จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1052



‘เมื่อไรจะกลับมาสักที?’


คลาส สมญานาม และทักษะอีกหลายชนิดหายไปพร้อมพลังคำลวงของเฟย์ริส


กริดเข้าใจว่าเพียงชั่วครู่เดียวก็คงกลับมา เนื่องจากเป็นบัฟที่มีระยะเวลาหมดฤทธิ์


แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีข้อความใดแจ้งเตือนเลยแม้จะผ่านไปแล้ว 20 นาที


มีบางสิ่งผิดพลาดรึเปล่า…?


แล้วอีกอย่าง ในโลกซาทิสฟาย ระบบ ‘เวลา’ ของแต่ละบุคคลนั้นไม่เท่าเทียมกัน ความกระวนกระวายใจจึงเพิ่มขึ้นทุกขณะ


‘เมื่อเทียบกับจอมอสูรที่มีอายุขัยใกล้เคียงอมตะ ชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้น’


เวลาหนึ่งหรือสองปีอาจไม่นานสำหรับจอมอสูร แต่กับมนุษย์แล้วไม่ใช่ กริดที่เผชิญเหตุการณ์ถูกตีท้ายทอยมากกว่าใคร มันเกิดความเครียดหนักจนสติแทบแตก


‘ไม่สิ… คงดีกว่าถ้าคลาสไม่กลับมา’


มหาจอมดาบเวทคือคลาสที่ยอดเยี่ยม และมันกำลังพัฒนาไปในทิศทางน่าสนใจ ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ยอดเยี่ยมกว่าผู้สืบทอดแพ็กม่า โดยเฉพาะด้านต่อสู้ที่เป็นส่วนสำคัญของเกม


กล่าวกันตามตรง การย้อนกลับไปเป็นผู้สืบทอดแพ็กม่าอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับ ‘ถูกเนิร์ฟ’


ในกรณีเลวร้าย ตนอาจสูญเสียวิชาดาบกริดรวมถึงสถานะเหนือมนุษย์ในปัจจุบัน


‘แต่ว่าเรา…’


กริดย้อนมองตัวเองในฐานะผู้สืบทอดแพ็กม่า


ไม่สิ… ในฐานะช่างตีเหล็กคนหนึ่ง


หลักร้อย… หลักพัน… ไม่ใช่… นับไม่ถ้วน


ไอเท็มหลายชิ้นอาจออกมามีเกรดต่ำและราคาถูก แต่อีกหลายชิ้นก็อัดแน่นด้วยประสบการณ์และความทรงจำสุดล้ำค่า


…ไอเท็มคือสิ่งที่ตนใช้เชื่อมต่อกับผู้คนเสมอ


สาเหตุที่ได้พบข่านก็เพราะตนคือช่างตีเหล็ก


หนึ่งประโยคที่สามารถสรุปเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา …กริดมีทุกวันนี้ได้เพราะการตีเหล็ก


ไม่เกินจริงไปเลยสักนิด


ชายหนุ่มถูกเทพยอมรับเพราะฝีมือตีเหล็ก หาใช่พลังการต่อสู้ เทคนิคตีเหล็กเป็นสิ่งที่สร้างความภูมิใจให้กริดได้เสมอ


กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วก็ว่าได้


“คืนมาเถอะ…”


ถึงจะอ่อนแอลงก็ไม่เป็นไร


ขอเพียงได้กลับเป็นตนคนเดิม


“คืนมาได้แล้ว!”


ฟุ่บ!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม


หุบเขาไทเลอร์กำลังถล่ม


เฟย์ริสถูกรายล้อมด้วยปิอาโร่ ครอเกล คิรินัส และสี่ดยุค มันส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดด้วยร่างกายที่เปี่ยมบาดแผล


เมี๊ยว!


โนเอะที่นั่งบนไหล่กริดเริ่มแสดงสีหน้ากระวนกระวาย ถึงจะไม่มีสรรพคุณฟื้นฟูเหมือนโอเวอร์เกียร์คอร์น แต่มันก็พยายามใช้ลิ้นที่เล็กและสากเลียแก้มกริดต่อเนื่อง


ฟึดฟัด!


โอเวอร์เกียร์คอร์นพ่นลมหายใจหงุดหงิด มันไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดอาชาแสนสง่างามอย่างตนต้องคอยเลียแก้มให้มนุษย์เพศชายคนหนึ่งเยี่ยงทาส


แต่ถึงจะตัดพ้อ ลิ้นของมันก็คอยบรรจงเลียแก้มอย่างตั้งใจ เจ้านายของมันกำลังมีสีหน้าหดหู่และปวดร้าว


ทันใดนั้น


[ผลคำลวงที่เป็นจริงหมดเวลา]


[คลาส สมญานาม และทักษะที่เคยสูญเสียไป ทั้งหมดจะกลับคืนสู่สภาพเดิม]


[เนื่องจาก ‘มหาจอมดาบเวท’ มีระดับสูงกว่า ‘ผู้สืบทอดแพ็กม่า’ ทักษะ ‘วิชาดาบกริด’ จึงยังถูกคงไว้*]


(*อันนี้ผู้แต่งแก้ทีหลังนะครับ เหมือนตอนแรกจะพิมพ์ผิดมากกว่า ไม่ใช่แต่งผิด)


กริดที่เหม่อลอยพลันได้สติ


ด้วยความสัตย์จริง มันเตรียมใจรับผลเลวร้ายที่สุดไว้แล้ว แต่เมื่อออกมาเป็นดี ชายหนุ่มถอนหายใจผ่อนคลาย


ซู่วว—!


ความแข็งแกร่งและพรทั้งหมดกลับคืนสู่กริดพร้อมเสียงเอฟเฟคประกอบ เพื่อให้เจ้าของร่างมั่นใจว่า พลังของคุณยังไม่สูญหายไปไหน


ภาพการมองเห็นยังเป็นระดับเหนือมนุษย์


มหาจอมดาบเวทกลับไปเป็นคลาสรองที่สองตามเดิมก็จริง แต่ยังคงพลังที่เพิ่งถูกยกระดับขึ้นใหม่ไว้


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น นี่คือมหากาพย์ที่กริดสร้างเองกับมือ ไม่มีใครสามารถปฏิเสธ ไม่มีใครสามารถพรากมันไปจากเขา


[เผชิญหน้าตัวตนที่แข็งแกร่งแห่งยุคสมัย!]


[ปราณต่อสู้กำลังเดือดพล่าน!]


[ทุก 1 หน่วยของปราณต่อสู้จะช่วยเพิ่มค่าพละกำลัง ความว่องไว และความอดทน 0.5%]


ซู่ววว


ปราณต่อสู้สีม่วงแดงเริ่มแผ่ปกคลุมร่างกายกริด มันคือสัญลักษณ์ของราชาวีรบุรุษ แต่เดิมเคยเป็นของอริยดาบมุลเลอร์


“นี่เจ้า…”


ในวินาทีที่ดีบัฟคำลวงหายไป สายตาเฟย์ริสพลันจับจ้องมายังกริด


แม้พลังชีวิตจะลดต่ำกว่า 30% แต่มันหาได้แยแสปิอาโร่ ครอเกล คิรินัส หรือสี่ดยุคที่รายล้อมเลยสักนิด


แพ็กม่าและมุลเลอร์


เฟย์ริสยอมรับในตัวกริดที่แสวงหาเส้นทางของตัวเองจนพบ แต่ขณะเดียวกันก็แฝงพลังสองอดีตตำนานไว้ในตัว แถมยังเป็นตำนานที่เคยฆ่าจอมอสูรแล้วมากมาย


สำหรับเฟย์ริส กริดคือบุคคลที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในสนามรบแห่งนี้


ค่อนข้างน่าทึ่งที่ผู้เล่นเพียงหนึ่งคนสามารถดึงความสนใจจากจอมอสูรที่มี NPC พิเศษรายล้อมรุมโจมตี


แต่สำหรับกริด นั่นคือความฉิบหาย


ซู่ว—!


เฟย์ริสที่หวาดกลัวเริ่มร่ายมนตร์แปรธาตุโลหะจนก่อตัวเป็นรูปทรงหอกเหล็กแหลมยาวเหนือจินตนาการ


ยาวมาก… ราวสามกิโลเมตรเห็นจะได้


ตัวเลขดังกล่าวคือระยะห่างระหว่างกริดและเฟย์ริสพอดิบพอดี ซึ่งหมายความว่า ทันทีที่หอกเกิดรูปร่าง ปลายแหลมของมันก็อยู่ที่ปลายจมูกกริดแล้ว


จอมอสูรตวัดมือทะลวงหอกใส่หัวใจกริดในวินาทีที่หอกโลหะพร้อมใช้งาน


มันควรจะเป็นเช่นนั้น


“…!?”


ราชันพลิ้วไหวผู้สืบทอดเทคนิคลับลันเทียร์


แต่ไหนแต่ไร เฟคเกอร์พัฒนาตัวละครโดยมุ่งเน้นด้านความเร็วเป็นทุนเดิม เมื่อได้รับคัมภีร์ ‘เท้าท่องยอดหญ้า’ จากเกาะโบราณสถาน ประสิทธิภาพด้านความว่องไวยิ่งถูกยกระดับจนเกิดขีดจำกัด


กริดกำลังอ่อนแรงและไม่สามารถตอบสนองการโจมตีเร่งด่วนของเฟย์ริสได้ทัน เฟคเกอร์ที่อ่านเกมออก รีบพุ่งตัวประชิดด้านข้างกริดและใช้มีดสั้นตวัดเบี่ยงทิศทางปลายหอก


เคร้ง!


เสียงโลหะสะท้อนกังวาน ตามด้วยเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว


บึ้มมม!


ปลายหอกหักเหออกจากร่างกริด มิได้เสียบเข้าที่หัวใจ ส่วนเฟคเกอร์ถูกแรงระเบิดส่งกระเด็นลอยไปในอากาศกระแทกหน้าผาหิน


โครม!


“เฟคเกอร์!!”


กริดแหกปากตะโกนดังกึกก้อง


ในสายตามัน นี่ไม่ใช่แรงปะทะที่เฟคเกอร์จะเอาชีวิตรอดได้ แต่ไหนแต่ไร นักลอบสังหารคือคลาสที่มีจุดอ่อนด้านพลังป้องกันและพลังชีวิต คอนเซ็ปคลาสคือการเป็นผู้เปิดก่อน


ถึงจะเป็นแรงเกอร์ระดับท็อป แต่การเก็บเลเวลกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง หากถูกโจมตีเข้าไปครั้งเดียวก็มีสิทธิ์ถึงแก่ความตาย


แล้วยิ่งเฟย์ริสเป็นถึงจอมอสูร ไม่ว่าจะมองมุมใด โอกาสรอดของเฟคเกอร์ช่างริบหรี่


ทว่า หัวหน้าหน่วยเงาโอเวอร์เกียร์ยังคงสบายดี ตรงข้ามกับจินตนาการทุกคน ร่างกายมันแทบไม่บาดเจ็บ


สาเหตุเพราะ แรงระเบิดเมื่อครู่เป็นสิ่งที่เฟคเกอร์ตั้งใจก่อขึ้นด้วยทักษะโจมตีชนิดหนึ่งของลันเทียร์ และในวินาทีก่อนที่แผ่นหลังจะกระแทกหน้าผา มันอัญเชิญทหารเงาช่วยดูดซับแรงปะทะไว้ทันท่วงที


เฟคเกอร์ปรากฏตัวออกจากกลุ่มฝุ่นควันด้วยสภาพปราศจากรอยขีดข่วน สายตาชำเลืองมองกริดที่เป็นกังวล


“องครักษ์ของนายจะอ่อนแอได้อย่างไร”


เฟคเกอร์คือบุคคลที่เซราทุลให้การยอมรับ


“กริด… ฉันจะไปร่วมทัพหน้า”


ในอดีต เฟคเกอร์เคยถล่มกิลด์ไอซ์ฟลาวเวอร์จนราบคาบตามลำพัง


“รีบฟื้นฟูตัวเองเข้า”


ทันใดนั้น


“เปิดประตูพลังเข่นฆ่า…”


เฟคเกอร์ที่ศึกษาทั้งเทคนิคลับลันเทียร์และเทคนิคลับคาซิม มันต้องการไปให้ถึงจุดสูงสุดของนักลอบสังหาร


“เทพสังหาร”


ความไวดุจดังแสง


เฟคเกอร์พุ่งผ่านหุบเขาด้วยระยะทางสามกิโลเมตร เข้าประชิดเฟย์ริสเพียงพริบตาจนคล้ายกับใช้เวทเคลื่อนย้ายมิติ


สถานการณ์ค่อนข้างตึงมืออยู่ก่อนแล้ว เมื่อสัมผัสถึงอันตรายใหม่เพิ่มเติม เฟย์ริสจึงไม่ทนอีกต่อไป ดวงตามันแดงก่ำประหนึ่งสัตว์ป่าบาดเจ็บ


จากนั้น


“…อัญเชิญขุมนรกลำดับ22!”


มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลดปล่อยพลังทั้งหมด ต้องยอมแหกกฎของโลกกึ่งกลางที่ปกครองโดยเทพธิดาแห่งแสง


การอัญเชิญขุมนรกจะทำให้ดวงวิญญาณบางส่วนถูกสังเวยให้รีเบคก้า แต่เฟย์ริสไม่สน


มันไม่แยแสอีกแล้วว่าจะถูกจอมอสูรที่เหลือในนรกเหยียดหยันและดูแคลนไปจนตาย เทียบกับการต้องพ่ายแพ้และถูกมนุษย์ผนึกร่าง สิ่งนั้นเลวร้ายกว่านับพันหมื่นเท่า


[ขุมนรกลำดับ22ปรากฏบนโลกกึ่งกลาง!]


[บรรยากาศอัดแน่นไปด้วยปราณอสูร]


[ค่าสถานะทุกชนิดของเฟย์ริส จอมอสูรลำดับ22 เพิ่มขึ้น 20%]


[ทุกดีบัฟที่อยู่บนร่างเฟย์ริส จอมอสูรลำดับ 22 จะถูกลบล้าง]


[เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมขุมนรกได้]


[พลังป้องกันกายภาพและค่าต้านทานเวทมนตร์ลดลง 20%]


[พลังชีวิตและมานาจะไม่ฟื้นฟูตามธรรมชาติ]


[ค่าเรี่ยวแรงลดลงเร็วกว่าปรกติ]


[ระงับการใช้โพชั่น]


[เผ่าอสูรในขุมนรกลำดับ 22 กำลังออกอาละวาด!]


『ม…มาแล้วครับ!』


ผู้ชมและผู้บรรยายที่เคยตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของกริด ความรู้สึกเหล่านั้นจางหายไปหมดแล้ว


ตลอดหลายนาทีที่ผ่านมา ภาพบนหน้าจอมีเพียงเฟย์ริสที่ถูกรุมล้อมโดยบุคคลทรงพลังของทวีป ซึ่งในนั้นไม่มีกริดร่วมอยู่ด้วย


ยิ่งพลังชีวิตลดต่ำลง เฟย์ริสก็ยิ่งดุร้ายแข็งแกร่ง ถึงปัจจุบันจะเสียเปรียบและเอาแต่ตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ แต่อีกไม่นาน เมื่อพลังเพิ่มถึงจุดหนึ่ง ศึกการต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น


เวทีขุมนรก


ลานต่อสู้ที่สร้างความสิ้นหวังแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคน จอมอสูรบีเลียลเคยแสดงให้ประจักษ์มาแล้วในอดีต


ครืนนนน—!


เปรี้ยง!เปรี้ยง!


พายุสายฟ้าปรากฏเหนือท้องนภา ปราณอสูรกระจัดกระจายหนาแน่นทั่วหุบเขา


ซ่าาา—!


ปุดปุดปุดปุดปุด…


ผืนทรายกลายเป็นบ่อลาวาร้อนขนาดมหึมา ของเหลวสีแดงส้มสอดแทรกตามร่องหินสีดำ


โฮกกกก—!


บรรยากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนอย่างสมบูรณ์ ดอกไม้บนยอดเขากลายเป็นดอกไม้นรก ผาหินขนาดใหญ่ถูกฉาบด้วยปราณอสูรเข้มข้นสีดำสนิท ผืนทรายเปลี่ยนเป็นพื้นหินขี้เถ้าพร้อมกับแยกตัวเป็นร่องลึก


กึ่งกลางมีเฟย์ริสยืนอยู่


“คึคึก…!คุฮ่าฮ่าฮ่า!!ยอดเยี่ยมมาก!”


จอมอสูรระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ


เฟย์ริสที่ไม่เคยแยแสมนุษย์ใดในสายตา ตัวมันที่เอาแต่แสดงสีหน้าเรียบเฉยมาตลอดสามเดือนเต็ม ปัจจุบันกำลังมีความสุขสุดขีดหลังจากได้เห็นมนุษย์แสดงสีหน้าหวาดผวา


『เป็นสัญญาณที่ดีนะครับ』


『ใช่ครับ หมายความว่า หากมันไม่เอาจริง ชัยชนะจะตกเป็นฝ่ายมนุษย์แน่นอน』


ต้องขอบคุณพลังของกริด ครอเกล คิรินัส และสี่ดยุคที่ร่วมแรงร่วมใจ หากไม่มีคนเหล่านี้ เฟย์ริสคงฆ่าแกงมนุษย์เป็นผักปลาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า


การต้อนให้จอมอสูรเข้าตาจนได้ถึงเพียงนี้ นับเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำของเหล่ามนุษยชาติ ผู้บรรยายต่างแสดงสีหน้าโล่งใจและผ่อนคลาย


ทุกคนต่างชื่นชมกริดและครอเกลที่มีบทบาทสำคัญช่วยต้อนให้เฟย์ริสต้องเอาจริง


ปัจจุบันมีรายงานว่า ต้องใช้เวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมง กว่ากองทัพโอเวอร์เกียร์จะเคลื่อนพลมาถึงหุบเขาไทเลอร์ ฉะนั้น จะไม่มีตัวละครลับโผล่ออกมาพลิกสถานการณ์ในฉากสำคัญแน่นอน


เป็นอีกครั้งที่หลายฝ่ายประเมินให้สงครามนี้ล้มเหลว แต่พวกมันมิได้กล่าวตัดพ้อ ไม่ได้แสดงสีหน้าเศร้าโศก เพียงยิ้มจืดชืดอย่างนึกเสียดาย และหวังให้กริดกับครอเกลไม่เผชิญความสูญเสียมากเกินไปในสงคราม


ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นหนังคนละม้วน


“หืม…? นี่อัญเชิญขุมนรกแล้วหรือ?”


“กระจอกฉิบ”


“…!?”


เฟย์ริสไม่เคยถูกมนุษย์ต้อนให้จนมุมมาก่อน ขุมนรกอาจเป็นสุสานสำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่ไม่ใช่กับ NPC สุดพิเศษและผู้เล่นคลาสระดับตำนาน


ครอเกล คิรินัส สี่ดยุค


คลาสตำนานและตัวตนเหนือมนุษย์มาพร้อมค่าต้านทานอาการผิดปรกติมหาศาลเสมอ ฉะนั้น ดีบัฟขุมนรกจึงแสดงผลต่อร่างกายพวกมันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ


หรือแม้กระทั่งกริด…


แผล่บ~


โอเวอร์เกียร์คอร์นกำลังเลียแก้มกริดเพื่อเพิ่มเร่งค่าเรี่ยวแรงให้กลับคืน


“สามหาวนัก…!”


ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง—!


ใบหน้าจอมอสูรพลันบิดเบี้ยวอย่างโกรธแค้น มันตวัดแขนเพื่อสร้างมวลหมู่ศาสตราโลหะจำนวนมหาศาล


ด้วยบัฟจากขุมนรกที่เพิ่มพลังทั้งหมด 20% เวทแปรธาตุของเฟย์ริสจึงทรงพลังและเพิ่มปริมาณขึ้นจากปรกติ


ทว่า


“ฉันไม่ปล่อยให้แกทำตามใจชอบแน่!”


ดวงตาบาซาร่าที่หรี่ลงเริ่มเปล่งแสงสีแดงสว่างอีกครั้ง ปราณสีชาดแผ่ปกคลุมทั่วสนามรบขุมนรกพร้อมกับกัดกร่อนศาสตร์โลหะบนฟ้า


“ฮะฮ่า!คิดว่าเหล็กของแกจะแข็งกว่ากรงเล็บฉันรึไง!”


“ใจเย็น… อย่าบุ่มบ่ามเกินไป”


เกล็นฮาลและมอริสช่วยกันประสานงานทำลายศาสตราที่เสื่อมเสื่อมสภาพลง


“ฝีมือหอกของฉันพัฒนาขึ้นบ้างหรือยัง?”


“…เธอโตขึ้นมาก”


ส่วนปิอาโร่และเรเชลร่วมมือสร้างบาดแผลฉกรรจ์ใส่ร่างเฟย์ริสโดยตรง


ไม่เพียงเท่านั้น


“ดาบอุกกาบาต”


“กองทัพเงา”


ฝ่ายครอเกลและเฟคเกอร์คอยสังหารกลุ่มอสูรเพื่อสนับสนุนคิรินัส


หอกเอกแห่งทวีปรวบรวมปราณสีฟ้าหนึ่งจุดไว้ที่ปลายหอก ก่อนจะพุ่งเข้าหาเฟย์ริสด้วยความเร็วสูงเมื่อเส้นทางถูกเปิดออก


เนื่องจากอยู่ในปาร์ตี้เดียวกับอริยดาบ ทุกคนที่ใช้อาวุธประเภทมีคมล้วนได้รับบัฟถ้วนหน้า


เฟย์ริสพลันเกิดความรู้สึกประหลาด


หวาดกลัว… ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดกับจอมอสูรนักล่าเยี่ยงมัน


“พวกหมาหมู่!!”


ในที่สุดมันก็กล่าวออกมา


หมาหมู่


วลียอดฮิตที่ตัวร้ายใช้เวลาเข้าตาจน


เฟย์ริสสัมผัสถึงอันตราย ส่วนฝั่งกริดกับครอเกลเริ่มสัมผัสถึงชัยชนะ


ทันใดนั้น แขกไม่ได้รับเชิญปรากฏตัว


มันยืนเด่นตระหง่านเหนือหน้าผาสูงอีกฝั่ง


“อัญเชิญลิช… มูมัด”


เหยื่อที่ถูกคนทั่วโลกกดดันคุกคามอย่างหนักตลอดสามเดือนผ่านมา ไอ้ขี้แพ้ที่เลือกเดินบนเส้นทางของขี้แพ้ มันพอแล้วกับการอยู่ร่วมสังคมกับมนุษย์อื่น


ภาพการมองเห็นของแอ็กนัสมีเพียงสีเทาหม่นหมอง มันเปล่งถ้อยคำที่ตัวเองไม่มีวันเสียใจในภายหลัง


“ตายไปซะให้หมด”


ซู่ว—!


มูมัดปลดปล่อยเวทมนตร์เจ็ดสีเข้าปะทะปาร์ตี้ฝ่ายมนุษย์ที่กำลังครองความได้เปรียบเหนือเฟย์ริส


“แอ็กนัส!!”


เสียงคำรามเปี่ยมโทสะของกริดกึกก้องหุบเขา


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,441

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. อ๊ากกกกกกกก
    😶😶😲😢😢
    ผมยังคงหวังให้แอ็ก​นัสเป็นมิตร
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​

    ReplyDelete
    Replies
    1. ใช่​ สงสาร​แอ็กนัส อยากให้มีเพื่อนที่ดีบาง​ และเป็นที่พึ่ง​ได้มากกว่านี้​ ไม่ใช่​เก็บกดและโกรธ​แค้นอยู่คนเดว​

      Delete
  2. แอ๊กนัส ชื่อนี้มีแต่ความ xิบหาย ( กริดไม่ได้กล่าวไว้ )

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00