จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 12

       ถ้าไม่ใช่ตอนนี้  ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมปาร์ตี้ปราบมอนสเตอร์บอส 'ผู้พิทักษ์แห่งพงไพร' อีกตอนไหน

       "ให้ผมเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยคนสิ"

       การเข้าร่วมปาร์ตี้ในครั้งนี้นับว่าสำคัญมาก    เราจะต้องเอาชีวิตรอดไปจนถึงตอนที่สังหารผู้พิทักษ์แห่งพงไพรและแย่งแร่โอริชาลคั่มมาให้ได้มากที่สุด    เราไม่สนว่าคนอื่นจะเป็นตายร้ายดียังไง

       'ยังไงซะ  ถึงตายไปเลเวลเราก็ไม่ลดอยู่แล้ว'

       แต่ถ้าหากซวยหนักเข้า  เราอาจจะต้องเสียดาบใหญ่แห่งมาม่อนกับเกราะหนักแห่งเมนเกลไปในตอนที่ตาย   ซึ่งนั่นไม่ใช่เลยดีเลย...แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องยอมเสี่ยง  เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โอริชาลคั่มสีน้ำเงิน... 

       เราจ้องมองไปยังโทบันด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความขึงขังจริงจัง

       ...

       โดนจับได้แล้วหรอ?   หรือท่าทีของเรามีพิรุธ?   ทำไมโทบันถึงมองเราด้วยสายตาแบบนี้กันนะ?

       "แกเลเวลอะไร?"

       "อ่าว?  ไหนเมื่อกี้บอกว่ารับทั้งหมดโดยไม่สนใจเลเวลกับคลาส?"     

       "ใช่...ข้าเคยพูดไปแบบนั้นก็จริง   แต่ว่า...มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นนิดหน่อย  ตอนนี้เลยก็กำลังมองหาผู้เล่นที่มีเลเวล 120 ขึ้นไป   ถ้าเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์หรือจอมเวทย์ธาตุจะดีมาก    ก็อย่างที่แกรู้   ร่างกายของผู้พิทักษ์แห่งพงไพรห่อหุ้มด้วยแร่ที่แข็งแกร่ง   การโจมตีทางกายภาพทำอะไรมันไม่ได้หรอก"

       โทบันจ้องมองดาบของเราด้วยสายตาดูแคลน  สีหน้าของมันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการรับเราเข้าปาร์ตี้

       'ก็หมอนี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่รึไง?   ว่ารับทุกคนโดยไม่สนใจเลเวลและคลาสน่ะ'

       เราจะยอมแพ้แค่นี้หรอ?  ไม่มีทาง  ในเมื่อโอริชาลคั่มสีน้ำเงินกำลังรอเราอยู่   ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าร่วมปาร์ตี้นี้ให้ได้     

       "ได้โปรดรับผมเถอะ  ผมไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาพวกคุณหรอก"

       "แล้วแกเลเวลเท่าไหร่ล่ะ?"

       ในตอนนี้เลเวลของเราติดลบ 3   แต่ด้วยการสวมใส่ดาบใหญ่แห่งมาม่อนกับเกราะหนักแห่งเมนเกล  ทำให้พลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเราจะอยู่ที่ประมาณเลเวล 30   ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ถ้าหากเราบอกไปว่าเลเวล 30    หมอนี่จะต้องถีบส่งเรากลับแน่นอน

       "สะ...สามสิบ...ไม่สิ...ลบ...ไม่ไม่...บวกหนึ่งร้อย"

       "สามสิบลบบวกหนึ่งร้อย?  อะไรของแกวะ?"

       "ปะ...เปล่า...หมายถึง...เลเวล 100 น่ะ"

       ปัจจุบันเรามีเลเวล -3 ก็จริง  แต่ตอนก่อนหน้าที่จะทำภารกิจลับของอัชเชอร์   เลเวลของเราก็ใกล้เคียงกับ 100 อยู่นะ    ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองเสี่ยงดู   ถ้าได้เข้าปาร์ตี้ล่ะก็   เราจะไม่ร่วมสู้แนวหน้าแน่นอน   จะคอยเดินตามหลังไปโดยไม่ส่งเสียงดัง...เหมือนกับหนูตายตัวนึงเท่านั้น

       'ถ้าหากเราระวังตัวดีพอ  พวกมันไม่มีทางรู้เลเวลที่แท้จริงของเราแน่'

       โทบันยังคงแสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมาให้เห็น

       "อาวุธหลักคือดาบใหญ่งั้นหรอ?   แต่ข้าดูแล้วมันมีเลเวลประมาณ 65 เท่านั้น   ต่อให้มันถึงเป็นอาวุธระดับอีปิกก็เถอะ  แต่จะบอกว่าเลเวล 100 ใช้อาวุธแบบนี้มันก็...แกมีเลเวลถึง 100 จริงรึ?"

       "ก็ใช่น่ะสิ   ดาบใหญ่แห่งมาม่อนของผมเสริมพลังถึงระดับ +5 แล้ว   ผมก็เลยยังใช้มันอยู่จนถึงตอนนี้"

       เราโกหกออกไปด้วยใบหน้าที่แสนสงบนิ่ง

       ไอเท็มส่วนใหญ่ที่ยังเสริมพลังไม่ถึงระดับ +6    รูปลักษณ์ภายนอกจะยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม   ดังนั้นหมอนี่ไม่มีทางรู้แน่ว่าที่จริงแล้วดาบใหญ่แห่งมาม่อนของเรายังคง +0 อยู่

       ถึงจะได้ยินแบบนั้น  แต่โทบันก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้เราเข้าปาร์ตี้แต่โดยดี

       "ต่อให้เป็นดาบใหญ่แห่งมาม่อนที่เสริมพลังระดับ +5 ก็เถอะ  แต่การที่เลเวล 100 ยังใช้ของแบบนี้อยู่มันก็...อีกอย่าง  ไม่ใช่ว่าชุดเกราะของแกมันดูกระจอกไปหน่อยหรอ?   แล้วเกราะส่วนอื่นล่ะ?  รองเท้า  เกราะมือ  เกราะหัว  เครื่องประดับไปไหนหมด?"

       หมอนี่พูดจี้ใจดำชะมัด   ถูกของมัน  เกราะหนักแห่งเมนเกลเป็นชุดเกราะสำหรับผู้เล่นเลเวล 60    ส่วนเกราะหัว  เกราะมือ   รองเท้า  และเครื่องประดับอื่นของเราทั้งหมดได้สูญหายไปแล้วในภารกิจของอัชเชอร์     

       'ไอเท็มที่เราอุตส่าห์ใช้หยาดเหงื่อแรงกายหามาได้อย่างยากลำบาก...'

       รองเท้ากับเกราะมือถูกทำลายไปเพราะความสะเพร่าของเรา   ในตอนนั้นเราละเลยที่จะซ่อมแซ่มพวกมันจนค่าความทนทานกลายเป็น 0    แต่เกราะหัวกับเครื่องประดับนั้นไม่ใช่เลย  เราหมั่นซ่อมพวกมันอยู่บ่อยครั้ง   แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็หลุดออกจากตัวไปในตอนที่เราตาย

       ( ผู้แปล : ไนเกมออนไลน์  ถ้าหากผู้เล่นเสียชีวิต  มีโอกาสเล็กน้อยที่อุปกรณ์สวมใส่ในตัวจะสูญหายไป )

       ในขณะที่เรากำลังรำลึกอดีตอันขมขื่น  โทบันก็จ้องหน้าเราพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย

       เราจึงตัดสินใจพูดออกไปว่า  "ถ้าหากใครก็ตามที่ใช้อาวุธของตนได้อย่างชำนาญมากพอ   การออกล่ามอนสเตอร์ก็ไม่จำเป็นจะต้องสวมใส่เครื่องป้องกับหรือเครื่องประดับเลยซักนิด   อย่างผมเป็นต้น   ตามปรกติแล้วผมจะถอดเกราะตัวนี้ออกในตอนที่ไปล่ามอนสเตอร์"     

       ที่จริง...คำว่า 'ชำนาญ' มันไม่เหมาะกับคนอย่างเราเลยแม้แต่น้อย   ทุกครั้งที่ออกล่าในอดีต   เราจะต้องซดโพชั่นไปเป็นจำนวนมากราวกับดื่มน้ำ     ที่จริงเราเคยเห็นในทีวีมาก่อน  การที่พวกนักล่ามอนสเตอร์ฝีมือดีจะฉวยโอกาสหลบในจังหวะที่มอนสเตอร์โจมตีเข้ามา  แล้วทำการเค้าเตอร์ส่วนกลับไปยังจุดอ่อนจนเกิดเป็นการโจมตีที่รุนแรง   ซึ่งนั่นตรงกันข้ามกับเราอย่างสิ้นเชิง...สิ่งที่เราทำมีเพียงการฟันดาบออกไปอย่างส่งเดช   แล้วคอยซดโพชั่นในตอนที่พลังชีวิตเหลือน้อยเท่านนั้น   นั่นล่ะ  วิธีการล่าในแบบฉบับของเรา

       แต่ในตอนนี้  ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องโม้เหม็นได้ให้มากที่สุด  ไม่อย่างนั้นโทบันคงไม่รับเราเข้าปาร์ตี้แน่นอน   ทว่า...เรากลับพลาดไปถนัด   เพราะลืมดูว่าโทบันนั้นกำลังสวมชุดเกราะและโล่อย่างเต็มอัตราศึกอยู่

       "โฮ่...แกจะบอกว่าพวกที่สวมเกราะหนักแบบข้าเป็นพวกไร้น้ำยาสินะ?"

       ถึงแม้จะกำลังยิ้มออกมา  แต่สายตาของมันที่จ้องมองเรากลับแฝงไว้ด้วยความอำมหิตเย็นชา  โทบันกำลังโกรธอยู่แน่นอน   และสมาชิกปาร์ตี้ของโทบันที่เหลือก็ดูเหมือนไม่พอใจเราเช่นกัน

       "แกพูดเหมือนการสวมเครื่องป้องกันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะ"

       "เฮ้ย...ฟังมันหน่อย   มันไม่ไม่เคยใส่เกราะออกล่าเลยซักครั้งว่ะ...ฮ่าฮ่า"

       "คนสวมเกราะเป็นพวกกระจอกหรอเนี่ย?  เพิ่งจะรู้เลยแฮะ...ถอดเกราะออกล่าบ้างดีมั้ยเรา..."

       ไม่ได้การ  เราต้องทำอะไรซักอย่างกับกลุ่มคนที่กำลังโมโหเหล่านี้  พวกเขาเอาแต่พูดจาประชัดประชันออกมาไม่ยอมหยุด   "ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น   ผมแค่จะบอกว่าทำไมชุดเกราะผมถึงน้อยชิ้นนัก   เพราะพลังป้องกันมันไม่จำเป็นกับผม   ก็เท่านั้นเอง"

       "แล้วมันต่างอะไรกันเล่า?  เลเวลของแกน้อยกว่าข้าซะอีก  แกกำลังบอกว่าข้ากระจอกอยู่นะ!"

       ชายวัยกลางคนที่มีผมเผ้ารุงแรงตะโกนขึ้น   ในมือของเขากำลังถือขวานที่ส่องประกายอยู่สองเล่ม  อุปกรณ์สวมใส่ที่เหลือก็ดูแพงและล้ำค่าเป็นอย่างมาก    ชายคนนี้จะต้องเป็นผู้เล่นชั้นแนวหน้าแน่นอน    ดูเหมือนเขาจะรู้สึกโมโหเรามากที่สุดในกลุ่ม

       "กริดงั้นหรอ?  เพิ่งเคยเห็นว่ะ  แกเคยออกล่าแถวนี้มาก่อนจริงหรอ?   ข้ารู้ดีว่ามอนสเตอร์รอบนอกนี่ดุร้ายมากขนาดไหน   แกกล้ามากนะที่พูดว่าออกล่าพวกมันโดยไม่ต้องสวมชุดป้องกันน่ะ"

       สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา

       "ดูคำพูดก็รู้แล้ว   ไอ้หมอนี่มันเด็กใหม่แน่นอน"

       "เฮ้ย!  พวกแก   มีใครรู้จักคนชื่อกริดบ้างวะ?"

       "ไม่นะ  ไม่เคยเห็นออกล่าแถวนี้เลย  แกล่ะ?"     

       "ไม่มีทางหรอก   ไอ้หมอนี่โม้เหม็นชะมัด...ข้าว่าเลเวลของมันไม่ถึง 100 หรอก"

       "ดูท่าทางของมันสิ...เหมือนกับพวกที่ชุดเกราะกับเครื่องประดับหลุดหายไปตอนที่ตายยังไงยังงั้น    มันจะต้องอยากเข้าปาร์ตี้ด้วยเจตนาไม่ซื่อแน่   เพราะคนอย่างมันไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้วไงล่ะ..."

       ยิ่งเวลาผ่านไป  บรรยากาศก็ยิ่งแย่ลงทุกขณะ

       'ไอพวกรู้มากเอ้ย!...เราจะทำยังไงดีนะ?   ยอมถอยไปก่อนงั้นหรอ?'

       ในขณะที่เรากำลังสับสน...ชายผมทองที่เปลือยท่อนบนได้เดินเข้ามาพร้อมกับพูดแทรกขึ้น

       "ทุกคนได้โปรดหยุดก่อน"

       ทันทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวออกมา  สมาชิกในปาร์ตี้ต่างก็ตื่นเต้นดีใจอย่างออกนอกหน้าทันที

       "อันดับ 1 แห่งคลาสนักสู้...เรกัส"

       "อุปกรณ์สวมใส่ระดับสูงมีเงื่อนไขที่จุกจิกยุ่งยาก  ดังนั้นผู้เล่นทั่วไปจึงเพิ่มระดับเลเวลได้ยากลำบาก   แต่เขาคนนี้กลับมีเลเวลเกิน 180 ไปแล้ว!"     

       "ชื่อเล่นของเขาคือ  'ปรมาจารย์เทควันโด้'   ไม่รู้จริงรึเปล่านะ...แต่ว่ากันว่าร่างของพวกมอนสเตอร์จะสลายไปทันทีที่ถูกกำปั้นของเขากระแทกเข้า"

       "โว้ว!  เขามาจริงด้วย!  คิดถูกแล้วที่เข้าปาร์ตี้นี้   คลาสนักสู้จะโจมตีแต่จุดอ่อนโดยไม่สนใจพลังป้องกันของศัตรู   ความสามารถที่ว่าจะต้องสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับผู้พิทักษ์แห่งพงไพรได้แน่"

       เรกัสสบตากับเราและเดินเข้ามาหา  "ธรรมชาติของดาบใหญ่จะมีวงการโจมตีที่กว้างและเชื่องช้า   ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากไม่สามารถใช้ดาบใหญ่ไปพร้อมกับการหลบหลีกได้   มันจึงน่าทึ่งมากที่คุณออกล่าโดยไม่พึ่งอุปกรณ์ป้องกันตัวเองเลย"

       เรกัสเป็นผู้ชายที่ดูสง่าผ่าเผยอย่างมาก  ร่างกายสมส่วน  มัดกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ   ด้วยธรรมชาติของคลาสนักสู้   เขาจึงจำเป็นต้องเปลือยร่างกายท่อนบนออก   ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาหญิงสาวในเกมไม่น้อยเลยทีเดียว  แถมพอยิ่งมองดูให้ดีแล้ว  หน้าตาของหมอนี่ก็จัดว่าหล่อเหลาเอาการ   เรากลายเป็นไอ้งั่งทันทีที่ได้ยืนเคียงข้าง

       เราเกลียดไอ้พวกหน้าหล่อเข้าเส้นอยู่แล้ว   จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไร้อารมณ์  "ช่างมันเถอะ   ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก"

       "โฮ่!...ไม่ใช่เรื่องใหญ่งั้นหรอ...คุณทำให้ผมประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมอีกนะเนี่ย   ชักอยากเห็นความสามารถอันน่าทึ่งนั้นซะแล้ว"

       เรกัสหันกลับไปพูดกับคนอื่นว่า  "ให้เขาไปด้วยกันกับเราเถอะ   เพราะยังไงปาร์ตี้นี้ก็ไม่ได้มีการจำกัดเลเวลเอาไว้แต่แรกอยู่แล้ว   ยังมีบางคนที่เลเวลไม่ถึง 90 เลยไม่ใช่หรอ?  ถ้างั้นรับคนเลเวล 100 เพิ่มมาอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"

       "ตะ...แต่ว่า..."

       คนในปาร์ตี้ยังคงแสดงสีหน้าต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด  เรกัสเห็นดังนั้นจึงกล่าวเสริมว่า

       "อย่างที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว   ผู้เล่นที่เลเวลต่ำกว่า 170 จะไม่มีทางทำอะไรบอสผู้พิทักษ์แห่งพงไพรได้   เหตุผลที่ผมรวบรวมผู้คนมาเป็นจำนวนมากโดยไม่เกี่ยงเลเวล  ก็เพื่อต้องการคนมาช่วยรับมือกับมอนสเตอร์ 'โกเล็มคริสตัล' ลูกน้องของผู้พิทักษ์แห่งพงไพร    ส่วนตัวบอสนั้น  สมาชิกกิลด์ของผมทั้ง 17 คนจะจัดการมันเอง   รวมไปถึงโทบันกับแวนท์เนอร์ด้วย   ฉะนั้น  ผมถึงอยากให้คนที่เหลือคอยกันไม่ให้โกเล็มคริสตัลเข้ามารบกวนได้    พวกเราจะได้มุ่งสมาธิไปจัดการกับผู้พิทักษ์แห่งพงไพรได้เต็มที่"     

       "..."

       "ในเมื่อเขาอยากเข้าร่วมกับเรา   ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ   ผมเข้าใจเรื่องที่พวกคุณเคลือบแคลงสงสัยในตัวกริด   แต่เราไม่ควรตัดสินคนจากสิ่งที่เห็นภายนอก...ผมพูดถูกไหม?"

       ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงนั้นมีอิทธิพลอย่างมาก   ทันทีที่เรกัสพูดจบ   บรรยากาศของสมาชิกภายในปาร์ตี้ก็เริ่มยอมรับเรามากขึ้น  แต่ยังคงมีบางส่วนที่รู้สึกคาใจอยู่

       "อย่างน้อย...ข้าก็อยากเห็นทักษะของมันก่อน"

       "ลองให้มันสู้ดูสิ...จะได้รู้ว่าของจริงหรือของปลอม"     

       "มันบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเครื่องป้องกันสินะ?  ถ้างั้นก็ให้มันถอดเกราะออกให้หมด  แล้วค่อยพาไปลงดันเจี้ยน"

       "ข้าจะจับตาดูมันเอง"

       สมาชิกปาร์ตี้ล้วนไม่เป็นมิตรกับเราเลยซักนิด   นี่มันไม่ใช่ปาร์ตี้ล่าบอสผู้พิทักษ์แห่งพงไพรแล้ว  นี่มันปาร์ตี้ล่ากริดอย่างชัดเจน

       'เราอยู่ปาร์ตี้นี้ไม่ได้แน่'

       หากเราไปกับพวกมันตอนนี้  คงไม่พ้นถูกบังคับให้ต้องต่อสู้ต่อหน้าทุกคน    ผู้เล่นที่เลเวลติดลบ 3 อย่างเราคงตายตั้งแต่มอนส์เตอร์ตัวแรกที่ปากทางเข้า    ไม่มีทางได้อยู่จนเห็นผู้พิทักษ์แห่งพงไพรแน่   ลืมเรื่องโอริชาลคั่มสีน้ำเงินไปได้เลย   เราคงได้กลายเป็นตัวตลกและขี้ปากของเจ้าพวกนี้ไปอีกนาน

       "งั้นก็ไม่เป็นไร  ผมไม่ไปก็ได้"  เราพูดพร้อมกับเดินถอยหลังกลับมาอย่างไม่แยแส    ชายวัยกลางคนที่เผาเผ้ารุงรังผู้นั้นได้หัวเราะขึ้นอย่างสะใจ

       "ฮ่าฮ่า...ที่แท้แกมันก็ไอ้ขี้โม้!"

       เป็นนิสัยที่แย่ชะมัด!  แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรผิด  เราจึงไม่รู้สึกโมโหอะไร

       "การที่ต้องร่วมปาร์ตี้กับพรรคพวกที่ไม่เชื่อใจ...มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหรอกนะ"  เราสวนกลับไปอย่างเย็นชา

       แต่ครั้งนี้เราเองก็พูดไม่ผิด  สำหรับปาร์ตี้ทั่วไปแล้ว  การเชื่อใจในตัวพรรคพวกนั้นสำคัญอย่างมาก   เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำแตกต่างกันไป  ถ้าเกิดไม่เชื่อใจกัน  แล้วจะไว้วางใจให้ทำหน้าที่เหล่านั้นได้อย่างไร? 

       ทุกคนที่ได้ยินเข้าคงสะอึกไม่น้อย...

       "อืม...นั่นก็จริง"

       "พอมาลองคิดดูให้ดีแล้ว...พวกเราคงตื่นเต้นมากไปหน่อย   เลยกดดันหมอนั่นจนเกินไป"

       "ใช่แล้ว   ตัวข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรจริงหรือไม่จริง  แต่ข้าก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร"

       "นั่นสินะ  ไม่ใช่ว่าพวกเราทำไม่ดีกับหมอนั่นหรอกหรอ?   เริ่มรู้สึกแย่ซะแล้วสิ"

       เราตัดสินใจเดินออกมาโดยไม่ใส่ใจกับพวกมันอีก   แต่เรกัสก็ยังคงเดินตามมาไม่ห่าง

       "มีอะไรอีก?"

       ท่าทีของเราเย็นชาและไร้มารยาทเป็นที่สุด  แต่ถึงกระนั้นเรกัสก็ยังยื่นมือออกมาเพื่อหวังจะจับมือกับเรา

       "หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกนะ...เด็กหนุ่มนักรบที่ไม่สวมชุดเกราะ    สำหรับคนที่เดินทางสายบู๊มาทั้งชีวิตอย่างผม...คนแบบคุณนับว่าน่าสนใจมากทีเดียว"

       แววตาของหมอนี่ไม่ได้พูดเล่น  เขาชื่นชมเราจากใจจริง

       เรายื่นมือออกไปจับด้วยพร้อมกับคิดในใจว่า 'ทำไมถึงได้สุภาพนักนะ?'

       เขาเป็นคนดีคนนึงอย่างไม่ต้องสงสัย  ถ้าหากคราวหน้ามีโอกาสล่ะก็  เราจะต้องทำความรู้จักเป็นเพื่อนกับเขาไว้ให้ได้...เผื่อว่าซักวันจะได้หยิบยืมเงินมาใช้หนี้บ้าง

       "แล้วเจอกัน"     

       'ไว้เจอกันคราวหน้าจะขอยืมเงินนะ...'

       เราบอกลาเรกัสพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย   หลังจากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังโรงตีเหล็กที่ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านทันที





จ้าวแห่งยุทธภัณธ์  ตอนที่ 12 - จบตอน

Comments

  1. ดีนะที่ถอนตัวทัน กลับไปฟาร์มที่โรงเหล็กน่ะดีแล้ว ไว้พอของหนา เงินอู้ฟู่ ค่อยไปตบแก้แค้นก็ยังไม่สายฮะ

    ReplyDelete
  2. พระเอกดูโง่ดี

    ReplyDelete
  3. งงกับพระเอกกูจังวะ

    ReplyDelete
  4. อะไรกันหว่า อะไรกันเหวย ดูเห่ยชอบกล เริ่มต้นได้แย่(มาก)

    ReplyDelete
  5. พระเอก เอาซักทางดิ๊วะ จะโง่ จะบื้อ จะเซ่อ หรือจะฉลาด เอาซักอย่าง กุตามไม่ทันเว้ย...

    ReplyDelete
  6. สกิลระดับรีเจ้นไม่ได้ช่วยมึงเลยไหนความทะนง เยือกเย็น ถุ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สัสเปลืองน้ำลายกูเปล่าๆ

    ReplyDelete
  7. ทนอ่าน รีรีดอีกสักพักก็จะสนุกแล้ว ตอนนี้ปวดตับไปก่อน

    ReplyDelete
  8. เห็นมีแต่คนบอกสนุกทนอ่านซีกพัก พอหันกับไปดูคอมเม้นดีๆ ...ประมาณตอน90ขึ้นถึงจะสนุก...คนแต่งมึงแต่งเหี้ยไรเนี่ยให้พ่อมึฃอ่านเถอะ

    ReplyDelete
  9. หาซื้อใบวาปไปเมืองเริมต้นไม่ได้เรอะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. เกมนี้ไม่น่าจะมีใบวาปมีแต่สกิลวาป

      Delete
  10. โว้ยยยอึดอัดจริงๆด้วย
    แต่ฝืนอ่านต่อไปคนแปลบอกตอน90+จะดีขึ้น
    นี่ถ้าเทพวีดได้คลาสนี้น่ะเทพวีดเป็น GM ตั้งแต่ได้มาล่ะ
    แม่งต่างกับเทพกริดจริงๆ
    ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย55555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00