จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 879



    ‘แล้วเราจะชำระล้างยังไง?’


    กริดเริ่มกระวนกระวายใจขณะกำดาบศักดิ์สิทธิ์  แต่เขามิได้แสดงให้เห็นทางสีหน้า


    ชายหนุ่มเชื่อมั่นว่าตนต้องได้รับคำบอกใบ้ระหว่างทำภารกิจแน่


    ‘อาจต้องใช้น้ำตาแห่งเทพธิดา’


    เฉกเช่นวิหารยาธานที่มีแก่นยาธาน  ทางโบสถ์รีเบคก้าก็มีน้ำตาเทพธิดา


    หากแก่นยาธานคือพิษครอบจักรวาล  น้ำตาเทพธิดาก็คือยาอายุวัฒนะ


    กริดมั่นใจว่าน้ำตาเทพธิดามีคุณสมบัติมากพอสำหรับการชำระล้าง  ต้องมีวิธีใช้งานอย่างถูกต้องซ่อนอยู่แน่


    ภารกิจนี้คงไม่ยากเท่าไรนัก


    ‘เรามิได้โอหัง’


    ภารกิจผู้สืบทอดแพ็กม่ามักมีบางสิ่งที่เหมือนกันเสมอ


    นั่นคือความยากในการได้รับภารกิจ  แต่ตัวภารกิจจะไม่ยากเท่าที่ควร


    สีหน้าของกริดเปี่ยมด้วยความมั่นใจขณะย้อนนึกถึงภารกิจคลาสที่เคยผ่านมา

    

    “ตกลง  ฉันจะเริ่มงานทันที”


    เขาต้องชำระลางดาบศักดิ์สิทธิ์ให้จงได้


    วิชาดาบแพ็กม่าชนิดใหม่  รวมถึงพรจากเทพธิดาอีกหนึ่งข้อ  สองสิ่งนี้ทำให้กริดหลงลืมความเสียดายที่เคยมีต่อครึ่งเทพไปจนหมด


    ทว่า  ดาเมี่ยนกลับราดน้ำเย็นใส่กริด


    เขากล่าวปรามให้กริดใจเย็นลง


    “ไม่ใช่วันนี้”


    “ทำไมกัน?”


    “ตระกูลราชวงศ์อาณาจักรอื่นยังอยู่ในวาติกัน  พวกเขาจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้  ค่อยเริ่มงานหลังจากนั้น”


    “หืม…”


    เป็นคำแนะนำที่ดี   


    หน้าที่หลักของกริดคือช่างเหล็ก  สถานที่ทำภารกิจย่อมต้องเป็นโรงเหล็กวาติกัน


    จะเกิดอะไรขึ้นหากโรงเหล็กวาติกันมีเสียงทุบค้อนดังกังวาลไปทั่ว?


    ตระกูลราชวงศ์อื่นจะเริ่มเกิดความสนใจ  และข่าวลือว่าราชาโอเวอร์เกียร์กำลังแสดงฝีมือจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว


    ‘เราไม่ควรแสดงพลังให้ศัตรูในอนาคตเห็น…’


    ยิ่งสมาธิจดจ่อ  กริดก็ยิ่งหลงลืมสิ่งรอบข้างไปจนหมด  และอาจเปิดเผยในเรื่องที่ไม่ควรออกไป


    ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสักเท่าไร


    “เอาแบบนั้นก็ได้”


    กริดพยักหน้าพลางตรวจสอบระยะเวลาออนไลน์


    ตัวเลขแจ้งเตือนว่าตนล็อคอินนานถึง 14 ชั่วโมงแล้วในวันนี้    


    ‘พักก่อนดีกว่า’


    ได้เวลายุติการออนไลน์และดูแลสุขภาพร่างกายบนโลกภายนอก


    ค่อยกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อถึงเวลาตื่นของลอร์ดและไอรีน


    ชายหนุ่มกวาดสายมองแสงแดดยามเช้าที่สาดสองรอบวาติกันอย่างงดงาม  กระทั่งเหลือบเห็นใครบางคนยืนอยู่ในมุมอับแสง


    เมอร์เซเดส


    หลังจากอลิเบิร์นเสียชีวิตจนม่านบาเรียถูกสลาย  เธอรีบขึ้นมาหากริดโดยไม่รีรอ 


    นับแต่นั้น  เมอร์เซเดสคอยอารักขาข้างกายกริดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง


    “ฉันจะออกไปพักผ่อน  เธอปกป้องราชินีและองค์ชายไว้ให้ดี”


    “ค่ะ”


    เมอร์เซเดสขานรับสั้นห้วน  มิได้กล่าวสิ่งใดให้มากความ


    “…”


    สันตะปาปาดาเมี่ยนกำลังตกตะลึงในความงามของเมอร์เซเดส


    ด้วยเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์  ผิวพรรณเรียบเนียนและขาวนวลราวหิมะ  เมอร์เซเดสคือสตรีที่แผ่ออร่าความดุดันและงดงามเหนือคำบรรยาย


    คล้ายคลึงกับ ‘ยูกิอนนะ*’ ในตำนานชาวญี่ปุ่นอย่างมาก


( *ภูติหิมะ )


    เป็นใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาที่สามารถสะกดชายหนุ่มทุกคนจนอยู่หมัด


    “เธอใช่มนุษย์แน่หรือ?”


    ดาเมี่ยนถามพลางอ้าปากค้าง


    “น้อยๆ หน่อย  นายมีอิสซาเบลแล้วไม่ใช่รึไง?”


    กริดออกปากตำหนิ


    ดาเมี่ยนรีบโบกไม้โบกมือ


    “แน่นอน  ฉันแค่ตกตะลึงในความงามอันน่าเหลือเชื่อของเธอ  มิได้คิดในแง่ลบเลยสักนิด  เพียงแต่…”


    “แต่อะไร?”


    “…ฉันกังวลว่านายอาจมีแอนตี้แฟนเพิ่ม”


    “ทำไมกัน?”


    “ก็หญิงสาวรอบตัวนายมีแต่…”


    ยูร่าและจิสึกะในชีวิตจริง  ส่วนในเกมมีไอรีนเป็นภรรยา  และปัจจุบันมีเมอร์เซเดสเป็นอัศวินประจำตัว


    เหตุใดกริดถึงรวบรวมหญิงงามไว้รอบตัวมากขนาดนี้?


    แม้กระทั่งดาเมี่ยน  แฟนตัวยงของกริด  เขายังเกิดความอิจฉา


    เช่นนั้นแล้ว  ฝ่ายที่เกลียดชังกริดเป็นทุนเดิม  พวกมันจะไม่คลุ้มคลั่งจนอกแตกตายเลยหรือ?


    กริดเข้าใจความหมาย  เขาถอนหายใจยาว


    ‘พวกแกจะอิจฉาฉันไปทำไม?’


    ไม่รู้หรือไงว่าตนโสดสนิทในชีวิตจริง


    กริดเหนื่อยที่จะอธิบายเรื่องนี้กับใคร  เขาไม่อยากพูดออกไป


    อายุใกล้จะสามสิบแล้ว  แต่กลับไม่เคยมีแฟนเลยสักคน


    *** 


    ณ  ยามบ่ายวันเดียวกัน


    สันตะปาปาดาเมี่ยนจัดงานเลี้ยงรับรองแขก VIP ที่เหน็ดเหนื่อยจากเหตุการณ์เมื่อคืน


    เมอร์เซเดสกลายเป็นหัวหน้าองครักษ์ชั่วคราว  เธอเดินอารักขาไอรีนและลอร์ดไปยังห้องรับประทานอาหาร


    กระทั่ง… 


    “ได้ยินมาว่า  เธอถูกฝ่าบาทมหาจักรพรรดิปลดจากการเป็นอัศวินจักรวรรดิไปแล้ว  ไม่คิดว่าพวกเราจะได้พบกันในสภาพนี้”


    องค์ชายดูรันดัลปรากฏตัวพร้อมกับยืนขวางทางเดินคณะโอเวอร์เกียร์ไว้


    สายตาของมันเหลือบมองเมอร์เซเดส


    ไอรีนกล่าวทักทาย


    “ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง  องค์ชาย”


    “คุณงดงามยิ่งกว่าเมื่อคืนเสียอีก”


    ดูรันดัลหันมาตอบกลับไอรีน  ก่อนจะชำเลืองมองเมอร์เซเดสอีกหน


    “พลังที่ถูกฝึกฝนขัดเกลาเพื่อปกป้องราชวงศ์ซาฮารัน  พลังที่ได้รับจากการจงรักภักดีต่อจักรวรรดิซาฮารัน  ปัจจุบันกลับถูกใช้เพื่อปกป้องราชวงศ์อาณาจักรอื่นงั้นหรือ?  ไม่รู้สึกละอายใจบ้างรึไง?”


    “…”


    เมอร์เซเดสไม่ตอบโต้ถ้อยคำประชดประชัน  เธอเข้าใจโทสะที่ดูรันดัลรู้สึก


    การสนับสนุนจากจักรวรรดิคือหนึ่งในปัจจัยที่เธอแข็งแกร่งเฉกเช่นทุกวันนี้  เพียงพรสวรรค์อย่างเดียวทำไม่ได้แน่


    ถึงจะสร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ก่อนลาจาก  แต่เมอร์เซเดสยังเป็นคนทรยศในสายตาดูรันดัลวันยังค่ำ


    สุนัขที่ชุบเลี้ยงมากับมือ  ยามนี้คอยปกป้องระวังภัยให้บ้านอื่น  เป็นใครก็คงรู้สึกโกรธ


    “ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิทรงเมตตาประทานอิสระให้  แต่เธอกลับไม่สำนึกบุญคุณ  แทนที่จะซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาหรือกลายเป็นพลเมืองทั่วไป  ทำไมถึงเลือกรับใช้อาณาจักรอื่น?  ไม่มีคุณธรรมในจิตใจบ้างเลยรึไง?”


    บรรยากาศกำลังย่ำแย่


    ดูรันดัลยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด


    การดูแคลนอัศวินประจำตัวกษัตริย์ต่อหน้าราชินีไอรีนและองค์ชายลอร์ด  สิ่งนี้ไม่ต่างจากการดูแคลนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เลยสักนิด


    ชักสเลย์มิอาจนิ่งดูดาย  เขารีบก้าวเท้าออกมาด้านหน้า


    แต่ก่อนที่ชักสเล่ย์จะได้กล่าวสิ่งใด  อัศวินสีชาดผู้หนึ่งโพล่งขึ้น


    “องค์ชายให้เกียรติมากแล้วที่ลดตัวสนทนากับสุนัขจรจัดที่จักรวรรดิเลี้ยงไม่เชื่อง”


    อัศวินลำดับเก้าคนใหม่ ‘ซูซาน’  เธอถูกมอบลำดับเก้าโดยจักรพรรดิฮวนเดอร์  ชายที่ปราศจากอคติต่ออัศวินสีชาดหลังจากเกิดการสูญเสียจำนวนมาก  รวมถึงการลาจากของเมอร์เซเดส


    การปรากฏตัวของเธอทำให้เมอร์เซเดสตกตะลึงไม่น้อย  สาเหตุเพราะ  ซูซานคือญาติที่เมอร์เซเดสรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี


    มีข่าวลือว่าเธอเป็นอัจฉริยะ  แต่ปัญหาคืออายุที่ยังน้อยเกินไป


    เหตุใดซูซานถึงกลายเป็นองครักษ์ขององค์ชายลำดับสองได้?


    ‘เกิดอะไรขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา?’


    ราวกับความคิดเมอร์เซเดสถูกอ่านออก  ดูรันดัลแสยะยิ้มเยือกเย็น

    

    “ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิที่เคยเคลือบแคลงในตัวอัศวินสีชาดหลังจากปิอาโร่ทรยศ  บัดนี้เริ่มกลับมาไว้วางใจอัศวินสีชาดอีกครั้ง”


    “…”


    องค์ชายทุกคนล้วนทราบความจริงหลังเกิดเรื่อง  ปิอาโร่มิได้ทรยศอาณาจักร  ทั้งหมดเกิดจากฝีมือจอมอสูรอัสทารอธ


    องค์จักรพรรดิถึงกับร่ำไห้เป็นครั้งแรกหลังจากได้ทราบความจริง


    ‘…ฝ่าบาทฮวนเดอร์ยังคงไม่ไว้วางใจองค์ชายดูรันดัลสินะ’


    เทียบกับองค์ชายลำดับหนึ่งและสี่แล้ว  ดูรันดัลจะด้อยกว่าในทุกด้าน


    มีข่าวลือว่า  จักรพรรดิมองดูรันดัลเป็นเพียงบุตรชายที่ป่าเถื่อนและเย็นชา  หาได้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมากพอ


    แต่ชายคนนี้กลับโอหังไปทั่วราวกับยิ่งใหญ่คับฟ้า


    “ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิยอมรับให้อัศวินสีชาดเป็นหน่วยรบอันดับหนึ่งของทวีปแล้ว  ไม่เพียงเท่านั้น  ท่านแกรนมาสเตอร์ยังลงมาคุมการฝึกซ้อมด้วยตัวเอง  ไม่เหมือนกับอัศวินสีชาดรุ่นก่อน  รวมถึงรุ่นที่ย่ำแย่ที่สุดของเธอ  ทั้งความจงรักภักดีและความแข็งแกร่งต่างกันลิบลับ”


    ‘แกรนมาสเตอร์…!’


    ดาวตาเมอร์เซเดสพลันเบิกโพลง


    แกรนมาสเตอร์ ‘ซิกเฟรคเตอร์’—จากบันทึกประวัติศาสตร์  ชายคนนี้คือตัวตนลึกลับที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิซาฮารันนับตั้งแต่ร้อยปีก่อน  


    บุคคลปริศนาที่เก่งฉกาจทั้งด้านวิชาดาบ  เวทมนตร์  และวิชาการ  เป็นหนึ่งในตัวตนที่ฮวนเดอร์ต้องยำเกรง


    ว่ากันว่า  ไม่ว่าจะเปลี่ยนผ่านจักรพรรดิมากี่รุ่น  แต่ไม่เคยมีรุ่นใดสามารถควบคุมซิกเฟรคเตอร์ได้…


     ‘ชายคนนั้นยอมฝึกอัศวินสีชาดด้วยตัวเอง?’


    เมอร์เซเดสเริ่มเย็นสันหลังวาบ


    เธอหวนนึกถึงสายตาของซิกเฟรคเตอร์ที่ราวกับมองทะลวงจิตใจมนุษย์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง


    “…”


    เมอร์เซเดสชำเลืองมองซูซานซึ่งเป็นญาติของตน


    การที่ซูซานกลายเป็นอัศวินสีชาดหลักเดียวได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้  จะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่มีต่อแกรนมาสเตอร์รึเปล่า?  


    เมอร์เซเดสแสดงสีหน้าเป็นกังวลชัดเจน


    เมื่อเห็นเช่นนี้  ซูซาน—หญิงงามที่ไม่ด้อยไปกว่าเมอร์เซเดส  เริ่มฉีกยิ้มกว้าง


    “แกรนมาสเตอร์มอบหมายบางสิ่งกับฉันไว้”


    “…?”


    “ฉันมีภารกิจหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้เริ่มปฏิบัติหลังจากสนธิสัญญาสงบศึกจบลง  ภารกิจดังกล่าวคือการช่วงชิงไอเท็มดรอปจากอัสทารอธมาจากเธอ  หวังว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดีนะ”


    “…!!”


    เมอร์เซเดสและคณะโอเวอร์เกียร์ต่างผงะพร้อมกัน 


    แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าไอเท็มดรอปจากอัสมารอธหมายถึงสิ่ง  แต่ถ้อยคำซูซานแฝงความนัยบางประการไว้ชัดเจน


    จักรวรรดิจะเป็นศัตรูกับโอเวอร์เกียร์ทันทีที่สนธิสัญญาสงบศึกจบลง


    แน่นอน  พวกเขาทุกคนล้วนเตรียมไว้ใจนานแล้ว  แต่ว่า…


    ‘กล้าพูดต่อหน้าองค์ชายกับราชินีเชียว?’


    ชักสเล่ย์รวมถึงอัศวินหนุ่มสาวมิอาจทนฟังต่อไปได้


    โดยเฉพาะโค้ก  เขากำลังเดือดดาล


    โค้กไม่ชอบใจที่อาณาจักรของกริดถูกดูแคลนมากเพียงนี้


    ซูซานสัมผัสถึงจิตสังหารโค้ก  เธอเหยียดหยัน


    “พวกมดปลวก”


    ใบหน้าโค้กพลันแดงก่ำ


    “หยุดแค่นั้นแหละ”


    ชายผมดำปรากฏตัว


    ดวงตาของเขาดุดันและเรียวคมราวกับพญาเหยี่ยว


    กริด


    ชายหนุ่มเดินขึ้นมาหน้าสุดพร้อมกับจุมพิตแก้มไอรีนและลอร์ดโดยไม่แยแสดูรันดัลแม้แต่น้อย


    กริดเมินเฉยดูรันดัลและอัศวินสีชาดราวกับพวกมันไม่มีตัวตน  อัศวินฝ่ายจักรวรรดิเริ่มขมวดคิ้ว


    กริดแสยะยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว


    “ฉันเองก็รอให้จบสนธิสัญญาสงบศึกไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”


    “สามหาว!”


    “แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? กล้าอวดดีต่อหน้าสายเลือดที่ปกครองทวีปมาหลายร้อยปีเชียวรึ?”


    อัศวินสีชาดเริ่มเดือดดาล  ส่วนดูรันดัลยังคงนิ่งเฉย


    มันเกิดความสนใจ


    ดูรันดัลอยากเห็นว่าราชาวีรบุรุษจะวางตัวเช่นไรในสถานการณ์แบบนี้


    ‘ฝีมือที่แสดงให้เห็นระหว่างต่อสู้กับข้ารับใช้ยาธานเป็นของจริง  ไม่ด้อยไปกว่าเมอร์เซเดสเลยสักนิด  สมกับเป็นบุคคลที่ก่อตั้งอาณาจักรด้วยตัวเอง’


    แต่บุคคลเดียวจะทำอะไรได้มาก?


    ภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์  มีนักรบเพียงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถต่อกรเหล่าอัจฉริยะที่มีอยู่มากมายในจักรวรรดิ  


    พลังโดยรวมของจักรวรรดิเหนือกว่าโอเวอร์เกียร์ไม่รู้ตั้งกี่เท่า


    ราชาโอเวอร์เกียร์มีแผนจะรับมือจักรวรรดิที่ปกครองทวีปมายาวนานหลายร้อยปีด้วยวิธีใด?  


    หรือชายคนนี้คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดในทวีปแล้ว?  


    หากใช่… 


    ‘มันก็แค่แมลงเม่าที่ไม่รู้จักความน่ากลัวของกองเพลิง  ตรงข้ามกับสิ่งที่ฝ่าบาทกังวล  ราชาโอเวอร์เกียร์โง่เขลากว่าที่คิด’


    เป็นได้แค่มดปลวกที่สามารถบี้ทิ้งได้ทุกเมื่อ


    กริดพ่นถ้อยคำเหยียดหยันใส่หน้าดูรันดัล


    “อัศวินสีชาดยุคใหม่?  ก็แค่พวกกระจอก  ลำพังอัศวินหนุ่มคนนี้ก็มากพอจะทำลายอัศวินสีชาดทุกคนให้สิ้นซาก”


    “…?”


    ดูรันดัลและอัศวินสีชาดต่างพากันทึ่ง


    กริดกำลังชี้นิ้วไปยังโค้ก  ชายผู้ถูกซูซานเรียกว่ามดปลวก


    “หา?”


    ซูซานอึ้งกับถ้อยคำแสนเหลวไหลจากปากกริด


    ท่าทีของเธอคือสิ่งที่เข้าใจได้


    เลเวลของโค้กต่ำสุดในหมู่อัศวินโอเวอร์เกียร์  NPC ระดับสูงทุกคนย่อมมองออกในปราดเดียว


    ขณะสู้กับวิหารยาธาน  โค้กอ่อนแอยิ่งกว่าองค์ชายวัยหกขวบด้วยซ้ำ  แต่กริดกลับกล่าวว่าชายคนนี้จะบดขยี้อัศวินสีชาดรุ่นใหม่จนราบคาบ?


    ‘เรื่องเหลวไหลอะไรกัน!?’


    ดูรันดัลและอัศวินสีชาดต่างขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ    


    “ฉันจะรอวันที่สนธิสัญญาจบลง  แล้วจะได้เห็นว่าคำพูดของฉันเป็นจริงหรือไม่”


    เปลี่ยนคนอ่อนแอให้แข็งแกร่ง—นี่คือนิยามของพลังแห่งไอเท็ม  หลักการพื้นฐานของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ 


    กริดที่มีความคิดจะใช้ ‘พรเทพธิดา’ กับทักษะตีเหล็ก  เขากระซิบข้างหูโค้ก


    “ไม่ต้องห่วง  ยังเหลือเวลาอีกมาก  ฉันจะแสดงให้นายเห็นถึงพลังแห่งไอเท็มที่แท้จริง”


    จักรวรรดิซาฮารันคืออาณาจักรใหญ่


    หนึ่งเมืองในจักรวรรดิอาจใหญ่เทียบเท่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ทั้งหมด


    พลังอำนาจราชวงศ์ซาฮารันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น


    ใช่แล้ว  กริดเตรียมวางแผนรับมือกับจักรวรรดิซาฮารันมาตั้งแต่ต้น


    เขาย่อมทราบว่าจักรวรรดิมีแผนบุกโจมตีทันทีเมื่อหมดสนธิสัญญาสงบศึก  หรือแม้กระทั่งการรุกรานก่อนสัญญาจบลง  สิ่งนี้แปรผันกับอารมณ์ของจักรพรรดิ


    กริดจำเป็นต้องฝึกฝนบุคคลากรอัจฉริยะไว้รับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้น


    ‘หลังจากสำเร็จภารกิจนี้  เราจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพที่ครอบครองพลังแห่งไอเท็ม’


    ‘เป้าหมายยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว  ฝ่าบาทกำลังตัดสินใจผิดพลาด!’


    ขณะกริดและดูรันดัลประสานสายตากัน  ใครบางคนเริ่มตึงเครียดสุดขีด


    โค้กรู้สึกราวกับตนกำลังนั่งบนเก้าอี้หนาม

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,272
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สู้ๆโค้ก
    ขยันฟาร์ม​เข้า
    เดี๋ยวลูกพี่กริดเติมทรูให้
    😁ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  2. สงสารโค้กเลย คงกดดันหน้าดู 😅😅

    ReplyDelete
  3. ลูกศิษย์อัศวินในตำนานแน่ๆ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00