จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 687
‘แอ็ปเปิ้ล??’
หากดูจากสภาพของโนเอะและแรนดี้ สัญลักษณ์แอ็ปเปิ้ลคงหมายถึงการถูกโพเวีย ‘ล็อคเป้า’
ดูเหมือนแผนจะย่นระยะเข้าหาโพเวียด้วยเคลื่อนที่อิสระโดยไร้รอยขีดข่วนจะกลายเป็นหมันไปเสียแล้ว ทักษะนี้หลบได้เฉพาะการโจมตีที่ไม่ล็อคเป้า
“นักธนูมีทักษะล็อคเป้าไกลขนาดนี้ได้ยังไง…? ขี้โกงฉิบ...! เวทตรวจจับ!”
ซู่ว—
กริดพยายามควานหาตัวโพเวียอย่างสิ้นหวังด้วยเวทตรวจจับ (พัฒนา) ที่เขาหมั่นใช้งานทุกวันอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีเลเวลสาม
ทันใดนั้น เสียงของบราฮัมดังขึ้นจากด้านใน
>> จุดลอบยิงของนักธนูไม่ได้ใกล้ตัวเหมือนนักลอบสังหารหรอกนะ โดยเฉพาะนักธนูในตำนานเช่นเธอ…
กริดเองก็รู้เรื่องนี้ดี เขาเห็นจิสึกะแสดงฝีมือมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เป็นไปตามความคาดหมาย
เวทตรวจจับคว้าน้ำเหลว…
“เฮ่อ...เวทมนตร์ของนายมักไร้ประโยชน์ในช่วงเวลาสำคัญเสมอ”
>> เพราะผู้ใช้งานอ่อนหัดต่างหาก
บราฮัมเชื่อว่า หากเวทตรวจจับมีเลเวลมากกว่านี้สักสองระดับ รับรองว่าโพเวียจะถูกพบตัวแน่นอน
>> นี่คือสาเหตุที่ฉันบอกให้นายหมั่นฝึกฝนเวทมนตร์ มิใช่สร้างกางเกงในผลาญเวลาอย่างไร้ค่า
กว่าพักใหญ่แล้วที่กริดอุทิศตัวให้กับการสร้างกางเกงในมากกว่าฝึกฝนเวทมนตร์
ขณะบราฮัมกำลังถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ฝนธนูห่าใหญ่ได้โปรยลงมาจากท้องฟ้าด้านบน
รวมทั้งหมด 11 ดอก
กริดตอบโต้ด้วยท่าทีสุขุมจนน่าทึ่ง
“หัตถ์เทวะ!”
เริ่มด้วยการใช้หัตถ์เทวะปัดป้องลูกธนูส่วนใหญ่ จากนั้นก็อาศัยความว่องไวส่วนตัวคอยโยกหลบ
นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เลว
ขอเพียงไม่ใช่ทักษะชนิดล็อคเป้า การหลบหลีกก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับกริด จะมาเป็นฝนธนูเช่นนี้ก็ไม่เกี่ยง
แต่น่าเสียดายที่กริดลืมนึกไปว่า ร่างของตนก็ถูกอีโมติค่อนแอ็ปเปิ้ลปรากฏขึ้นเช่นกัน ย่อมหมายความว่า ห่าฝนของโพเวียทั้ง 11 ดอกล้วนเป็นศรชนิดล็อคเป้าทั้งสิ้น นี่คือการโจมตีที่ระบบของซาทิสฟายไม่อนุญาตให้หลบหลีก
ฉึก!
ฉึกฉึก—
มีศรเพียงส่วนน้อยที่หัตถ์เทวะปัดป้องสำเร็จ ส่วนที่เหลือได้พุ่งเสียบปักร่างกริดโดยมิอาจหลบพ้น
“อั่ก…!”
ศรหกดอกสร้างความเสียหายแก่ชายหนุ่มได้มากกว่า 40,000 หน่วย
‘ความรุนแรงขนาดนี้...ไม่ได้คิดพลังป้องกันเลยรึไง?’
เคร้งเคร้ง!
เคร้ง—
หลักจากศรห้านัดถูกบล็อคด้วยหัตถ์เทวะและโล่ กริดรีบหยิบลูกธนูบนพื้นขึ้นมาสำรวจรายละเอียดทันที
ศรยัฟฟ่า...
“กะแล้วเชียว...ว่าทำไมถึงได้เจ็บนัก”
ชายหนุ่มนำโพชั่นพลังชีวิตออกมาดื่ม
สุดยอดโพชั่นที่สร้างจากโรแปรธาตุเรย์ดัน พวกมันมีประสิทธิภาพเพิ่มเลือดในระดับน่าทึ่ง
>> ใจเย็นดีนี่
ป่าดงดิบขนาดใหญ่ที่ปราศจากแสงสว่างจากดวงอาทิตย์
ทิวทัศน์รอบด้านมีเพียงพืชพรรณเขียวชอุ่ม ทั้งงดงามและน่ารำคาญลูกตาในเวลาเดียวกัน ใบไม้เหล่านี้ปกปิดทัศนวิสัยการมองเห็นให้แคบลง แถมยังมีเสียงร้องระงมจากเหล่าแมลงนานาชนิด
สถานการณ์ฝั่งกริดค่อนข้างเสียเปรียบ
ระหว่างกำลังตกที่นั่งลำบาก ฝ่ายศัตรูยังลอบโจมตีเข้ามาด้วยทักษะที่รุนแรง ไม่แปลกเลยที่โอกาสชนะของกริดจะเหลือเพียงริบหรี่
แต่กระนั้น เขากลับยังสุขุมจนน่าทึ่ง
>> มีแผนในใจแล้วหรือ
บราฮัมพยายามข่มน้ำเสียงให้เรียบเฉย ไม่แสดงความอยากรู้อยากเห็นออกนอกหน้า
กริดตอบกลับอย่างมั่นใจ
“ต่อให้โพเวียเป็นนักธนูในตำนาน แต่เธอก็ไม่มีทางยิงทักษะล็อคเป้าได้ต่อเนื่องแน่...ฉันพูดถูกรึเปล่า”
ลองนึกตามสภาพความเป็นจริง
นักธนูที่สามารถยิงฝนศรจำนวนมากจากระยะไกล แถมทั้งหมดยังเป็นการโจมตีชนิดล็อคเป้า นับเป็นอีกหนึ่งทักษะสุดโกงที่ผู้เล่นล้วนต้องการมีไว้ในครอบครอง
เป็นพลังที่สามารถทำลายสมดุลเกมให้ราบคาบในพริบตา
‘ต้องมีระยะหน่วงหลังใช้นานแน่’
หากเธอยังมีชีวิตอยู่ก็อีกเรื่อง
แต่ปัจจุบัน โพเวียคืออัศวินความตาย แน่นอนว่าทักษะจะถูกลดทอนประสิทธิภาพลงหลายส่วน
‘โนเอะกับแรนดี้โดนไปคนละหนึ่ง ส่วนของเราก็ 11 ดอก...รวมทั้งหมด 13 ดอกแล้ว การโจมตีระลอกถัดไปต้องเป็นชนิดไม่ล็อคเป้าแน่’
แต่โดยทั่วไป การโจมตีชนิดไม่ล็อคเป้าจะมีพลังทำลายรุนแรงกว่าทักษะชนิดล็อคเป้ามาก
ยิ่งโจมตีได้รุนแรง ความยุ่งยากในการใช้งานก็ยิ่งมีสูง
‘และนั่นจะถึงเวลาของวันวน’
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
‘จากนั้นก็...’
กริดครุ่นคิดถึงลักษณะพิเศษของวิชาดาบแพ็กม่า ‘วังวน’
มันมีคุณสมบัติในการ ‘สะท้อน’ ทักษะโจมตีของศัตรูกลับไป
หรืออีกความหมายหนึ่ง มันสามารถสะท้อนลูกธนูโพเวียกลับไปหาเจ้าของได้
ชายหนุ่มหวังช่วงชิงโอกาสจากตรงนี้
‘ถ้าเรารีบตามการโจมตีที่วังวนสะท้อนกลับไป...เราก็จะได้พบโพเวีย’
ทักษะสะท้อนการโจมตีสามารถใช้ในการค้นหาตำแหน่งศัตรูได้เช่นกัน
สมองของกริดกำลังประมวลผลอย่างน่าทึ่งในสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้
สิ่งนี้คือพัฒนาการทางธรรมชาติของผู้ที่ดำรงชีวิตด้วยความเสี่ยงตายตลอดเวลา
กริดรู้สึกภูมิใจที่ตนคิดเรื่องนี้ได้ แต่เขาก็มิได้หลงตัวเองจนเกินพอดี
‘หากเป็นครอเกล...เขาคงใช้วังวนตั้งแต่ก่อนจะถูกโจมตี’
ยิ่งกริดพัฒนาฝีมือต่อสู้ เขาก็ยิ่งยอมรับในความสุดยอดของครอเกลเหมือนกับแร้งเกอร์คนอื่น
ช่างย้อนแย้งนัก...
ยิ่งกริดเข้าใกล้ เขาก็ยิ่งรู้สึกห่างไกลจากครอเกลมากขึ้นทุกที
‘...แต่การตระหนักว่าครอเกลมีฝีมือยอดเยี่ยมเพียงใด หมายความว่าเราเองก็เติบโตขึ้นมากแล้ว’
หมับ!
ป่านนี้ครอเกลคงมีความสุขอยู่กับการผจญภัยอยู่ที่ใดสักแห่งบนโลก
กริดฉีกยิ้มพร้อมกับกำดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมในมือแน่น
ซู่ววว—
หนนี้ ศรหนึ่งดอกได้พุ่งลงจากท้องฟ้าด้วยบรรยากาศอันดุดันประหนึ่งอุกกาบาต
แม้จะมีเพียงดอกเดียว แต่ความน่าสะพรึงที่อัดแน่นกลับมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
หากกริดโดนการโจมตีนี้เข้า...บางทีอาจถึงกับต้องใช้งานประกันชีวิตอมตะ
กระนั้น ชายหนุ่มยังคงสงบใจ ไม่แตกตื่นเกินพอดี
กริดรำดาบวังวนเสร็จสิ้นแล้ว รอเพียงประกาศใช้ในจังหวะสมบูรณ์แบบเท่านั้น...
“วังวน!”
ซู่ววววว—
ฝืนป่าสั่นครืนอย่างรุนแรง หมู่แมกไม้โยกเอนตามแรงลม
ศรอุกกาบาตถูกสะท้อนกลับด้วยวิชาดาบวังวนก็จริง แต่อานุภาพความรุนแรงที่แฝงมาได้ทำให้ผิวหนังกริดไหม้เกรียมไปบางส่วน
ชายหนุ่มหยุดรอจังหวะเล็กน้อย
“บิน!”
เขาหยิบยืมพลังรองเท้าบราฮัมเพื่อบินตามด้านหลังศรอุกกาบาตที่กำลังจะกลับสู่จุดเริ่มต้นยิง
‘ตั้งเวลาศรเวท สามวินาที ด้านหน้า’
ซู่ว—
บอลแสงสีขาวปรากฏขึ้นรอบตัวกริดขณะกำลังบินฝ่ายหมูมวลพฤกษา
“ตรงนั้น!”
ในจังหวะที่กริดกำลังร่อนลง เขาได้เห็นอัศวินความตายโพเวียกำลังแอบซุ่มอยู่ระหว่างสองผาชัน
บึ้มมมม—
ศรอุกกาบาตพุ่งเข้าหาโพเวียด้วยความเร็วสูง ตามต่อด้วยศรเวท
และยังไม่จบเพียงเท่านี้
“วิชาดาบแพ็กม่า!”
โพเวียกระโดดหลบศรอุกกาบาตและศรเวทอย่างคล่องแคล่ว แต่กริดอ่านออก เขาเล็งซัดร่ายรำใส่ทิศทางที่เธอหลบกระโดดหลบไป
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—
รัศมีดาบจำนวน 20เส้นพวยพุ่งออกจากปลายดาบยาวที่มีเปลวเพลิงลุกโชนและกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
คลืี่นพลังโจมตีตกกระแทกร่างโพเวียอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้เกิดระเบิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่สองสี สีส้มและสีดำ รวมถึงสายฟ้าสีแดงที่ฟาดผ่าลงมาจากด้านบน
บึ้มบึ้ม—
ครืนนนนน—
ตู้มตู้มตู้มตู้ม—
“…!”
ราวกับกริดคือผู้ที่สามารถเสกภัยพิบัติได้ดั่งใจนึก
โพเวียพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดท่ามกลายภัยธรรมชาติหลากหลาย
ด้วยความคล่องแคล่วของนักธนูในตำนาน ระหว่างนี้โพเวียได้ยิงธนูสวนกลับใส่กริดเป็นระยะ
“พลิ้วไหว! โทสะช่างตีเหล็ก! เคลื่อนที่อิสระ!”
สมาธิของชายหนุ่มกำลังสงบนิ่งจดจ่อไม่ต่างจากตอนตีเหล็ก กริดต้องการชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็นจากก้นบึ้งหัวใจ
แต่นี่ยังไม่ใช่สมาธิสูงสุด
พลังที่แท้ริงของกริดจะถูกระเบิดออกในยามถูกคุกคามอย่างหนัก เฉกเช่นเมื่อครั้งต่อสู้กับครูเกอร์และกิส
เคร้งเคร้ง!
เคร้งเคร้งเคร้ง—
กริดพุ่งฝ่าและปัดทำลายฝนธนูที่โพเวียกระหน่ำยิงสวน จากนั้นก็ฟาดดาบใส่หล่อนด้วยการโจมตีธรรมดา
ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมได้ส่งเสียงคำรามตอบรับความมุ่งมั่นของเจ้านาย มันคือเสียงระเบิดของเปลวเพลิงและสายฟ้า
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 18,900 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 20,730 หน่วย ]
[ ท่านสร้างความ… 22,500 หน่วย ]
[ <เพลิงทมิฬ> แสดงผล ]
บึ้มมมม—
สุดยอดเหนือคำบรรยาย…!
ถัดมาเป็นการรัววิชาดาบแพ็กม่านานาชนิดเข้าใส่ ระหว่างนั้น บัญชาแห่งเทพได้แสดงผลลบล้างทักษะสำคัญ
เป็นชุดการโจมตีที่แม้แต่ราชาไร้พ่ายก็ยังต้องล้มลง
>> แต่แค่นี้จะพอหรือ
บราฮัมเอ่ยปากถามจากที่ใดสักแห่งในร่างกริด
“สุดยอด…!”
สติกส์ผู้เฝ้ามองกริดจากบอลคริสตัล เขากล่าวสรรเสิญกริดอย่างปลาบปลื้มอยู่หลายหน
บึ้มบึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้ม—
โพเวียถึกทนกว่าที่คิด
เธอรอดชีวิตจากมวลมหาระเบิดได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นก็ลงมือยิงตอบโต้ในระยะเผาขน
ศรทุกนัดล้วนทรงพลังจนสามารถดับลมหายใจกริดได้ทุกเมื่อ ยิ่งเป็นการยิงจากระยะใกล้ การหลบหลีกยิ่งยากเป็นเท่าทวี
“ยารุกต์!”
ซู่ววว—
ศรดอกแรก กริดยื้อด้วยแหวนโดรัน
ศรดอกที่สอง กริดยื้อด้วยโพชั่นและการทำงานของพลังทีราเม็ท
ขณะศรดอกสามกระทบร่างและส่งผลให้สมญานามกษัตริย์คนแรกทำงาน กริดรีบสลับดาบโลหิตออกมาถือพร้อมอัญเชิญยารุกต์
อสูรเฒ่าผมขาวปรากฏกายข้างโพเวีย
“ดาบพิสุทธิ์”
ฉัวะฉัวะฉัวะฉัวะ—
“โฮกกกกก”
แข็งแกร่ง...
บราฮัมและสติกส์จ้องมองกริดอย่างชื่นชม
บราฮัมไม่มองว่ากริดเป็นเพียงเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอีกต่อไป
>> อย่างที่คิดไว้...พลังที่สามารถคุกคามได้แม้กระทั่งจอมอสูร
“เมื่อกลายเป็นราชาวีรบุรุษ...เขาสามารถรับมือกับเจ็ดภัยพิบัติได้แน่!”
[ ท่านสังหารอัศวินความตายโพเวีย ผู้พิทักษ์แห่งเกาะหมายเลข 65 ]
[ เกาะหมายเลข 65 ถูกชำระล้าง ]
[ รางวัลบททดสอบ : เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ปลอกมือสำหรับยิงธนูของเผ่าเอลฟ์ (สร้างโดยแพ็กม่า)> ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <สร้อยคอต้นไม้โลก> ]
ซู่วววว—
เสาลำแสงสีขาวพวยพุ่งขึ้นฟ้า มันส่องสว่างเจิดจรัสท่ามกลางป่าดงดิบอันมืดมิด
แสงดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพอันเหนื่อยหอบที่เปี่ยมด้วยเหงื่อไหลของกริด ตามร่างกายและใบหน้ามีบาแผลถูกยิงหลายแห่ง โลหิตกระเซ็นเปรอะเปื้อนเป็นทางยาว
“แฮ่ก...แฮ่ก...เหลือแค่เกาะสุดท้าย”
หมู่เกาะเบเฮ็นเคยมีผู้มาเยือนมากหน้าหลายตา ทั้งสมาชิกโอเวอร์เกียร์ ครอเกล แอ็กนัส ดาเมี่ยน และซีบาล
แต่บัดนี้ มันกำลังจะถูกราชาโอเวอร์เกียร์ชำระล้างให้กลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง
***
[ ปลอกมือสำหรับยิงธนูของเผ่าเอลฟ์ (สร้างโดยแพ็กม่า) ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 100/111
* ความเร็วโจมตีธนู +20% เมื่อสวม
(เผ่าเอลฟ์จะได้รับผลสองเท่า)
* การโจมตีธรรมดาหรือทักษะจะถูกเปลี่ยนให้เป็นการโจมชนิด ‘ล็อคเป้า’ หนึ่งครั้ง ระยะหน่วงสามนาที
(เผ่าเอลฟ์จะลดระยะหน่วงลงครึ่งหนึ่ง)
ปลอกมือที่สร้างให้กับอัศวินความตายโพเวีย เป็นผลงานของแพ็กม่า ช่างตีเหล็กในตำนานและผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับร่างกายของโพเวีย ครึ่งมนุษย์ ครึ่งเอลฟ์
น้ำหนัก : 15
[ สร้อยคอต้นไม้โลก ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 20/22
* เพิ่มพละกำลังและความว่องไว 20% ในดินแดนเอลฟ์
* มานาฟื้นฟูตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น 150% ในดินแดนเอลฟ์
* ความเร็วเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 1.2 เท่าในดินแดนเอลฟ์
ก่อนจะกลายเป็นตำนาน โพเวียคือหญิงสาวที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวลำพัง เธอไม่เป็นที่รักของทั้งมนุษย์และเอลฟ์
สร้อยคอเส้นนี้คือของขวัญจากต้นไม้โลก เพื่อนเพียงคนเดียวในชีวิตเธอ
น้ำหนัก : 50
‘ยอดเยี่ยมจนหมดคำพูด...’
ทุกไอเท็มที่กริดได้รับจากหมู่เกาะเบเฮ็นหลัก 60 ล้วนมีมูลค่าสูงลิบลับ
มันไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขให้ชัดเจนได้เลย
หมู่เกาะเบเฮ็นเป็นราวกับคลังสมบัติล้ำค่าขนาดใหญ่
กริดดีใจที่ตนมาถึงจุดนี้ได้เป็นคนแรก
เขากำลังฉีกยิ้มกว้าง
ทันใดนั้น เสียงของสติกส์ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ฝ่าบาท…! เกาะต่อไปต้องระวังตัวให้มาก...หากกระผมเข้าใจไม่ผิด ราชาไร้พ่ายมาดราจะต้องมีสติสัมปชัญญะสมัยเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่แน่”
“สติสัมปชัญญะ?”
บนเกาะหมายเลข 65 ที่ถูกชำระล้าง
เพื่อที่จะเคลียทั้ง 66 เกาะให้จงได้ กริดจึงไม่คิดประมาทและจดจำคำเตือนของสติกส์ไว้หนักแน่น
“ทำไมอัศวินความตายถึงยังมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ”
“ซากศพที่เปี่ยมด้วยแรงอาฆาตและความทรงจำสมัยยังมีชีวิต ด้วยวัตถุดิบเช่นนี้ แพ็กม่าสามารถสร้างอัศวินความตายหรือลิชที่มีสติสัมปชัญญะได้...ความทรงจำอันเข้มข้นที่ตกค้างอยู่ในซากศพคือแรงขับเคลื่อนให้ร่างกายขยับตามใจนึก”
“แรงอาฆาต…? ราชาไร้พ่ายมีสิ่งใดให้ต้องเสียใจด้วยหรือ ในมือไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใด เขาก็น่าจะจากโลกนี้อย่างมีความสุขไม่ใช่รึไง”
>> มาดราไม่ได้ตายอย่างมีความสุข เขาถูกบุตรชายตนสังหาร
“...”
>> คุคุ แม้ฉันเองก็เคยถูกเพื่อนรักทรยศมาบ้าง แต่ไม่รุนแรงเท่ากรณีของมาดราหรอกนะ
“...”
กริดเริ่มคิดว่า เนื้อหาในซาทิสฟายถูกแต่งได้หดหู่ยิ่งกว่าละครย้อนยุคร่วมสมัยเสียอีก มันไม่เหมาะกับการเป็นเกมเกาหลีใต้สำหรับการผ่อนคลายเลยสักนิด
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,143
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
มาดรา ชายผู้ที่ไม่สยบต่อผู้ใด
ReplyDeleteต้องให้นารูโตะมาเป็นไลฟ์โค้ช
ReplyDeleteผมที่อ่านมาดราเป็นมาดาระ
ReplyDelete555ถ้าเป็นมาดาระกริดคงไม่มีทางชนะ
Delete