จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1046



เพียงดาบเดียวจากครอเกล กระแสสงครามเกิดการพลิกผันทันใด


ประการแรก ประตูหลักใต้ป้อมปราการถูกเปิดออก ทหารฮาเค่นด้านในเคลื่อนทัพต่อสู้กับฝูงอสูรร้ายบริเวณช่องแคบหุบเขา


ดาบผ่ามิติของครอเกลส่งผลให้อสูรจำนวนมากบนกำแพงล้มตายและร่วงหล่น


“กลับนรกไปซะ!!”


“อย่ามาเหยียบแผ่นดินพวกเรา!”


โฮกกกก!!


เป็นการตอบโต้กลับที่ทรงพลังฮึกเหิม กองทัพอสูรถูกบีบให้ล่าถอยทีละนิด จนสุดท้ายต้องสู้ตรงช่องแคบที่ฝ่ายมนุษย์ได้เปรียบ


ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะ ค่าความคงทนของกำแพงปราการลดลงมากจนใกล้พัง ในช่วงแรกที่กองทัพอสูรปีนป่ายขึ้นไปโจมตี น้ำลายพิษรวมถึงเพลิงโลกันตร์ที่พวกมันพ่นออกมา มีฤทธิ์กัดกร่อนและทำให้กำแพงเสื่อมสภาพ


ปัจจุบัน เมื่อกำแพงไม่ถูกโจมตี ค่าความคงทนจึงฟื้นฟูกลับมาทีละนิด เฉกเช่นค่าเรี่ยวแรงซีบาล


“พลปืนใหญ่! ยิงสนับสนุน!!”


ด้านบนกำแพง


ขณะรอให้ค่าเรี่ยวแรงฟื้นฟูกลับไปถึงจุดที่สามารถต่อสู้ด้วยตัวเอง ซีบาลผันตัวไปเป็นผู้บังคับบัญชาชั่วคราว


มันคืออดีตขุนนางแห่งฮาเค่น เป็นผู้นำของเจ็ดกิลด์ใหญ่ในอดีต และปัจจุบันยังเป็นทหารระดับสูงของจักรวรรดิ ทักษะสั่งการรบย่อมมีเพียบพร้อม


ทุกครั้งที่ปืนใหญ่ยิงถล่มใส่ช่องแคบหุบเขา ทหารด้านล่างจะต่อสู้ได้ง่ายขึ้น แต่แน่นอน มันไม่สามารถปกป้องชีวิตทหารทุกคนได้


“ยิงสนับสนุนทางนั้นหน่อย!!”


“ก…กระสุนกำลังบรรจุครับ…!”


‘บ้าจริง!’


สถานการณ์ปัจจุบัน อาวุธประเภทธนูมีขีดจำกัดด้านฝีมือและแรงลม ไม่สามารถให้พลธนูทั่วไปยิงสนับสนุนมั่วซั่ว เพราะอาจเป็นการทำร้ายพวกเดียวกันเอง แต่อาวุธจำพวกปืนใหญ่ก็มีปัญหาด้านความล่าช้าและไม่คล่องแคล่ว


ซีบาลและทหารจำต้องกัดฟันทนเห็นพวกพ้องถูกอสูรร้ายฉีกกระชากร่างเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ทุกวินาทีที่ผ่านไป โทสะของมันจะเดือดปะทุภายในใจเสมอ


ทั้งหมดมีต้นตอมาจากเฟย์ริส


‘ไอ้ระยำนั่น!’


ห่างไกลออกไป ใกล้กับเส้นขอบฟ้า


จุดเล็กๆ กำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันดุเดือด


เฟย์ริส คิรินัส และเรเชล สามสุดยอดตัวตนของทวีปผลัดกันรุกรับอย่างสูสี


ฟุ่บ—! ฉึบ—!


หอกคิรินัสลื่นไหลดังสายน้ำ


เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!


หอกเรเชลร้อนแรงดุจดังเพลิงมังกร


หากมองผิวเผิน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งคู่นี้คงรุมกำราบจอมอสูรเฟย์ริสได้ไม่ยากเย็น ทว่า จอมอสูรลำดับ 22 ไม่ได้มีแต่ชื่อ เวทมนตร์แปรธาตุของมันเข้าขั้นทรงพลังหาผู้ใดเทียบเคียง โดยเฉพาะด้านป้องกันและเอาชีวิตรอด


เพล้ง! เพล้ง!


คิรินัสและเรเชลไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายก่อพลังเวทเป็นรูปร่าง พลังจิตถูกเพ่งคุกคามทำลายเวทมนตร์สรรพธาตุจนแหลกละเอียด


พลังแปรธาตุกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเขตแดนจิตไร้รูปของผู้บรรลุศาสตร์หอก


เฟย์ริสที่หมดทางตอบโต้ ถึงจุดที่มันต้องชักดาบประดับตรงเอวออกมาใช้


เคร้ง!


เฟย์ริสตวัดดาบปัดป้องหอกเรเชลไว้ง่ายดาย แสงสว่างในเบ้าตาอสูรร้ายคล้ายกับกำลังเหยียดหยันดูแคลนเสียเต็มประดา


“พลังจิตไม่ใช่สิ่งอนันต์…”


จิตทุกคนย่อมมีขีดจำกัด ไม่เว้นแม้แต่สุดยอดตัวตนที่ฝึกจิตจนเฉียบแหลมอย่างคิรินัสและเรเชล การเพ่งกระแทกจิตอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางที่ร่างกายจะไม่เกิดผลกระทบ


หลักฐานพิสูจน์ก็คือ ความเร็วในการทำลายของเขตแดนจิตไร้รูปเริ่มเสื่อมถอยทุกขณะ ทว่า เวทมนตร์แปรธาตุของเฟย์ริสยังคงพยายามก่อตัวเป็นรูปด้วยความเร็วเท่าเดิม หากปล่อยไว้ อีกไม่นาน เวทแปรธาตุจะก่อตัวได้เร็วกว่าถูกทำลายแน่นอน


ไม่สิ บางทีทั้งเรเชลและคิรินัสอาจหมดสติล้มลงไปก่อนหน้านั้นอีก เหงื่อไคลเย็นเฉียบเริ่มผุดบนหน้าผากคนทั้งคู่


แต่คิรินัสและเรเชลมิได้แยแสนัก


“เป้าหมายของพวกเรา!”


“ไม่ใช่การล้มแก!”


“แต่เป็นการตรึงเอาไว้!”


“ถูกต้อง!”


“…?”


คนทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันร่วมสามเดือน ต่างคนต่างยอมรับให้อีกฝ่ายเป็นผู้บรรลุศาสตร์เพลงหอก แต่ขณะเดียวกัน พวกมันก็ไม่ลืมจุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้


กับเฟย์ริสเป็นแค่เกม


ใครที่สร้างความเสียหายได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ไม่มีใครต้องการเอาชีวิตเข้าเสี่ยงล้ำเส้นอันตรายเข้าไป


และหากเป็นไปได้


‘ต้องยื้อเวลาให้นานที่สุด’


ฉัวะ—!


กองทัพอสูรหลากสายพันธุ์ตัวแล้วตัวเล่ากำลังถูกสังหารภายใต้คมดาบในทุกขณะ


หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี หลังจากรุมทำลายดาบประดับในมือเฟย์ริสจนแหลก ทั้งสองหันกลับไปมองอริยดาบที่กำลังต่อสู้ด้านหลัง


ไกลออกไป ครอเกลกำลังรับมือกองทัพอสูรด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากองทัพอสูรสุดทรงพลังนับพัน


ทั้งสองมีเจตนายื้อเวลาให้ครอเกลและพวกพ้องทำลายกองทัพอสูรให้มากที่สุด จากนั้นจึงเป็นการรุมกินโต๊ะเฟย์ริสที่แท้จริง


สำหรับคิรินัส ครอเกลเป็นศิษย์และเพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่


สำหรับเรเชล ครอเกลคืออริยดาบคนปัจจุบันที่น่าสนใจ ถึงจะยังอ่อนแอ แต่พัฒนาการของชายคนนี้กลับก้าวกระโดด แถมครอเกลยังทำให้อัศวินสนธยาเกิดความเคารพชื่นชม


‘คงปล่อยให้ชายคนนั้นตายที่นี่ไม่ได้’


หงึก


คิรินัสและเรเชลมองตากันและพยักหน้าเบาๆ การดวลเดือดตลอดสองเดือนเต็ม คนทั้งสองเพียงมองตาก็รู้ใจ ความชื่นชมที่มีต่ออีกฝ่าย ก่อเกิดเป็นความเชื่อใจและสอดประสานโจมตี


“เพลงหอกแสงจันทร์…”


“เพลงหอกเดฮาเคล…”


“จันทรคราส!”


ฟุ่บ—


คิรินัสวาดหอกเป็นวงกลมจนบรรยากาศรอบตัวพลันอับแสงชั่วขณะ


เพลงหอกที่บดบังวิธีการมองเห็นศัตรู


“ซาลามันเดอร์!”


ซู่วววว—


หอกเรเชลทิ่มแทงไปด้านหน้าจนเกิดเปลวเพลิงสีเหลืองทองพุ่งเป็นเส้นตรง


เพลงหอกโลกันตร์ที่หมดสิทธิ์ปัดป้อง


“…!”


ดวงตาเฟย์ริสพลันลุกวาว


โดยไม่รู้ตัว หัวใจของมันถูกเปลวเพลิงร้อนระอุเผาผลาญเหี้ยมโหด


『ร…ระดับพลังชีวิตของเฟย์ริสลดลงอย่างรวดเร็วแล้วครับ! 』


ผู้บรรยายทั่วโลกต่างตื่นเต้นจนอธิบายไม่เป็นภาษา ฝั่งผู้ชมเองก็กำลังฮือฮาจนแทบไม่ได้ฟัง


หลากหลายอารมณ์กำลังพรั่งพรู ทั้งตกตะลึง ตื่นเต้น ยินดี และคาดหวัง


พลังที่ผู้เล่นไม่สามารถสำแดง เรเชลและคิรินัสกำลังทำให้ทั่วโลกประจักษ์ ดยุคแห่งซาฮารันและหอกเอกของทวีปต่างมีฝีมือเหนือกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้


ภาพจำของวลี ‘อับดับหนึ่ง’ หรือ ‘ท้องฟ้า’ พังครืนในพริบตาหลังจากได้เห็นพลังสองสัตว์ประหลาด


หลายปีก่อน ผู้คนเคยตกตะลึงกับการโจมตีที่น่าทึ่งของชาวนาในตำนาน ซึ่งสามารถตัดแขนบีเลียลได้หนึ่งข้างฉับพลัน แต่ปัจจุบัน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้านั้นมหัศจรรย์เหนือคำบรรยาย


“ฉันชนะ ฉันสร้างความเสียหายได้มากกว่า”


“นั่นเพราะฉันเผยจุดอ่อนของมันต่างหาก”


“แต่ฉันสร้างความเสียหายได้มากกว่า กฎต้องเป็นกฎไม่ใช่หรือ?”


“แต่ความดีความชอบฉันมีมากกว่า พลังโจมตีของเธอเกิดจากการสนับสนุนของฉัน”


“ละอายใจบ้างไหม?”


“เหมือนกับเธอนั่นแหละ”


ขณะเฟย์ริสกำลังชะงักเสียอาการ สองสุดยอดขุนพลหอกกำลังทะเลาะเบาะแว้งเหมือนเด็ก


ในสายตาคนอื่น การกระทำเช่นนี้คล้ายกับไม่รู้จักโต แต่สำหรับคนทั้งสองแล้ว ผลแพ้ชนะนั้นสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งเป็นพยายามตัดสินหากันมานานกว่าสองเดือน


ฉึกฉึก!


ในช่องว่างที่เฟย์ริสเสียจังหวะ ปลายหอกสองเล่มแทงใส่ใบหน้าและข้างลำตัวเฟย์ริสอย่างแม่นยำ


เมื่อร่างกายถูกกระแทก เฟย์ริสเสียหลักล้มตกจากม้า แผ่นหลังกระแทกพื้นทรายดังโครม


จอมอสูรที่น่าหวาดหวั่นแห่งขุมนรกกลับต้องมีสภาพดูไม่ได้เมื่อถูกมนุษย์สองคนรุมเล่นงาน


ผลลัพธ์ที่แรงเกอร์นับพันนับหมื่นล้วนปรารถนา คิรินัสและเรเชลเสกสรรได้ในพริบตา


มาตรฐานต่างกันเกินไป ระบบ ‘เลเวล’ คือปัจจัยที่สร้างความแตกต่างนี้


เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เมื่อนำผู้เล่นเลเวล 300 หนึ่งคน มาต่อสู้กับผู้เล่นเลเวล 100 จำนวนร้อยคน ผู้ชนะคือฝ่ายแรกแน่นอน


นั่นคือความสำคัญของเลเวล


เฉกเช่นเรเชลและคิรินัส แรงเกอร์นับพันนับหมื่นไม่สามารถชดเชยช่องว่างทางด้านเลเวลที่ห่างกันเกินไป ถ้านำสองฝ่ายมาสู้กัน กลุ่มที่ชนะต้องเป็นฝั่ง NPC แน่นอน


ดูท่าแล้ว คิรินัสและเรเชลคงปราบจอมอสูรเฟย์ริสได้ง่ายกว่าที่คิด นี่คงเป็นเหตุผลที่จักรวรรดิซาฮารัน มิได้ให้ราคาอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ซึ่งเคยปราบบีเลียลสำเร็จมากนัก


สำหรับจักรวรรดิที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดพิสดารมากมาย จอมอสูรไม่ใช่ศัตรูที่น่าหวาดหวั่นขนาดนั้น


แต่หารู้ไม่ วลีดังกล่าวเป็นความโอหังเกินตัว


ในความจริง จอมอสูรอัสทารอธเคยสร้างหายนะให้พวกมันจากภายในมานานนับสิบปี จักรวรรดิเสียหายใหญ่หลวงทั้งด้านพลังอำนาจ รวมถึงกองทัพอัศวินสีชาดที่ดีที่สุดของทวีปในเวลานั้น หากไม่มีอัสทารอธ เกรงว่า ซาฮารันคงรวมทวีปเป็นหนึ่งได้นานแล้ว


จอมอสูรยังคงเป็นจอมอสูรวันยังค่ำ ภัยพิบัติที่มนุษย์ยากจะรับมือ การปราบปรามไม่เคยเป็นเรื่องง่าย


“…พวกเจ้า”


เฟย์ริสพยุงร่างอันน่าขยะแขยงขึ้นจากผืนทราย ก่อนจะเอ่ยปากถามสองขุนพลหอกที่กำลังยืนเคียงข้างกัน


“อย่าเพิ่งได้ใจไป คิดว่าชนะข้าได้แล้วหรือ?”


“หา?”


เรเชลขมวดคิ้ว


แน่นอน เธอยอมทราบ ทั้งตนและคิรินัสไม่สามารถเอาชนะเฟย์ริสได้ในสงครามระยะยาว แต่หากเป็นการชิงความได้เปรียบในช่วงต้น สิ่งนี้พอเป็นไปได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ทักษะและค่าเรี่ยวแรงเริ่มหมดลง ถึงตอนนั้นจะเป็นช่วงที่เฟย์ริสผงาดกลับมา


ทว่า ปัจจุบันยังไม่ถึงเวลา


ตนและคิรินัสยังถือความได้เปรียบอยู่มาก และยังมีไพ่ตายซุกไว้ในมืออีกหลายใบ


นั่นคือสิ่งที่เรเชลคิด


“ไม่รู้ตัวเลยหรือ? ว่าเจ้ากำลังจะตาย”


“…?”


ต้องไม่ลืมว่า ความสามารถที่โดดเด่นของเฟย์ริสไม่ใช่เพียงพลังแปรธาตุเท่านั้น แต่รวมถึงพลังโป้ปดหลอกลวง


คำลวงที่กลายเป็นความจริง…


“แค่ก…!?”


ขณะเรเชลเอียงคอสงสัย เธอพลันกุมท้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดเจียนตายแล่นไปทั่วร่างพริบตา บาดแผลเต็มลำตัว ผิวพรรณที่เคยขาวเนียนเต็มไปด้วยสีแดงสด


แผลทั้งหมดเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว


ฝั่งคิรินัสก็ไม่ดีไปกว่ากัน


ตนถูกฟันขาตอนไหน?


คิรินัสกำลังยืนทึ่ง ขาสองข้างเกิดแผลฉกรรจ์จนมิอาจขยับเขยื้อน ศีรษะพลันวิงเวียนจนร่างกายทรุดลงเนื่องจากเสียเลือดจำนวนมาก


ในเวลาเดียวกัน เฟย์ริสเริ่มสูดผงทรายเข้าไปในปากและทำท่าขบเคี้ยว ก่อนจะอ้ากว้างจนเผยให้เห็นเข็มโลหะนับพันนับหมื่นเล่มด้านใน


“ข้าบอกไปแล้ว… พลังจิตคือสิ่งที่มีขีดจำกัด โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตอ่อนแออย่างมนุษย์”


ทันใดนั้น


“…!?”


บาดแผลบนลำตัวเรเชลหายเป็นปลิดทิ้งโดยไม่ทราบสาเหตุ คล้ายกลับไม่เคยเกิดขึ้น


แผลฉกรรจ์ต้นขาคิรินัสก็ไม่ต่าง


คำลวงที่เป็นจริง…


ผลถ้อยคำโกหกเมื่อครู่ของเฟย์ริสมีระยะเวลาจำกัด เมื่อเรเชลและคิรินัสได้สติกลับมา หอกในมือพลันถูกกำแน่นถนัด


แต่สายเกินไป


เข็มโลหะจำนวนมหาศาลที่มิอาจนับได้ด้วยตาเปล่า พุ่งออกจากปากเฟย์ริสทะลวงร่างเรเชลและคิรินัสอย่างโหดเหี้ยม ทั้งรุนแรง ว่องไว และมีจำนวนมากชนิดที่มิอาจรับมือได้ทัน


คำลวง… ไม่ใช่คำลวงเสมอไป


“แค่ก…!”


บาดแผลเต็มลำตัวคิรินัสและเรเชลอีกครั้ง โลหิตถูกกระอักจากปากด้วยสีหน้าแสนเจ็บปวด ร่างกายตกอยู่ในอาการชะงักงันชั่วขณะ


ทั้งสองอ่อนแอลงเนื่องจากใช้พลังจิตเกินขีดกำจัด แน่นอน เฟย์ริสไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย


“มนุษย์… ยังคงน่าสมเพชไม่เปลี่ยนแปลง”


ท่ามกลางรอยยิ้มแสนเหยียดหยัน บรรยากาศรอบตัวเฟย์ริสเริ่มก่อตัวเป็นเวทโลหะนานับชนิด


คราวนี้เป็นคมดาบแหลมจำนวนหลายสิบ เป้าหมายคือเรเชลและคิรินัสที่กำลังยืนสิ้นสภาพ


“ตายซะ”


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


เฟย์ริสไม่รีรอ มันจำกัดขวากหนามสำคัญโดยปราศจากความลังเล


เด็ดขาดและฉับไว คมดาบจำนวนมากพุ่งเฉือนแขนของเรเชลและคิรินัสอย่างโหดเหี้ยม


『ท…ท่าไม่ดีแล้วครับ』


เมื่อเห็นหลอดพลังชีวิตสองขุนพลหอกลดลงด้วยความเร็วที่น่าตื่นตระหนก ผู้ชมทั่วโลก รวมถึงผู้บรรยายต่างคิดเหมือนกันว่า


‘เฟย์ริสไม่มีทางถูกกำจัดจนกว่าซาฮารันจะออกโรงด้วยตัวเอง’


พวกมันมั่นใจเมื่อได้เห็นภาพคิรินัสและเรเชลสิ้นท่าและกำลังจะตายไปต่อหน้า ความหวังที่ฮาเค่นจะถูกปกป้องสำเร็จเลือนรางลงทุกขณะ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,435
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. จะเปิดตัวหรือยัง​
    ใครเข้าช่วย?
    ค้างงงง~~
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​😁🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. ต้องเปิดตัวด้วยนักบุญหญิงป่ะ

      Delete
  2. อยาก​อ่านอีก​ ค้างมาก😅😅🙏

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00