จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1056
เมืองท่ากัลเลสถูกรุกรานอย่างหนักหน่วงตลอดสงครามโดยฝีมือของเผ่าวารี
ถึงเหล่าดยุคจะช่วยปกป้องได้ทันท่วงที แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นมูลค่าสูงลิบ จักรพรรดิฮวนเดอร์จำเป็นต้องเดินทางมาปลอบโยนประชาชนด้วยตนเองเป็นการด่วน
“องค์จักรพรรดิจงเจริญ!”
“องค์จักรพรรดิจงเจริญ!”
“องค์จักรพรรดิอายุยืนหมื่นหมื่นปี!”
ชาวเมืองกัลเลสที่ได้ยลโฉมมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ในระยะใกล้ต่างหลั่งน้ำตาด้วยความปีติตื้นตัน
แต่ไหนแต่ไร ประชาชนจักรวรรดิยกย่องสรรเสริญราชวงศ์ซาฮารันจากก้นบึ้งหัวใจ หาใช่เพราะปกครองด้วยความหวาดกลัว
พวกมันมีความเชื่อว่า มหาจักรพรรดิคือบุคคลที่สวรรค์ประทานแก่โลก และฮวนเดอร์คือหนึ่งในผู้ได้รับพรวิเศษนั้น
ศักดิ์และสิทธิ์เทียบเคียงได้กับเทพ
ไม่อย่างนั้นคงมิอาจอธิบายได้ว่า เหตุใดอดีตจักรพรรดิองค์แรกถึงสามารถรวบรวมดินแดนส่วนใหญ่ของทวีปตะวันตกได้ภายในหนึ่งชั่วอายุ
“ทำไมต้องนัดพบในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้?”
ปราสาทกัลเลส
มหาจักรพรรดิที่เดินเข้าไปในท้องพระโรงปราสาทเอ่ยปากซักถามพร้อมกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
เบอิน องครักษ์ส่วนพระองค์ จ้องมองเข้าไปในเงามืดด้านหลังเสาต้นใหญ่ภายในท้องพระโรง
องค์ชายลำดับสาม เบนัวต์
ทั้งที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาองค์ชายทุกคน แต่กลับไม่สนใจบัลลังก์และเอาแต่ศึกษาศาสตร์ไร้สาระตั้งแต่ยังเล็ก
เมื่อถึงวันที่มารดาจากไป เบนัวต์ตระเวนท่องโลกกว้างโดยไม่สนใจกิจการบ้านเมืองภายในวังอีกเลย ฮวนเดอร์จำต้องปล่อยเป็นอิสระอย่างไม่มีทางเลือก
แต่แล้ววันหนึ่ง เบนัวต์กลับนัดพบในเมืองห่างไกลโดยบอกว่ามีบางสิ่งต้องการคุยด้วย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าเฝ้าองค์พระบิดามหาจักรพรรดิ ผู้ปกครองสูงสุดแห่งซาฮารัน ตัวตนระดับเหนือฟ้าดินที่สมควรมีชีวิตอันเป็นนิรันดร”
เบนัวต์แสยะยิ้มทักทายฮวนเดอร์
ตามมารยาท
สีหน้าท่าทางไม่ได้ใกล้เคียงกับบุตรชายที่พลัดพรากจากบิดามานานนับปีแม้แต่น้อย
“วังหลวงมีหูตามากมาย คงเป็นการสะดวกว่าหากสนทนากันที่นี่”
กัลเลสกลายเป็นเขตสงครามชั่วคราว ย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าองค์จักรพรรดิจะเสด็จเยือน
เบนัวต์ยักไหล่เบาๆ ขณะเหลือบมองอีกฝ่ายที่เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“เสด็จออกมาเยี่ยมเยียนประชาชนเสียบ้าง ได้ทั้งถ้อยคำสรรเสริญและยังกุมหัวใจชาวเมืองกัลเลสไปพร้อมกัน รากฐานของพระบิดาจะได้แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน”
“เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว ทำไมต้องนัดพบในที่ลับตาคน? อยากพูดอะไรกันแน่? เกี่ยวกับจอมอสูรที่เจ้าอัญเชิญออกมาทำลายทวีปตะวันตกนั่นใช่ไหม?”
“จากความรู้สึกของบุตร เฟย์ริสถูกโค่นลงแล้ว ดังนั้นพระบิดาไม่ต้องกังวล”
มนุษย์สามารถอัญเชิญจอมอสูรขึ้นมายังโลกกึ่งกลางด้วยพิธีกรรมชั่วร้าย ถือเป็นการทำพันธสัญญาชนิดหนึ่งซึ่งใช้ดวงวิญญาณเกี่ยวดอง
หมายความว่าดวงวิญญาณเบนัวต์ถูกผูกติดเฟย์ริสจนถึงเมื่อไม่นานมานี้
แต่ปัจจุบันเป็นอิสระแล้ว หรือก็คือเฟย์ริสถูกจัดการอย่างราบคาบ
“ไม่ว่ามันจะถูกจำกัดแล้วหรือไม่ ก็เปลี่ยนความจริงที่เจ้าอัญเชิญจอมอสูรออกมาไม่ได้
“อีกไม่นานผู้คนจะได้รับรู้ความจริงข้อนี้ ทั่วทั้งทวีปจะรุมประณามสาปแช่ง นั่นคือความเจ็บปวดและผลกรรมที่เจ้าไม่มีทางแบกรับไหว”
“หากความจริงแพร่กระจายออกไป ไม่เพียงตัวบุตรจะเดือดร้อน แต่รวมถึงชื่อเสียงของราชวงศ์ซาฮารันและจักรวรรดิด้วย”
“…เจ้าจึงเจตนาอัญเชิญจอมอสูรต่อหน้าคนของวิหารยาธาน พวกมันจะได้ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวออกไปทั่วทั้งทวีปใช่ไหมล่ะ?”
“ถูกต้อง ทราบถึงขนาดนั้นเชียว?”
“เจ้ามันภาระของตระกูลจริงๆ ! แน่นอนว่าเราทราบเรื่องที่เจ้าลอบติดต่อกับวิหารยาธานนานแล้ว และได้ส่งคนกวาดกว้างปิดปากพวกมันเรียบร้อย
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม? เราจะได้เดินทางกลับเสียที หากเห็นใบหน้าเจ้านานกว่านี้อาจทำให้เราระเบิดโทสะ”
“แล้วทำไม…”
“…?”
จักรพรรดิฮวนเดอร์ที่นั่งบนบัลลังก์มีอันต้องชะงัก สาเหตุมาจากดวงตามุ่งร้ายที่อัดแน่นด้วยจิตสังหารของเบนัวต์กำลังจ้องมองตัวมันโดยไม่กะพริบ
องค์ชายลำดับสามที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเยี่ยงปีศาจพลันคำรามก้องห้องโถง
“ในเมื่อทำเป็นเก่งรู้ไปเสียทุกเรื่อง! แล้วทำไมถึงไม่ทราบเรื่องง่ายๆ อย่างสาเหตุการตายของพระมารดา!!”
“…?”
ไม่มีสิ่งใดในโลกที่องค์จักรพรรดิไม่ทราบ
ไม่มีสิ่งใดที่องค์จักรพรรดิไม่ได้ครอบครอง
ไม่มีผู้ใดริอ่านโป้ปดต่อหน้าองค์จักรพรรดิ
เหล่านี้คือสัจธรรมที่สามัญชนเข้าใจเกี่ยวกับองค์มหาจักรพรรดิมาตลอด
เบนัวต์ก็คิดแบบเดียวกัน
แต่แล้วความจริงคือสิ่งใด?
เหตุการณ์แสนสำคัญเกิดขึ้นเพียงปลายจมูก แต่องค์จักรพรรดิกลับพระเนตรมืดบอด ไร้ความสามารถที่จะสืบทราบหาความจริงให้พบ
เบนัวต์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าบิดาของตนจะแทนที่การขาดหายไปของจักรพรรดินีอาเรียด้วยแมรี่ทันทีในวันที่เธอสิ้นลม
ความรักที่ควรมอบให้พระมารดา พระบิดากลับโอนถ่ายไปให้นังหญิงชั่วที่เป็นผู้บงการฆ่า
“แกมัน…”
“…”
“แกมัน… แกมัน!!”
ในวินาทีที่ทราบความจริงทั้งหมดจากเฟย์ริส ถ้อยคำด่าทอมากมายผุดขึ้นในใจเบนัวต์อย่างไร้จุดสิ้นสุด มันต้องการสบถโทสะสุดหยาบคายต่อหน้าฮวนเดอร์เพื่อให้อีกฝ่ายตาสว่าง
แต่ปัจจุบันด้วยฐานะองค์จักรพรรดิ รวมถึงสายสัมพันธ์พ่อลูก เบนัวต์มิอาจเปล่งความเคียดแค้นออกไปได้อย่างซื่อตรง
บุรุษเบื้องหน้าคือบุคคลที่มารดาของตนรักมากที่สุด
รักไม่ต่างจากตัวมัน
หากด่าทอออกไปตามใจนึกคิด เกรงว่ามารดาบนสวรรค์อาจต้องเศร้าโศก
เบนัวต์เชื่อเช่นนั้น
นี่เป็นสิ่งเดียวที่บุตรอกตัญญูสามารถทำเพื่อมารดาผู้ล่วงลับได้
ด้วยเหตุนี้
“…พระบิดาต้องได้ฟังความจริงเกี่ยวกับสาเหตุการตายของจักรพรรดินีอาเรีย”
เบนัวต์ฝืนข่มโทสะและจิตสังหารอย่างยากลำบาก
“…!”
ยิ่งเบนัวต์พรั่งพรูเรื่องราวความจริงออกไป ร่างกายฮวนเดอร์ก็ยิ่งสั่นระริกอย่างหยุดไม่อยู่
…
หลังจากเล่าทุกสิ่งจบ เบนัวต์กล่าวถ้อยคำที่น่าตกตะลึงกับฮวนเดอร์ซึ่งกำลังยืนเหม่อลอย
“บุตรมีแผนจะมอบความเจ็บปวดแสนสาหัสแก่พระบิดาแบบเดียวกับที่พระมารดาไดัรับ แต่หลังจากไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้ว นั่นอาจมิใช่สิ่งที่พระมารดาปรารถนา พระมารดาบนสวรรค์คงเศร้าโศกหากบุตรทำร้ายบุรุษที่เธอรัก
“ฉะนั้นบุตรจะไม่ทำอะไรกับพระบิดา บุตรจะเฝ้ามองพระบิดาสำเร็จโทษนังหญิงชั่วแมรี่จากสถานที่ห่างไกล และเมื่อเรื่องราวจบลง บุตรจะออกจากจักรวรรดิแสนต่ำทรามพร้อมกับละทิ้งบรรดาศักดิ์ทั้งหมด”
จักรวรรดิที่ปฏิเสธความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์
จักรวรรดิที่เปี่ยมด้วยความโอหังทระนงตน
จักรวรรดิที่มีขุนนางชั่วช้ามากกลอุบายคอยกุมอำนาจบริหาร
หากไม่เพราะแมรี่ปรารถนาบัลลังก์ มารดาของตนคงไม่ต้องด่วนจากไปไวเพียงนี้
ต้นตอการตายของมารดาเกิดจากความอ่อนหัดของระบบการเมืองภายในจักรวรรดิ องค์ชายเบนัวต์สาปส่งความอัปยศข้อนี้มาแสนนาน
มันไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับบ้านเมืองแสนเน่าเฟะต่อไปแม้แต่ลมหายใจเดียว
และเหนือสิ่งอื่นใด ตนต้องชดใช้บาปที่เป็นผู้อัญเชิญจอมอสูรขึ้นมาคร่าชีวิตมนุษย์มากมาย
“…เรื่องราวก็มีเท่านี้”
เบนัวต์ผู้แปดเปื้อนบาปหนาเดินออกจากท้องพระโรงปราสาทด้วยสีหน้าเหม่อลอย มันเปิดประตูวังหลวงและหายลับตาไปจากการมองเห็น
ฮวนเดอร์ไม่คิดขัดขวาง
***
นอกวังหลวงไททัน
มหาคฤหาสน์ของดยุคเกล็นฮาลที่ถูกสร้างจากภูเขาลูกเล็กทั้งใบกำลังถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นสนามรบนองเลือด
ตึกรามบ้านช่องหลายหลังมีอันพังพินาศราบคาบ สนามแข่งม้ากว้างใหญ่มลายหายไปในเวลาไม่นาน หนึ่งในวิวทิวทัศน์งดงามที่สุดของไททันไม่หลงเหลือเอกลักษณ์เค้าเดิมอีกต่อไป
ณ กึ่งกลางมหาคฤหาสน์
“แค่ก! แค่ก…!”
ทุกครั้งที่มันหายใจ บาดแผลบนร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพลันปริแตกและหลั่งโลหิตไหลซึม
สิ่งเหล่านี้เคยเป็นเหรียญตราเกียรติยศที่มันแสนภาคภูมิใจ เคยเป็นเครื่องหมายแสดงความจงรักภักดีต่อบ้านเมืองและองค์จักรพรรดิ แต่ปัจจุบันกลายเป็นเพียงตำหนิบนร่างกายที่คอยพันธนาการฝีมือและพลังต่อสู้
“คิดว่าร่างกายที่คล้ายซากศพนั่นยังทำอะไรได้อีกหรือ? หากเป็นเราคงพยายามหนีไปให้ไกลที่สุดแล้ว จุ๊จุ๊”
องค์ชายลำดับสี่ อีธาน
จากแรงสนับสนุนจากมารดาที่เปี่ยมด้วยความมั่งคั่งและพลังอำนาจ มันจึงมีจักรกลเวทมนตร์ในการครอบครองมากถึงหกลำ
แต่ปัจจุบันมีเพียงห้าเครื่องที่สามารถออกปฏิบัติการได้ เนื่องจากนักบินพรสวรรค์คือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร
ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด มนุษย์ยังมิอาจเดินเครื่องจักรกลเวทมนตร์ได้เต็มประสิทธิภาพนัก
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ปัญหา อีธานไม่เคยหวังให้จักรเวทมนตร์สำแดงสมรรถนะได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์จากสมัยอดีตกาล
ขอเพียงเคลื่อนไหวได้สัก 30 วินาที เท่านี้ก็มากพอจะโค่นบุคคลที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งซาฮารันได้ไม่ยากเย็น
“แกคิดจะกราบทูลสิ่งใดกับฝ่าบาท?”
เฉกเช่น ‘ไรเดอร์ส’ ของซีบาลที่ยังไม่กลับมาประจำการ ทั้งจักรกลเวทมนตร์·ทราวก้าและจักรกลเวทมนตร์·เนอวาร์ธานล้วนมีรูปทรงองค์ประกอบร่างกายคล้ายคลึงมนุษย์
อีธานไต่ถามอีกฝ่ายขณะเอนหลังพิงขาจักรกลเวทมนตร์สีดำสนิทด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“กราบทูลความชั่วร้ายของแมรี่”
เกล็นฮาลตอบอย่างซื่อตรง
แม้กรงเล็บที่ยาวแหลมดุจดังพญาราชสีห์ของจักรกลเวทมนตร์กำลังจดจ่อลำคอ แต่เกล็นฮาลมิได้แสดงอาการสั่นเกร็งหรือหวาดผวาแม้แต่เศษเสี้ยว
ความองอาจอันเปี่ยมล้นของอีกฝ่ายส่งผลให้อีธานรู้สึกหงุดหงิดตะขิดตะขวง
“เบิกตาให้กว้างแล้วใจเย็นลงก่อน เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน? เราสามารถมอบให้ได้ทุกประการ”
“อย่าเสียเวลาดีกว่า ถ้าไม่รีบฉันฆ่าให้ตาย รับประกันได้เลยว่าความชั่วร้ายของแม่แกถูกเปิดโปงให้ฝ่าบาททรงทราบแน่นอน”
“ไม่ เราจะไม่ฆ่าเจ้า”
ในสายตาอีธาน มันย่อมไม่ปรารถนาให้ความช่วยร้ายของมารดาถูกเปิดโปง นี่คือจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวในปัจจุบัน
แต่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นทันทีหากตนลงมือสังหารบุคคลตำแหน่งสูงอย่างเกล็นฮาล
เพราะนั่นจะทำให้ขาดคุณสมบัติสืบบัลลังก์ในทันที เลวร้ายไม่ต่างจากมารดาถูกเปิดโปงความชั่วช้า
ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามฆ่าเด็ดขาด
เป็นสาเหตุที่ทำให้เกล็นฮาลยังรอดชีวิตอยู่ได้
อีธานสูดลมหายใจสุดปอดเพื่อระงับโทสะ
“เจ้าควรไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หากเรากลายเป็นจักรพรรดิในวันข้างหน้า ขอสัญญาว่าจะมอบอิสระและความสุขสบายเป็นล้นพ้นตอบแทน”
“คุ…คุฮ่าฮ่าฮ่า!”
เกล็นฮาลพลันระเบิดเสียงหัวเราะหลังจากได้ยินข้อเสนอของอีกฝ่าย
เป็นความขบขันจากก้นบึ้ง
“องค์ชายสี่ คิดจริงหรือว่าจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ?”
“ถ้าไม่ใช่เราแล้วจะใครได้อีก?”
อีธานไต่ถามด้วยสีหน้าขึงขัง
“องค์ชายหนึ่ง พี่โรแลนด์ใจเสาะเกินไป ส่วนองค์ชายสอง พี่ดูรันดัลก็ใจร้อนมุทะลุเกินไป แถมพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ยังบกพร่องพรสวรรค์ด้านปราณสีชาดอย่างรุนแรง มิอาจเทียบชั้นเราได้แม้แต่ปลายเล็บ หรือเจ้าจะหมายถึงท่านอาบาซาร่า? สตรีมิอาจสืบบัลลังก์ได้ เจ้าก็ทราบกฎมนเทียรบาลดีกว่าใคร”
“ความเหมาะสมมิได้ขึ้นอยู่กับเพศสภาพ”
“เกี่ยวสิ ไม่อย่างนั้นพระมารดาของเราคงได้ปกครองบ้านเมืองไปนานแล้ว แต่เป็นเพราะหล่อนไร้ความสามารถ เราถึงต้องลำบากคอยตามเก็บกวาดให้เสมอ หลักฐานชัดเจนคือปิอาโร่ที่ยังมีลมหายใจ เจ้าเห็นหรือยัง ว่าสตรีด้อยความสามารถมากแค่ไหน”
“…นิสัยของแกต่ำทรามเกินไป ไม่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ตั้งแต่แรก”
“เราไม่เคยได้ยินว่าอุปนิสัยคือส่วนหนึ่งของการพิจารณาองค์รัชทายาท”
“องค์ชายขอรับ!”
“หือ?”
อัศวินคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาอีธานพร้อมกับกระซิบบางสิ่งข้างหู
องค์ชายลำดับสี่แสยะยิ้มชั่วร้าย
“นักบินที่เหลือจับกุมตัวบาซาร่ากับมอริสได้แล้ว เหลือเพียงรอข่าวจากฝั่งเรเชลก็จะเสร็จสิ้นภารกิจ”
ฉึบ
เมื่ออีธานเหลือบมองเป็นสัญญาณ กลุ่มอัศวินต่างกรูเข้ารุมล้อมเกล็นฮาลจากทุกทิศเพื่อหมายจับกุม
ในศึกก่อนหน้า เกล็นฮาลตระหนักถึงระยะเวลาเดินเครื่องจักรกลเวทมนตร์ที่สั้นจากการกระทำของซีบาล มันจึงพยายามยื้อเวลาอย่างเต็มกำลังจนร่างกายอ่อนเพลียถึงขีดจำกัด
อีธานเฝ้ามองดยุคเกล็นฮาลฝืนกระเสือกกระสนเฮือกสุดท้ายด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ฉันไม่เข้าใจ เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าตัวเองสามารถยื้อจักรกลเวทมนตร์ไว้ได้จนหมดเวลา?
“หรือว่าเกิดความมั่นใจผิดๆ หลังจากเห็นไรเดอร์สเข้า? จะบอกอะไรให้นะ เจ้านั่นอ่อนแอที่สุดในหน่วยแล้ว
“หืม หมายความว่าฉันจับกุมเจ้าได้เพราะมันสินะ? สงสัยต้องตกรางวัลให้ทหารหนีทัพสักหน่อยกระมัง?”
“กุมตัวพวกเราแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ทันทีที่ฝ่าบาทกลับถึงไททัน พระองค์จะปล่อยตัวพวกเราเป็นอิสระเพื่อกราบทูลความจริง”
“ทุกคนย่อมมีแผน ไม่ต้องห่วงเรานักหรอก
“จริงสิ ก่อนอื่นก็ต้อง…”
ฉัวะ—
“…!?”
ความมืดมิดมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นผ่านไปทั่วร่างอย่างซาบซ่าน
อีธานตวัดปลายมีดเฉือนดวงตาทั้งสองข้างของเกล็นฮาลจนส่งมันเสียงร้องโอดครวญ
องค์ชายสี่แสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เราเตือนเจ้าแล้วให้เบิกตาให้กว้าง”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,445
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
มาแล้วววว
ReplyDeleteขอบคุณครับ🙏
ReplyDeleteเหมือนแปลมั่วอะ ผิดตั้งเเต่ตอนเขียนบทกวีเเล้ว บทกวีไม่ได้ช่วยเพิ่มเลเวลนิ ตอนปราบเสร็จยัง97%เลย นี่ไม่ดูของอิ้งหลายๆเว็ปมา ตอนเเรกกะจะสมัครเข้ากลุ่ม เเต่เห็นแปลผิดเเล้วไม่แก้ตอนนี้ไม่วางใจอ่านละ
ReplyDelete*ไป
Deleteถ้าอยู่ในกลถ่มจริงลองอ่านต่อไปอีกหน่อยครับเดี๋ยวก็แก้แล้ว
Deleteกลุ่ม*
Deleteหืมม เสียดวงตารึ เท่ากับคำพูดของกริดดูจะมีผลเเล้วสิที่มีน้องสาวสามารถรักษาได้นะ
ReplyDelete