จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 875-876

 จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์  875


ตามปรกติแล้ว  จะมีคนประเภทที่เราไม่ถูกชะตาอย่างไร้เหตุผล  เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอึดอัดใจ


สำหรับแอ็กนัส  กริดคือคนผู้นั้น


ในทางทฤษฏี  กริดมีอดีตที่คล้ายคลึงแอ็กนัสมาก  แต่ไม่หนักหนาเท่า


เขาไม่ถึงขั้นเห็นคนรักถูกย่ำยีต่อหน้า  และเสียเธอไปในภายหลังจากการฆ่าตัวตาย


กริดไม่ถึงขั้นตามสังหารพวกชั่วร้ายที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง  และมิได้เอาแต่คร่ำครวญถึงเธอในภายหลัง


‘แต่มันก็เคยเจ็บปวดไม่ต่างจากเรา!’


แอ็กนัสทราบดี  บาดแผลใจในกริดมิอาจเทียบกับมันได้


ตัวอย่างที่เห็นชัดคือไอ้พวกระยำที่คอยตามรังแกแอ็กนัส


ทุกเช้า  แอ็กนัสต้องใช้มือข้างหนึ่งเป็นที่เขี่ยบุหรี่ให้พวกมัน  กระนั้น  แอ็กนัสกลับใช้มืออีกข้างพลิกเปิดตำราเรียนอ่านโดยไม่คิดต่อว่าอีกฝ่าย


ถึงไม่มีเรื่องคนรักเข้ามาเกี่ยว  แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากการถูกกลั่นแกล้งระหว่างตนและกริดย่อมไม่แตกต่าง


นี่คือเหตุผลหลักที่แอ็กนัสรังเกียจท่าทีและการกระทำในช่วงหลังของกริด


‘เราไม่เข้าใจเลยสักนิด!’


เหตุใดกริดถึงไม่ใช่พลังอำนาจในมือเพื่อแก้แค้นพวกระยำในอดีต?


เหตุใดกริดถึงไม่ใช่พลังอำนาจในมือเพื่อกดขี่ผู้อื่นเฉกเช่นที่ตนเคยถูกกระทำมาก่อน?


'ทำไมหมอนี่ถึงมีความสุขได้?'


การเผชิญหน้ากันในแต่ละครั้ง  กริดต้องมีใครบางคนข้างกายเสมอ  ไม่ว่าจะคนรัก  ครอบครัว  หรือพวกพ้อง ทุกคนที่ยืนเคียงข้างกริดจะเปี่ยมด้วยรอยยิ้มสดใส


เป็นสิ่งที่แอ็กนัสยากจะเข้าใจ

กริดหลงลืมช่วงเวลาที่ตัวเองเคยอ่อนแอไปแล้วหรือ?


ทั้งตนและกริดอยู่ในตำแหน่งที่สามารถบดขยี้ใครก็ได้บนโลก  กริดควรทำเช่นนั้นเพื่อความสะใจ


บุคคลแบบ ‘พวกเรา’ ไม่สมควรมีพวกพ้องและมิตรภาพ


[ ท่านได้รับความเสียหาย 8,900 หน่วย ]

[ พลังชีวิตของท่านต่ำกว่า 10% ]

[ ท่านใช้งาน ‘พลังซิลเวนัส’ ที่สลักในอักขระความตาย ]

[ ด้วยลักษณะพิเศษของอสูรมืดที่สามารถกลมกลืนไปกับความมืด  ท่านสามารถอำพรางตัวตนได้ชั่วคราว ]


[ จอมอสูรที่ทำพันธสัญญากับท่าน—บาเอล  มันกำลังมีความสุข ]


>>  มารที่กลืนกินมารตนอื่นโดยมีจุดประสงค์แน่วแน่  ไม่เหมือนผู้ทำพันธสัญญาคนก่อน  น่าสนใจมาก  เราตัดสินใจไม่ผิดที่ทำพันธสัญญากับเจ้า


[ ค่าความสัมพันธ์กับจอมอสูรลำดับหนึ่ง—บาเอลเพิ่มขึ้น 10 แต้ม ]


ข้อความระบเหล่านี้ปรากฏบนหน้าจอแอ็กนัส  แต่มันไม่ได้อ่าน สายตาเกลียดชังของมันจ้องมองเพียงกริด


“แกมันไอ้งั่งไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญของตัวเองได้!”


เหตุใดจิตใจของกริดถึงไม่ดำมืดเหมือนตน?  เหตุใดกริดถึงไม่เลือกที่จะอยู่คนเดียวและทำลายทุกสิ่งรอบตัว?


เหตุใดกริดจึงไม่คอยปกป้องข้างกายคนสำคัญตลอดเวลา?  แต่เลือกที่จะปกป้องมดปลวกไม่สำคัญจำนวนมากแทน


ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด  แต่แอ็กนัสไม่ชอบใจเลยสักนิด


มันเกลียดกริด


แอ็กนัสหายตัวไปจากการมองเห็นกริดพร้อมกับเพลิงทมิฬที่ลุกท่วมคลอกร่าง  แรงระเบิดที่มีรัศมีกว้างไกลกลับสร้างความเสียหายได้รุนแรงอย่างน่าเหลือเชื่อ


[ ท่านถูกโจมตีอย่างรุนแรง! ]

[ ท่านอยู่ในร่าง ‘ครึ่งลิช’ ]  

[ ท่านต้านทานต่อความตายขณะยังอยู่ในผลของทักษะ ‘กลายเป็นลิช’ ]

[ ท่านยังไม่ตาย ]


ทองฟ้ายามรุ่งอรุณสีเทาหม่นหมอง


กระดูกซี่โครงของแอ็กนัสเริ่มแตกร้าวขณะมันซ่อนตัวในเงามืดหลังเสาหินที่ใกล้พังครืน

สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก  ร่างกายกำลังเสียสมดุล  ความตายคืบคลานเข้าใกล้ทุกขณะ


การดวลกับกริดไม่เคยง่าย  ครั้งนี้ก็เช่นกัน  มันอาจถูกทักษะแปลกประหลาดของกริดดับลมหายใจได้ทุกเมื่อ


หากเป็นแอ็กนัสในยามปรกติ  มันคงหัวเราะราวกับคนบ้า  ดื่มด่ำไปกับความตื่นเต้นที่เอ่อล้นจนมันหลงลืมความจริงแสนโหดร้าย


แต่ไม่ใช่กับคราวนี้


อารมณ์เดียวบนใบหน้าแอ็กนัสคือความสับสนและเจ็บปวด


แอ็กนัสมิได้สับสนเรื่องที่ตนเองทำคุณบูชาโทษหลังจากช่วยครอบครัวกริด


มันช่วยเพราะภาพของคนรักเก่าซ้อนทับโดยบังเอิญ  และมิได้นึกเสียใจในสิ่งที่กระทำลงไป


ตรงกับข้าม  ความสับสนและเจ็บปวดของมันมีบ่อเกิดจากกริดเพียงผู้เดียว


กริดต่างจากมันตรงไหน?  

มันเลือกทางเดินผิดงั้นหรือ?


‘ไม่สิ…ไม่ใช่!’

“แกต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด!”


ดาบในมือแอ็กนัสโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า  เสียดแทงใส่เอวกริดที่ไร้การปกป้องอย่างโหดเหี้ยม


มีดเก่าโทรมของแอ็กนัสอัดแน่นด้วยคำสาปทรงพลังที่จะลดทอนค่าต้านทานทั้งหมดที่กริดมี


โดยเฉพาะค่าต้านทานธาตุมืด  กริดสูญเสียมันไปทั้งหมดชั่วคราว


“แค่ก!”

ชายหนุ่มกระอักเลือดพลางหวนนึกถึงข้อความระบบที่ปรากฏขึ้นเมื่อหลายนาทีก่อน


[ เทพธิดาแห่งแสง—รีเบคก้า  กำลังรอคำตอบจากท่าน  ]

[ เป็นอีกครั้งที่ท่านจะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จากพรแห่งเทพธิดา ]


[ เทพสงคราม—เซราทุล  พึงพอใจกับทางเลือกของท่าน  ]

[ เทพสงคราม—เซราทุล  ส่งพลังสนับสนุนพรใหม่ที่เทพธิดารีเบคก้าจะมอบให้ท่าน  ] 


เฉกเช่นแอ็กนัส  กริดยังมิได้อ่านข้อความระบบ


ในสายตากริด  นับตั้งแต่วันแรกที่พบกัน  จนกระทั่งวินาทีนี้  แอ็กนัสคือบุคคลที่ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดอยู่เสมอ


กริดจงเกลียดจงชังแอ็กนัสที่เอาแต่เหยียบย่ำผู้อื่น  แถมยังมีหัวเราะเยาะอย่างความสุขในสิ่งที่ทำ


ปัจจุบัน  ครอบครัวแสนสำคัญของตนกำลังตกเป็นเหยื่อความหรรษาของแอ็กนัสงั้นหรือ?


“ไอ้บัดซบ!”


จิตสังหารปริมาณมากเริ่มสุมในอกกริด


เป็นภาระหน้าที่ของตนที่ต้องสังหารตัวตนชั่วร้ายอย่างแอ็กนัสให้สิ้นซาก


จิตสังหารทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ  เฉกเช่นปราณต่อสู้สีม่วงรอบกาย


“คลื่น”


คลื่นรัศมีดาบแผ่พุ่งรอบทิศ


เขาหวังใช้ทักษะโจมตีหมู่เพื่อเปิดเผยตัวตนแอ็กนัสที่ล่องหนชั่วขณะ


“…อยู่นั่น!”


กริดสัมผัสถึงตำแหน่งแอ็กนัสได้ทันที


เมื่อวิชาดาบคลื่นกระทบบางสิ่งที่มองไม่เห็น  กริดทำการเต้นจังหวะเท้าของหนึ่งในวิชาดาบโจมตีสุดทรงพลัง—ทำลายล้างสังหาร


การสิ้นเปลืองพลังงานจำนวนมากเพื่อรำดาบผสานถือเป็นก้าวเดินที่ผิดมหันต์


“อึก…!”


ตุ้บ… 


กริดชะงักการรำดาบเพราะขาของเขาอ่อนแรงฉับพลัน  กริดร้อนรนจนลืมสำรวจค่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของตน


[ ค่าเรี่ยวแรงของท่านไม่เพียงพอสำหรับใช้งานทักษะ ]


“โอเวอร์เกียร์…คอร์น”


กริดต้องการฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงด้วยการสื่อสารกับยูนิคอร์นในช่องสัมภาระ


นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวตามสัญชาตญาณ  แต่มีหรือจะสำเร็จ?

ศัตรูไม่ใช้ไอ้งั่งสมองทึบ…โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ในคราวนี้ 


“คิคิก!  คิฮ่าฮ่าฮ่า!”


เมื่อร่างแอ็กนัสถูกคลื่นกระทบใส่  สถานะพรางตัวของมันก็หมดลง


กว่าครึ่งของร่างกายคือกระดูกสีขาว  แอ็กนัสกำลังฮึกเหิม  เส้นผมสีเขียวเริ่มสะบัดพลิ้วตามแรงลม


กริดสัมผัสถึงลางร้าย


ปัจจุบัน  เขาวางหัตถ์เทวะ  โนเอะ  แรนดี้  โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์  และภูติธาตุแสงไว้ใกล้ไอรีนกับลอร์ด  ทำให้ไม่มีสิ่งใดช่วยปกป้องตัวเองในยามวิกฤติ

แค่ขยับปลายนิ้วยังลำบาก


“กริด!”


ด้วยสายตาที่พร่ามัว  กริดเห็นแอ็กนัสกำลังปรี่เข้าหาตน


“…!!”


“…!!!”


รอบข้างกำลังวุ่นวาย  เกิดเสียงอื้ออึงดังระงม  หูได้ยินเสียงแว่วของบทสนทนาจากผู้คน  แต่มิอาจจับใจความได้ชัดเจน


‘แย่ล่ะสิ’


เราจะตายตรงนี้งั้นหรือ?


ไม่ใช่...ศัตรูเบื้องหน้าก็มีสภาพร่อแร่ไม่ต่างกัน  การกลายเป็นลิชของแอ็กนัสหมายถึงตัวมันเองกำลังเข้าตาจนไม่น้อย


‘มันอาจยังเหลือประกันชีวิตอมตะ  หรือไม่ก็เสียงเย้ยหยันของเบนทาโอ…’


กริดกันฟันทนความเจ็บปวด  เขาเปิดใช้งาน ‘พลังเครย์’ จากอักขระความมืด—ความสามารถที่จะทำให้ตนดูดซับพลังชีวิต 100% เทียบเท่าความเสียหายที่สร้างขึ้น


เขาหมายฟื้นฟูพลังชีวิตสู้กับแอ็กนัสชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน


กริดยังเหลือสมญานามกษัตริย์คนแรก  พลังทีราเม็ท  และประกันชีวิตอมตะ


เขามั่นใจหลายส่วนว่าจะได้รับชัยชนะหากการต่อสู้ดำเนินต่อไป


อันที่จริง  ถึงไม่เหลือพลังใดแล้ว  แต่เขาก็ต้องกัดฟันทนจนถึงที่สุด


เพื่อปกป้องไอรีนและลอร์ด  ตนจะล้มลงไม่ได้เด็ดขาด  กริดลั่นวาจาพร้อมกับเหวี่ยงดาบอัสนีฯ ใส่แอ็กนัส


ขณะเดียวกัน  ในสภาพอมตะของลิช  แอ็กนัสย่อมไม่เกรงกลัวความตาย  มันใช้ดาบฟันสวนกริดโดยไม่คิดปัดป้องแม้แต่น้อย


สองบุคคลที่หมายห้ำหั่นเอาชีวิตกัน  กำลังเผชิญหน้าในระยะประชิด


จนกระทั่ง… 


…เกิดแสงสีขาวสว่างจ้า


หากเทียบกับก่อนหน้านี้  ความเข้มข้นของแสงอ่อนแอลงอย่างมาก  แต่เป็นแสงเดียวกับที่สะกดข้ารับใช้ยาธานและอลิเบิร์นไม่ผิดแน่


กริดและแอ็กนัสต่างชะงักพลางหันไปมองดาเมี่ยนเป็นตาเดียว


ดาเมี่ยนพัฒนาขึ้นอีกขึ้นหลังจากสำเร็จภารกิจทวงคืนดาบ  เขามีพลังศักดิ์สิทธิ์มากพอจะกำราบสาวกยาธานโดยรอบด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์


ขณะกริดและแอ็กนัสกวาดสายตามองทั่วห้อง  ดาเมี่ยนกล่าวขึ้น


“สถานที่แห่งนี้คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดารีเบคก้า  จงหยุดการต่อสู้ไว้เพียงเท่านี้  ในฐานะสันตะปาปาคนปัจจุบัน  ฉันไม่ยินยอมให้มีการหลั่งเลือดเพิ่มเติม!”


“ทำไมกัน?”


กริดตั้งคำถาม


แอ็กนัสคือศัตรู


ต่อให้ตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไป  แต่เจ้านี่คือผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล  เป็นตัวตนที่โบสถ์รีเบคก้าควรกำจัดมากที่สุด


แล้วเหตุใดดาเมี่ยนถึงไม่ฉวยโอกาสลงทัณฑ์แอ็กนัส?  กริดไม่เข้าใจเลยสักนิด

ดาเมี่ยนชี้นิ้วไปยังไอรีน  ลอร์ด  และลิชมูมัด


“ดูนั่น”


“…?”


ขณะหงุดหงิดและสับสน  กริดขมวดคิ้วพลางหันไปมองตาม


ชายหนุ่มเห็นลิชมูมัดกำลังกางม่านบาเรียเพื่อคลุมร่างไอรีนและลอร์ดไว้


ลิชมูมัดกำลังป้อง…


ปกป้องไอรีนกับลอร์ดจากแรงสะเทือนที่กริดและแอ็กนัสก่อขึ้น


“อะไรกัน…”


คำพูดก่อนหน้าของทั้งสองดังวนเวียนในหัวกริด


โครงกระดูกตนนี้ไม่ใช่ศัตรู…

ลิชตนนี้ปกป้องพวกเราไว้…


‘ที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องจริง?’


ทำไมกัน?


เมื่อดาเมี่ยนเห็นกริดมีสีหน้ามึนงง  เขารีบกล่าวต่อไป


“ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย  แต่การต่อสู้ในวันนี้จบลงแล้ว”


โบสถ์รีเบคก้าย่อมมองบาเอลเป็นศัตรู


ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคนก่อน—แพ็กม่า  แม้อาจทำไปเพื่อปกป้องหอเกียรติยศและโลกมนุษย์  แต่ความจริงก็ไม่เปลี่ยนไปที่ชายคนนี้ขายวิญญาณให้จอมอสูร


โบสถ์รีเบคก้าไม่เคยยกย่องเชิดชูแพ็กม่าในจุดนั้น  และผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคนใหม่ต้องถูกลงทัณฑ์


แต่ดาเมี่ยนมองว่า  ปัจจุบันยังไม่ใช่เวลาอันเหมาะสม


“ต่างคนต่างแยกย้ายไปก่อน”

ดาเมี่ยนไม่ทราบว่า  มีเหตุผลเบื้องหลังใดที่แอ็กนัสทรยศวิหารยาธานเพื่อปกป้องไอรีนกับลอร์ด


เขานึกสงสัย  แต่ไม่คิดเอ่ยปากถาม


สิ่งสำคัญในตอนนี้คือระงับเหตุวุ่นวาย  ดาเมี่ยนทราบดี  ความจริงคงได้กระจ่างในสักวันแน่นอน


แต่ทางกริดย่อมไม่พอใจแค่นั้น


“แกวางแผนอะไรไว้?  ทำไมถึงปกป้องครอบครัวของฉัน?”

“หือ?  แกพล่ามอะไร?  ฉันทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร?”


“ตอบมาตามตรง!”


“…ฉันไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวของแก”


“…?”


“แค่บังเอิญเหลือบไปเห็นหญิงสาวหน้าตาดี  ฉันไม่ต้องการให้หล่อนตาย…เสียดายของแย่  คิคิก…ฉันแค่อยากเล่นสนุกกับเธอเท่านั้น”


บัฟ ‘กลายเป็นลิช’ ใกล้หมดลงเต็มที  มีเพียงความตายที่กำลังรอแอ็กนัสอยู่


มันไม่อยากพลาดโอกาสทองที่ไม่รู้ว่าจะมีอีกเมื่อไร  โอกาสทองในการสู้กับราชาโอเวอร์เกียร์ตามลำพังโดยไม่มีคนยื่นมือสอด

“เฮ่อ…”


หลังจากอธิบายเหตุผลที่ไม่มีใครเชื่อออกไป  มันเสยเส้นผมสีเขียวเล็กน้อย  จัดแจงให้เข้าทรง  เผยให้เห็นดวงตาสีทองอร่าม


“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”


“…?”


“กริด!  มาห้ำหั่นเอาชีวิตกันดีกว่า!  คิคิก!  คิฮ่าฮ่า!”


แอ็กนัสละทิ้งมาดสุขุมพลางปรี่เข้าหากริดราวกับคนเสียสติ


มันมิได้แยแสคำปรามของสันตะปาปา


แน่นอน  สาวกรีเบคก้าโดยรอบไม่มีทางปล่อยให้มันทำตามใจ


อิสซาเบลระเบิดพลังร่างสีขาวพลางหายตัวมายืนขวางหน้ากริด  หอกไลฟาเอลในมือแทงใส่ร่างโครงกระดูกของแอ็กนัส  ขณะเดียวกัน  เหล่าพาลาดินก็รุมแทงดาบใส่จากด้านหลัง


แอ็กนัสถูกสยบแน่นิ่งก่อนได้เข้าถึงกริด


“ทำไมนายถึง…”


ดาเมี่ยนตัดพ้อ  


แต่แอ็กนัสมิได้แยแส


กลับกัน  สายตาของมันเหลือบมองไอรีนและลอร์ดที่กำลังสะอื้น  จากนั้นก็กลับมามองกริดอีกครั้ง


“แกน่ะ…”

“…?”


“…ต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้” 


ความวุ่นวายจบลงแล้ว


ร่างกายแอ็กนัสกลายเป็นแสงสีเทาท่ามกลางหอกและดาบจำนวนมากที่เสียบคา


ร่างมูมัดเริ่มสลายตามไปไม่ห่าง


“คุณอัศวินโครงกระดูก…”


‘พวกเขาจะถูกเยียวยาเมื่อไร?’


ลอร์ดเจ็บปวดหัวใจเมื่อเห็นดวงตาแสนเศร้าหมองของแอ็กนัสและมูมัด


องค์ชายตัวน้อยกำลังฝืนกลั้นน้ำตา


สันตะปาปาดาเมี่ยนเดินเข้าไปปรึกษากับสภาอาวุโส


พวกเขาส่งหน่วยพาลาดินคอยคุ้มกันองค์ชายดูรันดัลและเหล่าตระกูลราชวงศ์ให้กลับไปพักผ่อนที่ห้อง


จากนั้นเป็นการตรวจสอบหาช่องโหว่ที่วิหารยาธานใช้บุกเข้ามา  รวมถึงประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นตัวเลข


“ฉันได้เห็นการต่อสู้แล้ว  ราชาโอเวอร์เกียร์เก่งกาจสมคำร่ำรือ”


“ชมเกินไปแล้ว”


กริดตอบกลับคำเยินยอจากดูรันดัลด้วยสีหน้าเรียเฉย


หลังจากส่งไอรีนและลอร์ดเข้านอน  กริดมีเวลาสานต่อภารกิจที่ค้างคาไว้เสียที


>> วีรบุรุษเอ๋ย  เราขอประทานพรให้เจ้า… 


จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์  875 — จบตอน 


จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์  876


ชายหนุ่มกำลังง่วงนอนสุดขีด


วันนี้แสนยาวนานและเหน็ดเหนื่อย


เขานอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขราวกับกำลังอยู่บนสวรรค์  กริดแสนภูมิใจในตัวสตรีเลอโฉมและองค์ชายตัวน้อยที่นอนหลับข้างกาย


“…”

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขณะลูบศีรษะทั้งสองอย่างอ่อนโยน


ความสับสนยังไม่จางหาย


‘แอ็กนัส…ทำไมแกถึง…’


คำบอกเล่าของไอรีนและลอร์ดที่ระบุว่าแอ็กนัสช่วยชีวิตพวกเขาไว้  สิ่งนี้ไม่ใช่การเข้าใจผิด


สาวกรีเบคก้า  อัศวินหนุ่มสาวโอเวอร์เกียร์  โค้ก  รอยแมน  คาซิม  ชักสเล่ย์  รวมถึงสันตะปาปาดาเมี่ยน  


ทุกคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียว


หากไม่มีแอ็กนัส  ไอรีนและลอร์ดคงไม่อยู่บนโลกอีกแล้ว


‘หมอนั่นทำไปเพื่ออะไร?’


จากคำบอกเล่าของพยาน  แอ็กนัสปรากฏตัวโดยอยู่ฝ่ายวิหารยาธานในตอนต้น  แต่กลับทรยศพวกมันเพื่อปกป้องไอรีนและลอร์ดกลางคัน


กริดเดาได้ไม่ยาก  ทางเลือกแสนโง่เขลาของแอ็กนัสจะส่งผลเสียร้ายแรงใดตามมาบ้าง  


ในเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว  แอ็กนัสยังละทิ้งทุกสิ่งเพื่อช่วยไอรีนและลอร์ดอีกหรือ?


‘ชายที่มีความสุขจากได้สังหารและเหยียบย่ำผู้อื่น…’


นี่คือนิยามที่กริดมีต่อแอ็กนัส


หลังจากเผชิญหน้าหลายหน  กริดมองว่าความชั่วร้ายของแอ็กนัสไม่ผิดไปจากข่าวลือมากนัก


ชายคนนี้หัวเราะอย่างสะใจในยามได้บดขยี้และคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์  


แต่มนุษย์เสียสติอย่างมันกลับต่อสู้เพื่อปกป้องผู้อื่น?  


แถมยังเป็นครอบครัวของตน… 


กริดพยายามมองหาเหตุผลรองรับการกระทำของแอ็กนัส  แต่นั่นไม่ง่ายเลย


ไม่ว่าจะขบคิดมากเพียงใด  กริดก็ไม่ได้รับคำตอบ


“…อันที่จริง  เราไม่ควรเสียเวลาทำความเข้าใจคนแบบหมอนั่นรึเปล่า?”


หากเข้าถึงความคิดนึกได้ง่าย  แอ็กนัสคงไม่ถูกเรียกว่าชายเสียสติแน่


‘อีกฝ่ายเป็นพวกวิกลจริต  เราไม่ควรคิดซับซ้อนให้ปวดหัว’



ใช่แล้ว  ตนไม่ควรสิ้นเปลืองพลังงานไปกับสิ่งไร้สาระ  เขาสลัดความคิดเกี่ยวกับแอ็กนัสออกไป


‘เราแค่ปกป้องคนสำคัญให้ดีที่สุดก็พอแล้ว’


เป็นคำสาบานที่กริดต้องจำใส่ใจให้มั่น


แต่กระนั่น  เขาก็ไม่คิดมองข้ามความดีที่แอ็กนัสช่วยปกป้องไอรีนและลอร์ด  สิ่งนี้คือบุญคุณที่ต้องทดแทนไม่ว่าจะมีเหตุผลใดแอบแฝง

“เฮ่อ…”


เสียงหายใจยามหลับไหลของไอรีนและลอร์ดทำให้จิตใจกริดปลอดโปร่ง


เขาสูดลมหายเข้าปอดหนึ่งฟอดใหญ่  ก่อนจะกลับมาสนใจข้อความระบบที่ยังคงแสดงค้างอยู่ด้านข้างหน้าจอ


ชายหนุ่มตรวจสอบข้อความระบบที่ยังไม่ได้อ่าน  และนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่ระหว่างภารกิจของเทพธิดา


“อา…”


เขาลืมเสียสนิท


ซาทิสฟายในวันนี้ไม่เหมือนเกมเลยสักนิด  มันคือการต่อสู้ที่ยากลำบากเพื่อปกป้องครอบครัวคนสำคัญ

‘นั่นสินะ…เราปล่อยมือจากดาบศักดิ์สิทธิ์’


หากไม่แล้ว  ป่านนี้กริดคงกลายเป็นครึ่งเทพที่มีพลังถล่มทวีปตะวันตกในพริบตา

“…เฮ่อ”


เขาถอนหายใจยาว


กริดรังเกียจตัวเองที่ดันเกิดความคิดชั่ววูบจนเกือบละทิ้งครอบครัว  พวกพ้อง  และอาณาจักร

‘แต่ไม่แปลกที่จะเกิดความโลภ’


★ รางวัลหากช่วงชิงดาบศักดิ์สิทธิ์ :

- จะได้รับ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งมารลำดับสี่’

- เผ่าพันธุ์ของท่านจะเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็น ‘ครึ่งเทพ’

( ครึ่งเทพได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์หลายด้าน  เป็นเผ่าพันธุ์ที่ใกล้เคียงเทพมาก  ทักษะทุกชนิดของท่านจะถูกยกระดับขึ้น )

- ทักษะติดตัว ‘บัญชาแห่งเทพ’ ถูกยกระดับ

( โอกาสแสดงผลบัญชาแห่งเทพกลายเป็น 100% แต่ทักษะที่ใช้จะไม่มีวันเกิดคริติคอล )

- ปลดล็อกทักษะ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกกัดกร่อน’

- ท่านจะถูกคำสาปจากเทพธิดารีเบคก้า  เทพโดมิเนี่ยน  เทพยูดาห์  และเทพเซราทุล

- ค่าความสัมพันธ์กับโบสถ์รีเบคก้า  โดมิเนี่ยน  และยูดาห์กลายเป็นติดลบ

- สาวกเทพสงครามจะตามล่าตัวท่าน


★ รางวัลหากคืนดาบศักดิ์สิทธิ์ :

- พรจากเทพธิดารีเบคก้า

- ความสัมพันธ์กับโบสถ์รีเบคก้ากลายเป็นค่าสูงสุด

( ท่านมีความสัมพันธ์ในระดับสูงสุดอยู่แล้ว )


นี่คือรางวัลตอบแทนภารกิจลับ ‘เส้นกั้นแบ่งระหว่างดีชั่ว’


ของรางวัลระหว่างการคืนดาบกับไม่คืน  ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว


‘เราทราบดีว่าพรเทพธิดายอดเยี่ยมขนาดไหน’


กริดครอบครองสุดยอดทักษะอย่าง ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ได้ด้วยพรจากเทพธิดา  มันคือทักษะอันดับหนึ่งในปัจจุบันของตน


แต่สิ่งนี้จะยอดเยี่ยมกว่าบัญชาแห่งเทพที่แสดงผล 100% เชียวหรือ?  


คำตอบคือไม่  เพราะหากบัญชาแห่งเทพแสดงผล 100%  หมายความว่ากริดสามารถใช้ทุกทักษะได้ 2 ครั้งซ้อน  


จุดอ่อนด้านระยะหน่วงและมานาที่เคยเป็นปัญหาของวิชาดาบแพ็กม่าจะถูกกลบจนมิดชิด


กริดประเมินว่า  บัญชาแห่งเทพ 100% จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการได้ครอบครอบ ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’


‘…แต่ช่างเถอะ’


เรื่องราวผ่านไปแล้ว  นึกเสียดายไปก็ไม่เกิดประโยชน์  แม้รางวัลภารกิจที่เลือกจะมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าเผ่าครึ่งเทพก็ตาม  


เพราะถึงอย่างไร  ทางเดินของเขาได้ช่วยให้ทุกคนมีชีวิตรอดปลอดภัย

หลังจากข่มใจสงบ  กริดตอบกลับข้อความระบบที่ค้างคามานาน


[ เทพธิดาแห่งแสง—รีเบคก้า  กำลังรอคำตอบจากท่าน  ]


“ขอโทษที่ให้คอยนาน”


>>  เรารอเจ้าได้เสมอ  ชายผู้เป็นห่วงครอบครัวเหนือสิ่งอื่นใด  


“…!!”


กริดพลันทึ่งเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากเทพธิดารีเบคก้า 


ในอดีต  เขาเคยได้ยินเสียงอันอบอุ่นของเทพธิดารีเบคก้าหลายหนก็จริง  แต่ไม่มีครั้งใดเป็นบทสนทนาชัดเจนเหมือนคราวนี้


ไม่ใช่ว่า ‘สาส์นจากเทพ’ เป็นข้อความทางเดียวหรอกหรือ?


ในอดีต  กริดเคยคิดว่า ‘เทพ’ เป็นเพียง ‘ระบบ’ หนึ่งในซาทิสฟาย  เหมือนกับระบบช่วยเหลือจากทักษะ ‘การออกแบบของช่างตีเหล็กในตำนาน’ ที่มีการสนทนาโต้ตอบกับผู้เล่น


แต่คราวนี้  เขากำลังเกิดสมมติฐานใหม่


‘NPC?  หรือว่าเทพจะเป็น NPC?’


กริดควรรู้ตัวเร็วกว่านี้หลังจากถูกเทพแห่งการตีเหล็กริษยา


หากเป็นเช่นนั้นแล้ว  หมายความว่าเทพมีตัวตนและอุปนิสัยอยู่จริงในโลกซาทิสฟาย  มีรูปลักษณ์และที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง


‘ถ้าเรามีโอกาสได้พบเทพเข้าสักวัน…อ๊ะ?’


ชายหนุ่มเริ่มเย็นสันหลังเมื่อพยายามครุ่นคิดให้ซับซ้อนขึ้น


‘ข้อเท็จจริง’ ที่มหาจอมเวทในตำนาน—บราฮัม  เคยกล่าวไว้  ยามนี้กำลังเล่นซ้ำในหัวกริด


‘เมื่อแรงปรารถนาของมนุษย์ปะทุถึงขีดสุด  โลกกึ่งกลางจะเกิดความโกลาหลจนเกินควบคุม  เมื่อใดที่เทพธิดารีเบคก้ามิอาจควบคุมสถานการณ์  สัญชาตญาณทำลายล้างของเทพยาธานจะถูกกระตุ้น’


‘เทพยาธานจะปรากฏตัวเพื่อทำลายโลก  จากนั้นเทพธิดารีเบคก้าจะสร้างโลกใบใหม่ขึ้น  เทพทั้งสองเป็นอริกันเพียงฉากหน้า  แต่ความจริงกลับร่วมมือกันโดยไม่ก้าวก่ายหน้าที่’


‘จอมอสูร  เทวทูต  และมนุษย์ต่างเป็นเพียงของเล่นของเทพ’


นั่นคือสิ่งที่บราฮัมเล่าให้กริดฟัง


‘พระเจ้าไม่มีจริงตั้งแต่แรก  ไม่ว่าจะยาธานหรือรีเบคก้า  แต่ตัวตนเหล่านี้มิใช่สิ่งมีชีวิตสมบูรณ์แบบอย่างที่เราคิด  เฉกเช่นปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป  เทพเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งในโลกซาทิสฟาย  ไม่ใช่ผู้สร้างโลก  ไม่ใช่ตัวตนที่เราควรกราบไหว้บูชา’


กริดเข้าใจผิดมาตลอด


เขาเคยคิดว่าเทพเป็นเพียงระบบหนึ่งของเกม  เป็นระบบช่วยเหลือที่ไม่มีรูปลักษณ์และตัวตน  


แน่นอน  กริดเคยเห็นพ้องกับคำกล่าวของบราฮัม  เพราะเขาทราบดีว่าซาทิสฟายเป็นเกม


ทั้งยาธานและรีเบคก้าเป็นเพียง ‘ระบบ’ หนึ่งที่ลิมชอลโฮสร้างขึ้น  เจตจำนงของทั้งสองถูกกำหนดโดยผู้สร้างโลกตัวจริง (ลิมชอลโฮ)


แต่ความคิดข้างต้นต้องเปลี่ยนไปเมื่อกริดเริ่มตระหนักว่าเทพเป็น NPC 


เทพมีอุปนิสัยใจคอและอารมณ์  มิใช่ ‘ระบบ’ ไร้วิญญาณของเกมอย่างที่ทุกคนเข้าใจ


เทพถูกตั้งค่าไว้ในตอนเริ่มต้นก็จริง  แต่สามารถ ‘เปลี่ยนแปลง’ ความคิดและอุปนิสัยได้เหมือนกับ NPC


เทพมิใช่ตัวตนที่พูดความจริงเสมอไป


ตัวอย่างเช่น… 


[ เส้นกั้นแบ่งระหว่างดีชั่ว ]

★ ภารกิจลับ ★

หลังจากผจญภัยในโลกกว้างมานาน  ในที่สุดท่านก็ได้ครอบครอบพลัง ‘บัญชาแห่งเทพ’ ที่ ‘ทาเร็น’—นักบุญลำดับสี่แห่งเจ็ดภัยพิบัติเหลือทิ้งไว้ให้มนุษย์รุ่นหลัง  


… 


ข้อความระบบภารกิจเน้นย้ำ ‘บัญชาเทพคือพลังที่ทาเร็นเหลือทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลัง’


กริดเคยเข้าใจว่า  ข้อความระบบของเกมต้องเป็น ‘ความจริง’ เสมอ


แต่… 


‘มนุษย์เอ๋ย  นี่มิใช่การนำพาจากทาเร็น  หากแต่เป็นฝีมือโดมิเนี่ยนและเรา  อย่าไปฟังเสียงของตัวตนที่ชั่วร้ายเด็ดขาด!’


นี่คือการโต้แย้งจากเทพสงคราม—เซราทุล  ว่าข้อความข้างตนเกี่ยวกับทาเร็นและบัญชาเทพเป็นเรื่องเท็จ


กริดเริ่มขนลุก


>> ขอบคุณอีกครั้งที่เสียสละตัวเองเพื่อมวลมนุษย์


เสียงของเทพธิดารีเบคก้าอบอุ่นเสียจนเขาเริ่มเย็นสันหลัง  แต่กริดยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย  มิได้กล่าวสิ่งใดตอบกลับไป


[ เทพธิดาแห่งแสง—รีเบคก้า  กำลังรอคำตอบจากท่าน  ]


ข้อความระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง  เป็นนัยบังคับให้กริดตอบสนอง


ชายหนุ่มรีบตอบ


“แค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”


กริดเริ่มมองเทพในมุมใหม่  มิใช่ตัวตนระดับพระเจ้า  มารร้าย  หรือ ‘ระบบ’ เกมอย่างที่เคยเข้าใจ


เทพเป็น NPC ที่มีอุปนิสัยและความนึกคิดแตกต่างกันไป  เหมือนกับ NPC เผ่่ามนุษย์


ทว่า… 


‘จะ NPC หรือระบบแล้วสำคัญยังไง?’


ความจริงยังคงไม่เปลี่ยน  ที่ว่าเทพคอยช่วยเหลือมนุษย์เพื่อต่อกรกับจอมอสูร  


ใช่แล้ว  ไม่ว่าเทพจะเป็น NPC หรือระบบ  สิ่งนี้ไม่ส่งผลต่อกริดเลยสักนิด


บุคคลเหล่านั้นอาศัยในสถานที่ห่างออกไปไกลโพ้น  ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับกริด


‘เพียงแต่…’


เขาเริ่มเคลือบแคลงว่า  บางที  ‘เจ็ดนักบุญภัยพิบัติ’ อาจมิได้ชั่วร้ายดังคำปรักปรำจากเทพ


ขณะกริดขมวดคิ้ว  กลุ่มก้อนแสงที่อบอุ่นเริ่มส่องสว่างโอบล้อมร่างกาย


>>  เราขอมอบของขวัญแด่วีรบุรุษผู้ทำงานหนักกว่าใคร


[ รีเบคก้า—เทพธิดาแห่งแสง  ให้พรแก่ท่านหนึ่งข้อ  ]


[ รีเบคก้า—เทพธิดาแห่งแสง  ชื่นชมที่ท่านเอาชนะความโลภ  ปฏิเสธการยกระดับ ‘บัญชาแห่งเทพ’ พลังที่เจ็ดนักบุญภัยพิบัติหยิบยื่นให้ ]


[ ท่านได้รับทักษะ ‘เสริมแกร่งทักษะ’ ]


[ เสริมแกร่งทักษะ ]

ท่านสามารถเสริมแกร่งทักษะที่เลือกได้หนึ่งชนิด

พลังของทักษะจะเพิ่มขึ้น  

* ใช้ได้เฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับคลาสเท่านั้น


ทักษะที่เกี่ยวข้องกับคลาส  ในกรณีของกริด  ผู้สืบทอดแพ็กม่ามีพื้นฐานเป็นช่างตีเหล็กและมหาจอมดาบ


สิ่งนี้สร้างความผิดหวังให้กริดเล็กน้อย  เขาไม่ได้ต้องการเสริมแกร่งทักษะใดเป็นพิเศษ  


กริดต้องการทักษะชนิดใหม่มากกว่า


เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับวิชาดาบผสานห้าทักษะที่ร่างโคลนใช้  แต่อย่างน้อยเป็นวิชาดาบผสานสี่ทักษะชนิดใหม่ก็ยังดี


ทว่า  กลับกลายเป็น  ตนเลือกเสริมแกร่งได้เพียงหนึ่งทักษะเท่านั้นเองหรือ?


>>  ขออวยพรให้เจ้าได้พบการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต   แล้วเจอกันใหม่


เสียงของเทพธิดาเริ่มดังห่างออกไปทุกขณะ


กริดรีบตะโกนเรียก


“ด…เดี๋ยวก่อน!  ท่านเทพธิดา!”


การสนทนาระหว่างผู้เล่นและ NPC ย่อมหลากหลายกว่าข้อความระบบทั่วไป


>>  มีอะไรงั้นหรือ?


เป็นอย่างที่คิด  เทพธิดารีเบคก้าชะงักและรอฟังคำพูดกริด


ชายหนุ่มร้องขอในสิ่งที่ตนต้องการ


“ขอเป็นวิชาดาบผสานชนิดใหม่แทนได้ไหม?”


เทพย่อมเป็นเทพ  เธอเข้าใจเจตนาของกริดทันที  


รีเบคก้าหัวเราะเล็กน้อย


>>  ฮุฮุ… 


ด้วยความที่กริดมีค่าความสัมพันธ์กับเธอสูงมาก  รีเบคก้ายอมบอกใบ้


>>  วิชาดาบผสานคือเส้นทางที่เจ้าต้องค้นพบด้วยตัวเอง  แต่พรที่เราเพิ่งให้เจ้าไปเมื่อครู่  สิ่งนี้มีพลังจากเทพสงคราม—เซราทุล  แฝงมาด้วย 

“…?”


>>  พรที่เราเพิ่งมอบให้เจ้า  ทรงพลังยิ่งกว่าพรในอดีตที่เราเคยมอบให้


เทพธิดารีเบคก้ามิได้กล่าวสิ่งใดอีก

แสงสีขาวอันอบอุ่นซึ่งทำให้ลอร์ดและไอรีนหลับฝันดี  ยามนี้เริ่มสลายไปทีละนิดราวกับไม่เคยเกิดขึ้น


ตัวตนของเธอหายไปโดยสมบูรณ์


กริดถูกทิ้งไว้ลำพัง  เขาไล่อ่านรายละเอียดทักษะที่สามารถ ‘เสริมแกร่ง’ ได้


รายชื่อทักษะประกอบด้วยทักษะด้านตีเหล็กรวมถึงวิชาดาบแพ็กม่าทุกชนิด


‘เราสามารถผสานทักษะใหม่ได้ด้วยตัวเองงั้นหรือ?  แต่ทำยังไงล่ะ?’


กริดไล่อ่านรายละเอียดวิชาดาบแพ็กม่าที่ถูกอัพเเกรดที่ละชนิด

เริ่มจาก ‘ร่ายรำ’  

ผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นนั้นน่าทึ่งมาก


[ ร่ายรำ — ที่แท้จริง ]

ไม่สนว่าท่านจะมีความเร็วโจมตีเท่าไร  แต่ทักษะนี้จะโจมตี 40 ครั้งภายในหนึ่งวินาที

แต่ละครั้งรุนแรง 200% ของพลังโจมตีกายภาพ

ร่ายรำสามารถผสานรวมกับวิชาดาบชนิดอื่นได้

* ทักษะที่ถูกเสริมแกร่งจะมีเลเวลสูงสุด


“อา…”


กริดแสดงสีหน้าโล่งใจ


เมื่อเห็นเช่นนี้  เขาสลัดความเสียดายเป็นปลิดทิ้ง  ความเสียดายที่เคยเกิดขึ้นหลังจากปฏิเสธการยกระดับบัญชาแห่งเทพ

Comments

  1. เออ.....ขอด่าว่าโกงหน่ิยได้ไหม??????

    ReplyDelete
  2. 2ตอนด้วย​ อ่านยาวๆ🤭
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
  3. สนุกมากครับ ได้2 ตอนติดๆกันเลย

    ReplyDelete
  4. เอาอีก​ เอาอีก​ ๆ​ ๆ👏
    แฟนๆนักอ่านเรียกร้อง😆

    ReplyDelete
  5. 40ครั้ง 200% = 8000% โกงเกิน

    ReplyDelete
  6. เทพสงคราม zeratul นี่มาจากเผ่า protoss รึป่าวครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00