จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 974



“หากข่าวที่ได้รับมาไม่ผิด จักรวรรดินั้นมีจำนวนผู้เล่นสังกัดเกินกว่าห้าร้อยล้านคน”


วันที่หกหลังจากเริ่มประจำการปกป้องหมู่บ้านเนตรมาร


ป็อนกล่าวถึงความเป็นไปได้ในแง่ลบ เพื่อไม่ให้พวกพ้องหลงระเริงจนเกินไป เพราะคนกลุ่มนี้เริ่มคิดว่า การปกป้องหมู่บ้านจากจักรวรรดิคงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไร


“เพียงจักรวรรดิมอบภารกิจให้ผู้เล่นทุกคน พวกเราจะถูกเก็บกวาดอย่างราบคาบ”


“…”


บรรยากาศพลันอึมครึม


พวกมันจินตนาการภาพของสิ่งมีชีวิตห้าร้อยล้านตัวถาโถมโจมตีใส่โดยไม่หยุดพัก


ต่อให้เป็นขุนพลโอเวอร์เกียร์ที่มีกองทัพหัวกะทิคอยสนับสนุน แต่จะต้านรับพลังมวลชนกว่าห้าร้อยล้านได้สักกี่วันเชียว?


“…ผมไม่อยากจินตนาการ”


โค้กและเหล่าขุนพลต่างมีสีหน้าขาวซีด


ร่างกายพวกมันสั่นเทาเล็กน้อย


ลอเอลกล่าวเชิงบวก


“ภารกิจต้องมีรางวัลตอบแทน โดยเฉพาะภารกิจที่เกี่ยวพันกับสงคราม ไม่ว่าจักรวรรดิจะมั่งคั่งเพียงใด แต่พวกมันไม่มีทางมอบรางวัลห้าร้อยล้านชุดไหวแน่”


“แต่ปัญหายังคงไม่เปลี่ยน… ถึงจะไม่ใช่ห้าร้อยล้าน แต่จำนวนผู้เล่นก็ยังเยอะมากอยู่ดี”


“แถมยังมีผู้เล่นคลาสอัศวินและทหาร คนกลุ่มนี้ต้องทำสงครามตามหน้าที่ อาจไม่ต้องมอบรางวัลภารกิจมากขนาดนั้น”


“พวกทหาร… ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าทำไมถึงมีคนอยากรับบททหารในเกมที่สมควรผ่อนคลายตัวเอง”


พีคซอร์ดบ่นอย่างหัวเสีย


ในฐานะพลเมืองเกาหลีใต้เพศชาย ทุกคนต้องเข้ารับการเป็นทหารนอกเสียจากสร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ


ไม่ว่ามันจะรักชาติเพียงใด แต่พีคซอร์ดก็ไม่คิดกลับไปเป็นทหารคำรบสอง มันจึงไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมถึงมีคนบ้าทหารถึงขนาดยอมเข้าร่วมกองทัพภายในเกม


แต่ขุนพลที่เหลือพอจะเดาออก


“ประเทศอื่นไม่ได้บังคับเป็นทหารเหมือนเกาหลีใต้ บางคนจึงอยากสัมผัสประสบการณ์ที่ตัวเองไม่เคยได้รับ แถมเด็กผู้ชายชาวยุโรปหลายคนก็หลงใหลในยุทโธปกรณ์ทหารมาก”


“ทำนองว่า ในเมื่อเป็นทหารชีวิตจริงไม่ได้ ก็ขอลองเป็นในเกมก็แล้วกัน”


“…อย่างนั้นหรือ”


“ถ้าใช้เหตุผลดังกล่าว อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ของพวกเราคงถึงคราววิกฤติ ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ จำนวนผู้เล่นที่เป็นทหารต้องไม่เพียงพอต่อสงครามแน่”


“อาณาจักรเราจะมีทหารจากผู้เล่นน้อยกว่าอาณาจักรอื่นสินะ…”


“อา… ตราบใดที่คาบสมุทรเกาหลียังไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น”


“ให้ตายสิ…”


สงครามคาบสมุทรเกาหลีดันส่งผลกระทบต่อการเมืองภายในเกมด้วย…


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์นั่งฟังพลางพยักหน้าอย่างสนใจ


“กลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว!”


ถึงเวลาเปลี่ยนกะ


ขุนพลโอเวอร์เกียร์จำนวนมากลุกขึ้นและกระจายตัวออกไปรอบหมู่บ้านเนตรมาร


***


ผ่านไปสิบวัน


“น่าเบื่อชะมัด”


“ฉันอยากเก็บเลเวล! ในเมื่อพวกแกคิดจะบุก ทำไมถึงไม่รีบบุกให้เร็วหน่อยฟะ?”


จากบรรดาสิบวีรชนฯ พีคซอร์ดและแวนเนอร์ขึ้นชื่อด้านความอดทนต่ำ พวกมันเริ่มถึงขีดกำจัด


วิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านใต้ดินถูกฉายซ้ำซากตลอดสิบวันเต็ม ปราศจากสิ่งบันเทิงหรือจุดเก็บเลเวลแก้เบื่อ


ความเบื่อหน่ายกำลังกัดกินหัวใจ


“คนอื่นคงฉวยโอกาสนี้เก็บเลเวล…”


“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว! ในช่วงยังมีบัฟงานแข่ง ใครไม่เก็บเลเวลก็โง่บรรลัย!”


“ถ้าพวกเราไม่รีบทิ้งห่าง อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้…”


“ชิ! ถ้าที่นี่มีจุดเก็บเลเวล ฉันคงไล่ฆ่ามอนสเตอร์ทุกช่วงที่ว่าง!”


“เฮ่อ…”


ขณะหดหู่สุดขีด พีคซอร์ดและแวนเนอร์ชำเลืองสายตาตรวจสอบเวลาภายในเกมตามนิสัยปรกติ พวกมันอยากรีบเปลี่ยนกะแล้วออกไปจิบเบียร์ดูทีวีบนโลกภายนอก


“หือ?”


ณ ประตูหลักปราสาทราชาเนตรมาร


พีคซอร์ดและแวนเนอร์กำลังยืนปกป้องประตูอย่างขันแข็ง พวกมันเหลือบเห็นบางสิ่งที่ตรอกแคบฝั่งตรงข้าม


สามเนตรมารซึ่งขนาดร่างกายเล็กกว่าปรกติกำลังยืนจ้องพวกตนด้วยสายตาน่าเอ็นดู


สูงไม่ถึงหนึ่งเมตร ใบหน้ากลมโต แก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย หนึ่งในนั้นมีน้ำมูกใสไหลยืดจากจมูก


“เด็กงั้นหรือ?”


“น่ารักชะมัด”


เผ่าเนตรมารส่วนใหญ่มีรูปลักษณ์น่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตา แต่บางตนก็มีรอยแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้า บางตนมีดวงตาดุร้ายเกรี้ยวกราด ถึงกระนั้นก็ยังน่ารักน่าเอ็นดูเช่นเดิม ใครที่ได้เห็นเป็นต้องอมยิ้มเสมอ


โดยเฉพาะเผ่าเนตรมารตัวน้อย


พีคซอร์ดและแวนเนอร์เผยรอยยิ้มของคุณลุงแก่แสนอบอุ่น พวกมันโบกไม้โบกมือทักทายเนตรมารเด็กอีกฟากฝั่งถนน


ทันใดนั้น เหล่าเด็กน้อยยิ่งเขินอายกว่าเดิม พวกมันรีบซ่อนตัวในตรอกและโผล่เพียงศีรษะออกมาแอบมอง


พีคซอร์ดและแวนเนอร์ยิ่งหลงใหลในความน่ารัก


“ดีนะที่เด็กพวกนี้ไม่พูดมาก”


“ใช่แล้ว ห้ามอ้าปากเชียวเจ้าหนู!”


พวกมันยังจำวันแรกที่มาเยือนหมู่บ้านเนตรมารได้ดี


ด้วยความช่วยเหลือจากเดสตินีการ์เดี้ยนทั้งสาม สิบวีรชนฯ จึงถูกพาตัวเข้ามาในหมู่บ้านโดยง่าย แต่เมื่อเดินเข้ามาในห้องที่มีเนตรมารกว่าพันตนยืนรวมตัว…


…ไม่ต่างจากขุมนรก


ลอเอลตัวจิ๋วนับพันคนจับกลุ่มพูดคุยเรื่องไร้สาระ พวกมันใช้มือปิดครึ่งหน้าพลางหัวเราะไหล่สั่น… ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าสิบวีรชนฯ แทบสิ้นสติบัดเดี๋ยวนั้น


มีเพียงสองตัวเลือก… ถ้าไม่เสียบที่อุดหูก็จงน้ำลายฟูมปากตายไป


ที่อุดหูในซาทิสฟายมีไว้เพื่อแก้ทางคำสาปบางชนิด การสวมที่อุดหูจะช่วยเพิ่มค่าต้านทานคำสาปและอาการ ‘หูหนวก’


ไอเท็มที่เหล่าแรงเกอร์มองว่าเป็นขยะมาตลอด กลับมีประโยชน์อย่างน่าเหลือเชื่อในสถานการณ์ตรงหน้า


“ราชาเนตรมารต้องมีคำสาปรุนแรงยิ่งกว่านี้แน่ ไม่อยากเชื่อว่าก็อดกริดจะตีสนิทได้สำเร็จ สุดยอดมาก เขาไม่ได้เป็นก็อดเพราะโชคช่วย ทำเอานึกถึงครั้งแรกที่ได้พบก็อดกริดเลยแฮะ…”


"…"


พีคซอร์ดผู้เทิดทูนก็อดกริดเหนือสรรพสิ่ง มันเริ่มสงบเสงี่ยมลงแล้วในช่วงหลัง


…แต่ยามนี้กลับอาการกำเริบอีกครั้ง


แวนเนอร์รีบนำที่อุดหูออกมาเตรียมสวม แต่ขณะกำลังใส่ มันพลันต้องชะงัก


สาเหตุเพราะ เนตรมารน้อยทั้งสามตนจากฝั่งตรงข้าม ปัจจุบันเริ่มเดินเข้ามาใกล้


“ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม!”


แวนเนอร์ส่งเสียงเตือนด้วยใบหน้าขึงขัง ตรงข้ามกับความรู้สึกภายในโดยสิ้นเชิง


เนตรมารเด็กเหล่านี้น่ารักน่าเอ็นดู แม้ภารกิจจะน่าเบื่อไปบ้าง แต่การได้เห็นเด็กน่ารักทำให้หัวใจแวนเนอร์ผ่อนคลายลง


“เจ้าหนู… แถวนี้อันตรายมาก ไม่รู้ว่านักลอบสังหารของจักรวรรดิจะลงมือตอนไหน พวกเธอไม่ควรออกจากบ้านเดินเพ่นพ่าน!”


แวนเนอร์ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม


กลุ่มเนตรมารเด็กทั้งสามต่างหันมองกันไปมาสักพัก ก่อนจะหยิบลูกกวาดจำมากที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมาถือเต็มมือ


“กินมันซะ! นี่คือสุดยอดของขวัญที่พวกข้าเสี่ยงชีวิตนำออกมา!”


“…แม่จับได้ว่าขโมยลูกกวาดออกมาหรือ?”


“คุ? เหลวไหล! แม่ของข้าไม่เคยโกรธข้าเลยสักครั้ง! ข้าคือบุรุษเลือดเย็นที่ไม่เคยหวาดกลัวในพลังสายเลือดตัวเอง! คุคุคุ”


“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ขอบใจมาก”


ขนมจากเด็กน้อย


พีคซอร์ดและแวนเนอร์ล้วนทราบดี เผ่าเนตรมารนั้นเป็นอันตรายอย่างมากต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคน แต่ทั้งสองก็หยิบลูกกวาดจากมือเนตรมารน้อยคนละชิ้นโดยไม่ลังเล


หลังจากนั้น เนตรมารตัวจิ๋วแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนอยู่ครู่หนึ่ง


…ก่อนจะก้มศีรษะลง


“นี่คือครั้งแรกที่ข้าก้มหัวให้มนุษย์ พวกเจ้าจงภูมิใจไว้ซะ!”


“…? "”


“ขอบคุณที่ช่วยปกป้ององค์ราชา”


เนตรมารเด็กเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ พวกมันรีบวิ่งหนีไปทันทีหลังจากกล่าวคำขอบคุณเสร็จ


พีคซอร์ดและแวนเนอร์ยืนมองตามแผ่นหลังเด็กทั้งสามด้วยสีหน้าดำมืด


“แย่ล่ะสิ”


“…ธงถูกปักแล้ว”


เดธแฟล็ก… หรือธงแห่งความตาย


เป็นสิ่งพบเห็นได้บ่อยในการ์ตูนและภาพยนตร์


เมื่อพระเอกช่วยเหลือใครสักคนไว้ จากที่เคยมีนิสัยเย็นชา พวกมันจะกล่าวขอบคุณพระเอกด้วยท่าทีเคอะเขิน… นี่คือสัญญาณความตายของบุคคลตัวประกอบ


“รีบติดต่อลอเอลเร็วเข้า… คุ!?”


ขณะโพล่งขึ้นอย่างร้อนรน พีคซอร์ดพลันตั้งท่าชักดาบตามสัญชาตญาณ


สองชายชุดดำกระโดดลงขวางทางเด็กเล็กทั้งสามไว้


ขณะเนตรมารน้อยสามตนกำลังยืนสั่นเทิ้มอย่างหวาดกลัว พีคซอร์ดและแวนเนอร์รีบพุ่งตัวออกไปปกป้องด้านหน้า


การที่ตัวตนปริศนาลอบเข้าถึงจุดนี้อย่างไร้สุ้มเสียง หมายความว่าพวกมันคือนักลอบสังหารมือฉมัง


ชิ้ง—


สองมีดสั้นถูกเล็งซัดใส่จุดตายแวนเนอร์และพีคซอร์ด


เคร้งเคร้ง!


ขณะสองวีรชนฯ ปัดป้อง นักลอบสังหารฉวยโอกาสเข้าประชิดและใช้มีดจ่อลำคอเด็กทั้งสามไว้


เป็นสัญญาณการจับตัวประกัน


แต่พวกมันไม่ได้ครอบครองสิ่งที่ต้องการง่ายนัก ตำแหน่งสิบวีรชนฯ ของพีคซอร์ดและแวนเนอร์ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย


“ไอ้บัดซบ!”


“…!?”


ฟุ่บฟุ่บ!


นักลอบสังหารปริศนาโยกตัวหลบเส้นดาบอันเฉียบคมที่แหวกอากาศผ่านไปอย่างฉิวเฉียด


พวกมันมิได้ใช้เด็กเป็นกำบัง


ทั้งสองเดาได้ทันที ภารกิจของพวกมันคือการลักพาตัวเผ่าเนตรมารกลับไป


“พวกแกคิดจะทำอะไรกับเด็ก!!”


พีคซอร์ดตวาดพลางขบกรามแน่น ดาบของมันถูกชักกลับเข้าฝักในท่าเตรียมฟันอีกครั้ง


แน่นอนว่า นักลอบสังหารมิได้มอบคำตอบ หลังจากชะงักครู่หนึ่ง พวกมันซัดมีดสั้นที่มีผล ‘ระเบิด’ เข้าใส่


แวนเนอร์ใช้โล่ในมือเป็นกำบัง


บึ้มบึ้ม!


เกิดระเบิดที่สร้างแรงสะเทือนเป็นวงกว้าง พวกมันคิดแวนเนอร์คงถูกระเบิดเป่ากระเด็น จึงรีบฉวยโอกาสพาตัวเด็กหนีไป


“ไอ้พวกระยำนี่แข็งแกร่งชะมัด!”


ทันใดนั้น ท่ามกลางฝุ่นควันที่เริ่มจางลง มีบางสิ่งพุ่งสวนออกมาด้วยความเร็วสูง วัตถุปริศนากำลังหมุนควงรอบตัวเองประหนึ่งกงจักร


มันคือโล่กลม


เคร้ง!


นักลอบสังหารรีบไขว้มีดสั้นไว้ด้านหน้าเพื่อรับแรงปะทะ แต่การโจมตีจากแวนเนอร์ย่อมไม่ธรรมดา พวกมันมิอาจสลายพลังทำลายได้หมด นักลอบสังหารปริศนาเริ่มแสดงสีหน้าบิดเบี้ยว


แวนเนอร์แสยะยิ้มเมื่อเห็นพวกมันเสียอาการ อัศวินผู้พิทักษ์แรงค์หนึ่งของโลกใช้มือรับโล่ที่พุ่งกลับพลางเอ่ยปาก


“ในที่สุดก็หายเบื่อสักที ปล่อยเด็กซะ!”


“ชิ…!”


กลุ่มนักลอบสังหารกำลังตกที่นั่งลำบาก


การรบผสานระหว่างอัศวินผู้พิทักษ์แวนเนอร์และพีคซอร์ดได้เกิดสมดุลที่ลงตัวระหว่างรุกและรับ แวนเนอร์ช่วยกลบจุดอ่อนด้านการดวลของพีคซอร์ดได้หมดจด พีคซอร์ดมุ่งหน้าบดขยี้ศัตรูโดยไม่ต้องพะวงหลัง


การต่อสู้ตรงหน้ากลายเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับฝั่งสิบวีรชนฯ


ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นเขตแดนของฝ่ายโอเวอร์เกียร์ ยิ่งการต่อสู้ดำเนินไป ฝ่ายนักลอบสังหารก็ยิ่งเสียเปรียบหนัก


บึ้ม!


พวกมันชิงปาระเบิดควัน


ขณะพีคซอร์ดและแวนเนอร์สูญเสียการมองเห็นชั่วขณะ ทั้งสองจะฉวยโอกาสพาตัวเผ่าเนตรมารน้อยทั้งสามกลับไปยังฐานทัพลับที่อยู่ไม่ห่าง


แต่พวกมันได้แค่คิด


“อั่ก…!”


เผ่าเนตรมารตัวน้อยตนหนึ่งแยกเขี้ยวกัดแขนนักลอบสังหาร จากนั้นก็เปิดปาก


“กล้าใช้มือสกปรกแตะต้องข้าผู้นี้เชียวหรือ? อยากตายนักรึไง?”


“…!”


เหตุผลที่ ‘แนวหน้า’ เลือกลักพาตัวเนตรมารเด็ก เพราะพวกมันเข้าใจว่าเด็กคงมีพลังด้อยกว่าเนตรมารโตเต็มวัย


แต่ไม่จริงเลย


แกร่กแกร่กแกร่กแกร่ก…!


ในวินาทีที่เนตรมารน้อยถอดผ้าปิดตาออก ร่างกายนักลอบสังหารผู้โชคร้ายเริ่มถูกแช่แข็งทั้งเป็น


“ว๊ากกกก!”


นักลอบสังหารคนดังกล่าวเกิดความหวาดกลัวจากก้นบึ้ง มันรีบปล่อยมือจากเนตรมารเด็กโดยไว


แต่สายไปเสียแล้ว


พลัง ‘เนตร’ ของเผ่าเนตรมารจะแสดงผลได้ทุกระยะขอเพียง ‘มองเห็น’


ถือเป็นหนึ่งในพลังที่แหกกฎฟิสิกส์มากที่สุดของซาทิสฟาย


แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล


“ชิ…!”


เมื่อเห็นพวกพ้องกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปต่อหน้า นักลอบสังหารอีกคนรีบใช้แขนล็อกเนตรมารเด็กทั้งสองจนแน่นถนัด เพื่อมิให้พวกมันถอดผ้าปิดตาได้เอง


“เจ้าโง่! ฉันย้ำนักย้ำหนาว่าต้องจับตัวพวกมันให้แน่น!”


มันหันไปสบถใส่พวกพ้องที่เสียท่า


กระนั้น มันยังแสยะยิ้มได้อยู่ เพราะมั่นใจว่าตัวเองจะรอดกลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วน ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนเอฟเฟคระเบิดควันจะหมดลง


แต่ว่า…


“…?”


ทำไมทักษะอำพรางตัวถึงไม่แสดงผล!?


ยิ่งไปกว่านั้น ควันขาวโพลนที่ควรบดบังสายตาศัตรู ยามนี้เริ่มขยายขนาดฟุ้งกระจายจนบดบังสายตาของมันเอง


“…!”


นักลอบสังหารลึกลับกำลังตกตะลึงสุดขีด ใบหน้าขาวซีดประหนึ่งเห็นภูตผี


เผ่าเนตรมารน้อยสองตนที่ควรอยู่ในอ้อมแขน ยามนี้กำลังยืนขวางทางมันไว้


“พวกแกหลุดไปได้ยังไง?”


ยิ่งเวลาผ่านไป หมอกสีขาวก็ยิ่งหนาทึบ


นักลอบสังหารผู้โชคร้ายถูกรายล้อมด้วยกลุ่มก้อนควันสีขาวโขมง


ความสับสนของมันทวีขึ้นถึงขีดสุด


เด็กทั้งสองส่งเสียงหัวเราะสุดชั่วร้ายขณะร่างกายถูกหมอกขาวบดบังโดยสมบูรณ์


“จงติดอยู่ในหมอกมรณะไปจนตายเสียเถิด! คุคุคุ! คุฮ่าฮ่าฮ่า!”


“ว๊ากกก!”


การแหกปากกรีดร้องหรือไขว่คว้าอากาศล้วนไม่เกิดประโยชน์ หมอกมีแต่จะทวีความหนาทึบขึ้นทุกขณะ


“สุดยอด…”


พีคซอร์ดที่วิ่งฝ่าดงระเบิดควันออกมา มันต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า


เพียงพริบตาเดียวที่คลาดสายตากับนักลอบสังหาร พวกมันถูกจัดการอย่างราบคาบ


หนึ่งคนถูกแช่แข็งทั้งเป็น ส่วนอีกหนึ่งเอาแต่ส่งเสียงโหยหวนพลางเข่าคลานไปบนถนนอย่างน่าสมเพช


‘ทั้งที่ถูกธงแห่งความตายปัก…!’


เผ่าเนตรมารทรงพลังสุดยอด


พีคซอร์ดเข้าใจได้ทันที ว่าเหตุใดลอเอลและกริดถึงต้องการพลังราชาเนตรมารนัก


“นี่พวกเจ้า… ภาพหลอนของข้ามิได้ชั่วนิรันดร์หรอกนะ ขอแนะนำให้รีบจับตัวมันไว้”


เนตรมารน้อยสวมผ้าปิดตากลับอีกครั้งโดยที่พีคซอร์ดและแวนเนอร์ไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วไปยังนักลอบสังหารที่กำลังถูกภาพหลอนเล่นงาน


พีคซอร์ดและแวนเนอร์รีบผงกศีรษะพร้อมกับเดินเข้าไปหาเหยื่อผู้โชคร้ายและใช้เชือกมัดอย่างแน่นหนา


หน้ากากของมันถูกถอดออก


…เป็น NPC


ด้วยเหตุนี้ พีคซอร์ดและแวนเนอร์ยิ่งทวีความสงสัยมากยิ่งขึ้น


ปัจจุบัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์อยู่ระหว่างสนธิสัญญาสงบศึกกับจักรวรรดิ หมายความว่าตัวตนอย่าง NPC จะมิอาจโจมตีคนของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้เลย เพราะนั่นถือเป็นการ ‘ฝ่าฝืนกฎ’ ซึ่งเป็นระบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดภายในโลกซาทิสฟาย


หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ NPC เหล่านี้ไม่ใช่คนของจักรวรรดิ


‘พวกมันใช้มือที่สาม’


พีคซอร์ดและแวนเนอร์รีบกวาดสายตามองโดยรอบ ไม่ผิดจากที่คาดมากนัก การต่อสู้กำลังเกิดขึ้นทุกหัวระแหงของหมู่บ้าน


“ชิ…! พวกเราควรทำยังไงดี?”


“ทิ้งจุดนี้ดีไหม?”


เนื่องจากทั้งคู่คือสิบวีรชนฯ จุดที่ได้รับมอบหมายจึงสำคัญสูงสุด ประตูหลักที่พีคซอร์ดและแวนเนอร์เฝ้ายามจะใกล้กับราชาเนตรมารมาก


“อันตราย! ทุกคนอย่ากลับบ้าน! รีบเข้าไปในปราสาทเร็วเข้า!”


เมื่อกล่าวจบ พีคซอร์ดรีบพาสามเนตรมารน้อยเดินเข้าไปในปราสาท


ฟุ่บ—


ทันใดนั้น มนุษย์หลายสิบคนปรากฏตัวพร้อมกันบนหลังคาปราสาท


การบุกของ ‘แนวหน้า’ ยังไม่จบลง


“ฉันจะจัดการพวกมันเอง ส่วนพวกแกรีบจับตัวเนตรมารมา”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น พีคซอร์ดและแวนเนอร์พลันแสยะยิ้ม การเผชิญหน้ากับกลุ่มนักลอบสังหารมิได้ทำให้พวกมันตึงเครียดแต่อย่างใด


“ได้เวลาสนุกแล้วสิ”


“แน่นอน ดีกว่ายืนเบื่อจนแห้งตายตั้งเยอะ”


“…ไอ้พวกเสียสติ”


หัวหน้ากลุ่มนักลอบสังหารพลันขมวดคิ้วเมื่อเห็นศัตรูไม่เกรงกลัว


มันกวักมือเพื่อส่งสัญญาณ สองคนจากกลุ่มพวกมันเริ่มเปิดฉากเคลื่อนไหว


…ยารุกต์ส่งเสียงคำรามกึกก้อง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,367

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ขอบคุณ​มาก​ครับ​☺️😊😁

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00