จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 689


    
    อริยดาบคือคลาสสายต่อสู้อันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา
    ประวัติศาสตร์อันยาวนานของซาทิสฟายมิได้กล่าวเกินจริงเลยสักนิด  ครอเกลกำลังสัมผัสได้
    อริยดาบครอเกล
    ปัจจุบันเลเวล 259
    น้อยกว่าสมัยเป็นนักดาบสีขาวอยู่ราว ร้อยเลเวล  ถึงกระนั้น  อริยดาบในปัจจุบันกลับแข็งแกร่งกว่านักดาบสีขาวสมัยก่อนหลายเท่า
    
    ครอเกลรู้สึกทึ่งที่ตนยังสามารถพัฒนาตนเองได้อีกไกลจนมองไม่เห็นขอบเขต
    เฉกเช่นกริดและยูร่า  ครอเกลยังไม่สำเร็จภารกิจประจำคลาส
    โดยเฉพาะภารกิจสุดหินอันหนึ่ง  ที่ต้องค้นหาวิชาดาบมุลเลอร์และรับสืบทอดมา  เหมือนกับการพบภาพวาดแพ็กม่าบนผนังถ้ำใต้น้ำตกของกริด

    หากครอเกลได้ครอบครองวิชาดาบมุลเลอร์  ฝีมือของเขาจะถูกยกระดับจนทิ้งผู้เล่นคนอื่นชนิดไม่เห็นฝุ่น
    แต่ครอเกลกลับปฏิเสธพลังยิ่งใหญ่นี้
    เขาไม่เคยมีความทรงจำใดร่วมกับมุลเลอร์เลยสักนิด  มุลเลอร์มิใช่อาจารย์  ครอเกลกลายเป็นอริยดาบด้วยฝีมือและความเก่งกาจของตัวเอง
    ชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยากลำบากทั้งหมด  เขาไม่ต้องการให้พลังของผู้อื่นบดบังรัศมี  ครอเกลไม่ต้องการพลังของอริยดาบคนเก่าแม้แต่น้อย  
    เขาจะสร้างวิชาดาบครอเกลขึ้นใหม่  วิชาดาบที่อริยดาบรุ่นต่อไปจะได้สืบทอดและกลายเป็นตัวตนอันดับหนึ่งของโลก

    “ดังนั้น...ผมก็เลยมาหาคุณ”

    “...”

    มือหอกอันดับหนึ่งของทวีป  คิรินัส
    คิรินัสไม่มีหลักแหล่งที่พักอาศัยชัดเจน  แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ  เขาจะเดินทางมายังสถานที่แห่งหนึ่งในทุกสามปี
    สถานที่ดังกล่าวคือ  วังของอดีตจักรพรรดินีอาเรียแห่งจักรวรรดิซาฮารัน
    วังที่ไร้ผู้ปกครอง  จักรพรรดินีอาเรียสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว
    ปัจจุบัน  คิรินัสกำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพของอาเรีย  มิใช่สถานที่หรูหราที่นางเคยพักอาศัย
    
    “ผมรู้ว่าต้องได้พบคุณหากคอยที่นี่”

    ครอเกลทักทายคิรินัสด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม
    คิรินัสจดจ้องด้วยแววตาแหลมคมดุจพญาเหยี่ยว

    “รอบกายเปี่ยมด้วยมหาปราณดาบบริสุทธิ์...นายคือคนที่บรรลุจุดสูงสุดของวิชาดาบสินะ”

    “เฉกเช่นคุณที่เป็นจุดสูงสุดของวิชาหอก  ผมต้องการคำสอนสั่งชี้แนะจากคุณ”

    “สุดยอดนักดาบกลับขอร้องให้ฉันสอนวิชา...หมายความว่า  นายยอมรับว่าวิชาดาบด้อยกว่าวิชาหอกงั้นหรือ”

    “ไม่เลย  ไม่เกี่ยวกับหอกหรือดาบ  เพียงแต่ผมอ่อนแอกว่าคุณ...เฉพาะตอนนี้”
    
    แววตาครอเกลดุดันคมกริบ

    “...อีกไม่นานมันจะตรงกันข้าม”

    ครอเกลมีตัวเลือกในการทำภารกิจประจำคลาสอยู่สองแบบ
    หนึ่งคือ  ตามหาวิชาดาบของมุลเลอร์และสืบทอดให้สำเร็จ  ดังที่กล่าวไปข้างต้น
    สองคือ  ต่อสู้และเอาชนะนักรบที่เก่งกาจในศาสตร์แต่ละชนิด

    แน่นอนว่า  ครอเกลผู้ยังมีเลเวลไม่ถึงสามร้อย  ย่อมมิอาจเอาชนะ NPC พิเศษมือหอกอันดับหนึ่งของทวีปอย่างคิรินัสได้
    โอกาสมีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์
    แต่ครอเกลมั่นใจมากว่า  ภายในสามปีให้หลัง  ผลการต่อสู้จะต่างออกไปแน่
    
    “สำหรับสิ่งตอบแทนในการสอน  หลังจากนี้อีกสามปี  ผมจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณกลับคืน”

    “ฮะฮะ!”

    คิรินัสหัวเราะร่วน
    นักดาบอันดับหนึ่งผู้ยังไม่ผลิบานเต็มที่  กลับกล้ากล่าวสิ่งน่าขบชันเช่นนี้ต่อหน้าตนผู้เป็นเอกอุของศาสตร์หอก
    กระนั้น  คิรินัสมิได้ดูแคลน
    กลับกัน  เขาค่อนข้างพึงพอใจ

    “นายจะสอนฉันสินะ...น่าสนใจดีนี่  ว่าแต่ฉันคนนี้ต้องสอนนายอย่างมีความหวังนานถึงสามปีเลยรึไง!”

    —!

    ไร้สุ้มเสียงโดยสิ้นเชิง
    ในภาพการมองเห็นของครอเกล  หอกสีฟ้าในมือคิรินัสกำลังพุ่งใส่ด้วยความสมบูรณ์แบบ  ครอเกลเห็นเพียงจุดสีฟ้ากำลังแหวกอากาศหมายทะลวงหว่างคิ้ว
    ราวกับหนึ่งจุดฟ้าบนผ้าใบขาวโพลน

    แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นทางใจนั้นมากมายยิ่งกว่าความเสียหายที่ได้รับ
    นอกจากจะปัดป้องหอกไม่สำเร็จ  ร่างครอเกลยังถูกส่งกระเด็นลอยไปด้านหลังนับสิบเมตร

[ ท่านได้รับการโจมตีระดับสูง  ทักษะหลบหลีกอัตโนมัติไม่ทำงาน ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 8,130 หน่วย ]

    ‘ทำไมถึงหลบไม่ได้?’
    
    ครอเกลปาดริมฝีปากที่เปื้อนเลือดด้วยสีหน้าเจ็บใจ
    
    ‘นักรบในแต่ละสาขาเองก็มีทักษะอ่านใจเหมือนกันสินะ’

    แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่า  ทักษะอ่านใจของนักรบเหล่านี้อยู่ในรูปแบบใด  จะเป็นทักษะติดตัวเหมือนกับอริยดาบ  หรือเป็นทักษะสั่งใช้งานเฉกเช่นมหาจอมดาบ
    แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ครอบครองทักษะอ่านใจ  คนเหล่านั้นล้วนรับมือด้วยยาก
    
    ‘กริด...นายกำลังเผชิญหน้าปีศาจแบบไหนอยู่’

    ณ วันนี้  
    ครอเกลได้เปิดโลกทัศน์ของตนให้กว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม  ไฟแห่งความมุ่งมั่นที่จะพัฒนากำลังลุกโชนร้อนแรงมากกว่าเก่า
    เฮ่าและอเล็กซานเดอร์ที่เฝ้ามองอย่างใกล้ชิดก็ไม่ต่างกัน
    ประสบการณ์แสนสั้นเพียงไม่กี่นาที  ได้มอบสิ่งล้ำค่าซึ่งหาซื้อที่จากใดไม่ได้

    ***

    หมู่เกาะเบเฮ็นคืออะไร?
    ทันทีที่มีข้อความระบบแจ้งเตือน  สำนักข่าวทั่วโลกต่างค้นหาข้อมูลของสถานที่แห่งนี้กันจ้าละหวั่น
    ในสายงานการข่าว  ผู้ที่รวดเร็วและถูกต้องที่สุดคือผู้ได้รับชัยชนะและคว้าทุกสิ่ง
    ลงเอยด้วย  ข้อมูลของหมู่เกาะเบเฮ็นถูกขุดคุ้ยด้วยความเร็วอันน่าทึ่งของทีมงานอัจฉริยะด้านนี้
    
    หอเกียรติยศและสถานที่สืบทอดพลังของตำนานรุ่นใหม่
    แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุผลบางประการ

    ระดับความยากของแต่ละบททดสอบอยู่ในระดับน่าทึ่ง  แม้กระทั่งแร้งเกอร์ท็อปร้อยของโลกยังต้องบ่นโอดโอย  
    ยิ่งไปกว่านั้น  หมู่เกาะเบเฮ็นยังเป็นหนึ่งในประตูสู่ทวีปตะวันออกอันโด่งดัง

    ว่ากันว่า  แม้แต่แร้งเกอร์หลักหน่วยและสันตะปาปาดาเมี่ยนก็มิอาจเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นสำเร็จ
    ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
    
    แล้วใครกัน?
    ใครที่เป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายของหมู่เกาะเบเฮ็นสำเร็จเป็นคนแรก?
    เรื่องนี้ย่อมเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรง
    
    ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเริ่มวิเคราะห์ในรายการ TV ถึงความน่าจะเป็นของตัวตนดังกล่าว
    เฉกเช่นทุกครั้ง  ความเห็นเป็นไปในแนวทางเดียวกัน  บุคคลน่าสงสัยสูงสุดคงหนีไม่พ้นอริยดาบครอเกล
    แม้กริด  แอ็กนัส  และอาเรสจะสำแดงพลังสุดน่าทึ่งให้เห็นในสงครามเบลโต้  แต่ผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งยังคงเป็นฟ้าเหนือฟ้าครอเกล    

    ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก
    การดวลกันครั้งล่าสุด  ครอเกลเอาชนะกริดได้ด้วยคลาสทั่วไปอย่างนักดาบสีขาว
    ปัจจุบันเขาเป็นถึงอริยดาบ  ขอบข่ายพลังต่อสู้น่าจะพัฒนาเกินกว่าสามคนดังกล่าวไปไกลมาก

    ‘พวกมันต้องทึ่งแน่ถ้าหากรู้ความจริงเข้า...’

    เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่ได้เห็นข่าวตามสื่อ TV ต่างแสดงสีหน้าท่าทีขบขัน
    
    ครอเกลล้มเหลวหมู่เกาะเบเฮ็นอย่างไม่เป็นท่า  ผู้ที่เป็นพระเอกในข้อความระบบโลกคือกริดต่างหาก
    ขุนพลโอเวอร์เกียร์งดให้สัมภาษณ์ทุกช่องทาง  พวกเขารอคอยวันที่จะหัวเราะให้ท้องแข็งเมื่อความจริงเหตุการณ์บอกเล่าด้วยตัวมันเอง      
    
    แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า...
    ความยิ่งใหญ่ของการครอบครองหมู่เกาะเบเฮ็น  จะมากมายมหาศาลชนิดที่ไม่มีใครกล้าจินตนาการถึง

    ***

[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 66 ]
[ ท่านสมควรได้รับคำชื่นชมที่สามารถนำพาตนเองมาถึงที่นี่ได้สำเร็จ ]
[ จงปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตวีรบุรุษให้หลับสบายชั่วนิรันดร์... ]

    “แม้กระข้อความระบบยังกระตุ้นอารมณ์ขนาดนี้”

    ผู้พิทักษ์ของเกาะหมายเลข 66 คือดวงวิญญาณวีรบุรุษสุดท้ายที่เหลืออยู่
    ราวกับระบบต้องการบอกใบ้เป็นนัยว่า  ตำนานที่ถูกสร้างเป็นอัศวินความตาย  พวกเขาล้วนเจ็บปวดทรมาณที่ต้องอยู่ในสภาพนี้

    “อา...”
    
    กริดขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อกวาดสายตามองรอบเกาะหมายเลข 66 จนทั่ว
    สถานที่แห่งนี้มีเพียงพื้นดินอันราบเรียบไร้สิ่งตกแต่ง

    ใช่แล้ว
    เกาะหมายเลข 66 คือเวทีประลองที่ปราศจากทุกสิ่ง  ไม่มีแม้กระมั่งก้อนกรวด
    ไม่มีที่ให้หลบ  ไม่มีความลาดชันสูงต่ำให้ฉกฉวยทางยุทธวิธี  
    
    >>  เป็นเวทีการดวลของนักรบผู้สูงศักดิ์อย่างแท้จริง  สถานที่แห่งไม่อนุญาตให้ใช้ลูกไม้กระจอกใดทั้งสิ้น

    กริดพยักหน้าให้กับคำพูดบราฮัม

    “เวทีสำหรับการดวลตัวต่อตัวอย่างสมศักดิ์ศรี...นั่นสินะ  ผู้พิทักษ์คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากมาดรา...ใช่ไหม?”

    บราฮัมตอบรับ

    >>  ถูกต้อง  มาดราไม่เพียงเป็นจ้าวกลยุทธ์ในการศึก  เขายังเป็นยอดนักรบที่ไม่เคยล้มลงจนกระทั่งวาระสุดท้าย  ต้องเป็นสถานที่ดวลอย่างขาวสะอาดเท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับราชาไร้พ่าย  แต่อันที่จริง  มาดราสามารถเอาชนะทุกคนได้ในทุกสภาพพื้นผิวอยู่แล้ว

    ‘อัจฉริยะ?  ยอดนักรบ?  สมบูรณ์แบบ?  บราฮัมชื่นชมใครสักคนขนาดนี้เชียวหรือ…?’

    ท่าทีของบราฮัมต่อมาดรา  คล้ายคลึงกับตอนที่พูดถึงมุลเลอร์และมูมัดมาก

    “...เฮ่อ”

    หัวใจกริดกำลังเต้นระรัว

    เขาหวาดกลัวงั้นหรือ?  แน่นอน
    เขาคิดถอนตัวงั้นหรือ?  ไม่เลย
        
    กริดเพียงตื่นเต้นที่จะได้ดวลกับคู่ต่อสู้ผู้ทำให้ตนหวาดกลัวถึงเพียงนี้
    ความคิดถอนตัวไม่เคยมีอยู่ในหัว

    สติกส์คงตกใจแน่หากรู้ความจริงข้อนี้เข้า  แต่กริดไม่เคยบอกใครมาก่อน  นับตั้งแต่กลายเป็นกษัตริย์คนแรกและเริ่มแข็งแกร่งขึ้น  กริดยังไม่เคยสู้กับใครด้วยพลัง 100% เลยสักครั้ง
    เขาไม่เคยพานพบศัตรูที่ต้องทุ่มเทถึงขนาดนั้น
    รวมถึงเกาะก่อนหน้านี้ด้วย

    ‘เราเคยคิดอยากดวลกับอัศวินลำดับหนึ่ง...แม้อาจต้องพ่ายแพ้ก็ตาม’

    แต่ถึงจะอยากดวลมากเพียงใด  กริดก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ  การสู้กับเมอร์เซเดสจะทำให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์พบกับความล่มสลายในพริบตา

    แต่ปัจจุบัน  กับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญตรงหน้า  ไม่มีปัจจัยภายนอกใดเกี่ยวข้องแม้เพียงเศษเสี้ยว
    เขาต้องทุ่มทุกสิ่งที่มี  ต้องเป็นผู้ครอบครองรางวัลทั้งหมดของหมู่เกาะเบเฮ็นให้จงได้

    ‘ถ้าเราได้พบจุดอ่อนตัวเองในการต่อสู้ครั้งนี้ก็คงดี  มันจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งนานาชาติที่กำลังจะมาถึงอย่างมาก’

    กำหนดการณ์งานแข่งนานาชาติครั้งที่สามถูกเลื่อนออกไปช้ากว่าปรกติเล็กน้อย
    
    หนึ่งในเป้าหมายของกริดคือ  การเอาชนะครอเกลในการแข่งสนามประลองปีที่สามซึ่งจะมีขึ้นในอีกสามเดือนให้หลัง
    เพื่อที่จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม  กริดยินดีเสมอหากมีโอาสได้สู้กับบุคคลที่แข็งแกร่ง

    สวบ

    สวบ…  

    อัศวินความตายในชุดเกราะสุดหรูหรากำลังย่างกรายเข้ามาใกล้
    กริดสัมผัสถึงอำนาจบารมีอันล้นพ้นจากท่าเดินของมาดรา  แม้ร่างของชายผู้นี้จะเป็นเพียงโครงกระดูกก็ตาม

    ‘ดาบงั้นหรือ...เราคิดว่าเขาจะใช้อาวุธหลากหลายชนิดเสียอีก  เพราะสมญานามของมาดราคือสุดยอดนักรบ  มิใช่สุดยอดนักดาบ’

    นาม ‘มาดรา’ ถูกเขียนด้วยอักษรทองอร่ามเหนือศีรษะอัศวินความตายเกราะหนัก
    ในมือกำดาบยาวราวหนึ่งเมตร  เปลวเพลิงม่วงกำลังลุกโชนวูบวาบภายในเบ้าตากระโหลก  
    มาดราจดจ้องสำรวจกริดอย่างถี่ถ้วน
    
    “มนุษย์คนสุดท้ายที่มาเยือน...คงราวร้อยปีก่อนเห็นจะได้  ในวันที่แพ็กม่าตาย  พลังของเราผู้นี้ถดถอยลงมาก  แต่การรุกรานจากจอมอสูรจบก็ลงพร้อมไปกัน”

    “…!”

    กริดพลันสั่นระริก
    เขาเตรียมใจไว้แล้วว่า  มาดราอาจมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ  แต่ไม่คาดคิดว่าจะสนทนาได้สมบูรณ์แบบเหมือนมนุษย์ปรกติเช่นนี้
    ขณะชายหนุ่มสับสน  มาดราเอ่ยปากไต่ถาม

    “เจ้าเอาชนะพวกเด็กน้อยที่คอยปกป้องเกาะก่อนหน้าทุกคนเลยหรือ”

    “…?”

    เด็กน้อยที่เคยปกป้องเกาะก่อนหน้า?
    เด็กน้อยหมายถึงใครกัน?
    กริดเอียงคอสงสัยเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป

    “ทุกคนยกเว้นลันเทียร์”

    “เข้าใจแล้ว...”

    ตนฟังไม่ผิด...เด็กน้อยที่มาดรากล่าวถึงคือเหล่าอัศวินความตายของอดีตตำนาน
    ชายคนนี้กล้าเรียกตำนานว่าเด็กน้อย…
    มาดราแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

    ‘หรือจะยากกว่าที่เราคิดไว้...’

    แม้จะตึงเครียดภายในใจ  แต่ภาพนอกยังคงแสยะยิ้มกลบเกลื่อน
    มาดรายังคงพิจารณากริดหัวจรดเท้า  
    เขาพยักหน้าเล็กน้อยราวกับเข้าใจบางสิ่ง

    “อย่าเข้าใจเราผู้นี้ผิดไป  ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของแพ็กม่า  แม้พวกเขาจะเป็นอดีตตำนาน  แต่พลังได้ถดถอยลงมากหลังจากกลายเป็นอัศวินความตาย  และยิ่งเมื่อแพ็กม่าตายไป  พลังงานจากผู้อัญเชิญได้ถูกตัดขาด  พวกเด็กน้อยก็ยิ่งอ่อนแอลงหลายระดับ  แต่ถึงกระนั้น  เจ้าก็นับว่ายอดเยี่ยมที่สามารถฝ่าฟันมาจนถึงเราได้  มนุษย์ธรรมดาที่สามารถจัดการอดีตตำนาน...เจ้าคือตำนานรุ่นปัจจุบันใช่รึไม่”

    มาดราเอียงคอถามอย่างสงสัย
    เขาพยายามระบุตัวตนกริดใหัชัดเจน

    “แม้จะพกดาบ  แต่เจ้าก็มิใช่สุดยอดนักดาบ  ในกายเจ้ามีดวงวิญญาณแวมไพร์ครึ่งมนุษย์  แต่เจ้ากลับมีพลังเวทต่ำต้อย  แถมเจ้ายัง...มีความองอาจเยี่ยงกษัตริย์”

    มนุษย์ที่สามารถฝ่าฟันมาถึงเกาะหมายเลข 66 ได้
    มาดราเรียกกริดว่าเป็นตำนานรุ่นปัจจุบัน
    แต่ชายคนนี้กลับไม่ใช่ทั้งนักดาบและจอมเวท
    มาดรามิอาจระบุได้ว่ากริดเป็นตำนานที่สืบทอดจากใคร  เพราะทั่วร่างกายกริด  สิ่งเดียวที่โดดเด่นชัดเจนคือความน่าเกรงขามระดับกษัตริย์อาณาจักร
    ลงเอยด้วย  มาดรามิอาจหาข้อเท็จจริงได้ด้วยข้อมูลที่ตนมี  เขาเอ่ยปากถามกริดอย่างตรงไปตรงมา

    “เจ้าเรียกตนเองว่าอะไร?”

    “เรียกตัวเอง...”

    กริดอยากถูกผู้คนทั่วโลกเรียกว่าอะไร?
    ชินยองวู?
    กริด?
    ผู้สืบทอดแพ็กม่า?
    เขาเป็นทั้งหมดที่กล่าวมาข้างตนก็จริง
    ทว่ายังมีอีกหนึ่งชื่อ...

    “ราชาโอเวอร์เกียร์...ฉันคือราชาโอเวอร์เกียร์”

    “ราชาโอเวอร์เกียร์…?  โฮ่!  เจ้าก็เป็นราชาเหมือนเราสินะ!”

    มาดราแสดงความสนใจในตัวกริดทันที
    ในฐานะอดีตตำนานคนเดียวที่เป็นกษัตริย์  เขาจึงรู้สึกว่าตนกับกริดมีบางสิ่งคล้ายคลึงกัน
    
    “เช่นนั้นแล้ว...โอเวอร์เกียร์หมายถึงสิ่งใด”

    มาดราไม่เคยพ่ายแพ้  จึงเป็นที่มาของสมญานาม ‘ราชาไร้พ่าย’
    เหตุใดมนุษย์ตรงหน้าถึงเรียกตัวเองว่าราชาโอเวอร์เกียร์  มาดราใคร่รู้คำตอบอย่างมาก
    
    กริดครุ่นคิดเล็กน้อยว่าควรอธิบายอย่างไร  เมื่อได้ข้อสรุป  เขาทำการอัญเชิญหัตถ์เทวะ
    หัตถ์เทวะสี่ข้างพร้อมมโยลเนียร์ปรากฏ

    “โฮ่?”

    กริดอธิบายมาดราที่กำลังตื่นเต้นกับฝ่ามือสีทองขยับเอง

    “โอเวอร์เกียร์หมายถึงการมีของวิเศษเช่นนี้ไว้ในครอบครองและใช้งานมันได้เกิดประโยชน์สูงสุด  นั่นคือสาเหตุที่ฉันถูกผู้คนเรียกว่าราชาโอเวอร์เกียร์”

    ใช้งานได้เกิดประโยชน์สูงสุด?
    หากมีคนรู้จักเดินผ่านมาได้ยินกริดพูดเช่นนี้  เขาคงได้แต่คิดว่ากริดช่างไร้ยางอายเสียเหลือเกิน
    แต่บนเกาะหมายเลข 66  แห่งนี้  ผู้อยู่ในเหตุการณ์มีเพียงกริด  มาดรา  และบราฮัม
    มาดราย่อมไม่รู้ความจริง

    “เข้าใจแล้ว...เจ้าคือบุคคลที่สามารถใช้งานยุทธภัณฑ์ศึกและของวิเศษได้เชี่ยวชาญสินะ”

    มาดราผงกศีรษะด้วยความสนใจ  
    จากนั้นเริ่มเอียงคอคงสัย    

    หากลองมองย้อนกลับไป  ไม่เคยมีตำนานคนใดครอบครองความสามารถประเภทนี้มาก่อน
    หรืออีกความหมายหนึ่ง  มันเป็นสิ่งพื้นฐานสำหรับตำนานทุกสาขาอยู่แล้ว  ที่จะใช้อุปกรณ์รอบตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    แต่มนุษย์ตรงหน้ากลับพูดประหนึ่งว่านี่เป็นความสามารถหายากที่น่าภูมิใจ  ทั้งฟังดูสุดแสนธรรมดาสำหรับมาดรา

    “...เจ้าคงไม่ต้องการเปิดเผยตัวจริงกับเราสินะ  ช่างเถอะ  ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ว่ากัน  เข้าใจได้ว่าไม่อยากเปิดเผยต่อมูลก่อนสู้”
    
    บทสนทนาดำเนินมาถึงจุดสุดท้าย

    “เป้าหมายของเจ้าคือการชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็นไร้ประโยชน์แห่งนี้ใช่ไหม  ถ้าเช่นนั้น  เจ้าก็ต้องเอาชนะเราให้ได้  ในฐานะอัศวินความตาย  คำสั่งที่มิอาจขัดขืนได้คือการขับไล่ผู้บุกรุกทุกคน  เราสองคนมิอาจหลีกเลี่ยงโชคชะตาที่ต้องสู้กัน...”

    บรรยากาศบนเกาะพลันอึมครึมในชั่วพริบตา

    “และสิ่งสุดท้ายที่เราจะบอก...”

    ซู่ววว—

    “ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังมีชีวิต  แต่เราผู้นี้ไม่เคยพ่ายแพ้แก่ผู้ใด...แม้แต่ครั้งเดียว!”

    “…!”

    สุ้มเสียงของมาดรา  ที่เมื่อครู่ยังดังจากด้านหน้า  ถ้อยคำสุดท้ายกลับแว่วข้างหูกริดในระยะใกล้ชิด
    ร่างมาดราเบื้องหน้าหายไปแล้ว
    กว่าจะรู้ตัว...
    
[ ท่านได้รับความเสียหาย 11,200 หน่วย ]

    “อั่ก…!”

    ชายหนุ่มถูกฟันเฉือนข้างลำตัว
    อัศวินความตายมาดราได้สำแดงทักษะเคลื่อนที่ซึ่งสุดยอดไม่แพ้ยังบันการัม
    ชายผู้ไม่เคยพ่าย  ราชาไร้พ่ายที่แม้จะตายไปแล้ว  แต่ฝีมือยังเก่งกาจพอจะเป็นบอสใหญ่แห่งหมู่เกาะเบเฮ็น
    เขาอ่อนแอลงหลังจากกลายเป็นอัศวินความตาย  และยิ่งอ่อนแอลงหลังจากแพ็กม่าเสียชีวิต
    ทว่า...    

    “ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน!”

    ซู่ว—

    ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—

    เศษเสี้ยวความยิ่งใหญ่ของมาดรายังคงไหลเหวียนอยู่ในกายาโครงกระดูก
    
    วิชาดาบที่ฟาดฟันได้รวดเร็วกว่าร่ายรำถึงสองเท่า  ร่ายกายกริดถูกมาดราเฉือนทำลายด้วยความเร็ว 40 ครั้งต่อหนึ่งวินาที

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,144
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. โหดไปแล้ว ราชาไร้พ่าย ! กริดเจอศึกหนักแล้ว จะได้พัฒนาฝีมือก็ตอนนี้แหล่ะกริด

    ReplyDelete
  2. 40ครั้งต่อวินาที!โหดเกินไปแล้ว!'ราชาไร้พ่าย'

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00