จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 985
เมอร์เร่ อุลทาน่า ไวโอเล็ต
อาร์ค ฮาเค่น โรเทมอน และกลาเชี่ยน
นี่คือเจ็ดอาณาจักรที่ต้องสูญเสียช่างอัญมณีฝีมือเยี่ยมให้กับฆาตกรเสียสติ
ช่างอัญมณีฝีมือดีหาได้ยากยิ่ง นับเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงของทั้งเจ็ดอาณาจักร
ทุกราชวงศ์ล้วนต้องการลงทัณฑ์ฆาตกรให้สาสม และประชาชนหมู่มากล้วนเห็นดีเห็นงามด้วย
แน่นอน หากราชวงศ์มิอาจปกป้องพลเมืองอาณาจักรได้ ความน่าเชื่อถือและระดับความปลอดภัยในอาณาจักรย่อมลดลง
“เจอตัวสักที ไอ้ฆาตกรเสียสติ”
นักล่าค่าหัวจากเจ็ดอาณาจักรกำลังรวมตัวแออัดภายในห้องเล็ก
บ้างสังกัดหน่วยอัศวินหลวง บ้างเป็นนักรบรับจ้างฝีมือดี และบ้างก็เป็นบุคคลนิรนามโดยสิ้นเชิง
ทั้งสิบห้าคนอาจมีจุดยืนและอุปนิสัยแตกต่างกันไป แต่พวกมันมีหนึ่งสิ่งร่วมกัน
…พรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยาก
โดยเฉพาะทหารรับจ้าง ‘พิลเดียร์’ และ ‘จอร์เนมัน’ พวกมันแข็งแกร่งมาก
ชื่อเหนือศีรษะบ่งบอกชัดเจนว่าเป็น NPC พิเศษ สีอักษรกำลังส่องแสงระยิบระยับ
ต่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ง่ายนักหากแอ็กนัสคิดรับมือพวกมันสองคนพร้อมกัน
ดังนั้น ร่างที่ถูกคำสาปรุมเร้าในปัจจุบันย่อมมิอาจยื้อชีวิตไว้นานนัก
“แอ็กนัส! เลิกขัดขืนอย่างเปล่าประโยชน์ได้แล้ว! ตามพวกเรากลับไปรับโทษซะ!”
แน่นอน ในกลุ่มนักล่าค่าหัวย่อมมีผู้เล่น
หนึ่งในนั้นคือบูบัต
ตลอดหลายเดือนหลัง ในฐานะคลาสตัวชนที่แข็งแกร่ง บูบัตนำทัพกดดันแอ็กนัสจนตกที่นั่งลำบากเสมอ หากไม่เพราะต้องหยุดกิจกรรมในเกมเพื่อแข่งนานาชาติ ป่านนี้แอ็กนัสคงถูกจับตัวไปประหารด้วยเครื่องกิโยตินนานแล้ว
“พวกเราล้อมโรงแรมไว้แน่นหนา ต่อให้แกหนีจากห้องนี้ได้ แต่ก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือกลุ่มนักล่าค่าหัวอยู่ดี! อย่าได้คิดดิ้นรนอย่างสูญเปล่าอีกเลย”
กลุ่มนักล่าค่าหัวย่อมได้รับการสนับสนุนจากเจ็ดอาณาจักร
นอกจากกลุ่มหัวกะทิที่เป็นแกนนำ แต่ละอาณาจักรยังจัดหาทหารฝีมือเยี่ยมคอยเป็นมือเป็นเท้าให้
ถึงกระนั้น แอ็กนัสกลับมิได้แสดงสีหน้าหวาดหวั่น
“ทำไมถึงไม่เอาเวลาที่เห่ามาฆ่าฉันล่ะ?”
ความบ้าคลั่งยังคงอัดแน่นบนใบหน้า
แอ็กนัสกวาดสายตามองรอบห้องพลางครุ่นคิดถึงวันวานในอดีตที่ตัวมันอ่อนแอ
วันเวลาที่ต้องเผชิญความเจ็บปวดทุกรูปแบบโดยมิอาจตอบโต้เพราะไร้พลัง… เมื่อครั้งนั้น แอ็กนัสยอมจำนนต่อความรุนแรงที่ถ้าโถมเข้าใส่ …แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน
ไม่ว่ามันจะสิ้นหวังเพียงใด ไม่ว่าต้องสูญเสียมากแค่ไหน แต่แอ็กนัสไม่คิดยอมแพ้
ยอมหัก ไม่ยอมงอ
ขอตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าต้องถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
นี่คือสิ่งที่แอ็กนัสเชื่อมั่นเสมอมา
“หยุดก่อน!”
เมื่อเห็นแอ็กนัสชักดาบโดยปราศจากความลังเล บูบัตรีบออกปากเตือน
“แกคิดจะสู้แล้วตายไปอีกกี่ครั้ง? บาปของแกไม่มีวันจบลงจนกว่าจะถูกลากไปตัดหัวด้วยกิโยตินต่อหน้าประชาชนนับแสน! หากสู้จนตัวตายเหมือนเคย แกไม่วันหลุดพ้นจากขุมนรกการตามล่าได้แน่!”
แอ็กนัสต้องถูกลงโทษต่อหน้าธารกำนัลตามกฎหมาย ไม่อย่างนั้นความผิดจะไม่ถูกลบล้าง
หากไม่ถูกกิโยตินตัดหัว คำสาปนานับชนิดที่ได้รับจะไม่มีวันหายไป ต่อให้ตายอีกสักกี่หนก็ตาม ทางเลือกที่ฉลาดคือคลานไปหากิโยตินด้วยตัวเอง
แน่นอน ความตายจากกิโยตินมีบทลงโทษรุนแรงกว่าปรกติหลายเท่า แต่มันก็คุ้มกับการลบล้างคำสาปและได้รับอิสระกลับคืนมาในฐานะผู้เล่นไร้มลทิน
“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ถ้าแกก่อความวุ่นวายขึ้น กริดต้องมาเชือดแกทิ้งแน่! เลิกดิ้นรนอย่างสูญเปล่าได้แล้ว!”
“ใครจะสน? แกคิดว่าฉันกลัวกริดรึไง? คิคิคิก…!”
“…”
บูบัตมิได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
ทว่า คำพูดของบูบัตทำให้แอ็กนัสชะงักงัน
‘กริด…’
ชายที่มีอดีตใกล้เคียงกับมัน
ในฐานะ ‘ไอ้งั่ง’ ที่อ่อนแอ ทั้งคู่ต่างถูกบุคคลที่แข็งแรงกว่ารังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย
กริดหลงลืมความอับอายและเจ็บปวดเหล่านั้นได้อย่างไร?
แอ็กนัสจงเกลียดจงชังกริดมาก
ทุกพฤติกรรมของกริดทำให้มันแทบอาเจียน
แน่นอน แค่ได้ยินชื่อก็โมโหแล้ว
เป็นความเกลียดชังที่มากถึงขนาดอยากฆ่าให้ตายคามือ
“ดิวเลบุล!!”
โฮกกก—
เมื่อสิ้นเสียงคำราม อสูรตนหนึ่งผุดพื้นจากพื้นห้อง
อสูรหัวกิ้งก่าซึ่งมีลำตัวคล้ายมนุษย์
ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด มนุษย์ทั่วไปล้วนเกิดความหวาดกลัวจากจิตใต้สำนึก
บูบัตทราบดีว่ากิ้งก่าตัวนี้มีพลังลำแสงที่อันตรายเพียงใด
“หลบเร็ว!”
ฟ้าวววว—
ลำแสงอานุภาพสูงที่สร้างความเสียหายแบบคงที่ 20,000 หน่วยพุ่งออกจากปากอสูรดิวเลบุล
ปัญหาคือ ลำแสงชนิดนี้จะสร้างความเสียหาย ‘กระจาย’ อีก 8,000 หน่วยจากจุดที่เกิดการปะทะ ซึ่งห้องแคบในปัจจุบันแทบหลบสิทธิ์หลบให้พ้น
บึ้มมมมมม!!
กำแพงถูกทำลายไปหนึ่งฝั่ง หลังคาเปิดโล่งจนมองเห็นท้องฟ้าอันว่างเปล่า
แน่นอน เสียงตกใจและหวาดผวาจากชาวเมืองดังระงมตามมา
“ไอ้บัดซบ!”
บูบัตขบกรามแน่น
อีกไม่นาน ทหารหลวงโอเวอร์เกียร์จะมาถึงที่เกิดเหตุ และกริดจะทราบในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ซึ่งบูบัตกังวลกับอย่างหลังมาก
เมื่อปีก่อน ไม่มีใครในโลกที่ไม่ทราบว่า กิลด์อิมมอทัลมีชะตากรรมเช่นไรหลังจากลอบโจมตีเมืองหลวงของกริด
พวกมันได้ลิ้มรสขุมนรก
หนึ่งในกิลด์ที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดยังถูกป่นเป็นผุยผงภายในเวลาหนึ่งเดือน
‘เราจะให้ภารกิจส่วนตัวก่อความเดือดร้อนกับกิลด์ยัคไม่ได้!’
บูบัตคิดไวทำไว
มันอาศัยช่วงชุลมุนวุ่นวายรีบหนีออกจากห้องอย่างไร้ร่องรอย
เช่นเดียวกันกับนักล่าค่าหัวอีกหลายคนที่เป็นผู้เล่น
สำหรับพวกมัน กริดคือท้องฟ้าที่มิควรทำให้ขุ่นเคืองใจด้วยประการทั้งปวง
แต่กลับกัน เหล่า NPC พิเศษย่อมมิได้คิดเช่นนั้น
พวกมันทราบว่ากริดแข็งแกร่ง แต่ไม่มีใครคิดหวาดกลัวหรือยำเกรง
แน่นอน
สำหรับ NPC ภายในซาทิสฟาย ข่าวสารของกริดย่อมเผยแพร่น้อยกว่าหน้าจอทีวีที่ผู้เล่นได้รับ พวกมันมีข้อมูลกริดเพียงน้อยนิด
แถมอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังไม่อยู่ในจุดที่พวกมันต้องเกรงกลัว
“ย่าห์!”
ลำแสงจากดิวเลบุลจะถูกยิ่งในทุกห้าวินาที ส่วนปลายหางที่แผ่เพลิงโลกันตร์ตลอดเวลาก็สร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อย ไม่เป็นภัยคุกคามต่อกลุ่มนักล่าค่าหัว
ทุกคนชักอาวุธพร้อมเพรียงพลางปรี่เข้าหาแอ็กนัสโดยเมินเฉยดิวเลบุล
ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลตอบโต้โดยการอัญเชิญอัศวินความตายและลิชออกมา
เคร้งเคร้ง—!
นักล่าช่วยกันรุมโจมตีใส่อัศวินความตาย
บึ้มม—!
ลิชมูมัดไม่ยิงเวทใหญ่เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย
ที่นี่คือโรงแรมใกล้กับใจกลางตลาด
มูมัดกังวลว่าเวทใหญ่ของตนอาจคร่าชีวิตประชาชนบริสุทธิ์รอบข้าง
มูมัดใช้สติของตัวเองประเมินสถานการณ์ มันมิได้ทำตามคำสั่งแอ็กนัสทั้งหมด
แน่นอน แอ็กนัสย่อมจนปัญญา
มันตกอยู่ในสภาพคำสาปนานับชนิดจนร่างกายอ่อนแอสุดขีด แอ็กนัสในปัจจุบันไม่มีอำนาจมากพอสำหรับบงการมูมัดได้สมบูรณ์แบบ ระบุให้ชัดคือ มูมัดเป็น NPC สุดพิเศษที่มีจิตใจเข้มแข็ง ลำพังพลังของคลาสผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลมิอาจบงการมูมัดได้เต็มประสิทธิภาพ
และผลก็คือ…
เคร้งเคร้ง—! เคร้ง!!
เพียงไม่กี่วินาที การดิ้นรนของแอ็กนัสได้ดำเนินมาถึงจุดจบ
นักล่าค่าหัวคนหนึ่งพุ่งล็อกแขนแอ็กนัสจากด้านหลังพร้อมกับใช้ดาบจ่อคอ
“ถึงเวลาฆาตกรชั่วต้องรับโทษแล้ว”
การไล่ล่าตลอดหลายเดือนเป็นอันสิ้นสุด
ขณะพวกมันจ้องมองแอ็กนัสด้วยสายตารังเกียจ เชือกที่เหนียวเป็นพิเศษได้ถูกนำมามัดรอบร่างกาย
“พวกแกกล้าดียังไงถึงก่อความวุ่นวายในอาณาจักรของคนอื่น?”
หญิงสาวผมทองปรากฏตัว
ขณะนักล่าค่าหัวหันมองไปยังทางเข้าเป็นตาเดียว สตรีปริศนาเริ่มกล่าวแนะนำตัว
“ฉันคือยูเฟอมิน่า ขุนนางชั้นเอิร์ลแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ พวกแกต้องจ่ายค่าชดเชยที่ทำให้ทรัพย์สินอาณาจักรเสียหายและทำร้ายร่างกายผู้บริสุทธิ์”
กลุ่มนักค่าหัวรีบแนะนำตัวเอง พวกมันพยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“หมอนี่คือฆาตกรโฉดที่มีหมายจับจากเจ็ดอาณาจักร ทางเรามิอาจแจ้งเรื่องให้ทราบล่วงหน้าเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นฉุกละหุก พวกเราต้องขอโทษกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ได้โปรดทำความเข้าใจสถานการณ์ด้วย”
ฆาตกรโฉดที่ก่อเรื่องและถูกหมายจับจากเจ็ดอาณาจักร
ตามหลักพื้นฐาน ตัวแทนจากเจ็ดอาณาจักรสามารถลงมือจับกุมคนร้ายได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า
แต่ยูเฟอมิน่าไม่ปล่อยให้พวกมันทำเช่นนั้น
“เขาเป็นฆาตกรจริงหรือ?”
“แน่นอน”
“หลักฐาน?”
“มีคนเห็นมันทุกครั้งที่ช่างอัญมณีถูกฆ่า”
“แค่นั้นเองหรือ? ปรักปรำคนง่ายจังนะ”
“…เธอคิดจะปกป้องมันรึไง? หึ! อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คิดอะไรอยู่? ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งรับหลากเผ่าพันธุ์เข้าเป็นพลเมืองจนจักรวรรดิโกรธมาก… เธอคิดจะเป็นศัตรูกับพวกเราเจ็ดอาณาจักรเพิ่ม เพียงเพื่อช่วยชีวิตฆาตกรคนเดียวงั้นหรือ?”
“หืม… ตื่นตูมจังเลยนะ ฉันแค่ถามหาหลักฐานเพื่อความแน่ใจ ทั้งที่พวกนายเป็นฝ่ายก่อเรื่องในเมืองหลวง แต่ทำไมถามนิดถามหน่อยถึงอ่อนไหวนัก?”
“แล้วทำไมเธอถึงต้องขัดขวางการจับกุมตัวฆาตกร? รู้จักกับมันรึไง?”
จอร์เนมัน มันกำลังยืนกอดอกพลางเค้นเสียงถามยูเฟอมิน่า จอร์เนมันคือทหารรับจ้างที่ไม่สังกัดอาณาจักร มันจึงไม่สนว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรจะเป็นเช่นไร
บรรยากาศภายในห้องพลันคุกรุ่นทันที
“น่ารำคาญชะมัด”
แอ็กนัสที่ถูกมัดแน่น มันพ่นลมหายใจเหยียดหยันพร้อมกับแสร้งทำเป็นไม่รู้จักยูเฟอมิน่า
“พวกแกมัวฟังคำพูดนังเด็กนั่นทำไม? มัดเสร็จก็รีบพาฉันไปรับโทษได้แล้วเจ้าพวกโง่!!”
“หุบปาก!”
“ถ้าอยากให้ฉันหุบปากก็รีบลากตัวไปสักที อย่ามัวเสียเวลาที่นี่นานนักเลย”
แอ็กนัสปฏิเสธความช่วยเหลือจากหล่อน
มันไม่ต้องการให้เธอเดือดร้อนไปมากกว่านี้
หลังจากนั้นไม่นาน ยูเฟอมิน่าได้ยินเสียงข้อความส่วนตัวจากแอ็กนัสขณะมันถูกลากตัวไปกับพื้นเยี่ยงสุนัข
> อย่าได้ทำตามใจชอบอีก มันน่ารำคาญ
> แต่นายกำลัง…
> พอเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันจะรักษาสัญญาเรื่องมูมัด
ความหวังดีจากผู้อื่นคือสิ่งแปลกปลอมสำหรับตัวมัน
เป็นความรู้สึกอึดอัดและสะอิดสะเอียนในเวลาเดียวกัน
“…ฉันจะเรียกร้องค่าเสียหายกับพวกแกอย่างสาสมในฐานะที่บังอาจก่อความวุ่นวายภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”
ขณะยืนมองแอ็กนัสถูกลากจูงไปต่อหน้า เธอส่งเสียงตะโกนข่มขู่กลุ่มนักล่าค่าหัว
นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะช่วยมันได้
***
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]
เลเวลอัปไปแล้วห้าครั้ง
นี่คือความสำเร็จของกริดภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน
อาจพอเป็นไปได้หากยังมีบัฟงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติอยู่ แต่ถ้าไม่ มันคือความเร็วเหนือมนุษย์ที่ไม่มีใครจินตนาการออก แม้แต่แรงก์หนึ่งของโลกอย่างคริสยังต้องใช้เวลานานกว่าสามเดือนเพื่อจะอัปหนึ่งเลเวล
แน่นอน ทั่วโลกกำลังถกเถียงเรื่องสปีดการเก็บเลเวลของกริดอย่างดุเดือดเช่นเคย การไต่ตารางอันดับโลกในชั่วพริบตาได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ มีสมมติฐานถูกตั้งขึ้นมากมาย และหนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับสมญานาม ‘ราชาหลากเผ่าพันธุ์’ ที่กริดเพิ่งครอบครอง
ทว่า สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังสนใจมิใช่เลเวลของตัวเอง หากแต่เป็นความลี้ลับของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์
“อันนี้ใช้ได้ไหม?”
แกร่ก! แกร่กแกร่ก!
เศษชิ้นส่วนกระดูกที่ดรอปจากทหารกระดูกกัลกุนอส
แม้ชื่อของมันจะระบุไว้เหมือนกันว่า ‘เศษชิ้นส่วนของทหารกระดูก’ แต่ในความเป็นจริง รูปทรงแต่ละชิ้นนั้นแตกต่าง
บางชิ้นเป็นกระดูกส่วนซี่โครง บางชิ้นเป็นไหปลาร้า และบางชิ้นเป็นแขนซ้าย
ในสายตากริด มันคือเศษกระดูกที่ไม่ต่างกัน แต่ในสายตาโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ พวกมันมิอาจทดแทนกันได้
การนำไปเสริมแกร่งร่างกายจำเป็นต้องใช้ส่วนที่ยังขาดเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น หากต้องการเสริมแกร่งแขนขวา ก็ต้องหากระดูกแขนขวาให้พบ
‘บ้าจริง… เป็นไอเท็มขยะที่อัตราดรอปต่ำชะมัด’
นี่ก็ยังไม่ใช่อีกหรือ?
กริดไม่อยากจินตนาการเลยว่า การรวบรวมกระดูกให้ครบทุกชิ้นส่วนต้องใช้เวลานานเพียงใด
หากมีโอกาสดรอปส่วนเดิมซ้ำ ต่อให้กริดฆ่าทหารโครงกระดูกไปหมื่นตัว แต่ก็อาจยังรวบรวมกระดูกได้ไม่ครบทุกส่วน
‘ถ้าส่วนใดเสริมแกร่งไปแล้ว ดูเหมือนจะเสริมแกร่งซ้ำไม่ได้สินะ… หือ?’
กริดพลันตระหนักได้ว่า ความกังวลของตนมีมากเกินจำเป็น
[ท่านได้รับไอเท็ม ‘เศษชิ้นส่วนกระดูกของทหารโครงกระดูก’]
แกร่ก! แกร่กแกร่ก!!
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เศษกระดูกที่ดรอป ในภายหลังเกือบทั้งหมดคือส่วนที่ยังขาดไป
ใช่แล้ว
ตรงข้ามกับที่เขากังวล เศษกระดูกหายากแทบไม่ดรอปซ้ำในส่วนเดิม
‘บ้าบอสิ้นดี…’
เมื่อเห็นโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์จ้องมองเศษกระดูกด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เป็นอีกครั้งที่กริดตระหนักถึงความสำคัญของค่า ‘โชคดี’
ชีวิตก่อนจะมาเจอซาทิสฟายล้วนเต็มไปด้วยความบัดซบและอับโชคเสมอ…
ทันใดนั้น ร่างกายโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
[หมายเลขหนึ่งและสองได้เสริมแกร่งกระดูกครบทุกส่วน!]
[การตื่นครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์!]
[แต้มสถานะทุกชนิดของหมายเลขหนึ่งและสองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!]
พวกมันสูงกว่าเดิม 1.2 เท่า นอกจากกะโหลกที่ใหญ่เป็นทุนเดิม กระดูกตามลำตัวที่เคยแห้งและเปราะบางได้ขยายขนาดขึ้นเล็กน้อย
เป็นรูปร่างที่สมส่วนกว่าเผ่าเนตรมารนิดหน่อย… กริดคิดเช่นนี้ จนกระทั่งกะโหลกพวกมันขยายขนาดเป็นขั้นตอนสุดท้าย มันกลับมามีส่วนหัวที่โตผิดธรรมชาติอีกครั้ง
‘ต้องเร่งมืออีก!’
กริดไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทหารโครงกระดูกอย่างบ้าคลั่ง
เป้าหมายคือการอัปเลเวลโครงกระดูกให้ถึง 200 ระดับ โดยในปัจจุบัน เลเวลของพวกมันคือ 198
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
หมายเลขหนึ่งและสองนับว่าค่อนข้างอ่อนแอสำหรับจุดเก็บเลเวลปัจจุบัน พวกมันตายบ่อยครั้ง ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะแม้แต่ทีราเม็ทสุดถึกก็มิได้คงกระพัน มันถูกฆ่าตายไปหนหนึ่งและกริดต้องอัญเชิญขึ้นมาใหม่
ไม่มีทางเลือก กริดตัดสินใจฆ่ามอนสเตอร์ไปพร้อมกับเน้นคุ้มครองโครงกระดูกทั้งสอง
…ไม่กี่วันถัดมา
[หมายเลขหนึ่งและสองเลเวลอัป]
[หมายเลขหนึ่งและสองสามารถพัฒนาคลาสได้แล้ว!]
กริดสำเร็จในสิ่งที่หวัง ขณะหมายเลขหนึ่งและสองกำลังจะเต้นรำอย่างมีความสุขตามปรกติ… กริดรีบห้ามไว้เสียก่อน โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ทำได้เพียงยืนนิ่งและจ้องมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
อึก… กริดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะยืนอ่านรายชื่อ ‘คลาสที่พัฒนาได้’ บนหน้าต่างรายละเอียดโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,378
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ขอบคุณมากครับ☺️😊☺️😊☺️😁
ReplyDelete