จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 696
“ทุกคนที่รักการอ่านจะรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ดีเสมอ”
เพื่อให้สอดคล้องกับสำนวนดังกล่าว ระบบอ่านหนังสือของซาทิสฟายจึงถือเป็นงานอดิเรกที่มีประโยชน์มาก
ผู้เล่นจะได้รับความสนุกและความรู้ใหม่ผ่านตัวหนังสือ แถมยังได้รับค่าสถานะเพิ่มเติมเป็นโบนัส
มีบ่อยครั้งที่ผู้เล่นจะได้รับภารกิจหรือคำบอกใบ้สำคัญผ่านการอ่านหนังสือ
หรือต่อให้ไม่ได้รับสิ่งใดเลย แต่การอ่านในสิ่งแปลกใหม่มักมอบความสนุกและเพลินเพลิน
ด้วยเหตุนี้ การอ่านจึงมีแต่ได้กับได้
โดยเฉพาะซาทิสฟายที่ขึ้นชื่อในด้านขนาดของมิติโลกที่กว้างใหญ่ โลกใบนี้ย่อมมีหนังสือให้อ่านหลากหลายไม่รู้จบ
แม้กระทั่งบุคคลในข่าวลือ ‘ผู้เล่นเสียสติที่ล็อกอินเข้าซาทิสฟายเพียงเพื่ออ่านหนังสืออย่างเดียว’ ก็ยังอ่านหนังสือในซาทิสฟายไปได้แค่เศษเสี้ยวของทั้งหมด
แน่นอนว่า ข่าวลือดังกล่าวไกลจากความเป็นกริดสุดกู่
สำหรับผู้ที่ทำความเข้าใจทุกสิ่งได้ยากลำบากเช่นกริด งานอดิเรกอ่านหนังสือไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก เขาพยายามดำรงชีวิตให้ห่างไกลจากหนังสือมากที่สุด
แต่ปัจจุบัน
[ ไดอารี่อัศวินความตายมาดรา ]
“...”
ณ หอสมุดหลวงภายในราชวังไรน์ฮาร์ท
กริดนั่งลงในจุดประจำของไอรีนและลอร์ด จากนั้นก็เผชิญหน้ากับหนังสือไดอารีตามลำพัง
‘เราอ่านหนังสือครั้งสุดท้ายเมื่อไร? น่าจะปีก่อน เมื่อตอนอ่านคู่มือการใช้งานแคปซูลรุ่นเพชรของโคเม็ตกรุ๊ป’
“อา...เนื้อหาในไดอารี่คงไม่ยากเกินความเข้าใจหรอกกระมัง?”
กริดอาจไม่รู้ว่า ไม่มีคนปรกติที่ไหนอ่านคู่มือตั้งแต่สารบัญยันหน้าสุดท้ายเหมือนเขา
ด้วยปมด้อยทางสมองตั้งแต่เด็ก กริดจึงอ่านและทำความเข้าใจกับทุกสิ่งมากเป็นเท่าตัวเสมอ จนติดเป็นนิสัย
เขามองการอ่านหนังสือเป็นสิ่งทุกข์ทรมานคล้ายคลึง ‘งานกรรมกร’ ซึ่งต้องจำใจทำด้วยความอดทน มิใช่ความรักหลงไหล แม้หนังสือเล่มนั้นจะไม่ใช่หนังสือเรียนก็ตาม
“เฮ่อ...ช่างเถอะ”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับสงบจิตใจ
สิ่งนี้ก็เพื่อสะกดจิตตนเองให้สามารถอ่านไดอารี่มาดราได้จบเล่ม
‘ไดอารี่คงไม่ได้มอบสิ่งสำคัญมากนัก รีบอ่านให้จบแล้วไปทำอย่างอื่นดีกว่า’
กริดพยายามไม่คาดหวังกับไดอารี่มาก
แม้จะสูญแต้มหนึ่งล้านกับมันก็ตาม
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น สำหรับกริดแล้ว ข้อความตัวหนังสือไม่มีทางมอบสิ่งสำคัญหรือยิ่งใหญ่ให้เขาได้แน่
แถมนี่ยังเป็นเพียงไดอารี่ของอัศวินความตายมาดราแห่งหมู่เกาะเบเฮ็น
มิใช่ไดอารีราชาไร้พ่ายสมัยยังมีชีวิต
หรืออีกความหมายหนึ่ง มันคือไดอารี่ที่อัศวินความตายมาดราเขียนขึ้นอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะหมายเลข 66 ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา มิใช่บันทึกความยิ่งใหญ่ของราชาไร้พ่าย
ไดอารี่ของอัศวินความตายผู้โดดเดี่ยวโดยไม่ได้ต่อสู้นานนับร้อยปี ด้านในคงไม่มีเนื้อหาสลักสำคัญหรือน่าตื่นเต้นเขียนไว้
พรึบ—
ในที่สุด
กริดเปิดอ่านบทแรกของไดอารี
ทว่า เขากลับไม่พบตัวอักษรใดเขียนไว้บนหน้ากระดาษเปล่า
ทันใดนั้น ดวงตาของกริดปิดลงอัตโนมัติ
และไม่นานก็ลืมตาขึ้นอีกหน
เขารู้สึกตัวอีกครั้งโดยกำลังอาศัยอยู่ภายในร่างกาย อารมณ์และความนึกคิดของใครบางคน
“อึก…!”
ไอเท็มที่มอบประสบการณ์เสมือนจริง…
นี่คือตัวตนของไดอารีอัศวินความตายมาดรา
ทันทีที่มันถูกเปิด ห้วงความนึกคิดของกริดจะถูกครอบงำโดยความทรงจำของมาดราอย่างสมบูรณ์
***
บทที่หนึ่ง
เมื่อเราลืมตาอีกครั้ง สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด คือการที่เรามิอาจสัมผัสถึงลมหายใจตัวเองได้
และนั่นคือวินาทีที่เราตระหนักได้ว่า ตัวเราไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว
ถูกต้อง เราตายไปแล้ว
ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราถึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง?
เราเริ่มสับสน
...สับสน? เราเนี่ยนะสับสน?
ราชาไร้พ่ายมาดราตกต่ำถึงเพียงนี้เชียว?
น่าแปลกมาก...
หรือสิ่งเหล่านี้จะเป็นความฝันทั้งหมด?
และตัวเรายังไม่ได้ตายไป
เป็นเพียงฝันร้ายอันแสนยาวนาน
ไม่สิ…
แกร่ก…
นี่คือความจริงที่น่าอดสู
เมื่อลองเลื่อนมือขึ้นมาลูบหน้าผาก เราจึงได้เห็นปัจจุบันเต็มสองตา
ร่างกายของเรา...บัดนี้เป็นเพียงซากโครงกระดูก
โลหิตสีแดงฉานที่เดือดพล่านตลอดเวลา มัดกล้ามเนื้อที่ไม่มีวันฉีกขาด ผิวหนังอันแข็งแกร่งที่ฟันแทงไม่เข้า...ทุกสิ่งถูกปอกลอกออกไปจนหมด
อา...ความทรงจำในวันวานเริ่มไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง
เราตายไปแล้ว...
เราถูกเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองสังหารเพื่อนำศีรษะไปมอบให้ไอ้พวกระยำซาฮารัน
หืม…? ถ้าเช่นนั้นแล้ว...
นี่เป็นศีรษะของใคร?
ทุกสิ่งไม่คุ้นชินเลยสักนิด…
กระโหลกที่ปราศจากสมองกำลังดึงความทรงจำบางส่วนกลับมา มันถาโถมสู่จิตสำนึกอย่างฉับพลันจนยากจะรับมือไหว
ห้วงความคิดของเราทำงานหนักเกินไป
เราสลัดความสับสนออกไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
สวบ...
ต้นตอของสถานการณ์ปัจจุบันกำลังยืนอยู่เบื้องหน้า
ชายผู้มีีรูปลักษณ์งดงามราวหญิงสาว
เรารู้จักเขา
เรารู้จักชายที่มีสายตาเย็นชาเช่นนี้ดี แววตาแสนเย็นยะเยียบซึ่งไม่เข้ากับสมญานาม ‘ดยุคแห่งไฟ’ เลยสักนิด
“แ...พ็ก...ม่า”
เราพยายามเปิดปากพูด ทันใดนั้น สุ้มเสียงอันแหบพร่าได้คำรามกังวาลไปทั่วบริเวณ
ช่างเป็นเสียงที่น่าสะอิดสะเอียนเสียเหลือเกิน
ขณะเรากำลังหงุดหงิด ดยุคแห่งไฟได้โค้งศีรษะคำนับเราอย่างนอบน้อม
“ท่านราชาไร้พ่าย ได้โปรดเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของโลกด้วย”
***
“...อึก!”
ในวินาทีที่ไดอารีบทแรกจบลง
สติของกริดพลันกลับสู่ความจริงในซาทิสฟายอีกครั้ง
สับสน โมโห เคียดแค้น และสิ้นหวัง
ทุกอารมรณ์ที่มาดราเคยรู้สึกในวินาทีที่เขาตระหนักว่าตนกลายเป็นอัศวินความตาย
กริดลิ้มรสทั้งหมดอย่างเข้มข้นเต็มเปี่ยม
อารมณ์อันหลากหลายถูกพรั่งพรูเข้ามาในจิตสำนึกอย่างไม่ขาดสาย
จิตใจของเขาต้องรับภาระหนักกว่าปรกติหลายเท่า
เหงื่อไคลไหลชุมกายทั้งที่หอสมุดมีบรรยากาศเย็นสบาย นัยน์ตาดำของกริดกำลังหดลีบพร้อมกับสั่นระริกโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“วะ...ว๊ากกก!”
ตุ้บ...
ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มือทั้งสองกุมศีรษะด้วยใบหน้าเจ็บปวด ในดวงตามีน้ำใสไหลรินอาบสองแก้ม
มาดราถูกสาปแช่งจากประชาชนที่ตนปกป้องมาทั้งชีวิต ถูกบุตรชายแทงจากด้านหลัง ศีรษะถูกสะบั้นขาดออกจากลำตัว ซากศพส่วนร่างกายถูกโยนทิ้งในทะเลทรายอันว่างเปล่าโดยปราศจากโลงฝัง ซากศพส่วนศีรษะถูกแขวนไว้บนประตูทางเข้ามหานครไททันนานนับปี
และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง
เขาต้องกลายเป็นโครงกระดูก
ความสิ้นหวังมิได้นำพาไปสู่สิ่งใดนอกจากความสิ้นหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
“แฮ่ก...แฮ่ก!”
ตอนนี้ตนกำลังเป็นกริดหรือมาดรา?
ความสับสนที่เกิดจากไดอารี่ของมาดราราวกับจะครอบงำกริดไปชั่วชีวิต
ชายหนุ่มปาดน้ำตาพร้อมกับเริ่มควบคุมลมหายใจให้เป็นปรกติ จากนั้น ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวอย่างเจ็บแปลบ
ข้อความระบบแสดงขึ้นพร้อมกับหน้าจอกระพิบสีแดงฉานเป็นสัญญาณเตือน
[ ★คำเตือน:★ การใช้งานไดอารี่มาดราจะทำให้จิตใจของท่านถูกครอบงำด้วยความนึกคิดและอารมณ์ของมาดรา ระดับความปลอดภัยทางจิตของท่านลดต่ำลงจากปรกติมาก หากท่านยังฝืนอ่านต่อไป อาจได้รับผลกระทบทางจิตอย่างรุนแรง
[ จิตใจของท่านกำลังสับสนอย่างหนัก ]
[ ระบบจะทำการตรวจสอบคลื่นสมองและชีพจรตลอดเวลา หากระดับความปลอดภัยทางจิตของท่านลดต่ำลงถึงขีดอันตราย ไดอารี่อัศวินความตายมาดราจะหยุดการทำงานทันที ]
“มะ...ไม่!!”
ความทรงจำเสมือนจริงได้ส่งผลให้ผู้เล่นแบกรับภาระทางจิตใจมหาศาล
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญสมัยอดีตที่เกี่ยวกับจิตใจผู้เล่น คือภารกิจได้รับคลาสรองของฮิวรอย
ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่า ปัจจุบัน กริดกำลังหวาดกลัวสุดขีด...
กระนั้น เขากลับไม่คิดถอย
กริดต้องคว้าสิ่งที่มาดราเหลือทิ้งไว้ให้จงได้
เมื่อน้ำตาเริ่มหยุดไหล ชายหนุ่มสามารถแยกแยะความจริงกับความทรงจำได้
ตนไม่ใช่มาดรา ตนคือกริด คือชินยองวูในโลกจริง คือพี่ชายของเซฮี
ตึกตึก! ตึกตึก…
ตึก...
หัวใจที่เคยเต้นโครมครามเริ่มสงบลง
[ ท่านหลุดพ้นจากสภาวะสับสน ]
[ จิตใจของท่านอยู่ในระดับปรกติ ไดอารีอัศวินความตายมาดราบทที่สองกำลังจะถูกเปิดอ่าน ]
[ ท่านจะเปิดอ่านหรือไม่ กรุณายืนยัน ]
“เข้ามาเลย…!”
ชายหนุ่มคงยังไม่หายหวาดกลัว
เขาวิตกอย่างหนักเมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องกลายเป็นมาดราอีกหน
กระนั้น บททดสอบคือสิ่งที่มีไว้ให้ข้ามผ่าน กริดกัดฟันทนความเจ็บปวดที่ตนจะได้รับ เขาไม่คิดยอมแพ้เด็ดขาด เขาไม่ต้องการเสียใจไปชั่วชีวิต
กริดตัดสินใจเปิดอ่านไดอารี่บทที่สอง
***
บทที่สอง
“ท่านราชาไร้พ่าย ได้โปรดเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของโลกด้วย”
ผิวขาวนวลตัดกับผมสีดำเข้ม
ดวงตายาวเรียวที่แสนเย็นชา
ช่างตีเหล็กในตำนาน ดยุคแห่งไฟ ชายตรงหน้ากำลังโค้งศีรษะให้มาดราอย่างนอบน้อม
ปัจจุบัน กริดคือมาดรา
“เจ้าจะให้เราผู้นี้เสียสละตัวเอง?”
ฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด...
ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ แต่เราก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นอัศวินความตายไปเรียบร้อยแล้ว ยังมีสิทธิ์ให้ปฏิเสธอีกหรือ
ความโกรธแค้นกำลังระอุในอก
เรายังไม่ได้ยินคำอธิบายหรือคำขอโทษใดจากปากเขาทั้งสิ้น
“เราไม่เคยเดือดดาลมากเท่านี้มาก่อน”
ความโกรธแค้นทั้งหมดที่สุมอยู่ กำลังพวยพุ่งไปยังดยุคแห่งไฟที่ยืนเบื้องหน้า
ร่ายกายโครงกระดูกสั่นระริกไปทุกส่วน
ทว่า...
เรากลับฉุกคิดได้
ว่านี่คือโชคชะตาที่ไม่มีวันหลุดพ้น
“สถานการณ์ปัจจุบัน...เจ้าต้องรีบอธิบายให้เราฟัง!”
คนที่เปลี่ยนให้เราเป็นอันเดด คงมิใช่ใครอื่นนอกจากดยุคแห่งไฟ
แม้ใจหนึ่งต้องการกุดหัวเขาทันที
แต่อีกใจก็พยายามสงบจิตให้สุขุม
ทำไมกัน?
ดยุคแห่งไฟคงมีเหตุผลสำคัญในการกระทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้
แต่คำตอบที่ได้รับกลับบ้าบิ่นยิ่งกว่าเดิม
“จอมอสูรกำลังจะรุกรานสถานที่แห่งนี้...หมู่เกาะเบเฮ็น ก็อย่างที่ท่านทราบ หมู่เกาะเบเฮ็นคือหอเกียรติยศและสถานที่สืบทอดพลังของตำนานรุ่นใหม่ หากตกอยู่ในมือจอมอสูรเมื่อใด อนาคตของมวลมนุษย์จะจบสิ้นในพริบตา ท่านต้องปกป้องที่นี่ไว้”
“อนาคตมวลมนุษย์...”
ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย...
เราสนเพียงอนาคตของประชาชนลูบาน่าเท่านั้น สำหรับสิ่งอื่น จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ช่าง
คำพูดของดยุคแห่งไฟได้ทำให้เราโมโหยิ่งกว่าเก่า
“...เข้าใจแล้ว นี่คือสาเหตุที่เจ้าคืนชีพเราในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้สินะ? ช่างต่ำช้านัก!! กล้าดียังไงถึงย่ำยีร่างกายอันสูงศักดิ์ของเรา! คนเยี่ยงเจ้าสมควรตายนับพันครั้ง!!”
***
“ว๊ากกกก!!”
ในวินาทีที่มาดราคำรามพร้อมกับชักดาบออก
สติสัมปชัญญะของกริดได้ถูกส่งกลับโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
นี่คือความทรงจำเสมือนจริงรอบที่สอง
ชายหนุ่มสั่นระริกไปทุกส่วนไม่เว้นแม้ปลายนิ้ว
เขากำลังหวาดกลัวสุดขีด
ความรู้สึกของการใช้ฝ่ามือโครงกระดูกชักดาบ จากนั้นก็คำรามด้วยโทสะที่เดือดพล่านไปทุกรูขุมขน
มันเสมือนจริงจนทำให้กริดเริ่มจิตตก
‘มันชัดเจนเกินไป...’
ชัดเจนจนเขาไม่ต้องการเป็นอันเดดไปชั่วชีวิต
ขณะที่กริดกำลังกลืนน้ำลาย
[ ตัวท่านในปัจจุบันมิอาจใช้งานวิชาดาบมาดราได้ ท่านไม่สามารถอ่านบทที่สองของไดอารีจนจบ ]
“…?”
ถัดมา
[ เงื่อนไขสำหรับการอ่านไดอารี่บทที่สองให้จบ : ท่านจำเป็นต้องครอบครองวิชาดาบมาดรา ]
[ ท่านได้รับหนังสือทักษะ : วิชาดาบทัพหนึ่งแสน ]
[ ไดอารีอัศวินความตายมาดราจะถูกผนึกไว้จนกว่าท่านจะครอบครองวิชาดาบมาดรา ]
“อะไรกัน...”
หนังสือทักษะ…?
มันคือรางวัลแสนวิเศษที่กริดไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน
‘แถมนี่ยังเพิ่งบทที่สอง!’
กริดผู้กำลังตื่นเต้นรีบตรวจสอบรายละเอียดหนังสือทักษะทันที
[ หนังสือทักษะ : วิชาดาบทัพหนึ่งแสน ]
เกรด : เลเจนดารี
หนังสือทักษะที่บรรจุทักษะพื้นฐานของวิชาดาบมาดรา
น่าเสียดายที่มันบรรจุวิชาดาบของมาดราในร่างอัศวินความตาย มิใช่ร่างเมื่อครั้งยังมีชีวิต ทำให้ประสิทธิภาพลดลงจากทักษะต้นแบบมาก
ภายในหนังสือบรรจุทักษะไว้สองชนิด
- ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ)
- ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ)
เงื่อนไขการเรียน : ถูกยอมรับจากมาดรา
“มาดรา…!”
ดวงตาของกริดเริ่มพร่ามัวอีกครั้งจากของเหลวสีใส
“นี่นาย...”
ปัจจุบัน เขากำลังเกลียดชังแพ็กม่าจากก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยอารมณ์ของมาดราที่ยังหลงเหลือ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป
กริดรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อชายที่แสนยอดเยี่ยมในอดีตให้การยอมรับตน…
เขาซาบซึ้งจนมิอาจหาคำบรรยาย
“ขอบคุณมาก...”
ชายหนุ่มปาดน้ำตา
“ของขวัญจากนาย...ฉันจะฝึกฝนและใช้มันไปชั่วชีวิต”
ในอดีตที่ผ่านมา กริดเคยเป็นกังวลเมื่อได้เห็นพลังของอริยดาบครอเกลเมื่อครั้งต่อสู้กับจอมอสูรบีเลียล
แม้ครอเกลจะยังไม่พัฒนาเต็มที่ แต่ดาบผ่ามิิติของเขากลับแบ่งโลกออกเป็นสองส่วนต่อหน้าผู้คนหลายล้าน
กริดจึงมุ่งมั่นจะพัฒนาตนอย่างหนักเพื่อหวังไล่ตามครอเกลผู้เป็นอริยดาบให้ทัน
และปัจจุบัน...โอกาสนั้นมาถึงแล้ว
ไดอารี่เล่มนี้คือสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาลจนมิอาจตีค่าเป็นเงินทอง
ชายหนุ่มเลื่อนมือปิดหนังสือไดอารีเล่มเก่าโทรม จากนั้นก็ประกาศกร้าว
“ความยิ่งใหญ่ของราชาไร้พ่าย...ฉันจะป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้เอง”
วิชาดาบมาดราที่แท้จริงย่อมต้องเป็นสิทธิพิเศษของผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเท่านั้น
กริดรู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ
เต่เขาก็มั่นใจมาก อย่างน้อย ตนคือผู้สืบทอดจิตวิญญาณจากราชาไร้พ่ายในวาระสุดท้ายโดยตรง
ขณะเดียวกัน
ณ จักรวรรดิซาฮารัน ดินแดนลูบาน่า
“นี่น่ะหรือผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย...จืดชืดกว่าที่คิด”
เมอร์เซเดสแสดงสีหน้าผิดหวังเมื่อเดินทางมาถึงจุดสู้รบ
ดวงตาสีครามของเธอกำลังจดจ้องไปยังชายสวมเกราะหรูหรา ผู้ที่รอบกายมีอัศวินและทหารมากมายล้อมไว้
สามารถยื้อสงครามกับทัพรองของจักรวรรดิได้นานนับสัปดาห์ ความสำเร็จนี้ยิ่งใหญ่มากพอจะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์
แต่ก็เท่านั้น
ท้ายที่สุด การกระทำเช่นนี้มิได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลย
“ราชาไร้พ่ายมีดีเท่านี้เองหรือ นั่นสินะ ประวัติศาสตร์มักกล่าวไว้เกินจริงเสมอ”
สีหน้าของเมอร์เซเดสทั้งเย็นชาและไร้อารมณ์ เธอเหยียดหยันผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายราวกับมดปลวกตัวหนึ่ง
คำกล่าวเมื่อครู่นับเป็นการดูหมิ่นราชาไร้พ่ายที่เพิ่งจะหลับพักผ่อนอย่างร้ายแรง
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,150
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
เดียวกอรู้ว่าราชาไร้พ่ายของแท่เป็นอย่างไง
ReplyDeleteรางวัลโบนัส ของเกาะเบ็นเฮนยอดเยี่ยมมากๆ 👍👍
ReplyDeleteจะโกงเกินไปแล้วกริด
ReplyDeleteคือกริดมีวิชาดาบของ2ตำนานกับเวของอีก1ตำนานคือกริดจะมีควาสามารถของตำนานทั้ง3คนในคนๆเดียว
ReplyDeleteผมอยากให้สุดท้ายพระเอกได้ครอบครองวิชาของทุกๆตำนานเลยมากกว่า จะได้สมกับเป็นพระเอก
Deleteขอบอกว่า ผู้สืบทอดมาดราไม่ใช่กริดนะ ของแท้คือคนที่แพ้เมอเซเดทนั้นแหละ กริดแค่ได้เรียนวิชาดาบของมาดราเฉยๆ ขนาดแอ็กนัสยังมีวิชาดาบแพึม่าตอนที่ทำพันธสัญญากับบาเอลเลย สปอยนิสๆ
ReplyDeleteก็โกงอยู่นะ แค่สังหารทัพ2แสน ดาเมจยังเว่อขนาดนี้ รวมกับอาวุธสุดโกงอีก
Deleteถ้าเราเป็นกริด ครั้งหน้าเราจะอ่านในห้องส่วนตัว 555555555 จะได้ออกอาการได้เต้มที่หน่อย (ใดๆคือพระเอกเป็นผู้ครอบครองสกิลของ3ตำนานแล้วจ้า)
ReplyDelete