จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 696



    “ทุกคนที่รักการอ่านจะรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ดีเสมอ”

    เพื่อให้สอดคล้องกับสำนวนดังกล่าว  ระบบอ่านหนังสือของซาทิสฟายจึงถือเป็นงานอดิเรกที่มีประโยชน์มาก

    ผู้เล่นจะได้รับความสนุกและความรู้ใหม่ผ่านตัวหนังสือ  แถมยังได้รับค่าสถานะเพิ่มเติมเป็นโบนัส
    
    มีบ่อยครั้งที่ผู้เล่นจะได้รับภารกิจหรือคำบอกใบ้สำคัญผ่านการอ่านหนังสือ
    หรือต่อให้ไม่ได้รับสิ่งใดเลย  แต่การอ่านในสิ่งแปลกใหม่มักมอบความสนุกและเพลินเพลิน

    ด้วยเหตุนี้  การอ่านจึงมีแต่ได้กับได้

    โดยเฉพาะซาทิสฟายที่ขึ้นชื่อในด้านขนาดของมิติโลกที่กว้างใหญ่  โลกใบนี้ย่อมมีหนังสือให้อ่านหลากหลายไม่รู้จบ

    แม้กระทั่งบุคคลในข่าวลือ ‘ผู้เล่นเสียสติที่ล็อกอินเข้าซาทิสฟายเพียงเพื่ออ่านหนังสืออย่างเดียว’ ก็ยังอ่านหนังสือในซาทิสฟายไปได้แค่เศษเสี้ยวของทั้งหมด

    แน่นอนว่า  ข่าวลือดังกล่าวไกลจากความเป็นกริดสุดกู่

    สำหรับผู้ที่ทำความเข้าใจทุกสิ่งได้ยากลำบากเช่นกริด  งานอดิเรกอ่านหนังสือไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก  เขาพยายามดำรงชีวิตให้ห่างไกลจากหนังสือมากที่สุด

    แต่ปัจจุบัน

[ ไดอารี่อัศวินความตายมาดรา ]

    “...”

    ณ หอสมุดหลวงภายในราชวังไรน์ฮาร์ท

    กริดนั่งลงในจุดประจำของไอรีนและลอร์ด  จากนั้นก็เผชิญหน้ากับหนังสือไดอารีตามลำพัง

    ‘เราอ่านหนังสือครั้งสุดท้ายเมื่อไร? น่าจะปีก่อน  เมื่อตอนอ่านคู่มือการใช้งานแคปซูลรุ่นเพชรของโคเม็ตกรุ๊ป’

    “อา...เนื้อหาในไดอารี่คงไม่ยากเกินความเข้าใจหรอกกระมัง?”

    กริดอาจไม่รู้ว่า  ไม่มีคนปรกติที่ไหนอ่านคู่มือตั้งแต่สารบัญยันหน้าสุดท้ายเหมือนเขา
    
    ด้วยปมด้อยทางสมองตั้งแต่เด็ก  กริดจึงอ่านและทำความเข้าใจกับทุกสิ่งมากเป็นเท่าตัวเสมอ  จนติดเป็นนิสัย    

    เขามองการอ่านหนังสือเป็นสิ่งทุกข์ทรมานคล้ายคลึง ‘งานกรรมกร’ ซึ่งต้องจำใจทำด้วยความอดทน  มิใช่ความรักหลงไหล  แม้หนังสือเล่มนั้นจะไม่ใช่หนังสือเรียนก็ตาม

    “เฮ่อ...ช่างเถอะ”

    ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับสงบจิตใจ
    สิ่งนี้ก็เพื่อสะกดจิตตนเองให้สามารถอ่านไดอารี่มาดราได้จบเล่ม

    ‘ไดอารี่คงไม่ได้มอบสิ่งสำคัญมากนัก  รีบอ่านให้จบแล้วไปทำอย่างอื่นดีกว่า’

    กริดพยายามไม่คาดหวังกับไดอารี่มาก  
    แม้จะสูญแต้มหนึ่งล้านกับมันก็ตาม

    ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น  สำหรับกริดแล้ว  ข้อความตัวหนังสือไม่มีทางมอบสิ่งสำคัญหรือยิ่งใหญ่ให้เขาได้แน่

    แถมนี่ยังเป็นเพียงไดอารี่ของอัศวินความตายมาดราแห่งหมู่เกาะเบเฮ็น 
    มิใช่ไดอารีราชาไร้พ่ายสมัยยังมีชีวิต
    หรืออีกความหมายหนึ่ง  มันคือไดอารี่ที่อัศวินความตายมาดราเขียนขึ้นอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะหมายเลข 66 ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา  มิใช่บันทึกความยิ่งใหญ่ของราชาไร้พ่าย

    ไดอารี่ของอัศวินความตายผู้โดดเดี่ยวโดยไม่ได้ต่อสู้นานนับร้อยปี  ด้านในคงไม่มีเนื้อหาสลักสำคัญหรือน่าตื่นเต้นเขียนไว้

    พรึบ—

    ในที่สุด

    กริดเปิดอ่านบทแรกของไดอารี
    ทว่า  เขากลับไม่พบตัวอักษรใดเขียนไว้บนหน้ากระดาษเปล่า
    ทันใดนั้น  ดวงตาของกริดปิดลงอัตโนมัติ  
    และไม่นานก็ลืมตาขึ้นอีกหน
    เขารู้สึกตัวอีกครั้งโดยกำลังอาศัยอยู่ภายในร่างกาย  อารมณ์และความนึกคิดของใครบางคน

    “อึก…!”

    ไอเท็มที่มอบประสบการณ์เสมือนจริง…
    นี่คือตัวตนของไดอารีอัศวินความตายมาดรา
    ทันทีที่มันถูกเปิด  ห้วงความนึกคิดของกริดจะถูกครอบงำโดยความทรงจำของมาดราอย่างสมบูรณ์

    ***

    บทที่หนึ่ง

    เมื่อเราลืมตาอีกครั้ง  สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด  คือการที่เรามิอาจสัมผัสถึงลมหายใจตัวเองได้
    และนั่นคือวินาทีที่เราตระหนักได้ว่า  ตัวเราไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว
    
    ถูกต้อง  เราตายไปแล้ว

    ถ้าเช่นนั้น  เหตุใดเราถึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง?  
    เราเริ่มสับสน

    ...สับสน?  เราเนี่ยนะสับสน?
    ราชาไร้พ่ายมาดราตกต่ำถึงเพียงนี้เชียว?
    น่าแปลกมาก...

    หรือสิ่งเหล่านี้จะเป็นความฝันทั้งหมด?
    และตัวเรายังไม่ได้ตายไป
    เป็นเพียงฝันร้ายอันแสนยาวนาน

    ไม่สิ…
    แกร่ก…

    นี่คือความจริงที่น่าอดสู
    เมื่อลองเลื่อนมือขึ้นมาลูบหน้าผาก  เราจึงได้เห็นปัจจุบันเต็มสองตา
    ร่างกายของเรา...บัดนี้เป็นเพียงซากโครงกระดูก

    โลหิตสีแดงฉานที่เดือดพล่านตลอดเวลา  มัดกล้ามเนื้อที่ไม่มีวันฉีกขาด  ผิวหนังอันแข็งแกร่งที่ฟันแทงไม่เข้า...ทุกสิ่งถูกปอกลอกออกไปจนหมด

    อา...ความทรงจำในวันวานเริ่มไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง

    เราตายไปแล้ว...

    เราถูกเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองสังหารเพื่อนำศีรษะไปมอบให้ไอ้พวกระยำซาฮารัน
    
    หืม…?  ถ้าเช่นนั้นแล้ว...
    นี่เป็นศีรษะของใคร?
    ทุกสิ่งไม่คุ้นชินเลยสักนิด…

    กระโหลกที่ปราศจากสมองกำลังดึงความทรงจำบางส่วนกลับมา  มันถาโถมสู่จิตสำนึกอย่างฉับพลันจนยากจะรับมือไหว
    ห้วงความคิดของเราทำงานหนักเกินไป
    เราสลัดความสับสนออกไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
    
    สวบ...

    ต้นตอของสถานการณ์ปัจจุบันกำลังยืนอยู่เบื้องหน้า
    ชายผู้มีีรูปลักษณ์งดงามราวหญิงสาว

    เรารู้จักเขา

    เรารู้จักชายที่มีสายตาเย็นชาเช่นนี้ดี  แววตาแสนเย็นยะเยียบซึ่งไม่เข้ากับสมญานาม ‘ดยุคแห่งไฟ’ เลยสักนิด

    “แ...พ็ก...ม่า”

    เราพยายามเปิดปากพูด  ทันใดนั้น  สุ้มเสียงอันแหบพร่าได้คำรามกังวาลไปทั่วบริเวณ 

    ช่างเป็นเสียงที่น่าสะอิดสะเอียนเสียเหลือเกิน

    ขณะเรากำลังหงุดหงิด  ดยุคแห่งไฟได้โค้งศีรษะคำนับเราอย่างนอบน้อม
    
    “ท่านราชาไร้พ่าย  ได้โปรดเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของโลกด้วย”

    ***

    “...อึก!”

    ในวินาทีที่ไดอารีบทแรกจบลง
    สติของกริดพลันกลับสู่ความจริงในซาทิสฟายอีกครั้ง

    สับสน  โมโห  เคียดแค้น  และสิ้นหวัง
    ทุกอารมรณ์ที่มาดราเคยรู้สึกในวินาทีที่เขาตระหนักว่าตนกลายเป็นอัศวินความตาย
    กริดลิ้มรสทั้งหมดอย่างเข้มข้นเต็มเปี่ยม  
    อารมณ์อันหลากหลายถูกพรั่งพรูเข้ามาในจิตสำนึกอย่างไม่ขาดสาย
    
    จิตใจของเขาต้องรับภาระหนักกว่าปรกติหลายเท่า
    เหงื่อไคลไหลชุมกายทั้งที่หอสมุดมีบรรยากาศเย็นสบาย  นัยน์ตาดำของกริดกำลังหดลีบพร้อมกับสั่นระริกโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

    “วะ...ว๊ากกก!”

    ตุ้บ...

    ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้  มือทั้งสองกุมศีรษะด้วยใบหน้าเจ็บปวด  ในดวงตามีน้ำใสไหลรินอาบสองแก้ม

    มาดราถูกสาปแช่งจากประชาชนที่ตนปกป้องมาทั้งชีวิต  ถูกบุตรชายแทงจากด้านหลัง  ศีรษะถูกสะบั้นขาดออกจากลำตัว  ซากศพส่วนร่างกายถูกโยนทิ้งในทะเลทรายอันว่างเปล่าโดยปราศจากโลงฝัง  ซากศพส่วนศีรษะถูกแขวนไว้บนประตูทางเข้ามหานครไททันนานนับปี

    และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง
    เขาต้องกลายเป็นโครงกระดูก
    ความสิ้นหวังมิได้นำพาไปสู่สิ่งใดนอกจากความสิ้นหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

    “แฮ่ก...แฮ่ก!”

    ตอนนี้ตนกำลังเป็นกริดหรือมาดรา?
    ความสับสนที่เกิดจากไดอารี่ของมาดราราวกับจะครอบงำกริดไปชั่วชีวิต

    ชายหนุ่มปาดน้ำตาพร้อมกับเริ่มควบคุมลมหายใจให้เป็นปรกติ  จากนั้น  ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวอย่างเจ็บแปลบ

    ข้อความระบบแสดงขึ้นพร้อมกับหน้าจอกระพิบสีแดงฉานเป็นสัญญาณเตือน

[ ★คำเตือน:★  การใช้งานไดอารี่มาดราจะทำให้จิตใจของท่านถูกครอบงำด้วยความนึกคิดและอารมณ์ของมาดรา  ระดับความปลอดภัยทางจิตของท่านลดต่ำลงจากปรกติมาก  หากท่านยังฝืนอ่านต่อไป  อาจได้รับผลกระทบทางจิตอย่างรุนแรง

[ จิตใจของท่านกำลังสับสนอย่างหนัก ]
[ ระบบจะทำการตรวจสอบคลื่นสมองและชีพจรตลอดเวลา  หากระดับความปลอดภัยทางจิตของท่านลดต่ำลงถึงขีดอันตราย  ไดอารี่อัศวินความตายมาดราจะหยุดการทำงานทันที ]

    “มะ...ไม่!!”    

    ความทรงจำเสมือนจริงได้ส่งผลให้ผู้เล่นแบกรับภาระทางจิตใจมหาศาล
    หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญสมัยอดีตที่เกี่ยวกับจิตใจผู้เล่น  คือภารกิจได้รับคลาสรองของฮิวรอย

    ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่า  ปัจจุบัน  กริดกำลังหวาดกลัวสุดขีด...
    กระนั้น  เขากลับไม่คิดถอย

    กริดต้องคว้าสิ่งที่มาดราเหลือทิ้งไว้ให้จงได้
    เมื่อน้ำตาเริ่มหยุดไหล  ชายหนุ่มสามารถแยกแยะความจริงกับความทรงจำได้

    ตนไม่ใช่มาดรา  ตนคือกริด  คือชินยองวูในโลกจริง  คือพี่ชายของเซฮี

    ตึกตึก!  ตึกตึก…    

    ตึก...

    หัวใจที่เคยเต้นโครมครามเริ่มสงบลง

[ ท่านหลุดพ้นจากสภาวะสับสน ]
[ จิตใจของท่านอยู่ในระดับปรกติ  ไดอารีอัศวินความตายมาดราบทที่สองกำลังจะถูกเปิดอ่าน ]

[ ท่านจะเปิดอ่านหรือไม่  กรุณายืนยัน ]

    “เข้ามาเลย…!”

    ชายหนุ่มคงยังไม่หายหวาดกลัว
    เขาวิตกอย่างหนักเมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องกลายเป็นมาดราอีกหน
    กระนั้น  บททดสอบคือสิ่งที่มีไว้ให้ข้ามผ่าน  กริดกัดฟันทนความเจ็บปวดที่ตนจะได้รับ  เขาไม่คิดยอมแพ้เด็ดขาด  เขาไม่ต้องการเสียใจไปชั่วชีวิต

    กริดตัดสินใจเปิดอ่านไดอารี่บทที่สอง    

    ***

    บทที่สอง

    “ท่านราชาไร้พ่าย  ได้โปรดเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของโลกด้วย”

    ผิวขาวนวลตัดกับผมสีดำเข้ม
    ดวงตายาวเรียวที่แสนเย็นชา
    
    ช่างตีเหล็กในตำนาน  ดยุคแห่งไฟ  ชายตรงหน้ากำลังโค้งศีรษะให้มาดราอย่างนอบน้อม

    ปัจจุบัน  กริดคือมาดรา
    
    “เจ้าจะให้เราผู้นี้เสียสละตัวเอง?”

    ฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด...
    ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่  แต่เราก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นอัศวินความตายไปเรียบร้อยแล้ว  ยังมีสิทธิ์ให้ปฏิเสธอีกหรือ

    ความโกรธแค้นกำลังระอุในอก
    เรายังไม่ได้ยินคำอธิบายหรือคำขอโทษใดจากปากเขาทั้งสิ้น

    “เราไม่เคยเดือดดาลมากเท่านี้มาก่อน”

    ความโกรธแค้นทั้งหมดที่สุมอยู่  กำลังพวยพุ่งไปยังดยุคแห่งไฟที่ยืนเบื้องหน้า
    ร่ายกายโครงกระดูกสั่นระริกไปทุกส่วน

    ทว่า...
    เรากลับฉุกคิดได้
    ว่านี่คือโชคชะตาที่ไม่มีวันหลุดพ้น

    “สถานการณ์ปัจจุบัน...เจ้าต้องรีบอธิบายให้เราฟัง!”    

    คนที่เปลี่ยนให้เราเป็นอันเดด  คงมิใช่ใครอื่นนอกจากดยุคแห่งไฟ
    แม้ใจหนึ่งต้องการกุดหัวเขาทันที  
    แต่อีกใจก็พยายามสงบจิตให้สุขุม

    ทำไมกัน?
    ดยุคแห่งไฟคงมีเหตุผลสำคัญในการกระทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้

    แต่คำตอบที่ได้รับกลับบ้าบิ่นยิ่งกว่าเดิม

    “จอมอสูรกำลังจะรุกรานสถานที่แห่งนี้...หมู่เกาะเบเฮ็น  ก็อย่างที่ท่านทราบ  หมู่เกาะเบเฮ็นคือหอเกียรติยศและสถานที่สืบทอดพลังของตำนานรุ่นใหม่  หากตกอยู่ในมือจอมอสูรเมื่อใด  อนาคตของมวลมนุษย์จะจบสิ้นในพริบตา  ท่านต้องปกป้องที่นี่ไว้”

    “อนาคตมวลมนุษย์...”

    ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย...
    เราสนเพียงอนาคตของประชาชนลูบาน่าเท่านั้น  สำหรับสิ่งอื่น  จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ช่าง
    
    คำพูดของดยุคแห่งไฟได้ทำให้เราโมโหยิ่งกว่าเก่า

    “...เข้าใจแล้ว  นี่คือสาเหตุที่เจ้าคืนชีพเราในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้สินะ?  ช่างต่ำช้านัก!!  กล้าดียังไงถึงย่ำยีร่างกายอันสูงศักดิ์ของเรา!  คนเยี่ยงเจ้าสมควรตายนับพันครั้ง!!”

    ***

    “ว๊ากกกก!!”

    ในวินาทีที่มาดราคำรามพร้อมกับชักดาบออก
    สติสัมปชัญญะของกริดได้ถูกส่งกลับโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
    นี่คือความทรงจำเสมือนจริงรอบที่สอง
    ชายหนุ่มสั่นระริกไปทุกส่วนไม่เว้นแม้ปลายนิ้ว  
    เขากำลังหวาดกลัวสุดขีด

    ความรู้สึกของการใช้ฝ่ามือโครงกระดูกชักดาบ  จากนั้นก็คำรามด้วยโทสะที่เดือดพล่านไปทุกรูขุมขน
    มันเสมือนจริงจนทำให้กริดเริ่มจิตตก

    ‘มันชัดเจนเกินไป...’
        
    ชัดเจนจนเขาไม่ต้องการเป็นอันเดดไปชั่วชีวิต  
    
    ขณะที่กริดกำลังกลืนน้ำลาย
    
[ ตัวท่านในปัจจุบันมิอาจใช้งานวิชาดาบมาดราได้  ท่านไม่สามารถอ่านบทที่สองของไดอารีจนจบ ]

    “…?”

    ถัดมา

[ เงื่อนไขสำหรับการอ่านไดอารี่บทที่สองให้จบ : ท่านจำเป็นต้องครอบครองวิชาดาบมาดรา ]

[ ท่านได้รับหนังสือทักษะ : วิชาดาบทัพหนึ่งแสน ]

[ ไดอารีอัศวินความตายมาดราจะถูกผนึกไว้จนกว่าท่านจะครอบครองวิชาดาบมาดรา ]

    “อะไรกัน...”

    หนังสือทักษะ…?
    มันคือรางวัลแสนวิเศษที่กริดไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน

    ‘แถมนี่ยังเพิ่งบทที่สอง!’

    กริดผู้กำลังตื่นเต้นรีบตรวจสอบรายละเอียดหนังสือทักษะทันที

[ หนังสือทักษะ : วิชาดาบทัพหนึ่งแสน ]
เกรด : เลเจนดารี
    หนังสือทักษะที่บรรจุทักษะพื้นฐานของวิชาดาบมาดรา
    น่าเสียดายที่มันบรรจุวิชาดาบของมาดราในร่างอัศวินความตาย  มิใช่ร่างเมื่อครั้งยังมีชีวิต  ทำให้ประสิทธิภาพลดลงจากทักษะต้นแบบมาก
    ภายในหนังสือบรรจุทักษะไว้สองชนิด
- ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ)
- ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ)
เงื่อนไขการเรียน : ถูกยอมรับจากมาดรา

    “มาดรา…!”

    ดวงตาของกริดเริ่มพร่ามัวอีกครั้งจากของเหลวสีใส
    
    “นี่นาย...”

    ปัจจุบัน  เขากำลังเกลียดชังแพ็กม่าจากก้นบึ้งของหัวใจ  ด้วยอารมณ์ของมาดราที่ยังหลงเหลือ  
    แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป
    
    กริดรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อชายที่แสนยอดเยี่ยมในอดีตให้การยอมรับตน…
    เขาซาบซึ้งจนมิอาจหาคำบรรยาย

    “ขอบคุณมาก...”
    
    ชายหนุ่มปาดน้ำตา
    
    “ของขวัญจากนาย...ฉันจะฝึกฝนและใช้มันไปชั่วชีวิต”

    ในอดีตที่ผ่านมา  กริดเคยเป็นกังวลเมื่อได้เห็นพลังของอริยดาบครอเกลเมื่อครั้งต่อสู้กับจอมอสูรบีเลียล  
    
    แม้ครอเกลจะยังไม่พัฒนาเต็มที่  แต่ดาบผ่ามิิติของเขากลับแบ่งโลกออกเป็นสองส่วนต่อหน้าผู้คนหลายล้าน

    กริดจึงมุ่งมั่นจะพัฒนาตนอย่างหนักเพื่อหวังไล่ตามครอเกลผู้เป็นอริยดาบให้ทัน
    
    และปัจจุบัน...โอกาสนั้นมาถึงแล้ว
    
    ไดอารี่เล่มนี้คือสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลจนมิอาจตีค่าเป็นเงินทอง
    ชายหนุ่มเลื่อนมือปิดหนังสือไดอารีเล่มเก่าโทรม  จากนั้นก็ประกาศกร้าว

    “ความยิ่งใหญ่ของราชาไร้พ่าย...ฉันจะป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้เอง”

    วิชาดาบมาดราที่แท้จริงย่อมต้องเป็นสิทธิพิเศษของผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเท่านั้น  
    กริดรู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ
    เต่เขาก็มั่นใจมาก  อย่างน้อย  ตนคือผู้สืบทอดจิตวิญญาณจากราชาไร้พ่ายในวาระสุดท้ายโดยตรง

    ขณะเดียวกัน  
    ณ จักรวรรดิซาฮารัน  ดินแดนลูบาน่า

    “นี่น่ะหรือผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย...จืดชืดกว่าที่คิด”

    เมอร์เซเดสแสดงสีหน้าผิดหวังเมื่อเดินทางมาถึงจุดสู้รบ
    ดวงตาสีครามของเธอกำลังจดจ้องไปยังชายสวมเกราะหรูหรา  ผู้ที่รอบกายมีอัศวินและทหารมากมายล้อมไว้

    สามารถยื้อสงครามกับทัพรองของจักรวรรดิได้นานนับสัปดาห์  ความสำเร็จนี้ยิ่งใหญ่มากพอจะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์  
    แต่ก็เท่านั้น

    ท้ายที่สุด  การกระทำเช่นนี้มิได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลย

    “ราชาไร้พ่ายมีดีเท่านี้เองหรือ  นั่นสินะ  ประวัติศาสตร์มักกล่าวไว้เกินจริงเสมอ”

    สีหน้าของเมอร์เซเดสทั้งเย็นชาและไร้อารมณ์  เธอเหยียดหยันผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายราวกับมดปลวกตัวหนึ่ง
    
    คำกล่าวเมื่อครู่นับเป็นการดูหมิ่นราชาไร้พ่ายที่เพิ่งจะหลับพักผ่อนอย่างร้ายแรง

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,150
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เดียวกอรู้ว่าราชาไร้พ่ายของแท่เป็นอย่างไง

    ReplyDelete
  2. รางวัลโบนัส ของเกาะเบ็นเฮนยอดเยี่ยมมากๆ 👍👍

    ReplyDelete
  3. จะโกงเกินไปแล้วกริด

    ReplyDelete
  4. คือกริดมีวิชาดาบของ2ตำนานกับเวของอีก1ตำนานคือกริดจะมีควาสามารถของตำนานทั้ง3คนในคนๆเดียว

    ReplyDelete
    Replies
    1. ผมอยากให้สุดท้ายพระเอกได้ครอบครองวิชาของทุกๆตำนานเลยมากกว่า จะได้สมกับเป็นพระเอก

      Delete
  5. ขอบอกว่า ผู้สืบทอดมาดราไม่ใช่กริดนะ ของแท้คือคนที่แพ้เมอเซเดทนั้นแหละ กริดแค่ได้เรียนวิชาดาบของมาดราเฉยๆ ขนาดแอ็กนัสยังมีวิชาดาบแพึม่าตอนที่ทำพันธสัญญากับบาเอลเลย สปอยนิสๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ก็โกงอยู่นะ แค่สังหารทัพ2แสน ดาเมจยังเว่อขนาดนี้ รวมกับอาวุธสุดโกงอีก

      Delete
  6. ถ้าเราเป็นกริด ครั้งหน้าเราจะอ่านในห้องส่วนตัว 555555555 จะได้ออกอาการได้เต้มที่หน่อย (ใดๆคือพระเอกเป็นผู้ครอบครองสกิลของ3ตำนานแล้วจ้า)

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00