จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 975
คริสประเมินไว้ว่า ภารกิจปกป้องหมู่บ้านมีโอกาสสำเร็จสูงถึง 90%
สาเหตุเพราะสนธิสัญญาสงบศึกยังเหลือเวลาอีกเกือบสี่เดือน
ระบบเกมยึดถือสนธิสัญญาเป็นที่ตั้ง ส่งผลให้ NPC จากทั้งสองอาณาจักรมิอาจโจมตีใส่กันและกันได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งในยามที่ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ปกป้องหมู่บ้านเนตรมาร
หากฝ่ายจักรวรรดิยกทัพโจมตี อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีหน้าที่เพียงยืนกีดขวางประตูไว้จนกว่ากริดจะมาถึง
แต่ว่า
‘ไอ้พวกระยำ!’
จักรวรรดิใช้แผนเหนือความคาดหมาย
พวกมันใช้มือที่สามบุกโจมตี
สีหน้าคริสพลันดำมืด
‘พวกมันคิดจะทำลายหมู่บ้านเนตรมารให้ราบคาบสินะ…’
ฉัวะฉัวะ—
คริสตวัดดาบใหญ่กริดใส่ความมืดมิดอันว่างเปล่า ทันใดนั้น บุรุษชุดดำสองคนถูกเปลี่ยนเป็นเสาแสงเทา คลาสนักลอบสังหารมีร่างกายแสนบอบบาง ไม่แปลกที่พลังโจมตีมหาศาลของคริสจะสะบั้นลบหายใจพวกมันในดาบเดียว
‘ท่าไม่ดีแล้ว’
คริสกระโจนขึ้นหลังคาบ้านที่ใกล้ที่สุด มันกวาดสายตามองรอบเมืองด้วยร่างกายสั่นเทา
เกิดการต่อสู้ทุกหัวระแหงหมู่บ้าน ศัตรูคือนักลอบสังหารที่ลงมือเป็นคู่ พวกมันแข็งแกร่งละมีจำนวนมากพอจะสยบทหารหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์ได้อยู่หมัด
‘นักลอบสังหารพวกนี้แข็งแกร่งประมาณแรงเกอร์ท็อปหนึ่งล้าน…’
จักรวรรดิคงจ้างมาสินะ?
บรึ้ม!
คริสปลดปล่อยพลังทรราชพร้อมกับออกอาละวาด
ยิ่งมันได้เข่นฆ่า
ความดุดันก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ
ฉัวะ!!
“ท่านดยุคคริส!”
สีหน้าของกลุ่มทหารหัวกะทิซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากพลันสดใสเมื่อเห็นคริสฝ่าวงล้อมเข้าไปหา
ผู้เล่นแรงค์หนึ่งของโลกกวัดแกว่งศาสตราอย่างเกรี้ยวกราดประหนึ่งพายุสลาตัน ดาบที่ถูกควงหมุนได้คร่าชีวิตนักลอบสังหารคนแล้วคนเล่า
คริสหันไปออกคำสั่งกับหัวหน้าหน่วยทหาร
“ทุกคนไปรวมตัวที่ปราสาทราชาเนตรมาร! เราจะปล่อยให้ที่นั่นถูกโจมตีไม่ได้!”
“ขอรับ!”
จากบรรดาสิบวีรชนฯ คริสและจิสึกะเคยบัญชาทัพมาแล้วบ่อยครั้ง พวกมันมีสิทธิ์ออกคำสั่งโดยไม่ต้องปรึกษาลอเอล
กองทหารหัวกะทิรีบตั้งแถวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเคลื่อนทัพไปยังปราสาท
ระหว่างนี้ คริสเด็ดหัวนักลอบสังหารอีกหลายสิบขณะมุ่งหน้าไปยังใจกลางหมู่บ้าน
จุดหมายปลายทางของมันคือหอสมุดประจำหมู่บ้านที่มีลอเอล จิสึกะ เรกัส และป็อนคอยคุ้มกัน
สาเหตุที่ต้องใช้สมาชิกระดับท็อปถึงสี่คนคอยปกป้องหอสมุด เพราะจุดดังกล่าวคือยุทธศาสตร์ที่สำคัญซึ่งจะสูญเสียไปไม่ได้
“ฉันมาช่วยแล้ว”
คริสทะลวงฝ่ากลุ่มนักลอบสังหารหลายสิบที่รุมล้อมคนทั้งสี่ มันรีบแทรกตัวไปยืนข้างลอเอลเพื่อฟังสถานการณ์
ปัจจุบัน ลอเอลกำลังใช้ม่านเพลิงคุ้มกันจิสึกะที่กระหน่ำยิงศัตรูโดยไม่หยุดพัก
ใบหน้าคริสกำลังดำมืดราวกับเพิ่งถูกตัดสินโทษจำคุกสิบปี
“เป็นอย่างที่คิด จักรวรรดิเล็งช่วงชิงภูมิปัญญาภายในหอสมุดแห่งนี้”
“ถูกต้อง”
นักลอบสังหารที่มาเป็นคู่ พวกมันปรากฏตัวเพิ่มจากเดิมอีกหลายสิบ
ในวันนี้ คริสสังหารศัตรูไปกว่าร้อยศพ มันหันไปถามลอเอลด้วยสีหน้าสุดฉงน
“พวกมันเข้ามาข้างในได้ยังไง? จู่ๆ ก็ปรากฏตัวกลางท้องฟ้าโดยไม่ต้องผ่านประตูเมือง แม้แต่เฟคเกอร์ก็ทำไม่ได้”
“ฉันสันนิษฐานว่า… คงเป็นฝีมือของเวทมนตร์บางชนิด”
“เวทมนตร์?”
“ถูกต้อง จอมเวทที่แข็งแกร่งสามารถเดินทางข้ามห้วงมิติได้”
“แต่ลักษณะไม่เหมือนกับเคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มเลยสักนิด พวกมันไม่ได้ปรากฏตัวในจุดเดียวกันเสมอไป”
“ฉันไม่รู้ว่าจอมเวททั่วไปทำได้หรือไม่ แต่ถ้าเป็นราชาจอมเวทล่ะก็…”
“ราชาจอมเวท…!”
หนึ่งในห้าเสาหลักจักรวรรดิ
ผู้ปกครองหอแห่งนิรันดร์
คริสย่อมทราบถึงการมีตัวตนของโกลด์ฮิต สมมติฐานที่ลอเอลตั้งเริ่มน่าเชื่อถือ
“เวทมนตร์บัดซบ… ถ้ากลุ่มนักลอบสังหารถูกส่งเข้ามาไม่หยุดแบบนี้ พวกเราจะเอาชนะด้วยวิธีไหนได้? ค่าเรี่ยวแรงทุกคนย่อมมีขีดจำกัด”
คริสตัดพ้อด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ
มันกำลังกังวล
คริสมั่นใจว่าลอเอลไม่ได้เตรียมตัวรับมือสถานการณ์เช่นนี้ไว้
จริงอยู่ที่ลอเอลคืออัจฉริยะ และมีมันสมองยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาผู้เล่นฝ่ายโอเวอร์เกียร์ แต่มันมิได้คาดเดาถูกต้องทุกครั้ง ความผิดพลาดคือสิ่งที่อยู่คู่มนุษย์เสมอ ไม่ว่าจะรัดกุมเพียงใด ทุกแผนย่อมมีรอยโหว่ที่คาดไม่ถึง
แต่ไม่ใช่กับสถานการณ์ตรงหน้า
ลอเอลมิได้แสดงท่าทีหวั่นวิตก
“เรี่ยวแรงพวกเรามีขีดจำกัด มานาของราชาจอมเวทก็เช่นกัน”
“ต่อให้ไม่มีเวทมนตร์ แต่ถ้าพวกมันด้านนอกกรูเข้ามาพร้อมกัน สถานการณ์ก็ยังไม่เปลี่ยนไป”
“ฉันเคยบอกนายไปหลายครั้งแล้ว… จักรวรรดิไม่มีเงินมาพอจะจ้างกองทัพมือที่สามจำนวนมาก”
“…?”
“พวกมันมีเงินทองจำกัด ไม่มีทางที่กองทัพมือที่สามจะยอมทำงานให้ฟรี”
“ทำไมจักรวรรดิต้องจ้าง? พวกมันใช้กำลังบังคับให้ร่วมมือไม่ได้รึไง?”
เกือบทุกอาณาจักรบนทวีปล้วนตกเป็นเมืองขึ้นจักรวรรดิมานานกว่าร้อยปี ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า พวกมันล้วนมีสถานะไม่ต่างจากทาส คริสจึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดจักรวรรดิถึงต้องจ่ายค่าจ้างให้เมืองทาสด้วย
ลอเอลอธิบาย
“นายรู้เปล่า… ว่าทำไมอาณาจักรอื่นถึงแสร้งทำตัวสงบนิ่งเหมือนหนูตายโดยไม่คิดตอบโต้จักรวรรดิ?”
“…?”
“เพราะพวกมันถูกจักรวรรดิสร้างภาพหลอกลวง ให้เข้าใจว่าจักรวรรดิร่ำรวยและมีพลังอำนาจล้นพ้น ใช่แล้ว… จักรวรรดิในจินตนาการพวกมันคือตัวตนสูงส่งซึ่งกุมพลังเบ็ดเสร็จเด็ดขาด… จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจักรวรรดิไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง? สิ่งนั้นจะหมายความว่า สภาพคลองการเงินของจักรวรรดิเริ่มติดขัด นั่นจะนำพาไปสู่ความเคลือบแคลงจนเกิดคำถาม อาณาจักรเล็กจะตั้งข้อสงสัยถ้าจักรวรรดิแสดงความจนให้พวกมันเห็น”
“หมายความว่า หากจักรวรรดิสั่งให้อาณาจักรใดเคลื่อนทัพ พวกมันก็ต้องตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล?”
“พวกมันถนัดสร้างภาพเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“ฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดี ลอเอล… ทำไมนายถึงมั่นใจนักว่าจักรวรรดิไม่ร่ำรวย?”
น่าแปลก
จักรวรรดิปกครองทวีปแต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี พวกมันกลืนกินอาณาจักรอื่น ขูดรีดและผูกขาดทรัพยากรอย่างเลือดเย็น
แต่ลอเอลกลับบอกว่า พวกมันยากจนเกินกว่าจะจ้างกองทัพระดับกลางจำนวนมาก
คริสพอจะเข้าใจเรื่องที่จักรวรรดิจ้างผู้เล่นห้าร้อยล้านคนไม่ไหว แต่การมีเงินไม่พอสำหรับจ้างกองทัพระดับกลาง สิ่งนี้ออกจะเชื่อยากไปสักหน่อย ฟังดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร
บึ้มบึ้ม!
ขณะฟังคำถามจากคริส ลอเอลทำการร่ายมนตร์ตอบโต้อีกฝ่ายเป็นระยะ
เวทมนตร์แปรผันกระแสลมส่งผลให้ศรจิสึกะทรงพลังมากขึ้น แถมยังช่วยสกัดอาวุธขว้างจากนักลอบสังหาร รวมถึงเวทแผ่นดินสะเทือนที่ทำให้พวกมันเสียหลัก คริสจะฉวยโอกาสดังกล่าวพุ่งเข้าไปดับลมหายใจศัตรู
ลอเอลคุมสถานการณ์สงครามได้อยู่หมัด แม้จะครอบครองทักษะสายต่อสู้เพียงน้อยนิด
มักมีคำกล่าวที่โด่งดังในแวดวงนักกีฬาและนักฝึกศิลปะต่อสู้ว่า ‘ต้องสู้ด้วยสมอง มิใช่พละกำลัง’
เพียงมันสมองก็มากพอจะทำให้ลอเอลถูกเรียกขานว่าสัตว์ประหลาด
“ในการแข่งนานาชาติ ฉันตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยครั้งว่า... จักรกลเวทมนตร์ที่ทรงพลังของจักรวรรดิ พวกมันต้องใช้เงินทุนเท่าใดในการขุดค้นโบราณสถาน ต้องใช้เทคนิคและเงินทองเท่าไรในการซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ”
“นายกำลังจะบอกว่า จักรวรรดิขาดแคลนเงินเพราะจักรกลเวทมนตร์?”
“ไม่ใช่ทั้งหมด จักรกลเวทมนตร์เป็นเพียงหนึ่งในปัจจัย ถึงปัจจัยอื่นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ฉันมี ‘เครื่องพิสูจน์’ ว่าพวกมันมิได้ร่ำรวยอย่างที่คิด เป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองข้ามมาตลอด”
“ถูกมองข้าม?”
“ถ้าพวกมันร่ำรวยอย่างที่เข้าใจจริง ทำไมถึงไม่กลืนกินอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่าให้สิ้นซากตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้ง?”
“...?”
“ถ้ามันมีเงินไม่จำกัดจริง เพียงส่งทหารบุกโจมตีอาณาจักรเราอย่างต่อเนื่องก็สิ้นเรื่องแล้ว ไม่เห็นต้องสงบศึกให้ขายขี้หน้า เหมือนกับสมมติฐานก่อนหน้าของนายไง”
“จริงด้วย…”
คริสได้บรรจุสัจธรรม หัวของมันพลันขาวโพลนราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่
ลอเอลศึกษาหาแผนรับมือจักรวรรดิมากกว่าใครทั้งหมด และเป็นมันที่เริ่มสัมผัสถึงความผิดปรกติของจักรวรรดิได้ก่อนใคร
“นายมันอัจฉริยะ…”
คริสฉีกยิ้มกว้างขณะชื่นชมลอเอลด้วยใจจริง
“กาลเวลายุติธรรมกับทุกคนเสมอ”
เฉกเช่นกริดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ลอเอลก็ไม่หยุดอยู่กับที่เช่นกัน มันสั่งสมปัญญา ข้อมูล และพัฒนาวิสัยทัศน์อยู่เสมอ
“แต่ฉันยังไม่มีข้อมูลของเสนาธิการอัจฉริยะคนใหม่ของกองทัพอาเรส”
ครืนนน!
นักลอบสังหารที่ดักซุ่มอยู่นาน เมื่อมันฉวยโอกาสลงมือ กลับต้องถูกกับดักที่ลอเอลวางไว้ล่วงหน้าเล่นงาน
ลอเอลส่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจพลางใช้ฝ่ามือปิดครึ่งใบหน้า
“คุคุคุ… พวกแกเล่นงานฉันคนนี้ไม่ง่ายนักหรอกนะ!”
ลอเอลมั่นใจ
หลังจากกริดและครอเกลพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาอันสั้น
ณ ปัจจุบัน ไม่มีกองกำลังใดสามารถทำศึกชนะพวกตนได้แน่ เว้นเสียแต่จะเป็นตัวตนอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่ทำให้กลยุทธ์และกองทัพกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย
ขณะเดียวกัน ภายในหมู่บ้านเนตรมาร เสาแสงเทายังคงส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง
มันคือสิ่งบ่งบอกความตายของผู้บุกรุก
ปังปัง!
ปังปังปัง!
‘นั่นมัน…’
ทันใดนั้น คริสและลอเอลต่างหันไปมองยังทิศทางของเสียปืนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
บริเวณดังกล่าวคือจุดใกล้กับประตูทางเข้าหมู่บ้าน เป็นจุดที่แสงสีเทากระจุกตัวหนาแน่นที่สุด
ที่นั่นคือเขตการดูแลของยูร่า
คริสเริ่มขมวดคิ้ว
“ลอเอล… ไหนนายบอกว่าพวกมันจะไม่ใช่จำนวนมากเข้าสู้ไง?”
“คนเราก็ผิดพลาดกันได้… รีบเข้าไปหลบในอาคารก่อน ถึงเวลาพวกเราต้องพึ่งพาพลังชาวเนตรมารบ้างแล้ว”
“ตกลง!”
ค่าเรี่ยวแรงมนุษย์ไม่อนันต์ฉันใด มานาเนตรมารก็ฉันนั้น
หากไม่นับราชาเนตรมาร ชาวเนตรมารทั่วไปจะใช้พลังได้ติดต่อกันเพียงสองชั่วโมงต่อวัน
แต่แค่สองชั่วโมงก็มากเกินพอ
“อ…อั่ก!”
“ว๊ากก! ช่วยด้วย!”
ด้วยพลังคำสาปของเนตรมาร กระทั่งนักลอบสังหารที่สุขุมเย็นชายังต้องร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพช
นักลอบสังหารชุดแรกถูกจัดการจนราบคาบภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
เมื่อเก็บกวาดเสร็จสิ้น ถึงเวลาชาวเนตรมารสลับหน้าที่คืนให้กองทัพโอเวอร์เกียร์
‘แนวหน้า’ ของจักรวรรดิไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน พวกมันถูกทำลายจนพินาศย่อยทับ
“คุคุคุ… พวกเจ้าเห็นรึยัง พลังอันยิ่งใหญ่ที่กายามนุษย์ไม่วันครอบครอง”
“ฮะฮะ… พวกนายไม่ได้เก่งแต่ปากสินะ”
***
สิบเก้าวันหลังจากสิบวีรชนฯ ถูกส่งไปประจำการยังหมู่บ้านเนตรมาร
[ค่าความเข้าใจ ‘แว่นตาอีเธอร์’ กลายเป็น 100%]
[ท่านครอบครองสูตรผลิตไอเท็ม ‘แว่นตาอีเธอร์’]
“จบสักที”
ชายหนุ่มใช้เวลาปลุกปล้ำแว่นตาบัดซบนานสิบเก้าวันเต็ม ในที่สุดก็สำเร็จขั้นตอนแรก
ถึงเวลาที่เขาต้องเปลี่ยนมันเป็นเครื่องป้องกันจำพวกหมวกเหล็กหรือหน้ากาก เพื่อให้สูตรผลิตเปลี่ยนเป็นไอเท็มที่ช่างตีเหล็กสร้างได้
‘ถ้าจะสร้างให้ตัวเราใช้งานได้ด้วย…’
หมวกเหล็กคงจะดีกว่าหน้ากาก
เพราะหากเป็นหน้ากาก
มันจะใส่ทับหน้ากากเพชฌฆาตไม่ได้
กริดไม่มีความคิดสละ ‘หน้ากากเพชฌฆาต’ แต่อย่างใด ไอเท็มชิ้นนี้แสดงประสิทธิภาพได้อย่างน่าทึ่งในการแข่งตะลุมบอนราชาอสูร
‘หมวกเหล็กอันใหม่ต้องมีพลังเทียบเท่า ‘สามชั้น’ เป็นอย่างน้อย เอาล่ะ… ถึงเวลาหาวิธีผสานแว่นตากับหมวกเหล็กเข้าด้วยกัน’
ชายหนุ่มกดใช้งานทักษะ ‘ดัดแปลงไอเท็ม’ โดยกำหนดไอเท็มเป้าหมายเป็นแว่นตาอีเธอร์
ทันใดนั้น เขาเกิดฉุกคิดถึงลมหายใจเสือขาวขึ้นมา
‘ดาบเสือขาวสามารถเสกเสาหินให้พุ่งขึ้นจากพื้นดิน… ถ้าเราใช้ลมหายใจเสือขาวสร้างหมวกเหล็ก หัวเราจะกลายเป็นหินไปด้วยรึเปล่า?’
แล้วเราก็จะกลายเป็น ‘คนหัวหิน*’
(*หัวหิน — ภาษาเกาหลีหมายถึงคนโง่)
มีโอกาสสูงที่จะเกิดออปชันจำพวก ‘สร้างกำแพงหินปกป้องศีรษะขณะถูกโจมตี’ หรืออะไรเทือกนั้น ส่งผลให้ผู้สวมได้รับพลังป้องกันเพิ่มขึ้นชั่วขณะ
‘ไม่เลว… ไว้ครอบครองเพชรอีเธอร์เพิ่มอีกก้อนเมื่อไร เราจะสร้างหมวกของตัวเองโดยใช้ลมหายใจเสือขาวผสมเข้าไป’
ในการแข่งตะลุมบอนราชาอสูรที่ผ่านมา กริดเลือกรางวัลเป็นลมหายใจสัตว์เทพถึงสี่ชิ้น ปัจจุบัน ชายหนุ่มครอบครองลมหายใจฟินิกซ์แดง มังกรคราม และเสือขาวอย่างละเม็ด ส่วนลมหายใจเต่าดำมีสองเม็ด
อีกไม่นาน ร่างกายราชาโอเวอร์เกียร์จะถูกห่อหุ้มด้วยพลังสัตว์เทพครบทุกส่วน
‘ถ้าเราสกัดอีเธอร์ออกจากเพชรและนำมาเคลือบเกราะได้… ความโอเวอร์เกียร์ที่แท้จริงจะบังเกิด’
บางที เขาอาจรบชนะจักรวรรดิได้ด้วยพลังของตัวเองตามลำพัง
“…”
ชายหนุ่มอมยิ้มขณะลงมือดัดแปลงรายละเอียดไอเท็ม
เหตุการณ์เข้าเฝ้าฮวนเดอร์เหมือนกับเพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน
‘ตัวตนแข็งแกร่งแห่งยุคสมัย’ ที่สมญานามราชาวีรบุรุษร้องเตือน กริดมิได้หวั่นเกรงพวกมันเหมือนก่อนอีกแล้ว
เป็นความโอหังอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ความมั่นใจในปัจจุบันเกิดจากฝีมือไอ้บัดซบการัม
แถมยังมีประสบการณ์ในฐานะราชาอสูรที่โค่นท็อปแรงเกอร์สี่ร้อยคนตามลำพัง
“หืม…”
หลังจากครุ่นคิดถึงจักรวรรดิครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเหลือบมองวันเวลาที่แสดงตรงมุมหน้าจอ
ดูท่า… จักรวรรดิคงยังบุกรุกหมู่บ้านเนตรมารไม่สำเร็จ เพราะยังไม่มีการติดต่อกลับจากพวกพ้องที่ถูกส่งไปประจำการ
ต้องขอบคุณคนเหล่านั้น กริดจึงมีสมาธิอย่างเต็มที่สำหรับสร้างแว่นตารุ่นสมบูรณ์
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,368
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
👍
ReplyDelete☺️😊😁🙏