้อมกับกล่าว


“นายก็ต้องมากับเราด้วย พลังลิ้งเกอร์แรงค์หนึ่งของโลกคือสิ่งจำเป็น”


ความงามของเธอสามารถสะกดบุรุษให้ตกอยู่ในภวังค์ด้วยเพียงจ้องมอง


“…แต่ว่าฉัน”


“ไม่มีแต่! ตามมา”


ภายใต้ดวงตาเรียวคมที่จ้องมองอย่างดุดัน บ๊อกซ์ยืนสั่นเทาพร้อมกับพยักหน้าโดยไม่มีทางเลือก


***


『ครั้งนี้ก็คงล้มเหลวเหมือนเดิมครับ… แต่ผมขอชื่นชมในความพยายามของทุกคน』


『ใช่แล้วครับ พวกเขาทำได้ดีเกินคาดมาก』


ตรงข้ามกับสิ่งที่ผู้คนคาดหวัง ฝ่ายมนุษย์พ่ายแพ้กองทัพจอมอสูรอีกครั้ง แต่ไม่มีใครปฏิเสธฝีมืออันยอดเยี่ยมที่ครอเกลแสดงให้โลกประจักษ์


กองทัพเฟย์ริสที่ไม่เคยถูกหยุดมาก่อน มีอันต้องชะงักงันหลายชั่วโมงเป็นหนแรก แถมตัวเฟย์ริสเองก็ยังได้รับบาดเจ็บหนักแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้


ควรค่าแกการยกย่อง


ทั้งที่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ทั้งที่รู้ว่าโอกาสชนะแสนริบหรี่ แต่คนเหล่านี้ก็ยังสละเวลาและชีวิตเข้าปะทะกับจอมอสูร


ผู้บรรยายหลายช่องทั่วโลกต่างชื่นชมครอเกลไม่ขาดปาก เช่นเดียวกันกับผู้ชมทางบ้าน


แต่ไม่มีใครเลยที่แสดงสีหน้ายินดี


“ดวงวิญญาณมนุษย์เต็มไปหมด…”


การสละชีพของทหารฮาเคนส่งผลให้เฟย์ริสสามารถอัญเชิญกองทัพอสูรรอบที่สี่


ไม่มีใครเคลือบแคลงเลยว่า หายนะที่เฟย์ริสสร้างหลังจากนี้จะรุนแรงและเต็มไปด้วยความนองเลือดเพียงใด


“รีบหนีไป!”


ครอเกลตะโกนพลางพุ่งตัวแซงหน้าคิรินัสและเรเชลออกไปประจันหน้าเฟย์ริสตามลำพัง


คิรินัสตะโกน


“อย่าทำอะไรบ้าๆ …! นายต่างหากที่ต้องรีบหนีไป!”


นับตั้งแต่คนรักของตน อาเรีย แต่งเข้าวังหลวงและกลายเป็นจักรพรรดินี หัวใจคิรินัสพลันแหลกสลาย มันสูญเสียเป้าหมายการมีชีวิต


ยิ่งเมื่ออาเรียเสียชีวิต คิรินัสไม่มีกำลังใจจะอยู่ต่อ วันวานผ่านไปอย่างเจ็บปวดทรมาน


ใช่แล้ว ตนคือบุคคลเดียวที่สามารถตายโดยไม่มีสิ่งใดค้างคาภายหลัง


คิรินัสคิดเช่นนี้


ศิษย์เอกของตน ชายหนุ่มที่ตนให้การยอมรับว่ามีพรสวรรค์เหนือผู้ใด เขาคืออริยดาบที่ห้ามล้มลงต่อหน้าจอมอสูรโดยเด็ดขาด


ครอเกลส่ายศีรษะ


“คุณก็รู้ว่าผมเป็นอมตะ ความตายไม่ใช่จุดจบสุดท้ายของชีวิต”


แต่กับคุณแล้วไม่ใช่ หากตายไป คุณจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว


“ฉันทราบว่านายสามารถตายได้ แต่ความตายจะมาพร้อมหายนะยิ่งใหญ่เสมอ มันทำให้นายอ่อนแอลง”


“แต่ผมแบกรับมันไหว”


“ไม่ได้! อริยดาบห้ามตายต่อหน้ามนุษย์โดยเด็ดขาด!”


“…”


“นับตั้งแต่อดีตกาล อริยดาบคือความหวังของมนุษย์ในปราบจอมอสูร หากนายล้มลงต่อหน้าทุกคน ขวัญกำลังใจมนุษย์จะถูกทำลาย!”


เรเชลพุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมกับคิรินัส


“การแข่งยังไม่จบ สมญานามหอกเอกแห่งทวีปต้องเป็นของฉัน”


“…”


ครอเกลขมวดคิ้ว น่าเหลือเชื่อมากที่ NPC ซึ่งมีชีวิตเดียว กลับเลือกสละชีพแทนตน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าตนสามารถคืนชีพใหม่ได้


เป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้


ลงเอยด้วย


“เป็นหน้าที่ของพวกนายแล้ว”


ครอเกลหันไปกล่าวกับเฮ่าและอเล็กซานเดอร์


เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทั้งสองรีบนำแรงเกอร์ระดับหัวแถวพุ่งไปล้อมคิรินัสและเรเชลที่กำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอสุดขีด เฮ่าคว้าข้อมือเรเชลไว้ ส่วนอเล็กซานเดอร์จับแขนคิรินัส


“ได้โปรดมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย… เพื่อคอยสอนสั่งครอเกลให้ยิ่งใหญ่กว่านี้”


“เจ้าพวกมนุษย์โง่เขลา…”


หลังจากใช้เวทดาบโลหะทำให้เรเชลและคิรินัสหมดสภาพ เฟย์ริสยืนฟังบทสนทนาของมนุษย์ด้วยสีหน้าสมเพชเจือเหยียดหยัน


“ไม่จำเป็นต้องเลือกผู้เสียสละ พวกเจ้าจะได้ตายพร้อมกันอย่างเท่าเทียม!”


ซ่า—


ฟ้าวววว


เวทมนตร์แปรธาตุเริ่มก่อตัวท่ามกลางอากาศอันว่างเปล่าหลายร้อยจุดรอบตัวเฟย์ริส เป็นพลังคุกคามระดับที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน


“ดวงวิญญาณพวกเจ้าจะกลายเป็นอาหารให้กับลูกน้องของข้า…”


ซู่ว!ซู่ว!ซู่ว!


เวทมนตร์ที่กระจายตัวเต็มท้องฟ้า เริ่มกลายสภาพเป็นใบดาบโลหะจำนวนมหาศาลชนิดท่วมท้นท้องฟ้าเหนือหุบเขา


ใบดาบแหลมคมนับหมื่นเล่ม


“มนุษย์เป็นได้แค่ปศุสัตว์…”


ดวงตาสีขาวที่ปราศจากนัยน์ตาของเฟย์ริสเริ่มโก้งโค้งเป็นทรงจันทร์เสี้ยว


“เป็นได้แค่อาหารของเผ่าพันธุ์อสูร ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น”


เมื่อเวทมนตร์แปรธาตุทั้งหมดก่อตัวเสร็จสิ้น พลัง ‘ที่แท้จริง’ ของจอมอสูรลำดับ 22 ถูกสำแดงให้ทั่วโลกประจักษ์เป็นหนแรก


ใบดาบโลหะนับหมื่นที่อัดแน่นเต็มบรรยากาศ เฟย์ริสไม่เคยเผยท่าโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน


วินาทีนี้คือปฐมบทอย่างแท้จริง


“บัดซบ!!”


ซีบาลรีบขึ้นขับจักรกลเวทมนตร์โดยไม่สนใจสภาพร่างกายตัวเอง ถ้าชาวฮาเค่นทุกคนต้องตาย ตัวมันขอเลือกตายแทนไปพร้อมกับไรเดอร์สยังดีเสียกว่า


『อ…อะ…』


เหล่าผู้บรรยายต่างหมดคำพูดกับฉากที่เห็น เป็นเหมือนกันทุกสถานีทั่วโลก ภาพของใบดาบโลหะนับหมื่นเล่มลอยท่วมท้นท้องฟ้า พวกมันไม่สามารถบรรยายข้อมูลเนื่องจากมีความรู้ความเข้าใจเพียงหางอึ่ง


พลังเฟย์ริสยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการออก


= ทวีปตะวันตกจบสิ้นแล้ว


= นั่นสิ… คงจบแล้วล่ะ


ผู้ชมเริ่มตัดพ้ออย่างละเหี่ยใจ แม้แต่สองขุนพลหอกของทวีปก็มิอาจรุมเอาชนะเฟย์ริสได้


กลุ่มแรงเกอร์ที่กล่าวกันว่าแข็งแกร่งที่สุดของโลกนับตั้งแต่เฟย์ริสปรากฏตัว ก็ยังไม่สามารถเอาชนะกองทัพอสูรสามพันทั้งที่มีทหารฝ่ายฮาเค่นคอยสนับสนุน


แล้วมนุษย์จะเอาอะไรไปชนะกองทัพจอมอสูรที่เพิ่งถูกอัญเชิญเพิ่มขึ้นมาใหม่?


จบสิ้นแล้ว ต่อให้จักรวรรดิซาฮารันออกโรงเองก็คงไม่ไหว


“ขึ้นสวรรค์ไปซะ”


นั่นคือคำสาปแช่งของอสูร


ทันใดนั้น…


ซู่วว—


ในวินาทีที่ใบดาบนับหมื่นพุ่งเข้าใส่ปาร์ตี้ของครอเกลด้วยบรรยากาศสุดแสนคุกคาม


“ดาบสลายทัพสองแสน!”


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


เกิดระเบิดกัมปนาทจนทั่วทั้งหุบเขาสั่นสะเทือนประหนึ่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เพียงชั่วพริบตา ใบดาบโลหะกว่าหมื่นเล่มพลันสลายหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน


“…!?”


ดวงตาเฟย์ริสเบิกโพลงยิ่งกว่าเมื่อครั้งอริยดาบสำแดงดาบผ่ามิติเสียอีก


ครอเกลรีบหันไปมองด้านข้าง เฉกเช่นกล้องจับภาพหลายร้อยตัวจากทุกสถานีข่าวทั่วโลก


สิ่งที่ปรากฏคือ


<กริด>


บุรุษผมดำยาวถึงบ่า เส้นผมพลิ้วไสวไปตามแรงลมซึ่งเกิดจากคลื่นกระแทกภัยพิบัติเมื่อครู่ ด้านหลังยังมี NPC พิเศษอีกสี่คนยืนเรียงไม่ห่าง


ชื่อของทุกคนล้วนเป็นสีทอง


สี่ราชันสวรรค์อันโด่งดังของกริดงั้นหรือ?


สายตาทุกคู่เลื่อนความสนใจจากกริดไปยังชื่อเหนือศีรษะของกลุ่ม NPC ด้านหลัง


จากนั้นก็ต้องผงะอ้าปากค้าง บางคนขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่ออ่านออกเสียงนามดังกล่าวในใจ


จนกระทั่ง ทุกคนมั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด


ราชาอมตะ เกล็นฮาล


ราชาสัตว์ป่า มอริส


มงกุฎทอง บาซาร่า


สามดยุคผู้ยิ่งใหญ่แห่งซาฮารัน


ทำการปรากฏตัวพร้อมกริด


และที่น่าขันก็คือ แต่ละคนล้วนแผ่ออร่าระดับสัตว์ประหลาดไม่แพ้กริดเลยสักนิด


= จีจี…


ในวินาทีที่ท้องฟ้าคนปัจจุบันปรากฏตัว ผู้ชมทั่วโลกต่างพากันตะโกนถ้อยคำที่ใช้ประชดประชันเมื่อผลลัพธ์ของเกมถูกตัดสิน


ทางด้านครอเกล


“กำลังรออยู่เลย”


ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง!


ดาบบิน พลังพิเศษประจำตัวอริยดาบหลายสิบเล่มพลันถูกอัญเชิญจนเต็มท้องฟ้า


พลังที่อริยดาบคนปัจจุบันขัดเกลาให้มีระดับเพิ่มขึ้นจากงานแข่งนานาชาติหลายเท่า


ถึงเวลาฝ่ายมนุษย์ตอบโต้บ้างแล้ว


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,437
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00