จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 988
‘สร้างจากกระดูกเด็กพวกนี้ก็ไม่เลว’
ก็อกก็อก!
กริดใช้นิ้วเคาะกระดูกสีทองของหมายเลขหนึ่ง มันทั้งแข็งและแน่นจนแทบไม่ส่งเสียง
‘โดยทั่วไป กระดูกถือเป็นวัสดุพิเศษ มันสามารถลับให้คมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่แลกมาด้วยค่าความคงทนที่ต่ำมาก ในทางกลับกัน กระดูกสีทองของเจ้าพวกนี้ทั้งแข็งและทนทาน ค่าความคงทนอาจไม่ด้อยไปกว่าโอริชาลคั่มสีน้ำเงินด้วยซ้ำ’
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษ การต้องใช้กระดูกของมอนสเตอร์เลเวล 350 เพื่อพัฒนาร่างกายคือเครื่องพิสูจน์
แถมในอนาคต กระดูกของพวกมันยังมีโอกาสพัฒนาเพิ่มจากปัจจุบันได้อีก
คงต้องเป็นกระดูกอันเดดที่มีคุณภาพสูงกว่าทหารกัลกุนอส กริดตัดสินใจสะสมกระดูกอันเดดรูปร่างมนุษย์เตรียมรอไว้ในอนาคต
‘นั่นเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ด้วยเวลา’
กระดูกของพวกมันจะถูกเสริมแกร่งอย่างต่อเนื่องยิ่งเวลาผ่านไป คงเป็นระบบที่ช่วยพัฒนาตัวละครให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
ไม่เพียงเท่านั้น โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ยังดึงกระดูกตัวเองออกมาสร้างไอเท็มได้เท่าที่พวกมันต้องการ
วิธีผลิตไอเท็มสุดพิสดารเช่นนี้เป็นไปได้เพราะมีพลังฟื้นกระดูกของหมายเลขสองคอยสนับสนุน
ใช่แล้ว กริดไม่ต้องลงทุนสิ่งใดเลย
พลังอันมหาศาลและไร้ขีดจำกัดได้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว ในทางทฤษฎี มันคือสมมติฐานสุดสมบูรณ์แบบ
…แต่ยังเหลือปัญหาใหญ่อีกหนึ่งข้อ
‘เราต้องยอมสละทักษะออกแบบไอเท็ม…’
สูตรผลิตไอเท็มทั่วไปไม่มีทางใช้วัสดุจากโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์แน่
ในเมื่อไม่มี เขาก็ต้องสร้างขึ้นมาเอง
ทักษะการออกแบบของช่างตีเหล็กในตำนานมีจำนวนครั้งจำกัด กริดคอยใช้มันอย่างระมัดระวังอยู่เสมอ
‘และหากคำนึงว่า โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สามารถเปลี่ยนชนิดกระดูกได้ในอนาคต…’
ออกแบบแค่สองครั้งคงไม่พอ กริดจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนกว่านี้
ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดพลางใช้มือลูบกะโหลกพวกมัน หมายเลขหนึ่งและสองกำลังเอียงคอสงสัยอย่างฉงน
[เหลือเวลาออนไลน์ประจำวันอีกห้านาที]
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กริดเร่งเก็บเลเวลด้วยสปีดที่ไม่มีใครเอื้อมถึง
ไม่เพียงเกิดจากพลังสุดโกงของกริด แต่ยังรวมถึงความขยันหมั่นเพียร
ชายหนุ่มมีตารางเวลาชีวิตที่เคร่งครัดมาก ภายในหนึ่งวัน เวลา 16 ชั่วโมงเต็มจะหมดไปกับการเล่นเกม ที่เหลือคือช่วงทานอาหาร ออกกำลังกาย และนอน ซึ่งน้อยกว่าคนอื่น
แต่เขาไม่ได้ฝืนตัวเอง ชายหนุ่มทำเช่นนี้ทุกวันเป็นประจำจนชินแล้ว
“อา…”
กริดล็อกเอาต์และกลับกลายเป็นชินยองวูอีกครั้ง สีหน้าขณะลุกออกจากแคปซูลค่อนข้างอิดโรย เขาต้องการทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพร้อมกับหลับฝันดี
ร่างกายกำลังอ่อนล้าสุดขีด ถึงขนาดมั่นใจว่าตัวเองสามารถหลับได้เป็นวัน โดยเฉพาะอาการเหน็ดเหนื่อยทางใจที่ส่งผลกระทบอย่างมาก
นับตั้งแต่จบการแข่งตะลุมบอนราชาอสูร กริดต้องการเวลาพักผ่อนที่มากขึ้น อาจไม่เคยแสดงให้ใครเห็นภายนอก แต่การเตรียมตัวทำสงครามกับผู้เล่นสี่ร้อยคนได้กินพลังงานและพลังใจในปริมาณมหาศาล
ทว่า เมื่อหวนนึกถึงอดีตอันขื่นขม กริดกำหมัดแน่นพลางข่มใจตัวเอง เขาฝืนบังคับร่างกายให้ขยันและมีวินัย
‘นายจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนไม่ได้…’
ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด
ศัตรูทุกคนบนโลกกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อลดระยะห่าง ถ้ายังทำตัวติดประมาท สักวันคงถูกถีบลงจากบัลลังก์และกลับไปเป็นไอ้ขี้แพ้คนเดิม
เพี้ยะ!
‘ต้องพยายามให้มากกว่านี้’
ชินยองวูใช้ฝ่ามือตบสองข้างแก้มและรีบเดินไปล้างหน้าด้วยน้ำเย็น วอร์มร่างกายเบื้องต้น จากนั้นก็เข้าไปน้ำอาบฝักบัว
เมื่ออาบเสร็จ ชายหนุ่มเปิดประตูหยิบชุดวอร์มในตู้เสื้อผ้าสวม
วันนี้คือวันครบรอบหนึ่งปีการจากไปของข่าน ในซาทิสฟายที่เวลาเดินเร็วกว่าโลกจริงสามเท่า กริดและชาวโอเวอร์เกียร์ได้เยี่ยมเยียนหลุมศพข่านตลอดสองปีที่ผ่านมา
แต่สำหรับยองวู เพียงเท่านี้ยังไม่พอ เขาต้องการแสดงความระลึกถึงข่านบนโลกจริง
เป็นวิธีเดียวที่ทำให้จิตใจชินยองวูสงบลง
กึก!
ชายหนุ่มกดปุ่มเรียกลิฟต์เพื่อลงไปยังด้านล่าง ลิฟต์เคลื่อนตัวจากชั้นล่างสุดขึ้นมาด้วยความเร็วสูง แต่มันหยุดก่อนถึงดาดฟ้าหนึ่งชั้น
เป็นทูน หลังจากได้รับสัญญาณว่ายองวูกดเรียกลิฟต์ มันรีบโดยสารขึ้นมาพร้อมกับลิฟต์เพื่อคอยอำนวยความสะดวก
“จะไปไหนหรือ?”
“หาอะไรดื่ม”
“ตกลงครับ”
เมื่อเห็นทูนเตรียมสวมเสื้อโค้ต ยองวูรีบโบกมือห้าม
“ฉันขอไปคนเดียว”
“ไม่ได้”
ทูนยืนกราน
มันไม่มีทางปล่อยให้ตัวตนที่โด่งดังในซาทิสฟายอย่างกริดออกไปด้านนอกตามลำพัง
“ถ้าคุณอยากดื่มคนเดียว ผมนั่งจะรอที่โต๊ะอื่น”
ทูนกล่าวด้วยสำเนียงเกาหลีใต้ที่เริ่มคุ้นชิน
กริดฝืนยิ้มจืดชืด
“ขอบคุณมาก แต่ฉันอยากอยู่ตามลำพัง ไม่ต้องเป็นห่วง พักหลังมานี้ ฉันเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของชาวเกาหลีใต้แล้ว ไม่มีใครจ้องทำร้ายมาสักพักใหญ่”
ถ้าเป็นที่เกาหลีใต้ เขามั่นใจว่าตัวเองยังปลอดภัย ในสายตาชาวเกาหลี ทั้งชินยองวูและกริดคือวีรบุรุษของใครหลายคน
‘หรือว่า… วันนี้ครบรอบวันตายข่านสินะ’
ทูนเริ่มเข้าใจสถานการณ์
เขายืนจ้องบุคคลเบื้องหน้าอยู่นาน จนกระทั่งยอมพยักหน้าในที่สุด
“อย่างน้อยผมขอขับรถตามหลังไปด้วย จะรักษาระยะห่างให้มากที่สุด คุณจะได้รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว”
“…”
“นี่คือขั้นต่ำที่ผมยอมอนุโลม”
“…เข้าใจแล้ว”
ยองวูและทูนลงลิฟต์มายังลานจอดรถพร้อมกัน บุคคลทั้งสองได้ครองบัลลังก์ระดับท็อปของซาทิสฟายนานกว่า 13 ปีแล้ว หรือเทียบเป็นห้าปีในชีวิตจริง
รถยนต์สุดหรูสองคันวิ่งตามกันบนถนนหลวงในระยะไม่ห่างมาก ผู้ชมสองข้างทางต่างเหลียวมองตามเป็นตาเดียว
***
โรสตอบสนองได้รวดเร็ว
ในฐานะจอมเวทมืดแรงค์หนึ่งของโลก
ในฐานะสมาชิกระดับสูงของวิหารยาธาน
หูตาของมันย่อมกว้างไกล
โรสเป็นคนมีความสามารถ มีพลังอำนาจ รวมถึงมีความงามในระดับน่าหลงใหล ส่งผลให้เธอเป็นที่นิยมในหมู่แรงเกอร์ และโรสก็รู้จักใช้ความนิยมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เธอปรากฏตัวในรายการทีวีชื่อดังพร้อมกับเผยให้คนทั่วโลกรับรู้ว่า กิลด์โอเวอร์เกียร์กำลังตามคุกคามชีวิตของตนอย่างหนัก
“คนหมู่มากกำลังรุมคุกคามผู้เล่นเพียงคนเดียว การกระทำเช่นนี้ถูกต้องชอบธรรมแล้วจริงหรือ? กิลด์อันดับหนึ่งอย่างโอเวอร์เกียร์ที่ควรประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง พวกเขากลับขาดจริยธรรมเสียเอง ดิฉันต้องทำอย่างไร? จะให้เลิกเล่นซาทิสฟายงั้นหรือ? หากปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่แก้ไข เราไม่มีทางทราบเลยว่า ในอนาคตพวกเขาจะใช้พลังอำนาจคุกคามใครอีกบ้าง อาจต้องมีบุคคลที่โชคร้ายเหมือนอย่างดิฉันเกิดขึ้นอีก”
เพียงพริบตา เกิดความฮือฮาขึ้นทั่วโลก
มวลชนจำนวนมากประณามพฤติกรรมของกริดและกิลด์โอเวอร์เกียร์ โดยหนนี้แตกต่างจากเมื่อครั้งเหตุการณ์อิมมอทัลบุกถล่มเมืองหลวง
โรสเน้นหนักว่าเธอคือ ‘บุคคล’ ส่วนกิลด์โอเวอร์เกียร์คือ ‘กลุ่มคน’ ที่รุมคุกคามทุกวิถีทาง เธอพยายามเน้นวลี ‘ถูกรุมกระทำ’ เพื่อขอความเห็นใจ
ซึ่งมันก็ได้ผลอย่างมาก
ไม่ว่าจะมองมุมใด แต่การที่คนหมู่มากรุมคุกคามผู้เล่นเพียงคนเดียวย่อมถูกมองว่าเป็นไอ้ขี้ขลาด
ผู้คนออกมาประณามการกระทำของกิลด์โอเวอร์เกียร์อย่างหนัก โดยอ้างคำพูดโรสที่ว่า เธอไม่ต้องการให้มีเหยื่อแบบตนเกิดขึ้นอีกในอนาคต
แน่นอน กิลด์โอเวอร์เกียร์ดำเนินการตอบโต้ ผู้เป็นปากเสียงแห่งกิลด์อย่างฮิวรอยได้ออกแถลงการณ์
“ข้ารับใช้ยาธานโรสได้สังหารผู้เล่นและ NPC เป็นจำนวนมาก พวกเราเข้าใจว่านั่นคือสิทธิ์ที่ผู้เล่นในซาทิสฟายทุกคนพึงมี และพวกเราไม่เคยคิดประณามการกระทำอันป่าเถื่อนของเธอมาก่อน แต่เมื่อใดที่สมาชิกโอเวอร์เกียร์หรืออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้รับความเดือดร้อน เรื่องราวจะเปลี่ยนไป เฉกเช่นเธอที่มีสิทธิ์เข่นฆ่าผู้คนในเกม พวกเราย่อมมีสิทธิ์ไม่ต่างกัน ทุกคนต้องยอมรับสะท้อนจากการกระทำของตัวเองในอดีต และนี่มิใช่การคุกคาม หากแต่เป็นการแก้แค้นอย่างชอบธรรมด้วยระบบของเกม โรสต้องชดใช้ในบาปที่เคยก่อไว้กับพวกเรา”
ไม่ใช่การรุมคุกคามบุคคลที่อ่อนแอ
ฮิวรอยเน้นหนักอย่างมีเหตุและผล ซึ่งคำแถลงการณ์ของมันก็ได้ผลกว้างขวางเป็นที่น่าพึงพอใจ
โดยเฉพาะเรื่องที่โรสเป็นข้ารับใช้ยาธานแสนอันตราย ผู้คนจำนวนมากย่อมไม่ชอบหน้าเธอเป็นทุนเดิม และเมื่อกิลด์โอเวอร์เกียร์ชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หลายฝ่ายจึงออกมาสนับสนุนและปกป้องอย่างเต็มตัว
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ปกป้องหรือเห็นด้วยกับโอเวอร์เกียร์
= พวกสุนัขโอเวอร์เกียร์ยังทำตัวกร่างไปทั่วเหมือนเดิม
= แค่เห็นการผูกขาดดันเจี้ยนแวมไพร์ก็รู้แล้ว
= เศษสวะ ผูกขาดจุดเก็บเลเวลสำคัญเพื่อหวังให้อาณาจักรร่ำรวย
= กวาดเหรียญทองในงานแข่งนานาชาติไม่พอ ยังกอบโกยผลประโยชน์ในเกมอีกหรือ?
= พวกนายแยกแยะกันหน่อย! ชาวโอเวอร์เกียร์ได้รับเหรียญทองนานาชาติเพราะความแข็งแกร่งส่วนตัว ส่วนดันเจี้ยนแวมไพร์ก็เป็นจุดเก็บเลเวลในอาณาจักร พวกเขามีสิทธิ์ครอบครองอย่างชอบธรรม ไม่มีความจำเป็นต้องแบ่งให้ใครเข้าไปด้วยซ้ำ… แต่ถึงอย่างนั้น สมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์หลายคนก็ปากหมาไปหน่อย
= ตลกชะมัดเวลาเห็นชาวเน็ตรุมด่ากิลด์โอเวอร์เกียร์อย่างสนุกปาก พวกเขาทำอะไรให้พวกนายงั้นหรือ? ทำไมคนที่ไม่ได้พยายามอะไรเลยแบบพวกนายถึงเอาแต่ด่าแรงเกอร์ที่พยายามอย่างหนัก?
= ทั้งที่แรงเกอร์เหล่านี้ฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ชาวเน็ตกลับบอกว่าพวกเขาเอาเปรียบเนี่ยนะ? น่าขันชะมัด จะให้พวกเขาใช้ชีวิตกระจอกแบบพวกแกรึไง? LOL
= สมาชิกโอเวอร์เกียร์หลายคนรวยตั้งแต่ก่อนเข้ากิลด์แล้ว พวกแกจำแค็ทซ์ไม่ได้หรือ? ลองไปด่าแค็ทซ์ต่อหน้าสิ แล้วฉันจะรอดูว่าศพพวกแกจะถูกใส่ถุงดำโยนลงทะเลในอีกกี่วัน
= แต่พีคซอร์ดเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติสุดโต่ง หมอนั่นเป็นขยะ
= ป็อนเอาแต่ล้อว่าแวนเนอร์หัวล้าน ขนาด ‘จอนแดฮยอบ’ บอกให้หยุดล้อ แต่มันก็ไม่สนใจ…
= ใครคือจอนแดฮยอบ?
= สมาคมคนหัวล้านแห่งชาติ
= เอ่อ…
กิลด์โอเวอร์เกียร์ไม่ควรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้แล้ว เพราะหากเป็นเช่นนั้นนั้น พวกมันอาจได้ครอบครองทุกสิ่งในอนาคต
หลายคนกังวลกับเรื่องดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับจิตใจริษยา แต่เป็นความหวาดกลัวที่มีเหตุและผลรองรับ
ไม่ว่าจะบริหารภาพลักษณ์ภายนอกได้ดีเพียงใด แต่คนจำนวนไม่น้อยกำลังหวาดกลัวการผูกขนาดจากขั้วอำนาจฝ่ายเดียว
ทว่า ฝ่ายสมาชิกโอเวอร์เกียร์มิได้เป็นเดือดเป็นร้อน
พวกมันเคยเจอสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันบ่อยครั้ง และคราวนี้ก็เช่นกัน แต่ละคนล้วนเตรียมตัวรับแรงกดดันไว้ล่วงหน้า
ลอเอลมอบคำแนะนำแก่ฮิวรอย
“ไม่ต้องตอบอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องสนว่ามวลชนจะกล่าวเช่นไร แต่สิ่งเดียวที่พวกเราจะทำคือการรุมกดดันโรสจนถึงที่สุด”
เจตนาของลอเอลไม่ซับซ้อน มันต้องการบีบคั้นให้โรสได้รับผลกระทบทางจิตใจ
และแน่นอน โรสย่อมทราบว่าฝ่ายโอเวอร์เกียร์เต็มไปด้วยกลุ่มคนไม่ปรกติ พวกมันไม่สะทกสะท้านต่อแรงกดดันจากมวลชนที่ถาโถม เธอจึงพยายามเจรจาต่อรอง
โรสติดต่อผ่านทางเพื่อนของลอเอล เธอต้องการส่งข้อความเสียงคุยกับลอเอลโดยตรง
แน่นอน ลอเอลตอบรับทันที
> พวกนายมาวุ่นวายกับฉันทำไม? เป็นเพราะเหตุการณ์บุกถล่มวาติกันงั้นหรือ?
> เธอทำให้ชีวิตขององค์ชายและราชินีตกอยู่ในอันตราย พวกเราคงมองข้ามเรื่องนั้นไม่ได้
> ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นเป็นองค์ชายกับราชินีโอเวอร์เกียร์! ฉันแค่เล่นไปตามภารกิจ ฉันไม่ใช่แกนนำบุกถล่มวาติกัน!
> เธอจะอ้างไม่รู้ไม่ได้ ในช่วงที่สันตะปาปาดาเมี่ยนรับตำแหน่งสมัยที่สอง องค์ชายและราชินีก็เข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งและถูกเปิดเผยใบหน้าไปทั่วโลก เธอไม่มีทางไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างโอเวอร์เกียร์และสันตะปาปา
ขณะกำลังต้อนโรสให้จนมุม ลอเอลเสนอทางออก
> เธอมีสองทางเลือก หนึ่งก็คือ ประกาศตัวว่าวิหารยาธานอยู่เบื้องหลังการสังหารช่างฝีมือเจ็ดอาณาจักร และแอ็กนัสเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือตัวเลือกที่สอง… เธอจะถูกโอเวอร์เกียร์คุกคามไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
> แอ็กนัส? …อย่าบอกนะว่าหมอนั่นเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์แล้ว? เป็นไปไม่ได้! เพราะมันช่วยชีวิตองค์ชายและราชินีงั้นหรือ?
> เธอไม่มีสิทธิ์ถาม แค่ตอบฉันมา
โรสไม่ใช่คนใจร้อน มันไตร่ตรองอย่างเยือกเย็นและพยายามมองหาทางออกของปัญหา
ข้ารับใช้ยาธาน
ตำแหน่งทางสังคมระดับสูงที่ถูกแต่งตั้งหลังจากบรรลุเงื่อนไขหลายปัจจัยของวิหารยาธานครบ กว่ามันจะได้ครอบครอง ไม่มีใครทราบว่าโรสต้องสละสิ่งใดไปบ้าง
เธอตัดสินใจปฏิเสธ
> คงไม่ได้ นายไม่รู้รึไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากฉันทรยศวิหารยาธาน? ฉันหนีลงนรกแบบยูร่าไม่ได้หรอกนะ!
> แล้วเธอจะเสียใจ
> หือ? ย่อมได้! ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามวลชนทั่วโลกจะมีความเห็นยังไงหลังจากได้เห็นวิดีโอที่คนของโอเวอร์เกียร์ทำร้ายฉันที่ไม่มีทางสู้!
เป็นท่าทีตอบสนองที่ประหลาด แต่ลอเอลยังคงแสยะยิ้ม
***
ยองวูจอดรถและเดินเข้าร้านค้าริมทางซึ่งห่างไกลตัวเมือง ชายหนุ่มมองหาร้านปลอดคนอยู่นานหลายชั่วโมงแล้ว
“โอ้! คนดังนี่นา”
เมื่อยองวูเดินเข้าไปด้านใน คุณป้าเจ้าของร้านรีบกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เธอแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อดาราดังระดับโลกเลือกทานอาหารร้านตน สีหน้าเจ้าของร้านเป็นกังวลเล็กน้อย เธอไม่มั่นใจว่าเครื่องดื่มและอาหารจะถูกปากชายหนุ่มหรือไม่
ยองวูนั่งลงพลางอมยิ้ม
“ไม่ต้องกังวลไปครับ ราวห้าปีก่อน ผมเคยไม่มีเงินแม้แต่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดังนั้นผมไม่ใช่คนหัวสูง ขอเป็นโซจูกับตีนไก่ก็พอ”
“จ… จริงด้วย! ฉันเพิ่งนึกได้ว่าคุณสร้างฐานะด้วยตัวเอง เป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมาก… ฉันพูดจริงนะ”
“ผมแค่โชคดี”
“หืม บนโลกนี้ไม่มีคนโชคดี มีแต่พรสวรรค์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคให้เป็นความสำเร็จ”
หัวใจยองวูเริ่มพองโตหลังจากได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน
หลังจากนั้นไม่นาน เธอยกอาหารและเครื่องดื่มมาให้ ชายหนุ่มรินโซจูใส่แก้วและยกขึ้นเพื่อสูดกลิ่น
เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์เตะจมูก เขาหวนนึกถึงวันแรกที่ได้พบข่านที่กำลังติดเหล้าอย่างหนัก
แน่นอน ชายแก่ที่สูญเสียภรรยาและบุตรชายจนมีอาการพิษสุราเรื้อรัง กลิ่นตัวของเขาเข้าขั้นรุนแรง
‘ข่านต้องผ่านอะไรมาบ้าง…’
ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในโลกอันโหดร้าย
ยองวูมิอาจจินตนาการความสิ้นหวังและเดียวดายที่ข่านได้รับในช่วงนั้น
แต่ท้ายที่สุด ข่านก็เอาชนะอารมณ์ด้านลบของตัวเองได้ เขาเลิกติดเหล้าและกลับมามีไฟในการตีเหล็กอีกครั้ง
เมื่อลองคิดย้อนกลับไป มันน่าขันไม่น้อย
‘ในตอนนั้น แค่ทุบค้อนให้ตรงยังยากเลย’
ช่างตีเหล็กที่ร้างเตาหลอมไปติดเหล้าหลายปี ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง
บทสรุปลงเอยด้วย ข่านเลิกเหล้าได้เด็ดขาดและกลับมาตีเหล็กอย่างมั่นคง เขาพร่ำสอนพื้นฐานแก่ยองวูที่ยังอ่อนหัด
…รวมถึงบทเรียนการใช้ชีวิตอันมีค่า
‘ได้โปรดมีความสุขในทุกลมหายใจ’
ในวันแรกที่พบกัน ข่านดำดิ่งอยู่กับความโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิต ข่านจากไปโดยที่ไม่ได้อยู่ตามลำพัง
เขาคงหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้หวนกลับไปพบครอบครัวบนสวรรค์
และนั่นคือสาเหตุที่ยองวูเบาใจ
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มดื่มหมดแล้ว ชินยองวูจะสวดภาวนาให้ข่านบนสวรรค์มีความสุข ถึงจะเป็นโลกคนละใบก็ตาม
“…”
…ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบได้
ตีนไก่ในจานยังไม่ถูกแตะต้องแม้แต่ชิ้นเดียว ซุปอุดุ้งก็เช่นกัน พวกมันเริ่มแห้งและชืด เครื่องเคียงพื้นฐานซึ่งเป็นแตงกวาก็เริ่มคล้ำเมื่อสัมผัสอากาศ
เบื้องหน้าชายหนุ่ม โซจูสามขวดซึ่งว่างเปล่ากำลังตั้งวางเรียงราย
‘ต้องกลับแล้ว…’
อันที่จริง เขาอยากดื่มด่ำกับความทรงจำเกี่ยวกับข่านอีกสักนิด แต่ความสำคัญส่วนรวมต้องมาก่อน ยองวูควรรีบนอนและตื่นมาเล่นซาทิสฟายให้ตรงเวลาในวันพรุ่งนี้
สีหน้าของชายหนุ่มห่อเหี่ยวเล็กน้อยหลังจากยืนยันเวลาแน่ชัด เขาเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกพร้อมกับจัดการโซจูแก้วสุดท้าย
‘ข่าน… ไว้ดื่มกันใหม่ปีหน้า’
โลกนี้มีดวงวิญญาณหรือไม่?
คงไม่มีใครตอบได้ชัดเจน
แต่ผู้คนมักหวนระลึกถึงบุคคลที่ล่วงลับอยู่เสมอ ยองวูเองก็ไม่ต่างกัน
ชายหนุ่มจัดการกับเครื่องดื่มที่เหลือพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“หืม… นักเลง?”
เสียงอันไม่พึงประสงค์ดังเอะอะโวยวายจากทางเข้าร้าน เมื่อหันกลับไปมอง ยองวูได้พบนักเลงสี่คนที่มีอายุราวยี่สิบ ใบหน้าของพวกมันกำลังแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทั้งสี่เดินเข้ามาในร้านและนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง
“อยากอัดคนว่ะ… แรงเหลือชะมัด อยากซัดคนซักหมัดสองหมัดให้สาแก่ใจจังโว้ย!”
ยองวูเมินเฉย เขาหันไปจ่ายเงินเจ้าของร้านพลางกล่าวด้วยท่าทีสุภาพ
“ขอโทษนะครับ รบกวนนำกับข้าวที่เหลือใส่ถุงให้ด้วย”
“ได้ค่ะ ขอเวลาสักครู่”
เมื่อสัมผัสถึงวี่แววการทะเลาะวิวาท เจ้าของร้านจึงรีบเทกับตีนไก่ใส่ภาชนะสำหรับห่อกลับ
ทันใดนั้น ขณะแขกกลุ่มใหม่เดินทยอยเข้ามาในร้าน นักเลงสี่คนซึ่งตะโกนโหวกเหวกเมื่อครู่ได้กรูเข้ามาล้อมยองวูไว้ทุกทิศ
“หมอนี่งกชะมัดเลยว่ะ! ดูมันทำเข้าสิ! ห่ออาหารเหลือกลับบ้านด้วย ถ้าเป็นฉันคงเทให้หมาจรจัดแถวนี้กินไปแล้ว! คุฮ่าฮ่า!”
“เสียงดังอะไรกัน?”
“อ๊ะ! นั่นกริดนี่นา!”
แขกกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาต่างจดจำใบหน้ากริดได้ พวกมันรีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมถ่ายโดยไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
ในตอนแรก พวกมันมีเจตนาถ่ายภาพนิ่ง แต่กลับเปลี่ยนใจอัดวิดีโอกลางคัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าท้องฟ้าแห่งซาทิสฟายจะเลือกทานอาหารร้านข้างทางเช่นนี้ ต้องเป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจแน่
“เฮ้! คิดเมินกันรึไง? เวลาคนอื่นถามก็หัดตอบบ้างสิวะ!”
“คิดว่าตัวเองเจ๋งรึไง? ถ้าเป็นในเกมฉันคงตายไปแล้วสินะ? หือ?”
“ไหนโชว์วิชาดาบแพ็กม่าให้ดูหน่อยสิ… ย่าห์ ย่าห์!”
“คิฮ่าฮ่าฮ่า! ตลกชะมัด!!”
หากเจออันธพาล ยิ่งเรายืนนิ่ง พวกมันยิ่งได้ใจและคิดว่าเป็นกระสอบทรายให้อัดเล่น
การต่อปากต่อคำรุนแรงขึ้นทุกขณะ
พวกมันทั้งสี่เลียนแบบท่าทางวิชาดาบแพ็กม่าอย่างยียวนพร้อมกับส่งเสียงเยาะเย้ย
เมื่อบรรยากาศพาไป เริ่มมีคนเลยเถิดจนล้ำเส้น มันคว้าขวดเหล้าและง้างฟาดใส่ยองวูเต็มแรง
“พ่อหนุ่ม!”
คุณป้าเจ้าของร้านที่คิดเข้ามาห้ามอันธพาลทั้งสี่ เธอพลันชะงัก
ส่วนแขกซึ่งกำลังใช้โทรศัพท์อัดวิดีโอ พวกมันส่งเสียงโหวกเหวกลนลานดังไปทั่วร้าน
ทว่า…
หมับ!
“…หือ?”
ยองวูใช้มือรับขวดเหล้าไว้แน่นถนัด เขาออกแรงกระชากให้หลุดจากมืออีกฝ่ายและวางมันลงบนโต๊ะอย่างเบามือ จากนั้น ชายหนุ่มยกแขนอีกข้างขึ้นโดยเล็งสันมือไปยังศีรษะของนักเลงที่อยู่ใกล้
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา ฝ่ามือของยองวูตวัดพลิ้วไหวประหนึ่งสายน้ำ รวดเร็วดุจดังอสนีบาต กลุ่มนักเลงต่างพากันผงะกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ยองวูไม่ได้ทำร้ายพวกมัน
ชายหนุ่มเลือนสันมือลงและใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มนักเลงที่ยืนล้อมทีละคนสองคน
…ผลลัพธ์น่าเหลือเชื่อมาก
“ฮ๊าง…”
บุรุษร่างกายกำยำสี่คนพลันทรุดคุกเข่าอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เอ๋…?”
กลุ่มคนที่กำลังถ่ายวิดีโอต่างตกตะลึงประหนึ่งเห็นผี หางตาพวกมันกระตุกระรัว
กริดไม่ได้ทำร้ายอีกฝ่าย เพียงใช้มือลูบแก้มก็สยบกลุ่มนักเลงตัวใหญ่ได้แล้วงั้นหรือ?
ฉากเมื่อครู่อยู่เหนือสามัญสำนึกคนปรกติมากทีเดียว
“ขอบคุณครับป้า ขอให้ค้าขายร่ำรวย”
ท่ามกลางความเงียบงัน ยองวูรับถุงอาหารที่คุณป้าเจ้าของห่อให้ เขาเดินออกจากร้านพลางกล่าวคำอวยพร
ด้านนอก ทูนกำลังยืนกอดอกรอกริดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นั่นคง… เป็นลอเอลสินะ?”
“…”
เหตุผลนั้นง่ายมาก
แม้จะเห็นเต็มสองตาว่ายองวูถูกรุมล้อม แต่ทูนก็มิได้เดินเข้ามาปกป้อง กลุ่มแขกที่ถ่ายวิดีโอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าใจว่าเป็นลอเอล
พวกมันที่เคยอยู่ฝ่ายสนับสนุนโรสพลันเกิดคำถามในหัว ท่าทีของกริดแตกต่างจากจินตนาการโดยสิ้นเชิง ชายคนนั้นไม่ทำร้ายอันธพาลที่ข่มขู่ตัวเอง และไม่ใช่พวกมั่งคั่งอวดร่ำอวดรวยที่กินทิ้งกินขว้าง
“เขาไม่ได้สร้างภาพ…”
สามชั่วโมงถัดมา
วิดีโอที่ชื่อ ‘กริดในชีวิตจริงกำราบสี่อันธพาลโดยไม่ใช้ความรุนแรง’ กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมทั่วโลกอินเทอร์เน็ตทันที
มวลชนหลายฝ่ายกล่าวยกย่องพฤติกรรมของกริดที่ไม่ใช้กำลังจัดการแม้จะถูกรุมข่มเหงอยู่ฝ่ายเดียว
บางส่วนเริ่มเคลือบแคลงในตัวโรส
ไม่แน่ว่า… เธออาจทำเรื่องเลยเถิดกับโอเวอร์เกียร์จนกริดที่ใจเย็นถึงกับฉุนขาด
= ในอดีต พวกอิมมอทัลกระทำความผิดจริง มันฆ่าช่างเหล็กคนสำคัญของโอเวอร์เกียร์ จึงเป็นที่มาของประกาศจับตาย… ทว่านับแต่นั้น กิลด์โอเวอร์เกียร์ก็ไม่เคยใช้พลังอำนาจข่มเหงใครอีกเลย จนกระทั่งโรสออกมาโวยวาย
= บางที โรสอาจทำในสิ่งที่ยากจะอภัยก็ได้
= ไม่ผิดแน่ โรสคงเล่าความจริงไม่หมด
= หมุนตัว 90 องศาเพื่อหันมากล่าวอวยพรกับคุณป้าเจ้าของร้าน… เท่ชะมัด!!
= ก็อดกริดห่อตีนไก่กลับบ้าน…
สมาคมเกาหลีใต้จงเจริญ
พวกมันเชี่ยวชาญการชักจูงมวลชนด้วยคีย์บอร์ด แถมยังคัดเฉพาะบุคคลที่ชำนาญอย่างน้อยสี่ภาษา กลุ่มคนเหล่านี้คือหัวกะทิซึ่งคอยกล่าวเชิดชูเกาหลีใต้เมื่อสบโอกาส เมื่อมีหลายคนแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ชาวเน็ตทั่วไปจึงรู้สึกเกิดอารมณ์คล้อยตาม
ปัจจุบัน มวลชนเริ่มไม่เข้าข้างโรสอีกต่อไป
ทันทีที่ทราบข่าว ใบหน้าโรสพลันขาวซีด และแน่นอน เธอยังคงคิดไวทำไว
> …ฉันจะขจัดมลทินให้แอ็กนัส แต่ต้องด้วยวิธีที่ฉันไม่กลายเป็นคนทรยศ ดังนั้น นายต้องร่วมมือเพื่อทำให้เรื่องเงียบมากที่สุด หวังว่าจะเห็นใจกันบ้าง
> ทำให้เสร็จในสามวัน
> สั้นเกินไปแล้ว…
> เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรอง
> …ก็ได้ ฉันจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ดังนั้นช่วยสั่งให้นักฆ่าหยุดมือก่อน
ไม่มีสิ่งใดโง่เขลาไปกว่าการหันคมดาบใส่โอเวอร์เกียร์
โรสเพิ่งตระหนักถึงความจริงอันโหดร้ายหลังจากหลงระเริงกับชื่อเสียงและพลังอำนาจอยู่นาน
แต่กระนั้น ภายในใจโรสมิได้ปล่อยวาง หล่อนยังคงลอบลับคมมีดในเงามืด
เธอกัดฟันทน รอให้องค์ชายเบนัวต์อัญเชิญจอมอสูรตนใหม่ออกมาจัดการกับกิลด์โอเวอร์เกียร์อย่างราบคาบ
จนกว่าจะถึงเวลานั้น โรสต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,381
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ผมคงอ่อนไหวง่ายมีน้ำตาซึมด้วย☺️
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ🙏
ฝ่าบาททำได้ยอดเยี่ยม อย่างที่กระหม่อมได้จินตนาการเอาไว้ คุคุๆ
ReplyDelete°/\°
มานี่ได้ไงลอเอล???
Deleteตอนนแรกนึกว่าลอเอลออกมาเจอทูน 555+
Deleteอัญเชิญมาเลยค่ะหนู เอาโล่กับกระจกด้วยไหม มีให้ ไอว้อนท์ของดรอป 5555555
ReplyDelete