จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 972



"นั่นคือ? "


แว่นกริดที่สวมได้สร้างความประหลาดใจกับทุกคนมาก กรอบของมันทำจากอัญมณีระยิบระยับ แต่ส่วนที่ทุกคนให้ความสนใจคือเลนส์สีดำซึ่งภายในบรรจุของเหลวสีม่วงไว้


"นายใส่อะไรเข้าไปในส่วนเลนส์? "


หากต้องการแว่นกันแดด การตัดสินใจของกริดคงไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะของเหลวไม่เหมาะสำหรับนำมาบดบังการมองเห็น


"อันนี้ของราชาเนตรมาร"


ทำไมเขาต้องอธิบายให้ลำบากด้วย?


กริดแชร์รายละเอียดไอเท็มแก่ทุกคนที่นั่งในห้อง


[แว่นตาอีเธอร์]

เกรด : อีปิก

ความคงทน : 187/210

* พลังจากอีเธอร์แสดงผลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

* ความเท่ +80

* การมองเห็น -2

* ได้รับอาการผิดปรกติ 'ภาพมัว' ทุกวินาที

แว่นตาที่สร้างโดย 'อลิซาเบธ' ช่างอัญมณีระดับช่างฝีมือ ที่พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดในระยะหลัง ผลิตโดยใช้เพชรอีเธอร์เป็นวัสดุหลัก

ความงดงามของมันน่าทึ่งมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตกเป็นเป้าสายตา

อีเธอร์จะมอบเอฟเฟคที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้สวมใส่ แต่การมองเห็นบางส่วนจะถูกรบกวนจากอีเธอร์ที่ถูกฉีดเข้าไปในเลนส์ ผู้สวมจำเป็นต้องยอมรับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

น้ำหนัก : 5


แว่นตาคือเครื่องประดับชนิดหนึ่ง และอยู่ในขอบเขตการสร้างของช่างอัญมณี


"ลองใส่ดู"


กริดเดินไปหาลอเอลและถอดแว่นของตนสวมให้


ใช่แล้ว ไอเท็มประเภทแว่นตาคือชนิดที่สวมใส่ได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องผ่านหน้าต่างแลกเปลี่ยนให้ยุ่งยากวุ่นวาย ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธก็พอ ขั้นตอนมีเพียงสอดขาแว่นไว้เหนือใบหูทั้งสองข้าง


[ท่านได้รับไอเท็ม 'แว่นตาอีเธอร์']


[ระยะมองเห็นสั้นลง ภาพการมองเห็นขุ่นมัว]


"…ไม่สบายตาเลยสักนิด"


ลอเอลที่กำลังสวมแว่นพลันขมวดคิ้ว ภาพการมองเห็นของมันถูกบดบังด้วยหมอกขุ่นมัวและการหักเหจากของเหลว


"นี่คือการแสดงผลไม่เต็มประสิทธิภาพของอีเธอร์งั้นหรือ? "


ลอเอลถอดแว่นตาออกและถือไว้ในมือซ้าย จากนั้นก็ปล่อยพลังคีจากมือขวาใส่เลนส์


เปรี้ยง!


มวลพลังงานควบแน่นก่อนพุ่งกระแทกใส่เลนส์อย่างรุนแรง แต่ตัวเลนส์กลับปราศจากรอยขีดข่วน


เวทมนตร์ของลอเอลสลายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก


ระบุให้ชัดคือ มันถูก 'ดูดกลืน' เข้าไป


"เจ๋งเป้ง…"


"สุดยอด! "


กริดอธิบายให้ลอเอลกับสิบวีรชนฯ ฟัง


"อีเธอร์คือสสารที่ดูดกลืนมานาโดยสมบูรณ์ หากราชาเนตรมารสวมแว่นตาอีเธอร์ เวทมนตร์ทั้งหมดจากดวงตาถูกเลนส์ดูดกลืน ดังนั้น ต่อให้พวกจักรวรรดิใช้เนตรมังกรขาวกับราชาเนตรมาร การสะท้อนเวทมนตร์จะไม่เกิดขึ้น ราชาเนตรมารสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปรกติโดยที่ถูกรบกวนการมองเห็นไปเพียงเล็กน้อย"


กริดพูดราวกับแว่นตาที่พร่ามัวเป็นข้อบกพร่อง


แต่ความจริงแล้ว มันคือไอเท็มที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล


ราชาเนตรมารต้องผนึกดวงตาของตัวเองนับตั้งแต่เกิด


พลังของ 'ดวงตาเนตรมารสามคำสาป' สามารถทำลายทุกสรรพสิ่งในการมองเห็น


อาจฟังดูเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ความจริงแล้วคือคำสาปที่น่าเศร้า


เราอยากมองเห็นโลกใบนี้…


แว่นตาอีเทอร์จะเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนาของราชาเนตรมาร


"นี่คือของขวัญสุดวิเศษสำหรับราชาเนตรมาร บางที พวกเราอาจได้รับผลตอบแทนมากกว่าที่คาด"


ไอเท็มที่จะช่วยกุมหัวใจราชาเนตรมาร หนึ่งในตัวตนที่มหาจักรวรรดิยังหวาดผวา


ลอเอลมั่นใจ มูลค่าของแว่นตาอีเธอร์มิอาจประเมินเป็นตัวเลขได้


ข้อมูลจากครอเกล ฝีมืออันยอดเยี่ยมของอลิซาเบธ และตัวกริดที่ครอบครองอีเธอร์จากรางวัลการแข่งตะลุมบอนราชาอสูร สามประสานสุดยอดผู้เล่นได้สร้างพลังที่สามารถต่อกรกับจักรวรรดิขึ้นมา


"พวกเราต้องรีบมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเนตรมารก่อนที่ฝ่ายจักรวรรดิจะชิงลงมือ"


สิบวีรชนฯ ทุกคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตามุ่งมั่น


เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทุกคนได้ทราบว่า การจับมือกับอาเรสคงเหลือเวลาอีกไม่มาก


หลังจากการประชุมนี้จบลง เมื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตอบปฏิเสธวัลฮัลล่า พวกมันต้องหันไปเจรจากับฝ่ายจักรวรรดิแน่


ไม่ใช่เรื่องยากที่วัลฮัลล่าจะต่อรองกับจักรวรรดิ เพียงพวกมันเสนอเนตรมังกรขาวให้ ความสัมพันธ์ระหว่างวัลฮัลล่ากับซาฮารันก็จะแน่นแฟ้นทันที


ลอเอลกำลังวิตกในบางสิ่ง


"ขอถามให้แน่ใจ แว่นตาระบุว่าอีเธอร์แสดงผลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นี่คือสาเหตุที่มันสูญเสียค่าความคงทนทุกครั้งที่ดูดซับพลังเวทมนตร์ใช่ไหม? "


ความคงทน 187 หน่วยในตอนที่ลอเอลสวม แต่เมื่อใช้เวทมนตร์ใส่หนึ่งหน ค่าความคงทนกลับลดเหลือ 186


กริดผงกศีรษะด้วยใบหน้าดำมืด


"ถูกต้อง ทุกครั้งที่ดูดกลืนเวทมนตร์ ความคงทนของมันจะลดลง"


"ลดเร็วตามความรุนแรงเวทรึเปล่า? "


"โชคดีที่ไม่ใช่ ฉันให้เซ็ดนอสกับลาเอลล่าช่วยทดสอบแล้ว ค่าความคงทนจะลดลงตามระยะเวลาที่ดูดกลืนพลังเวท ไม่สนว่าจะรุนแรงมากเพียงใด"


"พลังเวทมหาศาลของราชาเนตรมารไม่ได้ทำให้มันพังเร็วขึ้นสินะ"


"แต่ยังมีปัญหาอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างของราชาเนตรมารจะปลดปล่อยพลังเวทมนตร์ในปริมาณอนันต์ ด้วยระดับความคงทนปัจจุบัน เกรงว่าแว่นตาจะทนได้เพียงไม่กี่นาที"


"อนันต์…"


"ยังไม่แน่ชัดว่ามีขีดจำกัดหรือไม่ แต่คงไม่ดับมอดลงง่ายนัก"


กริดนำเพชรอีเธอร์ก้อนใหม่ออกจากช่องสัมภาระ


ของเหลวสีม่วงเข้มปริมาณน้อยนิดถูกบรรจุอยู่ใจกลางเพชรขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์


"ปัจจุบัน ฉันเพิ่มค่าความเข้าใจไอเท็มจนกลายเป็น 100% หลังจากการถอดประกอบแว่นตาที่อลิซาเบธสร้างซ้ำไปมา"


กริดได้รับรางวัลจากตะลุมบอนราชาอสูรทั้งหมดเจ็ดชิ้น (รวมกับรอบเรียกน้ำย่อยเป็นแปดชิ้น)


สามในแปดคือเพชรอีเธอร์


สาเหตุที่ต้องใช้สามก้อนเพราะ ก้อนแรกสำหรับให้อลิซาเบธฝึกเจียระไนสร้างแว่นตาต้นแบบ ก้อนที่สองสำหรับให้กริดลอกสูตรและสร้างแว่นรุ่นสมบูรณ์ด้วยตัวเอง


ส่วนก้อนที่สุดท้ายมีไว้เพื่อให้กริดทดสอบหาวิธีสกัดอีเธอร์ออกจากเพชร เขาต้องการแยกอีเธอร์กับเพชรออกจากการโดยสมบูรณ์ แต่ก็ไร้ผลหลังจากใช้วิธีทางกายภาพสารพัดชนิด


กระทั่งจอมปราชญ์สติกส์และบราฮัมผู้ทรงปัญญาก็มิอาจมอบความกระจ่างให้กริดได้ เพชรอีเธอร์คือแร่ที่มาจากเหมืองคนแคระซึ่งอยู่นอกเหนือองค์ความรู้ของทั้งสอง


หลังจากเผชิญความสิ้นหวัง กริดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำลายเพชรที่เป็นผิวนอกออก แต่เมื่อของเหลวด้านในสัมผัสกับอากาศ มันเกิดการระเหยกลายเป็นไอในพริบตา


หมายความว่าเพชรอีเทอร์ที่ครอบครองอย่างลำบากมีอันต้องเสียของไปหนึ่งเม็ด


'ถ้าสกัดอีเธอร์บริสุทธิ์ได้… ความโอเวอร์เกียร์จะบังเกิด'


ตัวอย่างเช่น จะเกิดอะไรขึ้นหากผสมอีเธอร์บริสุทธิ์เข้ากับเกราะวัลฮัลล่าฯ?


คำตอบคือ กริดจะทนทานต่อเวทมนตร์ทุกชนิดโดยสมบูรณ์ อาจชนะทางจอมเวทยิ่งกว่าสมญานามดยุคแห่งปัญญาเสียอีก มีเพียงมหาจอมเวทเพียงหยิบมือที่อาจสร้างรอยขีดข่วนแก่เขา


"พวกเราจะรีบรุดหน้าไปยังหมู่บ้านเนตรมารก่อนเพื่อคอยปกป้องพวกเขา ส่วนนายคอยไปหลังจากสร้างแว่นตาอันใหม่เสร็จสมบูรณ์"


แน่นอนว่ากริดมีเตาหลอมชนิดพกพา แต่การสร้างไอเท็มในเขตอุตสาหกรรมตีเหล็กหลวงย่อมมีเครื่องมือครบครันมากกว่า ยิ่งสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย เกรดของไอเท็มก็ยิ่งออกมาดี


กริดพยักหน้า


"อย่าฝืนเกินตัวล่ะ ฝ่ายจักรวรรดิมีพวกสัตว์ประหลาดอยู่มาก"


วิธีปกป้องที่ได้ผลที่สุดคือการส่งกองทัพ NPC สุดแกร่งอย่างปิอาโร่ เมอร์เซเดส โนลล์ อัสโมเฟล รวมถึงซินกูเล็ดออกไปรับมือ แต่ไม่มีใครต้องการทำเช่นนั้น


พวกมันมีเพียงชีวิตเดียว


"สัญญาสงบศึกยังไม่หมด อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด"


เป๊าะ!


ลอเอลดีดนิ้วหลังจากกล่าวให้ทุกคนวางใจ


ทันใดนั้น กลุ่มเด็กหัวโตสามคนที่ยืนรอด้านนอกได้เดินเข้ามาในห้องประชุม


เดสทินี่การ์เดี้ยน


ในอดีต กริดเคยช่วยเผ่าเนตรมารไว้ทั้งหมดสิบหกคนและมอบให้ลอเอลคอยดูแล


"ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือวัฏสังขารเอ๋ย พวกข้าขอตอบรับคำเรียกขานจากดวงวิญญาณอันสูงส่งของท่าน"


"นับแต่นี้ไป พวกข้าจะปกป้อง 'โชคชะตา' ของท่าน นั่นคือหน้าที่ซึ่งพวกข้าชาว 'เดสทินีการ์เดียน' พึงกระทำ เป็นชะตากรรมติดตัวตั้งแต่เกิดซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยง… คุคุคุ! "


"…"


การปรากฏตัวของเผ่าเนตรมารทำให้บรรยากาศห้องประชุมพลันเงียบงัน


สาเหตุเพราะเด็กบัดซบตรงหน้าได้พูดจาเหลวไหลทันทีที่ย่างกรายเข้าห้อง สิบวีรชนฯ ต่างแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน ในทางกลับกัน ลอเอลสะบัดผมม้าสีเงินปลิวไสวด้วยใบหน้าแสนภาคภูมิ


"ดวงวิญญาณของข้าจะถูกกระตุ้นทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้าพวกเจ้า… ข้าคือดวงวิญญาณของลอเอลในภพ 'ปัจจุบัน' เหล่าเดสทินีการ์เดียนที่มีพลังเร้นลับซ้อนใต้ผ้าปิดตาสีดำเอ๋ย ข้าขอถามสักข้อ พวกเจ้ามีความกล้ามากพอจะเผชิญกับมรสุมแห่งโชคชะตาอันเกรี้ยวกราดหรือไม่? "


"คุคุ… ไม่ใช่ว่า 'ความกล้า' คือหนึ่งใน 'แก่น' ที่ไม่มีวันดับมอดของพวกข้าหรอกหรือ? คุคุคุ! "


"หมายความว่าพวกเจ้าไม่รู้จักความกลัวสินะ…? เยี่ยมไปเลย ข้าสัมผัสถึงพลังอันเปี่ยมล้นจากคำตอบพวกเข้า! มังกรทมิฬที่ถูกผนึกในมือขวาของข้ากำลังอาละวาดอย่างตื่นเต้น…! "


"คุคุคุ… ผู้เป็นนายของมหาเนตรมารช่างมีจิตใจแข็งแกร่งนัก แม้มือข้างขวาจะมีมังกรทมิฬผนึกอยู่ แต่ก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวว่าผลึกจะถูกคลายเลยสักนิด… เอ๋? "


ทันใดนั้น กลุ่มเนตรมารที่กำลังพล่ามน้ำไหลไฟดับมีอันต้องชะงัก


สาเหตุเพราะ พวกมันพบกริดยืนอยู่ด้านหลังลอเอลที่กำลังใช้มือปิดครึ่งใบหน้า


"ท่านคือ… สัญลักษณ์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดระดับสูงสุด! บุรุษผู้เอาชนะเพลิงทมิฬและน้ำแข็งพิสุทธิ์ บุรุษผู้เดียวที่มีดวงวิญญาณเชื่อมต่อราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกข้า! "


"กริด…! "


ร่างกายของเหล่าเนตรมารพลันสั่นสะท้าน


พวกมันหวาดกลัวว่าจะถูกกริดลากเข้าถ้ำและบังคับใช้แรงงานขุดแร่เหมือนในอดีต


ในวินาทีที่ห้องประชุมกลับสู่ความเงียบสงบ สิบวีรชนฯ ต่างชื่นชมกริดจากก้นบึ้งหัวใจ


'แค่จ้องมองก็สะกดเนตรมารได้เชียวหรือ? '


'สมกับเป็นก็อดกริด! สยบสิ่งมีชีวิตระดับสูงได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโนลล์หรือเนตรมาร'


'นายท่าน! กระหม่อมขอชื่นชมด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี'


ด้วยความสัตย์จริง เผ่าเนตรมารแข็งแกร่งผิดแผกจากเผ่าพันธุ์อื่นชัดเจน แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับเด็กน่ารัก แต่หากถอดผ้าปิดตาออก กระทั่งสิบวีรชนฯ ก็มิอาจรับมือไหว พวกมันจะถูกพันธนาการด้วยอาการผิดปรกติสารพัดชนิด


เมื่ออยู่ต่อหน้ากริด เผ่าเนตรมารสุดทรงพลังก็ยังยอมศิโรราบ


ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด กริดคือชายที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง


"…ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวไปสร้างแว่นตาก่อน จะรีบตามไปให้เร็วที่สุด แล้วพบกันที่หมู่บ้านเนตรมาร"


กริดเดินออกจากห้องประชุมและตรงไปยังโรงเหล็กหลวง


ทิ้งให้สิบวีรชนฯ อยู่กับเผ่าเนตรมารตามลำพัง


เมื่อเกิดความมุ่งมั่นที่จะสร้างแว่นตารุ่นสมบูรณ์ สมาธิของกริดจึงจดจ่อถึงขีดสุด


'หากหมอนั่นควบคุมพลังดวงตาได้ เขาจะกลายเป็นสหายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปิอาโร่… เราไม่มีทางพลาดโอกาสตรงหน้าแน่'


***


"ไม่รอคำตอบจากโอเวอร์เกียร์ก่อนหรือ? "


กษัตริย์แห่งอาณาจักรผู้เล่นที่สอง


เทพสงครามอาเรสพร้อมด้วยกุนซือกองทัพ 'สุมาเต็กโช*' กำลังลอบแฝงตัวในมหานครไททันโดยมีแรงเกอร์แถวหน้าที่แข็งแกร่งมากมายคอยตามอารักขา แต่เป้าหมายคุ้มกันหลักกลัวมิใช่อาเรส หากแต่เป็นสุมาเต็กโช


(*อาจารย์ของขงเบ้งและบังทอง)


แน่นอน นี่คือคำสั่งโดยตรงจากอาเรส


มันไม่ต้องการสูญเสีย NPC พิเศษที่ครอบครองอย่างยากลำบากโดยต้องไปเยือนทวีปตะวันออกถึงหกครั้ง


"อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะเลี่ยงมอบคำตอบให้ช้าที่สุด ถึงตอนนั้น เนตรมังกรขาวของท่านก็เสื่อมมูลค่าแล้ว"


สาเหตุที่อาเรสและสุมาเต็กโชลอบเยือนไททันก็เพื่อเจรจาต่อรองกับจักรวรรดิ


พวกมันต้องการสานสัมพันธ์ระหว่างวัลฮัลล่าและซาฮารันโดยการมอบเนตรมังกรขาวเป็นสิ่งตอบแทน


แน่นอนว่าอาเรสอยากเป็นมิตรกับโอเวอร์เกียร์มากกว่า แต่สุมาเต็กโชนั้นเห็นต่าง


"ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้นั้นสามารถซ่อมแซมได้แม้กระทั่งสมบัติจากเทพ หากกระหม่อมประเมินไม่พลาดไป ป่านนี้เขาคงครอบครองสสารที่ชื่ออีเธอร์เรียบร้อยแล้ว สิ่งนั้นคือกุญแจสำคัญที่ทำให้เผ่าเนตรมารยอมจับมือเป็นพันธมิตรเต็มตัว ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ไม่มีทางยอมรับข้อเสนอของพวกเรา ทางนั้นคงมีวิธีรับมือเนตรมังกรขาวเรียบร้อยแล้ว"


"ความคิดของนายไม่สุดโต่งไปหน่อยหรือ? อาณาจักรทั้งหมดล้วนมองจักรวรรดิเป็นศัตรูที่ยากรับมือ ในเมื่อสองอาณาจักรเราช่วยกันคานอำนาจจักรวรรดิมาตลอด พวกเขาไม่น่าจะปฏิบัติต่อเราอย่างเย็นชาขนาดนั้น"


"พวกเขากำลังหวาดกลัว"


"หวาดกลัว? "


"หวาดกลัวในพลัง 'เสริมแกร่งทหารกล้า' ที่ท่านครอบครอง หวาดกลัวความเกรียงไกรของกองทัพวัลฮัลล่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เปรียบดั่งนักรบที่ขี่หลังเสือเพื่อปราบสิงโต เป็นท่านจะวางใจสู้กับสิงโตได้เต็มร้อยหรือไม่หากมีเสืออยู่หว่างขา? "


"…"


อันที่จริง อาเรสสัมผัสได้นานแล้ว


วัลฮัลล่าจำเป็นต้องพึ่งพาไอเท็มจากกริด มันจึงพยายามตีสนิทกริดมาโดยตลอด แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธทางอ้อมอยู่เสมอ


'อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คงหวาดกลัวพวกเรา'


เมื่อมั่นใจ ห้วงอารมณ์อาเรสพลันขื่นขม


หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน อาเรสหันไปกล่าวกับสุมาเต็กโช


"เข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามแผนของนาย สานสัมพันธ์กับจักรวรรดิ และแอบขยายอำนาจเพื่อกลืนกินจักรวรรดิกับโอเวอร์เกียร์ในภายหลัง ฉันจะไม่ลังเลอีกแล้ว"


"ฝ่าบาทตัดสินใจได้ดี แค่พวกเราจับมือกับจักรวรรดิ มิได้แปลว่าทางโอเวอร์เกียร์จะประกาศสงครามกับเราทันที ท่านไม่ต้องกังวลมากนัก"


"ว่าแต่ ฉันจะเข้าวังหลวงในสภาพนี้ได้จริงหรือ? ถึงจะพกเนตรมังกรขาวติดตัวมาก็เถอะ แต่ฉันเป็นถึงกษัตริย์ของอาณาจักรศัตรู… องค์จักรพรรดิจะไม่ตัดหัวเอาแน่นะ? ฉันไม่ได้ถูกนายหักหลังใช่ไหม? "


"ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ แค่ไปพบแกรนมาสเตอร์ก็พอ ชายคนนั้นต้องยินดีต้อนรับเราอย่างแน่นอน"


"แกรนมาสเตอร์"


"เขาคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิซาฮารัน มีอำนาจคุมกองทัพทั้งหมด ชื่อเสียงของเขาโด่งดังนานกว่าร้อยปีแล้ว แถมยังขจรไกลไปถึงอาณาจักรของกระหม่อมด้วย"


"ดังไปถึงทวีปตะวันออกเชียว? แถมยังร้อยกว่าปี? ตาแก่นั่นอายุยืนฉิบ ให้ตายสิ"


"เขาคือตัวตนที่ก้าวข้ามขีดจำกัด ไม่เหมือนกับฝ่าบาท จะเรียกว่า 'เซียน' ก็ไม่ผิดนัก"


"ตัวตนที่ก้าวข้ามขีดจำกัด? เซียน? นายหมายถึงตำนานงั้นหรือ? "


"ไม่เหมือนเสียทีเดียว"


"…"


เมื่อเกิดความฉงนในตัวแกรนมาสเตอร์ อาเรสต้องการข้อมูลเพิ่มเติม


ขณะมันกำลังจะเอ่ยปากถาม


"ฉันคือตัวแทนที่ท่านแกรนมาสเตอร์ส่งมา ไม่ทราบว่าคุณใช่กษัตริย์วัลฮัลล่าหรือไม่? "


คงต้องพักการขุดคุ้ยประวัติไว้ก่อน


เกราะสีแดง


ในตอนแรก อาเรสคิดว่าอีกฝ่ายคืออัศวินสีชาด แต่ชุดเกราะกลับแตกต่างจากเกราะสีชาดที่มันรู้จักมาก เพราะแม้ในที่อับแสงก็ยังส่องสว่างสีแดงฉาน


"ก่อนถามชื่อคนอื่น ตามมารยาทแล้วควรบอกชื่อตัวเองก่อนไม่ใช่หรือ? "


"ฉันมีนามว่าซูซาน เป็นคนของหน่วยอัศวินสีชาดใหม่ ขอถามอีกครั้ง คุณใช่กษัตริย์วัลฮัลล่าหรือไม่? "


"…"


สุมาเต็กโชผงกศีรษะแทนอาเรส


"ถูกต้อง นี่คือฝ่าบาทอาเรส ผู้ปกครองสูงสุดแห่งวัลฮัลล่าที่ถูกเรียกขานว่าเทพสงคราม"


"มาถูกทางแล้ว ตามฉันมา"


ซูซานเดินนำทางอาเรสและพวกโดยไม่มีทางการตรวจค้นอาวุธใดทั้งสิ้น


เมื่อเข้าใกล้ที่หมาย วังที่พวกมันเห็นเบื้องหน้าช่างใหญ่โตอลังการนัก


ถึงจะเป็นจักรวรรดิก็เถอะ แต่นี่มันไม่ใหญ่ไปหน่อยหรือ?


"…"


อาเรสและคณะเดินเข้าไปในวังนานหลายนาที


บรรยากาศสองข้างทางหรูหราอลังการเหนือจินตนาการมันไปมาก


วังแห่งนี้สร้างจากหินและไม้ประหลาดที่ส่องแสงระยิบระยับงดงาม


ท้องฟ้าเหนือวังสดใสและเจิดจ้าจนมิอาจแบ่งแยกกลางวันกลางคืน


"ที่นี่คือวังสวรรค์ที่แกรนมาสเตอร์พักอาศัย"


วังสวรรค์!


ชื่อที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่สมควรเป็นของวังจักรพรรดิหรอกหรือ?


อาเรสมิอาจทำความเข้าใจได้เลย


ทันใดนั้น ซูซานกันไปพูดกับกลุ่มของพวกมัน


"เข้ามา"


"แล้วคนคุ้มกัน…"


"จะเข้ามาด้วยก็ได้"


"…"


ไม่ปลดอาวุธด้วยหรือ?


'มดปลวกอย่างพวกเรามิอาจทำอันตรายแกรนมาสเตอร์ได้สินะ'


ชายคนนั้นต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน?


อาเรสที่กำลังประหม่าได้เดินผ่านประตูเข้าไป


แกรนมาสเตอร์นั่งบนเก้าอี้ในส่วนลึกสุดของห้อง สายตามันเพ่งพิจารณาอาเรสโดยละเอียด


"เคยนึกสงสัยว่าทำไมวัลฮัลล่าถึงจัดการปัญหาได้รวดเร็วนักในระยะหลัง ที่แท้เป็นเพราะกุนซือคนดังจากทวีปตะวันออกนี่เอง ยินดีที่ได้พบพวกเจ้าทุกคน หวังว่าจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในอนาคต"


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,365

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  2. กริดเร่งมือเร็วเข้า อาเรสไปจับมือกับแกรนมาสเตอร์แล้ว ชายคนนี้ที่จักรพรรดิก็ควบคุมไม่ได้😱😱😱

    ReplyDelete
  3. อีกหน่อยก็เป็นวังของกริด

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00