จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 695



    『 ทันทีที่ชื่อเสียงของกริดโด่งดังขึ้นอีกครั้งจากเหตุการณ์หมู่เกาะเบเฮ็น  ทาง S.A. กรุ๊ปได้ออกประกาศสำคัญเกี่ยวกับงานแข่งนานาชาติหนที่สามทันทีครับ! 』

    『 นับเป็นข่าวที่น่าทึ่งมาก  ด้วยเหตุนี้  ผู้คนจึงลดความสนใจในตัวกริดลงอย่างรวดเร็ว 』

    『 ต้องเป็นการสมคบคิดแน่!!  ต้องไม่ผิดแน่ครับ!  กฏใหม่ที่เพิ่งถูกประกาศออกมา  นับเป็นการตัดกำลังทีมชาติเกาหลีใต้อย่างร้ายแรง!  เกาหลีใต้หมดโอกาสเป็นจ้าวเหรียญทองในทันทีครับ!  ทาง S.A. กรุ๊ปควรมีคำอธิบายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น!! 』

    ณ ร้านสวาปามจกบัลเผ็ดสาขาแฮนัม
    พีคซอร์ดขมวดคิ้วขณะกำลังขบเคี้ยวขาหมูอย่างเอร็ดอร่อย
    เขาฉุนเฉียวกับข่าวใหม่ล่าสุดมาก

    “ไอ้พวก S.A. กรุ๊ปขายชาติ!  เหลือเวลาอีกแค่สามเดือนก่อนจะถึงงานแข่ง  แต่เพิ่งประกาศกฏใหม่เอาป่านนี้เนี่ยนะ!”

    มหกรรมกีฬาโอลิมปิกซึ่งเคยเป็นการแข่งที่ยิ่งใหญ่อยู่คู่กับโลกมานานหลายร้อยปี  
    แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว
    
    ในช่วงแรก  จริงอยู่ที่กีฬาโอลิมปิกนั้นมีกฏไม่สมดุลในตอนต้น 
    แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ภูมิความรู้ที่รวบรวมจากข้อมูลแต่ละปี  ได้ตกผลึกจนกลายเป็นกฏการแข่งที่สมดุลเที่ยงธรรม  ใกล้เคียงคำว่าสมูบณ์แบบ

    ใช่แล้ว  ระบบกฏกติกาของซาทิสฟายเองก็ควรจะสมบูรณ์แบบเฉกเช่นโอลิมปิก
    แต่กระนั้น  กฏในปัจจุบันที่เพิ่งพัฒนามาได้เพียงสองปีก็ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์มาก

    กฏพื้นฐานของการแข่งถูกเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมในทุกปี  ส่งผลให้ผู้เข้าแข่งและผู้ชมต่างสับสนและต้องปรับความเข้าใจใหม่เสมอ

    งานแข่งนานาชาติปีแรก  ชาติที่เข้าร่วมแข่งมีเพียง 17ประกาศ  โดยนักกีฬาแต่ละคนสามารถลงแข่งได้เพียงสามชนิดกีฬา

    กลับกัน  งานแข่งปีที่สองเปิดโอกาสให้มีประเทศเข้าร่วมแข่งทั้งหมด 32 ชาติ  นักกีฬาแต่ละคนจะลงแข่งได้สามประเภทเดี่ยว  และสามประเทศทีม  รวมเป็นหกชนิดกีฬาต่อหนึ่งคน
    
    แต่กฏในปีล่าสุด  งานแข่งนานาชาติหนที่สามซึ่งจะมีขึ้นในอีกสามเดือนให้หลัง  ชาติที่เข้าร่วมมีมากถึง 50 ประเทศ  โดยนักกีฬาแต่ละคนจะลงแข่งได้เพียงสองรายการเท่านั้น  ไม่สนว่าประเภททีมหรือเดี่ยว

    ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชาติเข้าร่วมแข่งซึ่งมากถึง 50 ประเทศ  
    การเพิ่มประเทศเข้าร่วมแข่ง  ย่อมหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพดึงดูดผู้ชม  แถมยังช่วยลดช่องว่างความต่างชั้นของแต่ละประเทศลง  สิ่งนี้นับเป็นผลเชิงบวก

    แต่ปัญหาคือ  นักกีฬาแต่ละคนสามารถเข้าแข่งได้เพียงสองรายการ  ไม่สนว่าเดี่ยวหรือทีม
    
    จ้าวเหรียญทองคงหนีไม่พ้นทีมสหรัฐที่มีสมาชิกแข็งแกร่งจำนวนมากและเป็นผู้เชี่ยวชาญหลากหลายชนิดกีฬา

    กลับกัน  ประเทศที่บอบช้ำที่สุดคงหนีไม่พ้นเกาหลีใต้
    ทำไม?
    คำตอบจะง่ายมากหากลองหาเหตุผลว่าทำไมเกาหลีใต้ถึงทำผลงานได้ดีในการแข่งปีแรกและปีที่สอง
    
    กริด...ชายผู้แบกเหรียญทองเกือบทั้งหมดของทั้งประเทศไว้ตามลำพัง
    การมีตัวตนของกริดส่งผลให้เกาหลีใต้มีอันดับเหรียญทองที่คาดไม่ถึงเสมอ

    แต่ปัจจุบัน  เรื่องเช่นนี้ไปไม่ได้อีกแล้ว

    ไม่ว่ากริดจะยอดเยี่ยมเพียงใด  ต่อให้เขาเอาชนะทุกรายการที่ลงแข่ง  แต่กริดก็คว้าได้มากที่สุดเพียงสองเหรียญทอง

    เกาหลีใต้ที่หวังพึ่งพาแต่กริดจึงเลิกฝันถึงการเป็นจ้าวเหรียญทองไปได้เลย  ไม่แม้แต่จะอยู่อันดับบนของตาราง

    “แถมจำนวนประเภทกีฬาก็ยังมากถึง 20 ชนิด...เฮ่อ”
    
    พีคซอร์ดถอนหายใจหนัก
    เขาเองก็รู้สึกอคติกับ S.A. กรุ๊ปเฉกเช่นคนทั่วไป

    “พวก S.A. กรุ๊ปคงได้ทุนสนับสนุนจากสหรัฐเป็นจำนวนมาก  พวกมันคงต้องการให้สหรัฐเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของซาทิสฟายอย่างไร้ข้อกังขา  จึงมีการเปลี่ยนแปลงกฏครั้งนี้ขึ้น”
    
    “มันผิดที่เกาหลีใต้เอาแต่พึ่งพากริดต่างหาก  พวกนายคว้าเหรียญทองไม่ได้ถ้าไม่มีกริดรึไง?  การที่เกาหลีใต้ไม่สามารถคว้าเหรียญทอง  ความผิดอยู่ที่ตัวนักกีฬาต่างห่าง  คนที่ควรถูกตำหนิคือตัวพวกนายเอง  ไม่ใช่ S.A. กรุ๊ปหรือชาติอื่น”

    สวาปามจกบัลเผ็ดกล่าวไปพลางปรุงมัคกุซูให้พีคซอร์ด

    อันที่จริง  คำพูดของสวาปามจงบัลเผ็ดไม่มีสิ่งใดผิด
    หากมองย้อนกลับไป  การที่เกาหลีใต้มีโอกาสได้อันดับเหนือความคาดหมาย  ทั้งหมดเป็นเพราะกริดมาโดยตลอด
    
    แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า  กฏใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่น่ารังเกียจ  ราวกับหมายจะรังแกเกาหลีใต้เพียงชาติเดียว
    พีคซอร์ดมิอาจยอมรับได้

    “ก็จริงอยู่ที่การพึ่งพาผู้เล่นคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องถูก  แต่มันก็น่าขันที่ผู้จัดการแข่งตัดสินใจเปลี่ยนกฏเพียงเพราะผู้เล่นแค่คนเดียว!  ทั้งที่ในอดีต  ฟุตบอลโลกผูกขาดอยู่เพียงไม่กี่ชาติมาตลอด  บราซิล  เยอรมันนี  อาร์เจนติน่า  แต่ก็ไม่เคยมีการออกกฏเพื่อกลั่นแกล้งนักกีฬาจากชาติดังกล่าว”

    “...เกมกับฟุตบอลไม่เหมือนกัน”

    สวาปามจกบัลเผ็ดส่ายศีรษะเล็กน้อยเมื่อพีคซอร์ดยกตัวอย่างได้ห่วยแตก

    ถึงกระนั้น  พีคซอร์ดยังไม่หยุดพล่าม  เขายังคงบ่นอย่างหัวเสียต่อไป

    “แต่ในมุมกลับ  ทำไมเทควอนโดและอีสปอร์ตถึงมีการปรับกฏิตาเพื่อกลั่นแกล้งผู้เล่นจากเกาหลีใต้อยู่บ่อยครั้ง?  ไร้เหตุผลสิ้นดี!  ทั่วโลกกำลังรวมหัวกลั่นแกล้งเกาหลีใต้อยู่รึไง?”

    “...”

    จะดีจะร้ายอย่างไร  สวาปามจกบัลเผ็ดก็เป็นชาวเกาหลีใต้คนหนึ่ง
    แม้จะไม่เห็นด้วยกับพีคซอร์ด 100% เต็ม  แต่ก็พอเข้าใจหัวอกอยู่หลายส่วน

    ทว่า...
    พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?
    จากการแข่งในสองปีที่ผ่านมา  มีผู้คนมากมายรู้สึกไม่ชอบใจเมื่อเห็นอันดับของเกาหลีใต้ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาเพียงเพราะผู้เล่นแค่คนเดียว  
    สิ่งนี้ไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลย  ทั้งที่ค่าเฉลี่ยของผู้เล่นเกาหลีใต้อยู่ในระดับต่ำ  แต่อันดับกลับสูงจนแซงหน้าชาติอื่นจนหมด
    หากงานแข่งนานาชาติปล่อยให้ผู้เล่นคนเดียวมีอิทธิพลกับการแข่งมากเกินไปเช่นนี้  เกรงว่าสักวันอาจสูญเสียความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับความนิยมเหมือนแต่ก่อน
    กลายเป็นงานแข่งขนาดกลางที่ไม่สลักสำคัญต่อคนทั้งโลกอีกต่อไป

    “พีคซอร์ด  มีบางเรื่องที่นายต้องทำความเข้าใจเสียใหม่  ฉันขอถามหนึ่งข้อ  ถ้านายไม่ใช่ชาวเกาหลีใต้  ถ้านายไม่ใช่เพื่อนกริด  นายจะบ่นแบบนี้รึเปล่า?”

    “...”

    “แม้การแข่งนานาชาติจะเป็นงานยิ่งใหญ่ระดับโลก  แต่กฏของการแข่งยังใหม่มาก  กฏที่สมเหตุสมผลในวันนี้  สักวันมันอาจต้องเปลี่ยนเพื่อให้ทุกสิ่งเข้าสู่สมดุล  กาลเวลาจะช่วยพัฒนาให้กฏเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด  จนผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจ”

    สวาปามจกบัลก่อตั้งบลัดคาร์นิวัลเพื่อหวังผลประโยชน์และความมั่งคั่งส่วนตัว
    จากนิสัยข้างต้น  คำพูดเมื่อครู่จึงไม่สมควรจะออกจากปากเขา

    แต่ในระยะหลัง  สวาปามจกบัลเผ็ดได้เปลี่ยนตัวเองไปมาก  แต่เจ้าตัวไม่เคยรู้สึก

    สิ่งนี้เกิดจากความใกล้ชิดที่มีต่อพีคซอร์ดในทุกสัปดาห์
    
    สวาปามจกบัลเผ็ด  ผู้เคยคิดถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน  บัดนี้กล่าวปลอบใจพีคซอร์ดอย่างสุขุม
    เขาเป็นอีกคนที่ถูกความจริงใจของพีคซอร์ดชำระล้างหัวใจให้กลับมาใสสะอาด

    “เลิกบ่นได้แล้ว  ดื่มโซจูเถอะ”

    สวาปามจกบัลเผ็ดเดินเข้ามารินโซจูใส่แก้วพีคซอร์ด

    พีคซอร์ดโพล่งความรู้สึกที่แท้จริงในใจ

    “สวาปามจกบัลเผ็ด!   ฉันเกลียดคนแบบนายที่สุด!  ผู้คนเอาแต่คิดว่าประเทศเกาหลีใต้เป็นชาติที่อ่อนแอ  แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม...มีแร้งเกอร์ปกปิดตัวตนที่เก่งกาจจำนวนมากเป็นผู้เล่นเกาหลีใต้!  ซึ่งหนึ่งในนั้นกำลังยืนอยู่ที่นี่!  นายยังไงล่ะ!”

    “...”
    
    “หากแร้งเกอร์ปกปิดตัวตนอย่างพวกนายตัดสินใจยอมช่วยเหลือประเทศชาติ  เกาหลีใต้ก็คงไม่ต้องถูกทุกคนดูแคลนอยู่เช่นนี้!  เกาหลีใต้จะมีชื่อเสียงและโด่งดังไม่แพ้สหรัฐ  หรือแคนาดาเลยสักนิด!  ประชาชนในชาติก็จะมีความสุข!  แต่ความจริงคืออะไร?  จากบรรดาผู้เล่นที่แข็งแกร่งทั้งหมด  มีเพียงกริดและยูร่าเท่านั้นที่ยอมเสียสละเพื่อชาติ!”

    พีคซอร์ดยังคงกล่าวโทษตัวเองที่เคยปฏิเสธการลงแข่งในปีแรก
    
    เหตุใดเขาถึงไม่ลงแข่งตอนนั้น?
    พีคซอร์ดไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถและจุดอ่อนให้โลกรู้  เขาเอาแต่หลอกตัวเองว่า ‘ต่อให้เราลงแข่งด้วย...แต่ผลก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง’

    กลับกัน  กริดและยูร่ายอมรับผลกระทบที่จะตามมา  พวกเขาลงแข่งในนามประเทศอย่างภาคภูมิ

    พีคซอร์ดโทษตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้

    โดยเฉพาะกริด  ชายคนนี้มีคลาสเกรดเลเจนดารีแสนหายากที่จะยิ่งแข็งแกร่งหากปกปิดเป็นความลับไว้ให้นานที่สุด  แต่กริดกลับเสียสละตัวเอง  ยอมลงแข่งในนามประเทศและถูกทุกคนจับจุดอ่อนได้ในเวลาต่อมา 

    “ฉันหวังว่านายจะไม่ทำในสิ่งที่เสียใจภายหลังเหมือนฉัน  ได้โปรดลงแข่งในปีนี้...ได้โปรดทำให้โลกรู้ว่าเกาหลีใต้ยังมีอัจฉริยะคนอื่นนอกจากกริดและยูร่า  มันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนหากพวกเรากลายเป็นจ้าวเหรียญทองทั้งที่ถูกกฏกติกาใหม่กลั่นแกล้ง!!”

    เมื่อพูดจบ  พีคซอร์ดรีบจัดการอาหารในจานไปเกินกว่าครึ่ง
    
    เขามาที่นี่ด้วยสองเหตุผล  หนึ่งคือสั่งมัคกุซู  และสองคือขอร้องสวาปามจกบัลเผ็ด

    “นายมาที่นี่ทุกสัปดาห์เพื่อชวนฉันเข้าโอเวอร์เกียร์ไม่ใช่รึไง?  แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากให้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ  นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่?”

    สวาปามจกบัลเผ็ดไม่ต้องการให้พีคซอร์ดลืมความตั้งใจเดิม
    ด้วยความที่พีคซอร์ดแวะเวียนมาหาทุกสัปดาห์  สวาปามจกบัลเผ็ดจึงมองว่าพีคซอร์ดเป็นเพื่อนดื่มกินที่ดีคนหนึ่ง  มิได้มองเป็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่มีจุดประสงค์ชักชวน

    แน่นอนว่า  เขากำลังเข้าใจผิด
    พีคซอร์ดยังคงไม่ลืมจุดประสงค์ดั้งเดิม
    พีคซอร์ดแค่โลภ…

    “ถ้านายเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์  กิลด์ของเราก็จะยิ่งใหญ่  ถ้านายลงแข่งนานาชาติ  เกาหลีใต้ก็จะยิ่งใหญ่...ฉันต้องการทั้งสอง”

    “...นายต้องการทุกอย่าง  จะไม่โลภไปหน่อยรึไง?”

    “ฉันไม่ได้บังคับนาย  ฉันไม่มีสิทธิ์  การตัดสินใจอยู่ที่ตัวนายเอง  แต่ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน  ฉันก็ยังเป็นเพือนดื่มกับนายทุกสัปดาห์เหมือนเดิม  จกบัลของนายอร่อยมาก”

    “อา...”

    สวาปามจกบัลเผ็ดรินโซจูใส่แก้วพีคซอร์ดเพิ่ม

    ทักษะในการสร้างดันเจี้ยนสามารถพลิกแพลกใช้งานได้หลายรูปแบบ  เขาเองก็เป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งหากต่อสู้ใน ‘สถานที่เฉพาะ’ 
    เฉกเช่นยูร่า  แค็ทซ์  หรือซิวรอน
    
    สวาปามจกบัลเผ็ดดำดิ่งในห้วงความคิดตัวเองเป็นเวลานาน
    
    ***

    “ราชาวีรบุรุษ~  ลัลล้า~  นักสร้างดาบอีโก้~  ลัลล้า~  ฮู้ฮู~”

    “...”

    เป็นที่แน่ชัดแล้ว  กริดคือมนุษย์ที่มีอารมณ์แปรปรวนสุดขั้ว

    ชายที่เอาแต่ก้มหน้าอย่างหดหู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน  ปัจจุบันกำลังเต้นรำอย่างมีความสุขโดยไม่อายสายตาผู้ใด
    สติกส์ได้แต่เฝ้ามองกริดพร้อมเกิดเครื่องหมายคำถามอันใหญ่
    
    ‘ด้วยนิสัยแบบนี้  เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่เขาสามารถเข้าสู่ภาวะไร้ตัวตนขณะต่อสู้และตีเหล็กได้’

    การจะมีสมาธิระดับสูงสุด  สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้คือรู้จักควบคุมอารมณ์และยับยั้งชั่งใจ
    แต่กริดนั้นตรงข้ามโดยสิ้นเชิง  เขารู้สึกเช่นไรก็แสดงออกทันทีโดยไม่ปกปิด  เหมือนกับเด็กน้อย

    สติกส์จึงไม่เข้าใจเลยสักนิด  ว่ากริดสามารถเข้าสู่ภาวะไร้ตัวตนด้วยสภาพจิตใจเช่นนี้ได้อย่างไร
    
    ‘เขาคงพยายามหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า...’

    การปีนยอดเขาสูงด้วยอุปกรณ์ที่ด้อยกว่าผู้อื่น  สิ่งชดเชยย่อมเป็นความอดทนและพลังใจระดับมหาศาล
    กริดสามารถยืนบนจุดสูงสุดทั้งที่เขาปราศจากหัวสมองที่ดี  ย่อมหมายความว่า  ชายคนนี้มีพรสวรรค์ในด้านพากเพียรระดับปีศาจ
    
    สติกส์ยิ้มอย่างอบอุ่นก่อนจะเปิดใช้งานเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่ม

    ***

    “มีจดหมายจากลูบาน่าถูกส่งมาขอรับ”

    “ถึงเวลาแล้วหรือ...”

    ณ กรุงไรน์ฮาร์ท  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์

    ลอเอลเงยหน้าขึ้นท่ามกลางกองเอกสารขนาดมหึมา
    เจ้าของซองจดหมายที่ทหารองครักษ์กำลังถือ  ไม่มีทางเป็นใครอื่นนอกจาก ‘ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย’ 
    ลอเอลคาดเดาเนื้อความได้โดยไม่ต้องเปิดอ่าน

    ‘ขอความร่วมมือในสงครามสินะ’

    เด็กหนุ่มอัจฉริยะผู้นี้ไม่เคยเดาผิด

    บุคคลที่อ้างตัวเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายทำการก่อกบฏที่ลูบาน่า  เขาขอร้องให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คอยลอบโจมตีจักรวรรดิจากด้านหลัง  ขณะที่พวกมันกำลังรุกรานลูบาน่าอย่างหนักหน่วง

    ข่าวลือที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถูกจักรวรรดิคุกคามได้แพร่กระจายออกไปทั่วทวีป  จึงไม่แปลกที่ผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเชื่อว่าโอเวอร์เกียร์จะยอมร่วมมือ

    “แต่เราจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร?”

    ข้อเสนอของผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายคือ...
    ให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ลอบโจมตีจักรวรรดิจากด้านหลังเพื่อดึงดูดความสนใจ

    ลอเอลไม่มีทางตอบตกลง

    เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเป็นใคร  และสถานการณ์ในลูบาน่าเป็นเช่นไร

    ความเสี่ยงมีมากเกินไปสำหรับการลงเรือลำเดียวกัน

    “นึกว่าจะแนะนำตัวเองมาในจดหมาย  แต่กลับยังทำตัวลึกลับจนถึงนาทีสุดท้าย”

    ลอเอลอ่านจดหมายไร้ประโยชน์อย่างถี่ถ้วนก่อนจะเก็บไว้ในช่องสัมภาระ

    ซู่วว—

    พลันเกิดแสงสว่างจ้ากลางห้องทำงานลอเอล  เป็นสติกส์และกริดที่เดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย

    “ว๊ากก!  ตกใจหมด!!”

    ท่ามกลางห้องทำงานที่เงียงสงัด  คนทั้งสองปรากฏกายโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

    หากลอเอลไม่ตกใจคงจะแปลกกว่า
    ลอเอลถึงกับล้มตกเก้าอี้

    กริดเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นแขนพยุง
    
    “ดูไม่ได้เลยนะ  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะพัฒนาได้อย่างไรหากแร้งเกอร์ระดับสูงมีร่างกายอ่อนแอเช่นนี้”

    “...ฉันไม่อยากถูกเรียกว่าแร้งเกอร์ระดับสูงโดยคนที่อยู่อันดับสามของโลกหรอกนะ”

    ลอเอลกล่าวด้วยสีหน้ามีความสุข  เขายื่นแขนออกไปคว้าฝ่ามืออันหยาบกร้านของกริด

    กริดเดินทางไปหมู่เกาะเบเฮ็นได้เพียงสิบวัน  แต่ลอเอลกลับรู้สึกเหมือนนานนับเดือน

    ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
    กริดเปลี่ยนไปเป็นคนละคนภายในระยะเวลาเพียงสิบวัน

    เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นเกือบสิบระดับ  แถมท่าทางยังสุขุมเยือกเย็นกว่าเก่า  ยิ่งไปกว่านั้น  หมอกสีม่วงระยิบระยับรอบกายกริดช่างงดงามเตะตาจูนีเบียวลอเอล  
    ราวมันคือออร่าของเทพ

    กริดคนเก่าหายไป  กลับมาพร้อมกับตัวตนใหม่โดยสิ้นเชิง
    
    “เป็นออร่าที่สุดยอดมาก...ฝ่าบาทปลดผนึกพลังติดตัวจากชาติก่อนสำเร็จแล้วหรือ?”

    “ฮ่าฮ่า!  ดีใจจังที่ได้ยินคำพูดจูนิเบียวของนายอีกครั้ง  คิดถึงชะมัด!”

    กริดเองก็รู้สึกว่ากระแสเวลาไหลผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
    มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นบนหมู่เกาะเบเฮ็น  ทั้งหมดล้วนเป็นความทรงจำอันล้ำค่า
    
    หากนำทุกเหตุการณ์บนเกาะเบเฮ็นมาเรียงร้อยต่อกัน  จะฟังดูเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาหลายเดือนมากกว่าสิบวัน

    “จะไปพบราชินีไอรีนเลยไหม?”

    หลังจากทักทายพอเป็นพิธี  กริดเปิดประตูห้องทำงานลอเอลออก  พร้อมกับหันมากล่าวว่า

    “ยัง...ฉันจะไปหอสมุด”

    กริดโบกหนังสือเล่มเก่าในมือไปมา

    “เอ๋?  เห…!?  หอสมุด!!??”

    ลอเอลไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    สถานที่ซึ่งชื่อว่าหอสมุด...ฟังดูตรงกันข้ามกับกริดโดยสิ้นเชิง
    ลอเอลไม่ได้ว่ายินกริดเคยใช้งานหอสมุดมาก่อน

    “...”

    เหตุใดกริดต้องรีบร้อนไปหอสมุด?  
    ลอเอลรีบหันไปถามสติกส์ที่สุ่มสี่สุ่มห้าเคลื่อนย้ายมิติมายังห้องทำงานคนอื่น

    “ฝ่าบาทยังสติดีอยู่รึเปล่า?   เขาถูกคำสาปของอดีตตำนานเข้าใช่ไหม?”

    “...”

    นั่นสินะ  คงเป็นปรากฏการณ์ระดับปาฏิหาริย์ที่กริดจะอ่านหนังสือสักเล่ม
    สติกส์รู้สึกสงสารที่กริดถูกเข้าใจผิดว่าต้องคำสาปจากอดีตตำนาน  ทั้งที่ชายคนนี้กำลังพยายามพัฒนาตนเองให้สมบูรณ์แบบในทุกด้าน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,149
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ใครกันแน่ละงานนี้ผู้สืบทอดราชาไร่พ่าย100000ทับ

    ReplyDelete
  2. วันนี้ไม่ลงหรอ

    ReplyDelete
  3. กริดสืบทอดพลังของบราฮัมด้วยไม่ได้หรอ555

    ReplyDelete
    Replies
    1. บราฮัมไม่เหมือนคนอื่น ไม่ต้องการใครมาสืบทอดพลัง เพราะบราฮัมคิดว่าตัวเองมีชีวิตยืนยาวไง

      Delete
    2. ก็สืบทอดอยู่นะ กริด ใช้เวทของบราฮัมอยู่ทั้งที่จอมเวทคนอื่นใช้ไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าเป็นเวทของก็ไม่มีใครใช้ได้

      Delete
    3. ไม่ได้สืบทอดครับเรียกว่าได้รับจะดีกว่าเพราะบราฮัมมันให้สูตรเวทย์ครับยิ่งค่าสติปัญญาสูงถึงขั้นๆนึ่งก็จะได้รับสกิลใหม่

      Delete
  4. กริดมันก็อ่านหนังสือนะ
    อย่างตอนสร้างหัตถ์เทวะ กับ 100วิธีพิชิษใจสาว

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00