จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 989



เมื่อวานดื่มหนักมากก็จริง แต่เช้านี้แทบไม่มีอาการแฮง คงเพราะเราบรรจงจิบทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน นี่คือข้อดีของคนที่รู้จักคุมจังหวะ


“คุณแม่ต้มซุปแฮจังกุก*มาให้”


(*ซุปแก้เมาค้าง)


เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกตื่น จิสึกะรีบยื่นถ้วยซุปให้ยองวูซด เธอแต่งกายในชุดอยู่บ้านตามสบาย ซึ่งปัญหาคือ มันสบายเกินไป ร่างกายท่อนบนเผยให้เห็นเนื้อหนังหลายส่วน โดยเฉพาะวัตถุทรงกลมเด้งดึ๋งใต้กระดูกไหปลาร้า


“อา… ขอบใจมาก”


เป็นเรื่องดีที่ได้พบหน้าสตรีเซ็กซี่อันดับหนึ่งของโลกตั้งแต่เริ่มตื่น ขณะเดียวกันก็ถือเป็นความท้าทายอย่างมากที่ต้องควบคุมสติไม่ให้ยองวูน้อยแข็งโด่


ขณะชายหนุ่มเอื้อมมือรับถ้วยซุปด้วยสีหน้างัวเงีย จิสึกะยืนจ้องตาเป็นประกาย


“ได้เจอกันแต่เช้าแบบนี้ พวกเราเหมือนคู่แต่งงานใหม่เลยนะ ฮิฮิ”


“พรูด…!”


ยองวูพ่นซุปที่ดื่มเข้าไปด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน ชายหนุ่มรีบเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นวิวทิวทัศน์อาคารหลังใหม่ของจิสึกะที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่กี่วันก่อน


“เธอจะย้ายเข้าตอนไหน?”


“จนกว่าจะตกแต่งภายในเสร็จ กลิ่นวอลเปเปอร์ยังไม่จาง ฉุนจมูกมาก แถมเฟอร์นิเจอร์จากอิตาลียังมาไม่ถึง คงอีกราวสิบวัน… นายกำลังเสียใจใช่ไหมที่ฉันใกล้ย้ายออกแล้ว? อยากไปอยู่ด้วยกันสินะ?”


“ไม่เลย”


ได้โปรดรีบย้ายออกไปเถิด


ภาษากายของจิสึกะน่ากลัวมาก ทุกครั้งที่เธอพูดจะต้องแถมการกอดหอมด้วยเสมอ เป็นเรื่องน่ายินดีและอึดอัดในเวลาเดียวกัน


ชายหนุ่มเข้าใจว่านี่คงเป็นการทักทายตามประสาสาวอเมริกาใต้ แต่การถูกสิ่งนั้นดันแขนในทุกเช้านับเป็นเรื่องน่าหนักใจไม่น้อย


“หุ่นของนายดูดีขึ้นทุกปีเลย เก่งจังนะ…”


ทันทีที่จิสึกะกระซิบข้างหู หนุ่มน้อยยองวูพลันใช้ผ้าห่มคลุมโปงด้วยใบหน้าแดงก่ำ


จิสึกะไร้เดียงสากว่าที่คิด เธอเพียงอมยิ้มอย่างมีความสุขพลางใช้นิ้วมือที่ยาวเรียวลูบไล้ไปตามต้นแขนและแผ่นอกยองวู


“…”


เขาไม่คิดขัดขืนพฤติกรรมของจิสึกะแม้แต่น้อย การได้เชยชมเรือนร่างสุดสมบูรณ์แบบส่องกระทบกับแสงแดดสีส้มยามเช้า นับเป็นความสุขที่ยากลืมเลือนราวกับอยู่บนสวรรค์


ทันใดนั้น


“ทำอะไรกันแต่เช้า?”


เซฮีเดินเข้ามาโดยยังสวมผ้ากันเปื้อน เธอเพิ่งจัดโต๊ะอาหารเช้าเสร็จ เมื่อได้เห็นกริดและจิสึกะกำลังจู๋จี๋บนเตียง น้องสาวสุดที่รักพลันแผ่จิตสังหารใส่พี่ชาย


“น่าสงสารพี่ยูร่าจัง อย่างน้อยก็ควรให้คำตอบเธอก่อนจะเล่นอะไรแบบนี้บนเตียงนะพี่”


“ไม่ใ่ช่! นี่เป็นการเข้าใจผิด…!”


“รีบแต่งตัวกินข้าวได้แล้ว… คุณเสือผู้หญิงอันดับหนึ่งของโลก”


โครม!


ประตูถูกปิดอย่างแรงเท่าที่จะแรงได้ โชคดีที่ทำจากไม้คุณภาพสูงซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะพัง


เธอเรียกพี่ชายที่ไม่เคยจูบผู้หญิงเลยสักครั้งว่าเสือผู้หญิง…?


ยองวูรีบลุกจากเตียง ส่วนจิสึกะกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุข


***


“บอกตามตรง ฉันค่อนข้างกังวล”


มันไม่ต้องยึดติดกับแรงค์หนึ่งของโลกอีกแล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องคอยระแวงหรือกดดันอีก


‘คริส’ ผู้เล่นแรงค์หนึ่งของโลก เมื่อได้เห็นสปีดการเก็บเลเวลของกริดซึ่งกำลังไล่จี้ มันเริ่มผ่อนคลายตัวเองลง


คริสไม่ได้ต้องการเป็นแรงค์หนึ่งนานแล้ว เพียงแต่มันรักษาไว้ให้กริด และยังเพื่อชื่อเสียงโอเวอร์เกียร์ แต่เมื่อกริดกำลังเร่งสปีดเพื่อแย่งชิง เขาจึงมีเวลาหาความสุขใส่ตัวมากขึ้น ตารางการเล่นเกมผ่อนคลาสลง ซาทิสฟายกลายเป็นสิ่งมอบความสุขอีกครั้ง


แต่ปัจจุบัน มีปัญหาใหม่กำลังรบกวนจิตใจคริส …ข้ารับใช้ยาธานที่ชื่อโรส


“โรสไม่ใช่ไอ้งั่ง เราไม่ควรต้อนเธอจนมุมเกินไป”


คริสไม่ได้พูดถึงพลังต่อสู้ส่วนตัว


โรสไม่ได้แข็งแกร่งขนาดขุนพลโอเวอร์เกียร์กำราบไม่ลง ลำพังสิบวีรชนฯ สามารถดวลกับเธอชนะได้ทุกคน แต่หากโรสถูกบีบเข้าตาจน เธออาจคลุ้มคลั่งจนสร้างปัญหาใหญ่ที่เหนือจินตนาการ


คริสกลัววิหารยาธานเคลื่อนไหวหรือ?


คำตอบคือไม่ใช่


คริสมิได้หวาดกลัววิหารยาธาน ในความเป็นจริง พลังอำนาจวิหารยาธานไม่มากมายเหมือนแต่ก่อนแล้ว


นับตั้งแต่เหตุการณ์บุกถล่มวาติกัน พวกมันก็ถูกเก็บกวาดครั้งใหญ่ พลังในปัจจุบันไม่มากพอจะคุกคามอาณาจักรเล็กด้วยซ้ำ


คริสเป็นกังวลว่า หากลอเอลบีบคั้นโรสให้จนมุมเกินไป เธออาจตัดสินใจนำพลังระดับภัยพิบัติออกมาใช้


ถูกต้อง


สิ่งที่ทำให้โรสน่ากลัวมิใช่พลังต่อสู้ของเธอหรือแรงหนุนจากวิหารยาธาน


….แต่เป็นพลังอัญเชิญจอมอสูร


“โรสเคยมีประวัติอัญเชิญจอมอสูรมาแล้ว หากเธอนึกแค้นพวกเราและอัญเชิญจอมอสูรตนใหม่กลางเมืองไรน์ฮาร์ท นั่นจะกลายเป็นภัยพิบัติที่ยากรับมือ”


เดิมที จุดประสงค์หลักของวิหารยาธานคือการอัญเชิญจอมอสูรขึ้นมายังโลกมนุษย์


ไม่แปลกที่พวกมันกำลังวางแผนอัญเชิญจอมอสูรตนใหม่


หลังจากฟังจบ ลอเอลส่ายศีรษะทันที


“เป็นไปไม่ได้ที่จะอัญเชิญจอมอสูรภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ หนึ่งเครื่องสังเวยที่สำคัญคือชีวิตมนุษย์จำนวนมาก ซึ่งอาณาจักรเรามีระดับความปลอดภัยสูงเทียบเท่าจักรวรรดิ ไม่มีทางที่เครื่องสังเวยจะครบตามเงื่อนไขแน่”


นับตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร หนึ่งปัจจัยที่ถูกเน้นหนักคือระดับความปลอดภัย บ่อยครั้งที่สมาชิกระดับขุนพลเป็นแกนนำลาดตระเวนรอบเมืองเพื่อเพิ่มค่าความปลอดภัย


สิ่งเหล่านี้คือผลพวงจากความห่วงใยที่กริดมีต่อเหล่า NPC นำพาไปสู่การขจัดเงื่อนไขอัญเชิญจอมอสูรภายในอาณาจักร


“จอมอสูรตนถัดไปจะถูกอัญเชิญในอาณาจักรที่มีความปลอดภัยต่ำ แถมจอมอสูรก็มิใช่สิ่งที่ผู้อัญเชิญบงการได้ ต่อให้เป็นข้ารับใช้ยาธานก็ตาม ดังนั้น โรสคงมิอาจออกคำสั่งให้จอมอสูรโจมตีอาณาจักรโอเวอร์เกียร์โดยตรง”


ใช่แล้ว อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ห่างไกลจากภัยคุกคามจอมอสูรมาก


ลอเอลวางแผนบีบคั้นโรสเพราะมันทราบถึงข้อจำกัดการอัญเชิญจอมอสูร


“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีจอมอสูรตนใหม่ปรากฏตัวจริง พวกเราจะส่งหน่วยหัวกะทิเข้าโจมตีและครอบครองไอเท็มดรอปทั้งหมด”


“นั่นสินะ…”


สีหน้าเคร่งเครียดของคริสเริ่มผ่อนคลาย


ความกังวลแปรเปลี่ยนเป็นความคาดหวัง


ทันใดนั้น ลอเอลหันไปถามคริสด้วยสีหน้าสุดเคลือบแคลง


“ได้ดูวิดีโอกริดรึยัง?”


“วิดีโอในร้านเหล้าน่ะหรือ? ดูแล้ว”


“คิดว่ายังไง? ฝีมือกริดพัฒนาขึ้นรึเปล่า?”


“คงเป็นแบบนั้น… การแข่งตะลุมบอนราชาอสูรคือเป็นเวทีที่ทำให้กริดเติบโตอย่างก้าวกระโดด”


วิดีโอดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกนานหลายวัน คริสค่อนข้างทึ่งกับฝีมือการต่อสู้ที่กริดแสดงให้ประจักษ์ เขาสามารถกำราบชายกำยำสี่คนในพริบตา


ขณะหันไปคุยกับเจ้าของร้าน กริดชำเลืองมองการเคลื่อนไหวของหัวไหล่และเท้าพวกมันเป็นระยะ คอยคาดเดาทุกการกระทำอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งพวกมันลงมือ เขาอาศัยรอยต่อระหว่างลมหายใจขณะอีกฝ่ายกำลังพูด นั่นคือเบื้องหลังเทคนิคกำราบอันธพาลสี่คนรวด


“คงเป็นประสบการณ์ที่ได้รับหลังจากเอาชนะท็อปแรงเกอร์สี่ร้อยคนมาได้ เขามีวิสัยทัศน์ของผู้ควบคุมสนามรบ”


ปัจจุบัน กริดกลายเป็นนักสู้มือฉมังบนโลกความจริง พัฒนาการของชายคนนี้รวดเร็วยิ่งกว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่เคี่ยวกรำตัวเองยาวนานนับสิบปี


“ถือเป็นข่าวดีของพวกเรา”


ลอเอลตอบกลับคริสด้วยท่าทีผ่อนคลาย


อย่างน้อยก็ตัดกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตจริงไปได้


***


[วันประหารของท่านถูกกำหนดแล้ว]


[สี่วันหลังจากนี้ ท่านจะถูกประหารที่เมืองหลวงของอาณาจักรกลาเชี่ยน]


[ความผิดของท่านคือ : ฆาตกรต่อเนื่องสังหารช่างอัญมณีฝีมือดีเจ็ดคน]


[บทลงโทษ : เลเวลตัวละครลดลงสี่ระดับ ทักษะที่มีเลเวลสูงที่สุดลดลงหนึ่งระดับ]


[หลังจากถูกประหารชีวิต ท่านจะเป็นอิสระต่อข้อกล่าวหาทุกชนิด แต่ความสัมพันธ์กับเจ็ดอาณาจักรยังเป็นปรปักษ์เช่นเดิม]


[ท่านต้องล็อกอินขณะอยู่ในคุกอย่างน้อยวันละสี่ชั่วโมง หากเงื่อนไขไม่บรรลุ บทลงโทษหลังถูกประหารจะรุนแรงยิ่งขึ้น]


แอ็กนัสถูกจองจำในคุกใต้ดินนานกว่าสามวันแล้ว และมันต้องมีสภาพเช่นนี้ไปอีกสี่วัน


เป็นหนึ่งสัปดาห์แห่งความเดียวดาย


สำหรับท็อปแรงเกอร์ บทลงโทษหลังจากถูกประหารนับว่าอุกฉกรรจ์ ช่วงเวลาตลอดหลายเดือนหลังกลายเป็นสิ่งสูญเปล่า


แต่แอ็กนัสมิได้แยแส


เทียบกับชีวิตสุดบัดซบที่มันต้องเผชิญตลอดหลายปี ของแค่นี้กระจ้อยร่อยจนแทบไม่ระคายเคือง


มันถูกปรักปรำงั้นหรือ?


สำหรับแอ็กนัสแล้วไม่ใช่


นี่คือบทลงโทษที่มันสมควรได้รับ


เป็นกรรมซึ่งตามสนองหลังจากสังหารผู้บริสุทธิ์ไปมากมายเพื่อให้ได้ครอบครองพลังเหนือผู้อื่น พลังที่เปลี่ยนให้มันเป็นคนแข็งแกร่งและไม่ถูกรุมรังแก


ถ้าไม่ชดใช้เสียบ้าง เกรงว่า แม้แต่คนรักของมันคงอาจไม่ให้อภัย


ถูกต้อง


ทุกการกระทำของมันล้วนเพื่อหญิงสาวอันเป็นที่รัก ลูน่า·แคโรไลน์


สำหรับมัน ลูน่าคือทุกสิ่งในชีวิต


[ใครบางคนขอพบท่าน แต่อาณาจักรกลาเชี่ยนปฏิเสธ]


มิติคุกใต้ดินจะปิดกั้นการสื่อสารทุกชนิด ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างผู้เล่นด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นระบบจดหมายหรือข้อความเสียง


มันจึงไม่ทราบว่าใครพยายามขอเข้าพบ


แต่แอ็กนัสหวนนึกถึงหญิงสาวผู้หนึ่ง


…ยูเฟอมิน่า


ผู้หญิงที่มีเสียงน่ารำคาญและทำตัวน่ารำคาญนับตั้งแต่เจอกันที่อาณาจักรเมอร์เร่


หากจะมีใครในโลกที่ต้องการพบหน้ามัน คนนั้นคงเป็นหล่อน…


“…ไม่สิ มีเพียบเลยต่างหาก คิคิคิก!”


เหล่าแรงเกอร์ที่รับจ้างให้เจ็ดอาณาจักร พวกมันอาจขอเข้าพบนักโทษเพื่อเหยียดหยันและสมน้ำหน้าตน


ฉันมาที่นี่เพื่อสะใจแก


ฉันมาที่นี่เมื่อเห็นแกทุกข์ทรมาน


“…”


มันไม่เคยมีมิตรแท้


ไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น


ช่วงเวลาที่ลูน่ามอบให้นั้นพิเศษกว่าใครทั้งหมด …แต่ช่างเป็นเวลาแสนสั้น


เราแค่กลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง


ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่


[ท่านจะถูกประหารในอีกสามวัน]


วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบ


[ท่านจะถูกประหารในอีกสองวัน]


ผ่านไปอีกหนึ่งวันเพื่อให้มันอยู่กับตัวเอง


[ท่านจะถูกประหารในวันพรุ่งนี้]


กระทั่งวันสุดท้าย


[เช้าวันประหารมาถึงแล้ว]


ถึงกำหนดเส้นตาย


แอ็กนัสออนไลน์เกินขีดจำกัดที่ตัวเกมกำหนด มันถูกจองจำในคุกที่เย็นและมืดมิดตลอดเจ็ดวันเต็ม ความเจ็บปวดและเดียวดายช่วยให้มันลืมความทรงจำกับคนรักเก่าชั่วครู่


“ออกมา”


ผู้คุมกระชากร่างแอ็กนัสอย่างไม่ไยดี


ตุ้บ!


แอ็กนัสถูกโซ่ตรวนพันธนาการขา แถมยังมีกุญแจมือล็อกแขนแน่น มันจึงเสียหลักล้มคะมำเมื่ออีกฝ่ายกระชากอย่างแรง ใบหน้าไถลแนบไปพื้นหินที่เปรอะฝุ่น


ผู้คุมส่งเสียงหัวเราะชอบใจ


“...คิคิคิก”


แอ็กนัสร่วมหัวเราะด้วย


มันขบขันที่ชะตาชีวิตต้องกลับไปน่าสมเพชเหมือนตอนแรกอีกครั้ง บาปซึ่งมันรังเกียจที่สุดกำลังย้อนกลับมาหาตัว


บาปที่ชื่อว่าความอ่อนแอ


บาปที่เลวร้ายที่สุดในโลก


“แอ็กนัสกำลังถูกพาตัวไปลานประหาร!!”


แอ็กนัสถูกจับใส่กรงและนำขึ้นรถลาก


ขณะรถแล่นไปยังจัตุรัสใจกลางเมือง มันมองเห็นฝูงชนจำนวนมากสองข้างทางผ่านซี่กรงเหล็ก


แรงเกอร์ชั่วร้ายอันดับหนึ่งของโลก


นี่คือฉายาที่สื่อตั้งให้มัน


เมื่อมีข่าวถูกสั่งประหารชีวิตใจกลางจัตุรัสกลาเชี่ยน ความสนใจจากสื่อหลายฝ่ายจึงล้นหลาม


ผู้คนมากมายรวมถึงบรรดานักข่าวกำลังหลั่งไหลเข้าสู่อาณาจักรกลาเชี่ยน มีแม้กระทั่งรายการเกมอิสระชื่อดังหลายช่อง


เมื่อมองลอดผ่านซี่ลวดหนามออกไป สีหน้าฝูงชนล้วนเปี่ยมด้วยความปีติยินดี


หงึกหงึก…


หมาบ้าแอ็กนัสผู้รักษามาดของบุรุษเสียสติไว้ตลอดเวลาที่ปรากฏตัว มันเริ่มออกอาการสั่นระริก


สายตานับพันคู่รอบข้างได้กระตุ้นแผลใจในอดีตที่ฝังรากลึก


…ร่างกายแอ็กนัสกำลังลีบเล็ก


มันอ่อนแอ โดดเดี่ยว และถูกรายล้อมด้วยมวลชนที่กำลังเยาะเย้ยถากถาง ไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่เห็นใจหรือต้องการช่วยเหลือออกไป


“อึก…!”


ความตื่นตระหนกเริ่มกัดเซาะจิตใจ


มันต้องการหนีให้ไกลจากที่นี่


แต่แอ็กนัสย่อมมิอาจหลุดพ้นการจองจำ


กุญแจมือ ตรวน และโซ่ล่าม อุปกรณ์ทั้งหมดมีไว้เพื่อสะกดพลังของนักโทษ


‘แอ็กนัส คุณไม่ได้อยู่ตามลำพัง คุณยังมีฉันเสมอ เข้มแข็งเข้าไว้นะ’


ถ้อยคำของลูน่าดังแว่วข้างหู


ด้วยแววตาสั่นระริก แอ็กนัสพยายามกวาดสายตามองหาเธอท่ามกลางฝูงชน


…เธอที่ไม่มีตัวตนในโลกซาทิสฟาย


แน่นอน แอ็กนัสหาลูน่าไม่พบเหมือนเคย


‘ขอโทษที่ทำตัวน่าสมเพชให้เธอเห็นอีกแล้ว… ฉันขอโทษ’


ถ้อยคำสุดท้ายของลูน่ายังคงตราตรึงในใจ


แอ็กนัสไม่มีทางลืมลง ไม่ว่ามันจะพยายามลืมมากเพียงใด


ตุ้บ!


รู้ตัวอีกที ร่างกายของมันก็ถูกลากมายืนหน้ากิโยตินใจกลางจัตุรัส


แอ็กนัสถูกบังคับให้คุกเข่า


นัยน์ตาสีทองที่สั่นระริกกำลังมองลอดผ่านไรผมสีเขียวเข้ม


‘ฉันชอบสีผมของคุณ มันเขียวขจีเหมือนผืนป่า คุณรู้ไหมแอ็กนัส คุณเป็นเหมือนผืนป่าให้กับเหล่าเด็กเหล่านี้ หากไม่มีคุณคอยโอบอุ้ม พวกเขาคงไม่มีที่ไปและต้องอดตาย ฉันชอบจิตใจที่อ่อนโยนของคุณ ฉันคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีคุณ เหมือนกับมนุษย์ที่อยู่ไม่ได้หากปราศจากผืนป่า’


ช่วงเช้าของวันธรรมดาที่ไม่มีสิ่งใดพิเศษ


ลูน่าเดินเข้าไปนั่งข้างสุนัขที่แอ็กนัสเก็บมาเลี้ยง เธอป้อนอาหารให้มันด้วยแววตาอบอุ่น


เหตุใดความทรงจำแสนล้ำค่าและขื่นขมถึงผุดขึ้นในเวลาเช่นนี้?


ดวงตาแอ็กนัสพลันแดงก่ำราวกับจวนเจียนระเบิด


“ฉัน…!”


แอ็กนัสแผดเสียงตะโกน


มันกล่าวในสิ่งที่ทุกคนยากจะเชื่อ


“ฉันไม่ได้ฆ่าพวกมัน…!”


มันไม่ได้แก้ต่างกับใคร


มันเพียงต้องการบอกให้ลูน่าเข้าใจ ว่าตนมิใช่คนชั่วช้าที่กระทำเรื่องชั่ว แอ็กนัสไม่ต้องการให้เธอผิดหวังในตัวมัน


ทว่า เสียงตะโกนของแอ็กนัสกลับไปถึง ‘อสูร’ ตนหนึ่ง แทนที่จะเป็นลูน่าซึ่งไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้


[จอมอสูรลำดับหนึ่ง ‘บาเอล’ ส่งเสียงกระซิบข้างหูท่านพลางแสยะยิ้ม]


> เคียดแค้นงั้นหรือ… เรามีทางออกให้เจ้า


[บาเอลมอบโอกาสแก้ตัวให้ท่าน]


[ภารกิจที่เคยยกเลิกถูกสร้างใหม่อีกครั้ง]


<สังหารหมู่ (1) >

ระดับความยาก : ภารกิจประจำคลาส

จอมอสูรบาเอลต้องการดวงวิญญาณมนุษย์ จงสังหารหมู่เผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อเซ่นสังเวยดวงวิญญาณให้บาเอล

★ รางวัลหากรับภารกิจ : เป็นอิสระจากคำสาปทุกชนิดที่กำลังกัดกินร่างกาย

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ฆ่าผู้เล่น 1,000 คน

(0/1,000)

รางวัลสำเร็จภารกิจ :

- พลังอสูร 200,000 แต้ม

- ภารกิจต่อเนื่อง สังหารหมู่ (2)


[ท่านจะรับทำภารกิจหรือไม่?]


“…”


ก่อนตอบข้อความระบบ แอ็กนัสกวาดสายตามองฝูงชนรอบจัตุรัส


พวกมันยังคงหัวเราะเยาะ


บางคนยินดีปรีดาที่แอ็กนัสได้พานพบความฉิบหาย บางคนตะโกนยั่วยุและด่าทอ


หลายคนไม่เคยถูกแอ็กนัสคุกคามหรือทำร้ายเลยสักนิด ไม่เคยมีความบาดหมางต่อกันมาก่อน


ทันใดนั้น สติแอ็กนัสพลันขาดผึ่ง


โทสะปริมาณมากเกินควบคุมกำลังจะถูกปลดปล่อย แอ็กนัสเตรียมรับภารกิจจากบาเอลและออกอาละวาดบ้าคลั่งอีกครั้ง


ทว่า…


“ใช่แล้ว! เขาไม่ได้ฆ่าใคร!”


เด็กสาวผมทองก้าวขาออกมาด้านหน้าพร้อมกับส่งเสียงตะโกน


“วิหารยาธานคือฆาตกรตัวจริง! พวกมันพยายามปรักปรำเขา! ฉันมีพยาน! เจ็ดอาณาจักรต้องรับฟังความจริงให้รอบด้านก่อนตัดสินโทษประหาร!”


เมื่อกลาวจบ เด็กสาวคนดังกล่าวได้ดึงมือสาวกยาธานซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ออกมา


สตรีผมทองที่ตะโกนเรียกร้องความเป็นธรรมให้มันไม่ใช่ใครอื่น …ยูเฟอมิน่า


แอ็กนัสซึ่งกำลังมีใบหน้าบิดเบี้ยวประหนึ่งอสุรกายชั่วร้าย พลันชะงักและจ้องมองเธอด้วยแววตาเหม่อลอย


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,382

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. เทพธิดามาโปรดแล้ว​แอ็กนัส

    ReplyDelete
  2. จะเป็นคู่รักกันใหมนะ สองคนนี้🤗
    ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างยิ่ง​🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. ใช่​ แอบคิดเหมือนกัน​ว่า​อนาคต​ยูเฟอมิน่า​ อาจจะ​ทำให้แอ็กนัสลืมอดีตที่เลวร้าย​ได้​และกลับมามีความสุขอีกครั้ง​ แต่แน่นอนว่าในความจริงลืมความทุกข์​ที่ศูนย์​เสียคนรักไปไม่ได้​แต่ก็หวังว่าแอ็กนัสจะมีความสุขได้บ้างในบ้างครั้ง​

      Delete
    2. ผมคิดว่าไม่แน่อนาคตแอ๊กนัสคงไม่ลืมเรื่องราวหรอก
      แต่คงเก็บไว้ในความทรงจำ
      และเริ่มต้นใหม่กับยูเฟอมิน่า
      ผมหวังให้เป็นแบบนี้นะ

      Delete
    3. แอกนัสอาจจะชอบ ชอบแบบไม่ใช่คู่รักนะ แต่ยูเฟอมิน่าไม่ปรื้มแน่นอนน เธอแค่ต้องการมูหมัดแล้วจากไป

      Delete
    4. ได้อ่านจริงป่ะเนี่ย ยูเฟอมิน่าช่วยแอ็กนัสเพราะสงสารแล้วก็เข้าใจความรู้สึก ถ้าจะฆ่ามูมัดมีโอกาสตั้งหลายครั้งละแต่ยูเฟอมิน่าไม่ทำ

      Delete
  3. สงสารแฮ็กนัส 😥😥

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00