จ้าวแห่งยุทธภัฑณ์ 883
หน้าที่ของเทพตีเหล็ก—เฮ็กเซเทีย คือการสอนให้มนุษย์รู้จักการใช้ไฟและเหล็ก
เฮ็กเซเทียลงมายังโลกมนุษย์ตามเจตจำนงของเทพธิดาแห่งชีวิต มันมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อตรง
มนุษย์ที่ป่าเถื่อนและไร้อารยะ เฮ็กเซเทียสอนสั่งให้คนเหล่านี้รู้จักหลักการทำอาหารและใช้เครื่องมือ
ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่า มนุษย์ในซาทิสฟายพัฒนาอารยธรรมของตัวเองได้เพราะการนำทางจากเฮ็กเซเทีย มันภูมิใจกับความสำเร็จนี้มาก
เฮ็กเซเทียเริ่มตระหนักถึงเหตุผลที่โลกมนุษย์ต้องมีเทพคอยบงการ หัวใจของมันรู้สึกถูกเติมเต็ม
แต่นั่นเป็นเพียงระยะเวลาชั่วครู่เท่านั้น
มนุษย์เริ่มโอหังและชั่วร้าย การกระทำประหลาดและอธิบายไม่ได้เริ่มปรากฏให้เห็น
มนุษย์บางคนโยนทารกแรกเกิดลงเตาหลอมร้อนในขั้นตอนการถลุงเหล็ก โดยมีความเชื่อว่า ทารกจะช่วยเสริมให้เหล็กมีประสิทธิภาพสูงขึ้น หลักการเดียวกันกับการเทเลือดสาวพรมจรรย์ลงในเตาหลอม
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตไร้อารยะ เอาแต่พึ่งพาเทพโดยไม่คิดพัฒนาตัวเอง แต่เมื่อเกิดเหตุอาเพศร้ายแรงขึ้น มนุษย์กลับโยนความผิดให้เทพเสมอ
“พวกมันเลวร้ายยิ่งกว่าจอมอสูร”
สำหรับเฮ็กเซเทีย มนุษย์คือตัวตนแสนน่ารังเกียจ มันเริ่มดูแคลนและเมินเฉยมนุษย์นับแต่นั้นเป็นต้นมา
เฮ็กเซเทียไม่สนอีกแล้วว่ามนุษย์จะอดตายและสูญสิ้นเผ่าพันธุ์หรือไม่
ความรู้สึกนี้ยังคงเดิมในยามที่ ‘ยาธาน’ เทพมาร ปรากฏตัวขึ้นและลงมือทำลายโลกมนุษย์
ตรงกันข้าม เฮ็กเซเทียมีความสุขสุดขีดเมื่อเห็นเผ่าพันธุ์มนุษย์สูญสิ้นเต็มสองตา
มันเกลียดชังมนุษย์ถึงขนาดออกปากคัดค้านเมื่อ ‘รีเบคก้า’ เทพธิดาแห่งแสง คิดชุบชีวิตมนุษย์ในยามสร้างโลกใบใหม่
>> โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มนุษย์ที่มีนามว่าแพ็กม่า เฮ็กเซเทียเกลียดชังเป็นพิเศษ
แพ็กม่า—ช่างตีเหล็กในตำนาน มนุษย์ที่พัฒนาตัวเองโดยไม่หวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากเฮ็กเซเทีย ในสายตามัน แพ็กม่าคือสิ่งแปลกปลอมที่ลบหลู่ดูแคลนความยิ่งใหญ่ของเทพ
แพ็กม่าคือมนุษย์ที่พัฒนาตนเองโดยไม่สวดภาวนาขอพึ่งพาพลังจากเทพ เป็นสัตว์ประหลาดที่พยายามพิสูจน์ว่า ตนเองมีคุณค่าไม่ด้อยไปกว่าเทพ
เฮ็กเซเทียเริ่มเกิดความริษยาแพ็กม่า มันจับตามองเขานับแต่นั้น
เฮ็กเซเทียมอบบททดสอบแสนโหดร้ายมากมายแก่แพ็กม่า ทารุณชนิดที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีทางทนไหว
ทว่า แพ็กม่ากลับฝ่าฟันความยากลำบากระหว่างบททดสอบมาได้
บททดสอบช่วยยกระดับตัวตนแพ็กม่าให้ก้าวข้ามมนุษย์ เขาทรงพลังยิ่งขึ้น ขอบเขตสติปัญญาถูกขยายออก แพ็กม่าไม่ถูกพันธนาการด้วย ‘จิต’ ที่อ่อนไหวของมนุษย์อีกต่อไป
นับแต่นั้น ทุกผลงานที่ถูกรังสรรค์จากมือแพ็กม่าล้วนกลายเป็นเกรด ‘มิธ’ ฝีมือการตีเหล็กของแพ็กม่าขยับเข้าใกล้เฮ็กเซเทียมากขึ้นทุกขณะ
>> จนกระทั่ง เฮ็กเซเทียแอบติดต่อกับเทพยาธาน มันต้องการทำลายมนุษย์ทุกคนและรีเซ็ตโลกให้กลับสู่ค่าเริ่มต้นอีกครั้ง คุคุคุ! น่าขันใช่ไหม? เทพต้องการทำลายโลกเพียงเพราะเกรงกลัวมนุษย์หนึ่งคนจะทัดเทียม เทพมิใช่ตัวตนที่สูงสง่าหรือผู้มีพระคุณเป็นล้นพ้นอย่างที่เข้าใจ พวกมันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่หยุดพัฒนาแล้ว ชั่วร้าย และเห็นแก่ตัว ไม่ต่างจากมนุษย์เลยสักนิด
แอสการ์ดคือดินแดนแห่งเทพที่ตั้งอยู่เหนือปุยเมฆบนท้องฟ้า
เสียงของบุคคลปริศนายังคงดังกังวาลในหัวกริดเป็นระยะ ขณะเดียวกัน ภาพสีทองอร่ามเบื้องหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเกรี้ยวกราด
>> พวกมันไม่มีสิทธิ์ ‘บงการชีวิต’ มนุษย์!! การกระทำของมันไม่ต่างจากการเลี้ยงสุนัข! แค่เบื่อก็ฆ่าทิ้ง!
“อึก…!”
โทสะปริมาณมหาศาลกำลังปะทุในอกกริด
ความเกรี้ยวกราดของบุคคลปริศนาที่กริดกำลังซึมซับ ทรงพลังจนจิตใจของเขาได้รับภาระหนัก
ชายหนุ่มหยุดหายใจ นัยน์ตาเริ่มสั่น
บางที เขาอาจทนรับมากกว่านี้ไม่ไหว
ทันใดนั้น ฉากปุยเมฆสีทองเบื้องหน้าเริ่มแปรผันและเลือนลาง
‘เจ็บ!’
กริดปวดศีรษะรุนแรง
เขาขมวดคิ้วเมื่อฉากตรงหน้าเริ่มสงบนิ่งอีกครั้ง มันเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ปัจจุบัน กริดกำลังอยู่ในโลกที่มีเพียงสีแดงและดำ
สถานที่ซึ่งรายล้อมด้วยลาวาเดือดปะทุตลอดเวลา เขาย่อมรู้จักเป็นอย่างดี
‘ขุมนรก!’
ผืนปฐพีสั่นสะเทือน ด้านนอกหน้าต่างปราสาทสีดำมืด สิ่งเดียวที่ถูกฉายให้กริดเห็นคือการปะทุของลาวาสีแดงส้มอันเดือดพล่าน
ทว่า ชายลึกลับสองคนที่กำลังยืนประสานสายตา พวกมันมิได้สั่นคลอนแม้แต่น้อย
กริดเฝ้ามองด้วยสีหน้าฉงน
บุรุษผู้มีเส้นผมสีแดงเพลิงยาวสลวย มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเอกของภาพมายาครั้งนี้—เฮ็กเซเทีย ส่วนบุรุษอีกคนมีร่างกายผอมบาง ผิวขาวซีด แผ่บรรยากาศเย็นยะเยียบตลอดเวลา มันคือจอมอสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก—บาเอล
บาเอลจ้องมองเฮ็กเซเทียด้วยท่าทีสนใจ
“เจ้าบอกว่าจะสร้างอาวุธให้จอมอสูรงั้นหรือ?”
‘อะไรนะ?’
กริดแทบไม่เชื่อหู
ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดที่เทพตีเหล็ก เฮ็กเซเทีย จะสร้างอาวุธให้แก่เหล่าจอมอสูร
ทว่า เฮ็กเซเทียพยักหน้ารับ
“ถูกต้อง เราจะมอบพลังให้พวกเจ้า ดังนั้น จงบดขยี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซาก!”
เมื่อทราบถึงเจตนาของเฮ็กเซเทีย กริดพลันสบถในใจ
‘ไอ้ระยำนี่!’
หากต้นตอของความเกลียดชังมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคน สิ่งนี้ยังพอเข้าใจได้
แต่เฮ็กเซเทียทำไปเพราะหวาดระแวงแพ็กม่าเพียงผู้เดียว ถึงกับยื่นมือช่วยเหลือจอมอสูร สิ่งนี้อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด
บาเอลยังไม่ตกปากรับคำในทันที
“แต่เจตจำนงของเทพยาธานคือการทำลายโลกทั้งหมด…”
“ห้ามทำลายโลก! แค่กวาดล้างมนุษย์ก็พอ!”
“หืม…”
“บาเอล!”
“ก็ได้ เข้าใจแล้ว เพียงแต่…”
“…?”
“สงครามฝ่ายเดียวคงไม่สนุก ฉันจะทำให้สมดุลเอง”
“สนุก? นี่ใช่เรื่องเล่นสนุกงั้นหรือ?”
“ใช่สิ นี่คือเรื่องสนุกสำหรับฉัน เป็นการการดวลกันระหว่างเทพไร้ฝีมือ เฮ็กเซเทีย กับมนุษย์ที่ทำให้เทพเกิดความริษยา”
“บาเอล!”
“จงสนุกไปกับมันเถิด หรือเจ้ากังวลว่าตำแหน่งของเทพจะสั่นคลอน…เหมือนกับคราวก่อน?”
“ชิ…!”
‘เหมือนกับคราวก่อน? คราวไหน?’
กริดนึกสงสัย
>> บาเอลหมายถึง สงครามในอดีตระหว่างเหล่าเทพและเจ็ดครึ่งเทพ
เสียงปริศนาอธิบาย
กริดฉุกคิดได้
‘เจ็ดนักบุญภัยพิบัติมีตัวตนก่อนแพ็กม่านานแล้วหรือ?’
>> ถูกต้อง แต่สาเหตุที่เรามอบความทรงจำของยุคสมัยแพ็กม่าให้เจ้ารับชม ก็เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ
หรืออีกความหมายหนึ่ง…
>> นี่คือหนสองที่เฮ็กเซเทียเกิดความริษยา มันเคยหวาดระหวางครึ่งเทพทั้งเจ็ดตนมาแล้ว มันเกรงกลัวว่ากลุ่มคนเหล่านี้อาจช่วงชิงตำแหน่งเทพไป นั่นคือบาปแรกของเฮ็กเซเทีย มันคือเทพผู้มีจิตใจคับแคบ!
กริดเริ่มเย็นสันหลังวาบ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เฮ็กเซเทียก็เคยริษยาตนมาแล้วเช่นกัน
‘ไอ้เฮ็กระยำ!’
ถ้่าเป็นอย่างนั้น เฮ็กเซเทียแอบวางแผนทำลายตนไว้หรือยัง?
ขณะกริดกังวล ฉากเบื้องหน้าได้แปรเปลี่ยนอีกครั้ง
คราวนี้เป็นสถานที่ซึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี—หอเกียรติยศ
จอมอสูรจำนวนมากกำลังผุดขึ้นจากผืนปฐพีเดือดสีแดงดำ พวกมันยืนรายล้อมบุรุษผู้หนึ่งไว้
ชายคนนี้ถือดาบในมือข้างหนึ่ง และเคียวยาวในมืออีกข้าง เขาหรี่ตาลงพลางกวาดมองโดยรอบ
“ท้ายที่สุด เราต้องต่อปกป้องโลกตามลำพังสินะ”
แขนข้างที่ถือดาบแลดูไร้เรี่ยวแรง แต่สีหน้าและแววตาของแพ็กม่ามิได้เจือความกังวล เส้นผมยาวสลวยสะบัดพลิ้วในยามเริ่มร่ายรำวิชาดาบ
“สยบ”
ท้องฟ้าพลันพังครืนในพริบตา
เหล่าจอมอสูรสัมผัสถึงแรงกดดันมหาศาลขณะฟากฟ้ากำลังถล่มต่อหน้าพวกมัน
เพียงวิชาดาบเดียวของแพ็กม่าได้สั่นสะเทือนฟ้าดินพร้อมกัน
“เราเข้าใจความดีและชั่วผิดมาตลอด หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่ต้น เราคงไม่ทรยศบราฮัมในวันนั้น”
แพ็กม่าร่ำไห้
>> ความริษยาของเฮ็กเซเทียทำให้มนุษย์ทั่วโลกตกอยู่ในความสิ้นหวัง บาปของมันหนักหนานัก เจ้าจะอภัยมันได้จริงหรือ?
“ฉ…ฉัน”
***
กริดคือผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก
เขาผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วน แล้วเหตุใดถึงบริหารค่าเรี่ยวแรงผิดพลาดเช่นนี้?
ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยในสถานการณ์ปรกติ
ดาเมี่ยนประเมินว่า ร่างกายของกริดในโลกจริงอาจกำลังย่ำแย่
“นายฝืนตัวเองไปรึเปล่า? พักผ่อนก่อนเถอะ”
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา กริดใช้เวลาออนไลน์จนถึงขีดจำกัดเสมอ
ในเกมก็ไม่พักทานอาหาร มีเพียงการเคี้ยวเนื้อตากแห้งชั่วครู่ มิได้ย่างกรายออกจากโรงเหล็กแม้แต่ก้าวเดียว
ทั้งร่างกายและจิตใจควรถึงขีดกำจัดของมนุษย์แล้ว
ขณะดาเมี่ยนเป็นกังวล กริดเริ่มได้สติกลับมา
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี”
กริดผลักดาเมี่ยนออกพลางฝืนพยุงร่างให้ตั้งตรง
แต่ใบหน้ายังขาวซีด ลมหายใจไม่ปะติดปะต่อ
ดาเมี่ยนอดเป็นกังวลไม่ได้
“ได้โปรดพักผ่อนด้วย สุขภาพของนายสำคัญกว่าภารกิจมาก”
“…”
กริดไม่ตอบ
ระบุให้ชัดคือ เขาไม่มีสมาธิจะตอบ
จิตใจกำลังจดจ่อกับข้อความระบบเบื้องหน้า
[ เรื่องราว ‘บาปต้นกำเนิด—ความริษยา’ ถูกเปิดเผย ]
[ จนกว่าเทพตีเหล็ก ‘เฮ็กเซเทีย’ จะปล่อยวางจากความริษยา ศิลาแห่งบาปต้นกำเนิดจะไม่หยุดกัดกร่อนปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์ ]
[ หากท่านนำเรื่องนี้ไปบอกกับสมาชิกโบสถ์รีเบคก้า ภารกิจ ‘ชำระล้างปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์’ จะจบลงโดยที่ท่านไม่ได้รับพรจากเทพธิดา ค่าความสัมพันธ์กับเทพธิดารีเบคก้ากลายเป็นค่าติดลบ ]
[ หากท่านเลือกเก็บงำความจริงไว้ ระยะเวลาของภารกิจ ‘ชำระล้างปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์’ จะถูกยืดออกไปอย่างไม่มีกำหนด ท่านจะได้รับพรจากเทพธิดาเมื่อภารกิจลุล่วง]
[ ท่านรับรู้เรื่องราวของ ‘แพ็กม่า’ ช่างตีเหล็กในตำนาน ]
[ หากท่านนำเรื่องนี้ไปบอกกับ ‘บราฮัม’ มหาจอมเวทในตำนาน มีโอกาสสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ในด้านบวกขึ้น ]
[ ท่านได้รับวิชาดาบแพ็กม่าชนิดใหม่ ‘สยบ’ ]
[ สยบ ]
วิชาดาบที่ระเบิดความเกรี้ยวกราดใส่ท้องฟ้าด้วยโทสะปริมาณมหาศาล ถือกำเนิดจากความโกรธแค้นที่มีต่อฟากฟ้า
เป็นวิชาดาบที่ลุ่มลึกและเรียบง่าย สร้างขึ้นเพื่อให้โลกประจักษ์ว่าท้องฟ้าสามารถถูกมนุษย์ถล่ม
* สร้างความเสียหายรุนแรง 30% ของพลังโจมตีกายภาพแก่ทุกเป้าหมายในรัศมี 5 เมตร
* มีโอกาส 30% ที่จะมองข้ามค่าต้านทานทุกชนิดของเป้าหมาย
* สร้างความเสียหายเพิ่มเติมแก่สิ่งมีชีวิตประเภทศักดิ์สิทธิ์ 300%
* เป้าหมายที่ถูกโจมตีจะตกอยู่ในอาการ ‘ห้ามโจมตี’ชั่วขณะ พลังป้องกันจะลดลงหลายระดับ
เงื่อนไขการใช้งาน : สวมใส่อาวุธประเภทดาบ
มานาที่ใช้ : 850
ระยะหน่วงหลังใช้ : 6 นาที
‘บราฮัม…’
กริดไม่สนว่าเทพจะมีพฤติกรรมบิดเบี้ยวกว่าที่ตนเคยรู้จัก และไม่สนว่าภารกิจชำระล้างดาบจะวุ่นวายยุ่งเหยิงมากขึ้น
เขาไม่สนทักษะใหม่ด้วยซ้ำ
สิ่งเดียวที่แล่นเข้ามาในหัวคือใบหน้าของบราฮัม
‘บราฮัม…แพ็กม่านึกเสียใจที่ทรยศนาย เขารู้สึกผิดต่อนาย!’
บราฮัมถูกเพื่อนคนเดียวในโลกอย่างแพ็กม่าทรยศหักหลังเพียงเพราะเป็นเผ่าอสูร
หากได้ทราบข้อเท็จจริงนี้ ความโกรธแค้นที่สลักลึกในใจบราฮัมต้องทุเลาลงหลายส่วนแน่
‘ดีจัง…ขอบคุณสวรรค์’
กริดกำลังมีความสุข
เขาอยากพบบราฮัมอีกสักครั้งเพื่อบอกเล่าความจริงออกไป
ใช่แล้ว กริดมิได้ทราบเลยสักนิด ว่าดวงวิญญาณบราฮัมเริ่มแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับตั้งแต่พุ่งออกจากร่าง
‘รีบกลับมาได้แล้ว…บราฮัม’
บราฮัมบอกกริดไว้ว่า เขาออกจากร่างเพราะสั่งสมพลังเวทมนตร์มากพอแล้ว และจะหาทางกลับคืนร่างเนื้อในอีกไม่ช้า
แม้อาจต้องแยกจากกัน แต่พวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอน เพราะทั้งคู่ต่างอาศัยอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน
‘ฉันอยากพบนาย’
แม้การพบกันครั้งแรกอาจไม่น่าจดจำ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบราฮัมคืออาจารย์คนสำคัญของกริด
นับตั้งแต่บราฮัมจากไป ที่ว่างในใจตรงส่วนนั้นไม่เคยถูกเติมเต็ม
...
ขณะเดียวกัน…
“ที่นี่แหละ”
สกังก์ ผู้เล่นคลาสนักสำรวจอันดับหนึ่งของโลก ผลงานใหญ่ในอดีตคือการค้นพบที่ตั้งวิหารหลักยาธาน
ปัจจุบัน เขาเดินทางมายังสุสานดาบที่เชื่อว่ามีศพขอบราฮัมถูกฝังไว้
“เอาล่ะ! เร่งมือหาสมบัติกันเถอะ!”
“โอ๊ส!!”
สกังก์และพวกพ้องเริ่มเคลื่อนไหว
กริดจะได้เจอบราฮัมอีกไหม ?
ReplyDeleteอยากให้บราฮัมกับมาอยู่กับกริดอีก 😢😢🙏
คิดถึงบลาฮัม
ReplyDeleteกริดจะแก้โจทย์นี้ยังไง
ติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณมากครับ😁