จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 870
ผู้เล่นคลาสจอมเวทมืดอันดับสองของโลก ‘โดลเช่’ มันไม่พึงพอใจภารกิจที่ได้รับเลยสักนิด
เหตุใดคนมีฝีมืออย่างมันต้องปกป้องทางขึ้นวาติกันขณะที่คนอื่นได้บุกถล่มงานเลี้ยงอย่างสนุกสนาน?
‘เราไม่ใช่สุนัขเฝ้าบ้านสักหน่อย!’
โดลเช่ก้าวขึ้นมาเป็นจอมเวทมืดอันดับสองได้เพราะความพยายามและพรสวรรค์ส่วนตัว ในฐานะบุคคลอันดับสองจากบรรดาคู่แข่งหลายพัน มันย่อมภาคภูมิใจในความอัจฉริยะของตัวเอง
และในความเป็นจริง จอมเวทมืดเก็บเลเวลได้ยากกว่าคลาสจำพวกนักรบมาก ด้วยเวทมนตร์โจมตีที่น้อยและระยะหน่วงนาน การสังหารมอนสเตอร์จึงไม่ต่อเนื่อง น้อยคนนักจะอัพเลเวลจนถึงคลาสระดับสามได้เช่นมัน
กระนั้น โดลเช่กลับถูกมอบหมายภารกิจให้ปกป้องทางขึ้น
ทำไมต้องเป็นตน?
แลัวจะมีศัตรูบุกเข้ามาจริงหรือ?
‘พวกมันคิดจะใช้อัจฉริยะอย่างเราทำงานกระจอกไปอีกนานแค่ไหน?’
การปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ถือเป็นเหตุการณ์ชวนหงุดหงิดอย่างมาก
โดลเช่ยิ่งทวีความหัวเสียเมื่อการเฝ้ายามผ่านไปอย่างไร้ความหมาย มันริษยาโรสที่ได้รับอภิสิทธิ์ให้ร่วมบุกถล่มโถงจัดงานเลี้ยงหลักวาติกัน
โรสคงได้รับความสำเร็จทางภารกิจมากมายแน่ โดลเช่คิด
‘เราอยากได้โอกาสสร้างผลงานบ้าง…’
หากโอกาสนั้นมาถึง มันจะแสดงฝีมือให้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าโรสผู้เป็นหนึ่งในข้ารับใช้ยาธาน
ตัวมันต้องก้าวข้ามโรสได้ในสักวันแน่ โดลเช่แสนมั่นใจ มันประเมินเรื่องนี้จากหลักเหตุและผล มิใช่ความโอหัง
เทียบกับอดีตจอมเวทมืดอันดับหนึ่งอย่างยูร่าที่เป็นราวกับกำแพงสูงตระหง่าน ตัวตนของโรสด้อยค่าและธรรมดามาก
โดลเช่ไม่คิดว่าตัวมันอ่อนแอกว่าโรส เพียงแค่ขาดโอกาสในการแสดงฝีมือเท่านั้น
ดวงของมันสู้โรสไม่ได้
‘โอกาส…ถ้าเรามีโอกาสบ้างล่ะก็ ตำแหน่งของเรากับโรสจะต้องสลับที่แน่นอน…หือ?’
โดลเช่กตัดพ้อโชคชะตาขณะนั่งปฏิบัติภารกิจด้วยใบหน้าซังกะตาย แต่ทันใดนั้น มันสัมผัสถึงบางสิ่งเข้า
ใครบางคนรุกล้ำเข้ามาในม่านบาเรียที่ถูกกางไว้บริเวณตีเขา แต่ยังไม่มีข้อความระบบบ่งชี้ว่าบาเรียถูกทำลาย หมายความว่าผู้รุกล้ำในคราวนี้คือสิ่งมีชีวิตประเภท ‘มาร’
คงเป็นใครสักคนในวิหารยาธานกระมัง
‘มีใครถูกมอบหมายให้ทำงานกระจอกแบบเราด้วยหรือ?’
หมอนั่นคงหัวเสียเหมือนเราแน่ โดลเช่ลุกขึ้นยืนจากหินก้อนใหญ่ที่มันนั่งพัก จากนั้นก็ยืนเฝ้ารอว่าใครกันที่มีโชคชะตาต้องอับเฉาเหมือนตน
“สวัสดี”
ชายในชุดดำ?
โดลเช่มิอาจเห็นใบหน้าของพวกพ้องคนใหม่ที่ปรากฏตัวท่ามกลางความมืดได้ชัดเจนนัก มันขมวดคิ้วพลางเดินเข้าไปใกล้
ทันใดนั้น แสงจันทร์ส่องลอดผ่านก้อนเมฆฝนด้านบนท้องฟ้า เผยให้เห็นตัวตนของผู้มาเยือนซึ่งสวมมงกุฏหรูหราเหนือศีรษะ
อัญมณีสีแดงเข้มกำลังส่องประกายสะท้อนแสงจันทร์อย่างเงางาม
[ ศัตรูทำให้ท่านตกอยู่ในอาการสับสน ]
[ ท่านมิอาจขยับตัวได้ชั่วคราว ค่าต้านทานเวทมนตร์และพลังป้องกันลดลง 40% ]
“…!?”
ในการดวล ปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ผลแพ้ชนะคืออาการผิดปรกติ ฝ่ายใดสร้างอาการผิดปรกติได้มากกว่า ฝ่ายนั้นย่อมมีโอกาสชนะสูง
ในฐานะจอมเวทมืดอันดับสอง โดลเช่ย่อมทราบหลักพื้นฐานข้อนี้เป็นอย่างดี เฉกเช่นแรงเกอร์ของโลกคนอื่ร ตัวมันมีค่าต้านทานอาการผิดปรกติในระดับค่อนข้างสูง
แต่กลับตกอยู่ในอาการสับสนเพียงเพราะจ้องมองเป้าหมาย?
เป็นมอนสเตอร์ระดับเดียวกับเมดูซ่างั้นหรือ? ที่สามารถสร้างอาการแข็งเป็นหินได้เพียงจ้องมองด้วยสายตา
โดลเช่ตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย เส้นขนทั่วร่างเริ่มลุกตั้งชันอย่างหวาดกลัว ลมหายใจของมันขาดห้วงไปชั่วขณะ
จนกระทั่ง ข้อความระบบที่น่ายินดีแสดงขึ้น
[ อาการสับสนเหลืออีกหนึ่งวินาที ]
เลเวลของ CC ไม่สูงอย่างที่คิด ค่าต้านทานอาการผิดปรกติที่สูงของโดลเช่ส่งผลให้มันชะงักไปเพียงไม่กี่วินาที
มันปลอดภัยแน่นอน เพราะบุคคลปริศนาอยู่ห่างมากถึงสิบห้าเมตร ก่อนที่อีกฝ่ายจะถึงตัว มันคงหลุดพ้นอาการผิดปรกติและร่ายมนตร์ดำตอบโต้ได้สบายมาก
‘และทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร…’
เพียงหนึ่งวินาที…เหตุใดหนึ่งวินาทีในคราวนี้ถึงนานกว่าปรกตินัก?
สายตาของโดลเช่จดจ้องผู้มาเยือนที่เข้ามาใกล้ทุกขณะ ภาพการมองเห็นของโดลเซ่เชื่องช้าราวกับกาลเวลาหยุดเคลื่อนไหวชั่วนิรันดร์
ชายปริศนามีร่างกายกำยำ จมูกเป็นสันโด่ง ดวงตาเรียวคม
นัยต์ตามีสีดำสนิททั้งสองข้าง สายตาดุดันราวกับพญาเหยี่ยวจดจ้องเหยื่อ ยังอัดแน่นด้วยความเย็นชาและโทสะ
เหนือสิ่งอื่นใด เป็นสายตาที่ดูแคลนเหยียดหยันจอมเวทมืดอันดับสองอย่างโดลเช่ให้เป็นแค่มดปลวก
‘บ้าน่า…?’
ดวงตาโดลเช่เบิกโพลงสุดขีด มันกำลังตกตะลึงด้วยสาเหตุสองประการ
ประการแรก ชื่อตัวละครที่ถูกสลักไว้เหนือศีรษะชายปริศนา
และประการที่สอง…
‘ร…เร็ว?’
เป้าหมายที่เคยห่างสิบห้าเมตรด้านหน้า ยามนี้ยืนประชิดปลายจมูกมันด้วยเวลาเพียงหนึ่งวินาที
“ไสหัวไปซะ”
ร่างกายคนผู้นี้กำลังอาบด้วยพลังอสูรเข้มข้นที่ดำมืดยิ่งกว่าท้องฟ้ายามราตรี
เขาคือชายผู้โค่นท้องฟ้าและสถาปนาตัวเองเป็นท้องฟ้าผืนใหม่
ราชาโอเวอร์เกียร์แสดงความเร็วที่เหนือขีดจำกัดของผู้เล่นด้วยความช่วยเหลือจากบัฟพลิ้วไหวและร่างมืด
ดาบสีดำแดงในมือถูกวาดเป็นเส้นตรงแหวกอากาศปะทะร่างโดลเช่ เพลิงทมิฬระอุขึ้นโดยมีตัวมันเป็นศูนย์กลาง รัศมีกินวงกว้างไปถึงจอมเวทมืดอีกห้าคนที่ยืนไม่ห่างจากมันมากนัก
ภารกิจของโดลเช่คือการเฝ้าระวังมิให้ศัตรูผ่านขึ้นไปได้
แตกต่างจากที่โดลเช่เข้าใจ ภารกิจนี้ไม่กระจอกเลยสักนิดเดียว
ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินจิตใจเมื่อเพลิงสีดำลุกท่วมร่างและสร้างความเสียหายออกมาเป็นตัวเลขเหนือจินตนาการ
หลอดพลังชีวิตโดลเซ่จมก้นในพริบตาราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน
‘พวกเขาจะรับมือไหวจริงหรือ?’
เหล่าสาวกยาธานนับพัน รวมถึงข้ารับใช้ยาธานที่ร่วมภารกิจบุกถล่มวาติกันทุกคน
มีใครที่ต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ไหวด้วยรึไง?
โดลเช่ไม่มั่นใจเลยสักนิด
ข้ารับใช้ยาธานอาจแข็งแกร่ง แต่อย่าลืมว่าในวาติกันยังมีบุตรีแห่งรีเบคก้า หากเสริมด้วยตัวแปรที่ไม่คาดฝันอย่างราชาโอเวอร์เกียร์เข้าไปอีกคน สถานการณ์ฝั่งวิหารยาธานคงเลวร้ายจนยากจะกอบกู้กลับคืน
“ห…หยุดนะ!”
ก่อนจะสิ้นลม โดลเช่ตัดสินใจใช้พลุสัญญาณที่มันเคยคิดว่าไม่จำเป็น
แม้ตัวมันจะไร้ประโยชน์จนมิอาจสร้างรอยขีดข่วนแก่บุกรุก แต่อย่างน้อยความถึกทนที่สั่งสมมาก็มากพอจะทำให้เหลือลมหายใจสำหรับยิงพลุสัญญาณ
จะเกิดอะไรขึ้นหากมันฝืนโจมตีใส่กริดด้วยมนตร์ดำ? คำตอบคือไร้ประโยชน์ มันไม่มีทางหยุดยั้งกริดได้ การเลือกยิงพลุสัญญาณนับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
โดลเซ่แสยะยิ้มเมื่อตระหนักว่าตนเองอัจฉริยะเพียงใด จากนั้น ร่างมันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทา
ต้องมีใครสักคนรีบรุดมาที่นี่และถ่วงเวลากริดไว้ได้พักใหญ่แน่นอน
“พวกกระจอก…”
กลุ่มจอมเวทมืดและอัศวินมืดที่ลาดตระเวณรอบเชิงเขา พวกมันรีบรุดหน้ามายังจุดที่พลุสัญญาณถูกยิง
เฉกเช่นโดลเช่ สิ่งแรกที่หน่วยลาดตระเวนทำคือการร่ายมนตร์ดำใส่เป้าหมาย
ตามปรกติแล้ว หลังจากถูกคำสาปนานาชนิดทำให้อ่อนแรงลง จะเป็นเวลาที่อัศวินมืดลงดาบเชือดเป้าหมายทิ้งอย่างง่ายดาย
นี่คือคอมโบเสร็จสรรพที่พวกมันฝึกฝนร่วมกันมานาน
ง่ายและมีประสิทธิ์ภาพ
“ม…ไม่สำเร็จ?”
มนตร์ดำกลับไม่แสดงผลต่อชายปริศนาแม้แต่น้อย เหล่าจอมเวทมืดต่างทึ่งเมื่อบุรุษผมดำสวมมงกุฏสามารถต้านทานคำสาปได้ทุกรูปแบบ
จอมเวทมืดบางคนเริ่มฉุกคิดได้ มันรีบตะโกนขึ้นอย่างลนลาน
“ด…เดี๋ยวก่อน!”
ทว่า สายไปเสียแล้ว อัศวินมืดลงมือด้วยสัญชาตญาณตามจังหวะที่เคยซักซ้อมกันมา ร่ายกายขยับไปเองตามธรรมชาติดเมื่อกลุ่มจอมเวทมืดปลดปล่อยคำสาปอาบร่างเป้าหมายสำเร็จ
ปลายดาบแหลมคมอัดแน่นด้วยพลังความมืดรุมทิ่งแทงใส่บุรุษปริศนาจากทุกทิศ
อัศวินมืดล้วนมั่นใจว่าดาบของมันต้องเสียบทะลวงร่างเป้าหมายแน่
“…!”
แต่ชายลึกลับกลับเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วที่น่าทึ่งจนยากจะมองทัน หลบหลีกทุกดาบได้ง่ายดายไร้รอยขีดข่วน จากนั้นก็หมุนตัวตวัดดาบเป็นวงกลมเชือดเฉือนอัศวินมืดทุกคนรอบทิศอย่างเท่าเทียมไม่แบ่งแยก
“แค่ก…!”
แตกต่างจากโบถส์รีเบคก้าที่มีกองทัพพาลาดิน วิหารยาธานมีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสำหรับฝึกฝนอัศวินมืดสักเท่าไร
ธรรมชาติของเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์จะช่วยอวยพรและเสริมร่างกายผู้ร่ายให้แข็งแกร่ง กลับกัน มนตร์ดำจะมุ่งเน้นไปที่คำสาปและการกัดกร่อนเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อเทียบกับพาลาดินแล้ว อัศวินมืดจะมีพลังป้องกันและค่าสถานะต่ำกว่ามาก
ถึงจะสาปกัดกร่อนศัตรูหรืออาวุธของตัวเองได้ แต่หากโจมตีไม่โดยเป้าหมายก็ไร้ค่า
หนึ่งดาบ…
สองดาบ…
อัศวินมืดทยอยตายทีละหลายสิบคนในทุกดาบที่กริดกวัดแกว่ง
เหล่าจอมเวทมืดทำได้เพียงเฝ้ามองพวกพ้องถูกห้ำหั่นอย่างง่ายดายดุจดั่งผลแครอท
ความหวาดกลัวเริ่มสลักลงในจิตใจ แข้งขาสั่นระริกไร้เรี่ยวแรง ร่างกายแข็งทื่อราวกับรูปปั้นหิน
“คลื่น”
กริดปลดปล่อยทักษะแรกเมื่อบัฟร่างมืดและพลิ้วไหวหมดลง รัศมีดาบพุ่งกระจายรอบทิศ ทำลายจอมเวทมืด ต้นไม้ รวมถึงก้อนหินใหญ่ในบริเวณ ทุกสรรพสิ่งพังพินาศราบคาบ
เมื่อทำลายฝูงมดปลวกในบริเวณนี้จนหมด ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองโถงหลักวาติกันที่กำลังพังครืน
“ไอรีน! ลอร์ด…!”
‘ได้โปรดปลอดภัยด้วย’
กริดอัญเชิญโอเวอร์เกียร์คอร์นขึ้นควบด้วยความเร็วสูงสุด
***
โล่และชุดเกราะดาเมี่ยนต้านรับกำปั้นที่ถูกกระชกอย่างไม่หยุดพักไว้ได้ก็จริง
แต่ชุดเกราะเงินและโล่ใหญ่ที่เปรียบดังสัญลักษณ์ของสันตะปาปากำลังสูญเสียความคงทนลงทุกขณะ
กำปั้นฮิลล์ที่รัวได้เร็วถึงสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที ไม่เพียงว่องไว แต่ยังอัดแน่นด้วยพลังทำลายมหาศาล
กระนั้น สันตะปาปาดาเมี่ยนยังคงอึดถึกทนราวกับแมลงสาปด้วยผลจากเวทมนตร์ป้องกัน บัฟเกราะ รวมถึงเวทฮีล
ถึงฮิลล์จะโจมตีได้ทรงพลังวินาทีละสิบสองครั้ง แต่ดาเมี่ยนยังคงมีลมหายใจแม้การต่อสู้จะดำเนินผ่านมาครู่ใหญ่
“ไอ้สุนัขนี่หนังเหนียวฉิบ!”
ฮิลล์ขบกรามแน่นอย่างหงุดหงิด
ปัจจุบัน ดาเมี่ยนยังเหลือเวทมนตร์ให้ใช้อีกมากก็จริง แต่ภายในใจกลับตึงเครียดอย่างหนัก เขากระวนกระวายใจกว่าที่ทุกคนเห็นมาก
‘นั่นคือทักษะงั้นหรือ?ง
คงทำใจเชื่อได้ยากว่าสิบสองกำปั้นในหนึ่งวินาทีจากฮิลล์จะเป็นการโจมตีธรรมดา
ทุกครั้งที่มันเริ่มเหวี่ยงกำปั้น ฮิลล์จะเข้าสู่ภาวะ ‘บาเรียคุ้มกายพิเศษ’ ที่ต้านทาน CC ทุกชนิดชั่วคราว
หลังจากชกครบสิบสองหมัด มันจะเผยช่องว่างราวหนึ่งวินาที
‘ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นทักษะชนิดหนึ่ง’
ในวินาทีที่กำปั้นชุดต่อไปเริ่มพุ่งเข้าใส่ ดาเมี่ยนยกโล่ใหญ่ขึ้นกำบังร่างกายพลางก้าวถอยหลังเพื่อลดแรงปะทะ
ดาเมี่ยนมั่นใจหลายส่วนว่าการโจมตีจากฮิลล์ต้องเป็นทักษะ
‘เมื่อทักษะแสดงผล ผู้ร่ายจะสร้างบาเรียคุ้มกายพิเศษ การโจมตีจะแสดงผลจนครบสิบสองหมัดโดยไม่ถูกขัดขวาง จากนั้นจะเข้าสู่ระยะหน่วงหนึ่งวินาที…’
เป็นทักษะที่โกงเกินไปแล้ว
ฮิลล์อาจเป็นข้ารับใช้ยาธานที่มีพลังทำลายสูงสุด ดาเมี่ยนเชื่อเช่นนั้น
‘ถึงจะโจมตีได้รูปแบบเดียวและจับทางได้ง่ายก็จริง แต่ว่า…’
นี่คือคู่ต่อสู้ที่ดาเมี่ยนแพ้ทางมากที่สุด
สิบสองกำปั้นจะปลดปล่อยจนครบโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่หยุดแม้จะถูกโจมตี การสวนกลับไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด และการป้องกันกำลังจะถึงขีดกำจัดความคงทนของอุปกรณ์
โอกาสเดียวคือช่องว่างหนึ่งวินาทีที่เผยหลังใช้งาน
ในฐานะสันตะปาปาคลาสพาลาดิน ดาเมี่ยนบกพร่องในด้านทักษะโจมตีค่อนข้างมาก
เขาไม่สามารถรีดเร้นความเสียหายในชั่วพริบตาได้เหมือนคลาสอื่น มีเพียงพลังป้องกันที่เป็นราวกับปราการเหล็กอันแข็งแกร่ง
พลังโจมตีน้อยนิดแลกมากับการมีบัฟจำนวนมากและแสดงผลเป็นวงกว้าง ดาเมี่ยนมิอาจฉกฉวยโอกาสหนึ่งวินาทีให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดด้วยขีดจำกัดทางคลาส
‘แย่ล่ะสิ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่’
ดาเมี่ยนไม่ควรถูกฮิลล์พันแข้งขาไว้นาน หากตนเอาชนะฮิลล์ไม่ได้ พวกพ้องที่เหลือต้องตกเป็นเหยื่อของกองทัพจอมเวทมืดแน่นอน
แต่นอกจากตัวเขาแล้ว จะยังมีใครที่สามารถล้มฮิลล์ได้อีกหรือ?
บุตรีแห่งรีเบคก้าและอัศวินสีชาดกำลังรับมือกับข้ารับใช้ยาธานที่เหลือ
‘ถ้าเราปราบฮิลล์ไม่ได้ พวกพ้องทุกคนก็จะ…’
ลงเอยด้วย ดาเมี่ยนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดวลกับฮิลล์ต่อไป ถึงเขาจะสร้างอาการบาดเจ็บให้อีกฝ่ายได้ไม่มากก็ตาม
การตั้งรับเพียงอย่างเดียวและสวดภาวนาให้พวกพ้องเอาชนะวิหารยาธาน สิ่งนี้คือการตัดสินใจถูกต้องแล้วจริงหรือ?
‘นั่นสินะ…สถานการณ์แบบนี้ มีแต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น’
ดาเมี่ยนยังคงไม่ลืมว่า องครักษ์โอเวอร์เกียร์จะยิ่งอ่อนล้าหลังจากปกป้องไอรีนและลอร์ดเป็นเวลานาน
ตรงกันข้ามกับอัศวินสีชาด อัศวินโอเวอร์เกียร์ต้องรับมือศัตรูรอบด้านตั้งแต่ต้นสงคราม ปัจจุบันคงใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีแล้ว
ขณะที่ดาเมี่ยนถูกฮิลล์พัวพัน คนเหล่านั้นอาจเสียท่าจนชีวิตของไอรีนกับลอร์ดตกอยู่ในอันตราย
ดาเมี่ยนต้องรีบตัดสินใจ
เขาจำเป็นต้องดวลกับฮิลล์ แต่จะใช้เวลานานไม่ได้เด็ดขาด
‘ลองดูสักตั้ง’
ดาเมี่ยนหวนนึกถึงวิธีต่อสู้ที่กริดใช้ในงานแข่งนานาชาติ
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
หากถูกโจมตี แค่โจมตีกลับให้รุนแรงกว่าก็พอ
ใช่แล้ว ดาเมี่ยนไม่คิดปัดป้องสิบสองหมัดของฮิลล์อีก เลือดต้องแลกด้วยเลือด
‘พลังโจมตีของเราอ่านอ่อนแอ มีแต่ต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้น’
เขาเริ่มใช้วิธีต่อสู้แบบใหม่ทันที แทนที่จะยกโล่ป้องกัน ดาเมี่ยนกระแทกโล่สวนกลับใส่ฮิลล์ในจังหวะที่มันปลดปล่อยกำปั้นเข้าใส่
“คุฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าโง่!”
ฮิลล์หัวเราะอย่างขบขันเมื่ออ่านเจตนาดาเมี่ยนออก
ดาเมี่ยนโจมตีได้เพียงสองถึงสามครั้งในหนึ่งวินาที ส่วนตัวมันทำได้ถึงสิบสอง
“สามดาบคิดจะเทียบกับสิบสองหมัดงั้นหรือ? อยากตายรึไง? วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
ต่อให้ดาเมี่ยนใช้เวทฟื้นฟูเข้าแลกก็ไร้ประโยชน์ ฮิลล์ยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่
“เสริมแกร่งกำปั้น! ย๊ากกก!”
มันมีบัฟเพิ่มพลังโจมตี กำปั้นของมันเริ่มส่องแสงสีแดงระเรื่อ ความเสียหายที่สร้างใส่ดาเมี่ยนรุนแรงเป็นสองเท่าจากของเดิม
เวทฮีลของดาเมี่ยนฟื้นฟูการโจมตีจากสิบสองกำปั้นไม่ทัน
“อึก…!”
“ท่านอาจารย์ดาเมี่ยน!”
“หลวงพ่อ!”
สถานการณ์กำลังวิกฤติหนัก
เหล่าสาวกรีเบคก้าเริ่มหน้าถอดสีเมื่อเห็นสันตะปาปาดาเมี่ยนตกที่นั่งลำบาก โดยเฉพาะลอร์ดตัวน้อยที่แสดงความกระวนกระวายใจชัดเจน
“ถ…ถ้าผมโตกว่านี้”
หากมีอายุมากกว่านี้ เขาคงปกป้องอาจารย์ดาเมี่ยนและท่านแม่ได้แน่
อีกนานแค่ไหนกันกว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่? ลอร์ดกำหมัดแน่น น้ำตาไหลรินลงบนใบหน้าที่กำลังเจ็บแค้น
“วิชาดาบแพ็กม่า”
บุรุษปริศนากระโดดลงจากรูโหว่บนเพดานโถงจัดงานเลี้ยงพลางโจมตีใส่ฮิลล์
ฮิลล์พ่นลมหายใจเหยียดหยัน
“ไอ้ระยำนี่ใครอีก? อยากลิ้มรสหมัดของฉันเหมือนกันหรือ?”
ฮิลล์เข้าสู่โหมดบาเรียคุ้มกายพิเศษพลางปลดปล่อยหนึ่งหมัด สองหมัด…
ทั้งหมดสิบสองหมัดใส่ชายแปลกหน้า
กำปั้นของมันที่มองตามด้วยตาเปล่าไม่ทันถูกเล็งใส่ใบหน้า แผ่นอก ข้างลำตัว และส่วนสำคัญบนร่างกายอีกหลายจุด
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในหนึ่งวินาที
และภายในหนึ่งวินาทีเดียวกัน
ชายปริศนากำลัง…
“ร่ายรำ”
รัศมีดาบสามสิบเส้นที่ทรงพลังยิ่งกว่ากำปั้นได้ฉีกกระชากร่างฮิลล์จากทุกทิศทาง
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,266
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
กลายเป็นแสงสีเทาไปซ่ะ😤
ReplyDeleteสนุกมากครับ
วันนี้ผมนอนหลับฝันดีแล้ว😁
ขอบคุณครับ🙏
12 หมัดทำคุย พระเอกเรา 30 ดาบต่อวิต่อหนึ่งเป้าหมายยังไม่พูดเลย
ReplyDeleteมะๆ..ม่ายพูดเยอะเจ็บคอ😏
Deleteขอ 3 คำ สนุกมากครับ
Deleteนั่นมัน4
DeleteOvergearเกินไป
ReplyDeleteชื่อเรื่องก็เขียนบอกเเล้วไงเล่า~~
Delete😆
Deleteร่ายรำ:โจมตีได้30ครั้งแล้วหรอ...? นึกว่า20ครััง
ReplyDelete