เจ้าแห่งยุทธภัณฑ์ - ตอนที่ 1
หลังจากการเดินทางอันยาวนานกว่าสามเดือนเต็ม ในที่สุดเราก็สามารถค้นหา 'ถ้ำสุดเขตแดนเหนือ' จนพบ ที่เบื้องหน้าของตัวเรา มีสมบัติยุทธภัณฑ์ล้ำค่ากองเรียงรายกันเป็นภูเขาเลากาสุดลูกหูลูกตา
"โว้วว!!...อะไรกันเนี่ย?"
เหล่ายุทธภัณฑ์สงครามชั้นยอดที่กองอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดต่างมีชื่อไอเท็มเป็นสีเขียว สีเหลือง และสีม่วง ผสมปนเปกันไป หากตัวเราสามารถนำมันกลับไปขายได้แม้เพียงบางส่วน เราก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา! ใจจริงก็อยากนำมันกลับไปทั้งหมดอยู่หรอก แต่คงจะทำเช่นนั้นไม่ได้แน่
( ผู้แปล :สีของชื่อไอเท็มจะเป็นตัวบ่งชี้ระดับและความหายากของไอเท็ม )
[ ท่านไม่สามารถหยิบสิ่งของชิ้นนี้ได้ ]
"บัดซบ!"
ทั้งๆ ที่สิ่งของล้ำค่าวางกองเรียงรายอยู่ตรงหน้าเราแท้ๆ แต่กลับมิอาจนำมันกลับไปได้เลยสักชิ้น! ทันทีที่เราพยายามหยิบมันใส่กระเป๋า สิ่งของเหล่านั้นจะถูกส่งกลับไปยังจุดเดิมอย่างรวดเร็ว นี่มันมิต่างอะไรกับวิมานในอากาศ มิต่างอะไรกับสาวงามที่แต่งงานไปแล้ว ไม่สิ สาวงามที่แต่งงานไปแล้วยังต่างจากวิมานในอากาศอยู่บ้าง อย่างน้อย สาวงามที่แต่งงานแล้วยังนับว่ามีโอกาสได้มาครอบครองอยู่...ถ้าหากมีความพยายามมากพอ
สุดท้าย ตัวเราก็ทำได้เพียงจ้องมองพวกมันด้วยความนึกเสียดาย
'นั่นสินะ...ถ้าหากมีผู้เล่นคนใดสามารถนำของพวกนี้กลับไปขายได้ล่ะก็ ระบบเศรษฐกิจในเกม 'ซาทิสฟาย' ก็คงถูกทำลายจนป่นปี้เละเทะกันพอดี แม้จะโชคไม่ดีเอาซะเลย แต่ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้อยู่'
เดิมที ตัวเราก็มิได้หวังจะมานำไอเท็มเหล่านี้กลับไปอยู่แล้ว เราจึงได้ตัดใจจากมันและพยายามตั้งสติเพื่อเบนความสนใจออกจากกองสมบัติที่อยู่ตรงหน้า
เพียงชำเลืองสายตา ก็ต้องเหลือบไปเห็นโต๊ะสีทองอร่ามตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ ด้านบนโต๊ะมีหนังสือโทรมๆ ถูกวางเอาไว้จำนวนหนึ่งเล่ม
"ในที่สุด..."
ภาพของความยากลำบากตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดถูกย้อนกลับมาฉายใหม่ในหัวสมองอีกครั้ง ความปีติยินดีมีมากเสียจนทำให้เราต้องหลั่งน้ำตาออกมา ขอบคุณสวรรค์ที่กรุณามอบความอดทนและความมุ่งมั่นมาให้ หากไม่แล้ว เราคงไม่มีวันอดทนจนทำภารกิจที่ยากลำบากและโหดร้ายเช่นนี้จนสำเร็จได้ การได้บรรลุภารกิจดังกล่าว ทำให้ตัวเรารู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อยเลยทีเดียว
"คิกคิก..."
"อุวะฮ่าฮ่าฮ่า!! ในที่สุด...ในที่สุดข้าก็หาพบมันแล้ว!! เยสสสสส!!"
ไอ้ภารกิจระดับ S เฮงซวยนี่...นอกจากจะทำยากแล้ว มันยังไม่ยอมให้ยกเลิกกลางคันอีกด้วย! นับตั้งแต่เริ่มเควสต์จนมาถึงตอนนี้ เราได้ตายไปกี่ครั้งกันแล้วนะ?
( ผู้แปล : ระดับของภารกิจโดยมากจะเรียงจากง่ายไปยากได้ดังนี้ C < B < A < S < SS < SSS ยิ่งภารกิจที่มีระดับสูง รางวัลตอบแทนก็จะยิ่งดีมากตามไปด้วย )
มีไอเท็มจำนวนไม่น้อยเลย ที่ต้องถูกทำลายไปเพราะความทนทานของพวกมันได้หมดลง...
'ช่างตีเหล็กเผ่ามนุษย์คนแรกที่สามารถบรรลุสุดยอดทักษะจนก้าวข้ามช่างตีเหล็กเผ่าคนแคระไปได้สำเร็จ ในที่สุด แพ็กม่าก็ได้รับทักษะการตีเหล็กในระดับที่ใกล้เคียงกับพระเจ้า!'
ใบหน้าของขุนนางอัชเชอร์ลอยขึ้นมาทันใด มันคือตัวการที่ทำให้เราต้องย่างกรายเข้าไปภายในดินแดนสุดอันตราย ซึ่งถือเป็นนึ่งในห้าดินแดนต้องห้ามแห่งอาณาจักอีเทอนัล
"หากเรานำหนังสือเล่มนี้กลับไปให้มัน สิ่งของตอบแทนภารกิจก็คือดาบสุริยันสินะ? ทันทีที่เราได้ดาบเล่มนั้นมา จะไม่มีใครสามารถมารังแกเราได้อีกอย่างเด็ดขาด! เจ้าพวกระยำทั้งหลาย! ถึงเวลาชดใช้กรรมแล้วว้อย!"
ตัวเราค่อยๆ เอื้อมมือออกไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาด้วยความปีติยินดี
[ ท่านได้รับหนังสือหายากของช่างฝีมือในตำนาน ]
[ มันอยู่ในสภาพที่ไม่ปรกติ ท่านสามารถใช้ไอเท็ม 'ดวงตาแห่งพัลลาเลี่ยน' เพื่อตรวจสอบได้ ]
[ ท่านยืนยันที่จะใช้งานไอเท็มดวงตาแห่งพัลลาเลี่ยนหรือไม่? ]
"หืม...ดวงตาแห่งพัลลาเลี่ยนงั้นรึ? เพียงเพื่อตรวจสอบหนังสือเล่มนี้ จำเป็นจะต้องใช้ไอเท็มที่มีราคาแพงขนาดนั้นเชียวหรือ?"
ในบรรดาไอเท็มที่ใช้ตรวจสอบทั้งหมด ดวงตาแห่งพัลลาเลี่ยนนั้นจัดว่ามีราคาสูงที่สุดในท้องตลาด เมื่อหกเดือนก่อน เราได้ซื้อมันมาโดยบังเอิญเพียงเพราะโชคดีได้พบมันวางขายในราคาที่ถูกมาก ทว่า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตัวเราก็ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้งานมันเลยสักครั้ง
"โอกาสทองแบบนี้ มีหรือที่ข้าจะพลาด..."
แต่ก่อนหน้านั้น ตัวเราได้หยุดพักการตรวจสอบหนังสือเอาไว้ครู่หนึ่ง เพราะจู่ๆ ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า โต๊ะสีทองที่ตั้งเด่นตระหง่านตัวนี้ สามารถนำติดตัวกลับไปขายได้รึไม่
แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด มันก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนเลยสักนิด ทั้งถีบ ทั้งดึง แม้กระทั่งใช้ฟันกัดมันก็ไม่เกิดรอย คงเป็นดังเช่นเดียวกับเหล่ายุทธภัณฑ์อื่นๆ ที่กองรวมกันอยู่ด้านหลัง มันมีไว้เพื่อประดับเท่านั้น มิได้มีไว้ให้ผู้เล่นคนใดนำติดตัวกลับไป
"อา...ระบบที่ดีเกินไปของเกมนี้ ทำให้เราแทบไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลยแฮะ แถมยังต้องเสียสละไอเท็มล้ำค่าไปอีก ทั้งๆ ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยมาตลอดสามเดือนเต็มแท้ๆ"
ตัวเราค่อยๆ ก้มลงไปมองหนังสือเก่าๆ ที่อยู่ในมือ
'ยังไงก็ต้องนำหนังสือเล่มนี้ไปมอบให้กับขุนนางอัชเชอร์นั่นอยู่แล้วนี่หว่า แล้วทำไมข้าถึงต้องเสียไอเท็มล้ำค่าเพื่อตรวจสอบมันอีกด้วยเนี่ย?'
ตัวเราลังเลไม่น้อยก่อนจะตัดสินใจหยิบดวงตาแห่งพัลลาเลี่ยนออกมา เป็นธรรมดาที่จะเกิดความลังเลขึ้น เพราะเราเองก็นึกสงสัยไม่น้อยว่า สิ่งของตอบแทนที่จะได้รับนั้น มันคุ้มค่ากับความทรมานตลอดสามเดือนที่ผ่านมาจริงหรือ
"ตรวจสอบ!"
[ หนังสือหายากแห่งแพ็กม่า ]
ระดับความหายาก : เลเจนดารี
เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเทคนิคลับของแพ็กม่า ช่างตีเหล็กผู้ซึ่งสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปได้ ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ คนผู้นั้นจะกลายเป็นช่างตีเหล็กระดับเลเจนดารี่ในทันที
สิ่งที่จะได้รับหลังจากใช้ : กลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า
เงื่อนไขการใช้งาน : ไม่มี
* หากใช้งาน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเลเวลและค่าสถานะบางส่วน
[ ท่านค้นพบไอเท็มระดับเลเจนดารี! ]
[ ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 500 แต้ม ]
ร่างกายของเรากำลังสั่นระริก...
"นี่มัน...โคตรเจ๋ง!!..."
ไอเท็มระดับเลเจนดารีเชียวนะ! ทันทีที่ค้นพบมัน ค่าเชื่อเสียงของทั้งทวีปก็เพิ่มขึ้นมากถึง 500 แต้ม! โคตรคุ้มเลย! ตามปรกติแล้ว กว่าจะได้ค่าชื่อเสียงในเมืองเล็กๆ สัก 100 แต้ม จำเป็นจะต้องทำภารกิจต่างๆ นาๆ จนแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว
'ค่าชื่อเสียงมันก็ดีอยู่หรอก...แต่ว่า...'
ตัวเราอดไม่ได้ที่จะจ้องมองคำอธิบายของหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด นี่ไม่ใช่ความฝัน
"จะรวยแล้วว้อย!!"
นี่เราไม่ได้กำลังฝันไปใช่มั้ย ตัวเราตื่นเต้นเสียจนหัวใจเต้นดังตึกตัก ในตอนแรกเราคิดว่ามันคงเป็นเพียงแค่หนังสือสกิลธรรมดา แต่กลับกลายเป็นว่า มันคือหนังสือเปลี่ยนคลาสงั้นหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงคลาสระดับเลเจนดารีอีกด้วย! นี่จะต้องเป็นคลาสลับที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
( ผู้แปล : คลาส หมายถึงอาชีพในเกม เช่น นักรบ นักเวทย์ แอสซาซิน )
"แถมเปลี่ยนคลาสได้ทันที ไม่มีเงื่อนไขการใช้งานใดๆ ให้ยุ่งยากปวดหัว..."
หยดน้ำตากำลังไหลรินอาบสองข้างแก้ม ในหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ามีภาระที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยของหนี้ที่ไปยืมชาวบ้านเขามาในทุกๆ เดือน แถมยังต้องเสียเงินไปกับเกม 'ซาทิสฟาย' นี่อีก จนในที่สุดก็ต้องลาออกจากโรงเรียน เพื่อนๆ ในกลุ่มก็ค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน ไอ้พวกศิษย์เก่าที่โรงเรียนต่างก็คอยปรามาสดูถูก ส่วนคนอื่นๆ ก็คงมองว่าเราเป็นเพียงมนุษย์ขี้เกียจคนหนึ่ง...
แผนการในตอนแรกของเรา คือการเล่นเกมเกมซาทิสฟายไปเรื่อยๆ แล้วหาของในเกมไปขายเป็นเงินจริง เพื่อนำมาจ่ายหนี้ จ่ายค่าเล่นเกม จ่ายค่าเทอม ทว่า โลกที่มีชื่อว่า 'ซาทิสฟาย' แห่งนี้ช่างโหดร้ายนัก เงินในเกมหายากแทบลากเลือด อย่าว่าแต่ขายเป็นเงินจริงเลย ลำพังไอเท็มสวมใส่ให้ตัวเองยังไม่มีปัญญาจะหามาใช้
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ความตื่นเต้นยินดีมันกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายเรา
"มันจบแล้ว...ชีวิตที่เปรียบดั่งฝันร้ายของข้า!"
หนังสือเปลี่ยนคลาสระดับเลเจนดารี! หากเรานำมันลงขายในประมูลล่ะก็ ราคาของมันจะต้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านวอนแน่
ไม่สิ มันคือหนังสือที่จะเปลี่ยนคลาสธรรมดา ให้กลายเป็นคลาสลับที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้งหมดสองพันล้านคนเชียวนะ ไม่มีทางที่จะหยุดอยู่แค่สิบล้านวอนแน่ อาจจะถึงร้อยล้านวอนเลยก็เป็นได้ ในที่สุดก็มีวาสนาได้จับเงินก้อนใหญ่กับเขาเสียทีสินะเรา
"อุวะฮ่าฮ่าฮ่า!!"
"แม่! พ่อ! ปลิงที่เอาแต่กินนอนไปวันๆ อย่างข้าทำได้แล้ว!! ได้เวลาเลิกเล่นเกมนี้เสียที แล้วก็ลืมเรื่องหางานทำไปได้เลย! ต่อไปนี้ พ่อแม่ของเราจะไม่ต้องอายข้างบ้านอีกต่อไป! เซฮี...พี่ทำได้แล้วนะ! เธอไม่ต้องอายใครเวลาที่เดินสวนกับพี่บนถนนอีก!"
"เวลาที่พวกเพื่อนจะมาเล่นเกมที่บ้าน เราก็ไม่ต้องหาข้ออ้างอีกแล้ว! จริงสิ...พวกเพื่อนของเรา พวกศิษย์เก่า พวกมันจะไม่มีทางมองว่าเราเป็นไอ้ขี้แพ้อีก! เรากำลังจะรวยเพราะเกม! เราได้ยกระดับฐานะในสังคมขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว วะฮ่าฮ่าฮ่า!!"
ก่อนหน้านี้เราได้กู้เงินมาทั้งหมดสิบล้านวอนเพื่อซื้อแคปซูล ทำให้เราต้องมาคอยจ่ายดอกเบี้ยในทุกๆ เดือน เดือนละหนึ่งแสนวอน
( ผู้แปล : แคปซูล หมายถึงเครื่องที่ให้คนจริงๆ เข้าไปนอนเพื่อที่จะเล่นเกมในโลกเสมือนจริง ในเรื่องนี้ เกมดังกล่าวหมายถึง ซาทิสฟาย )
'อายองยังน่ารักเหมือนเดิมสินะ...'
ตัวเราที่ไม่เคยโผล่หน้าไปไหนเลยในรอบสองปีที่ผ่านมา กำลังจินตนาการถึงตัวเองที่ไปเข้าร่วมงานชุมนุมศิษย์เก่าในครั้งต่อไปด้วยรถหรูนำเข้า ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จอย่างเราไม่มีทางที่จะถูกเมินอีกแน่
ใบหน้าของรักแรก 'อายอง' ได้โผล่ขึ้นมาภายในหัวสมองของเราอย่างรวดเร็ว
"ตัดสินใจแล้ว...ขายแม่งเลย!"
ภารกิจงั้นหรือ? ช่างมันปะไรดิ ในเมื่อรางวัลตอบแทนเป็นเพียงแค่อาวุธระดับอีปิกเท่านั้น ไม่มีทางเทียบได้กับหนังสือระดับเลเจนดารี่เล่มนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ความสัมพันธ์ของข้ากับขุนนางอัชเชอร์นั่นจะลดลงจนมันไม่ยอมมอบภารกิจให้อีก แต่ใครจะไปสนของแบบนั้นกัน ในเมื่อเงินหนึ่งร้อยล้านวอนกำลังรอเราอยู่
"ออกจากเกม!"
ตัวเราตะโกนได้ออกไปอย่างมั่นใจ...แต่ทันใดนั้นเอง
ข้อความจากระบบที่ได้ทำลายความฝันทุกอย่างก็ปรากฏขึ้น
[ ท่านไม่สามารถออกจากเกมได้ในตอนนี้ ]
[ ขุนนางอัชเชอร์ปรากฏตัว ]
"......?"
เหล่าอัศวินนับสิบกระโดดเข้ามาภายในถ้ำโดยที่ตัวเรายังคงอยู่ในอาการตกตะลึง ใบหน้าของขุนนางอัชเชอร์ที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของมันบิดเบี้ยวในทันทีเมื่อได้เห็นใบหน้าอันแสนตื่นกลัวของเรา
"นักเดินทางผู้โง่เขลาเอ๋ย...พวกแกช่างมีนิสัยละโมภเหมือนกันหมดทุกคนจริงๆ..."
[ ภารกิจที่ชื่อว่า 'คำขอร้องอย่างลับๆ ของขุนนางอัชเชอร์' ( S ) ได้เปลี่ยนเป็น 'ความโกรธแค้นของขุนนางอัชเชอร์' ( SS ) ]
[ ภารกิจ : ความโกรธแค้นของขุนนางอัชเชอร์ ]
ระดับความยาก : SS
การที่ขุนนางอัชเชอร์เลือกให้ท่านทำภารกิจ เพราะว่าตัวท่านนั้นดูไม่มีพิษมีภัย ดูโง่เขลาและหลอกใช้ง่ายเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงมอบหมายให้ท่านค้นหาหนังสือหายากแห่งแพ็กม่า โดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริงรึไม่
ขุนนางอัชเชอร์ได้ส่งคนคอยสะกดรอยตามท่านมาโดยตลอด และทั้งหมดได้รีบมายังที่นี่ ในตอนที่ท่านเข้าเดินมายังภายใน 'ถ้ำสุดเขตแดนเหนือ' จนกระทั่งขุนนางอัชเชอร์ได้ประจักษ์อย่างเต็มสองตาในความละโมภของท่าน ที่หวังจะนำหนังสือหายากแห่งแพ็กม่าไปขายแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ยอมส่งมอบภารกิจ เขาจึงไม่มีวันอภัยให้กับท่าน เขาจะสังหารท่านและนำหนังสือหายากแห่งแพ็กม่ากลับไป
* ค่าความสัมพันธ์กับขุนนางอัชเชอร์ลดลง 100 แต้ม
* ด้วยความละโมภของท่าน ชื่อเสียงภายในเมือง 'แพเทรี่ยน' ของท่านจึงกลายเป็น 0
* ค่าความสัมพันธ์กับชาวเมืองแพเทรี่ยนลดลง 40 แต้ม นับแต่นี้ต่อไป ชาวเมืองแพเทรี่ยนจะจ้องมองท่านด้วยสายตาดูแคลนประหนึ่งว่าท่านคือหัวขโมย
เงื่อนไขการสำเร็จภารกิจ : สังหารอัศวินทั้งหมดและขุนนางอัชเชอร์
รางวัลภารกิจ : ได้รับสมญานาม 'ผู้สังหารขุนนาง'
* สมญานาม [ ผู้สังหารขุนนาง ] : ค่าความฉลาดติดลบ 50 แต้ม
* ขุนนางทั้งหมดในอาณาจักรจะจ้องมองท่านด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
* ท่านจะถูกจำกัดขอบเขตของภารกิจที่รับได้
* ค่าความสัมพันธ์กับชาวเมืองทั่วไปเพิ่มขึ้น
* ค่าความสัมพันธ์กับราชวงศ์เพิ่มขึ้น
บทลงโทษเมื่อทำภารกิจล้มเหลว : เลเวลลดลง 2 ระดับ
ท่านจะไม่สามารถเข้าเมืองแพเทรี่ยนได้อีก
ทหารองครักษ์เมืองแพเทรี่ยนจะสังหารท่านทันทีที่พบ
เมืองแพเทรี่ยนคือเมืองเริ่มต้น เป็นเมืองที่ตัวเราเริ่มสร้างตัวละครนี้ขึ้นมา ตั้งแต่เลเวล 1 จนถึงตอนนี้ เราพยายามทำภารกิจภายในเมืองอย่างบ้าคลั่งเพื่อสะสมชื่อเสียงให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้ค่าความสัมพันธ์ของเรากับชาวเมืองอยู่ในระดับสูงสุดจนไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีก
พ่อค้าในเมืองทุกคนจะขายของให้เราถูกกว่าราคาปรกติถึง 20% และสิ่งของใดๆ ก็ตามที่เราขายให้กับพวกเขาก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 15% ด้วย มีชาวเมืองจำนวนไม่น้อยที่จะมอบภารกิจลับให้ทันทีที่เราเข้าไปคุยด้วย ทว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามสั่งสมมาอย่างยากลำบากกำลังจะหายไปในไม่ช้า...ทันทีที่ภารกิจตรงหน้าของไอ้ระยำอัชเชอร์สิ้นสุดลง
โดยไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม...
"บัดซบ..."
เสียงก่นด่าสาปแช่งดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
"ขุนนางอัช...ไม่สิ ไอ้สารเลว! แกมันสารเลวของแท้เลย กล้ามอบภารกิจให้กับข้าทั้งๆ ที่แม้แต่แกเองก็ยังไม่มั่นใจว่าหนังสือเล่มนี้มีอยู่จริงรึเปล่าเนี่ยนะ!! หากหนังสือหายากแห่งแพ็กม่าไม่มีอยู่จริง ความพยายามตลอดสามเดือนของข้าก็คงเป็นหมัน! แกเป็นฝ่ายเล่นตุกติกก่อน! แล้วยังมีหน้ามาทำให้ชื่อเสียงในแพเทรี่ยนของข้าป่นปี้อีกเรอะ? แกมันบัดซบ!!"
ทันทีที่เจ้านายของพวกมันถูกด่าทอ เหล่าอัศวินเลือดร้อนต่างก็รีบชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ขุนนางอัชเชอร์ก็ได้ยกมือเป็นเชิงห้ามเอาไว้ มันจ้องมองตัวเราด้วยสายตาที่เหยียดหยามเย็นชาพร้อมกับกล่าวว่า "แกต่างหากที่เป็นฝ่ายละโมภ ท่าทีโลภมากของแกมันเผยออกมาก่อนที่จะได้รู้ความจริงเสียอีก แล้วยังมีหน้ามาทำเป็นภูมิใจอีกรึ?"
"ข้าเผชิญกับความยากลำบากมาตลอดสามเดือนเต็ม การที่ข้าต้องการสิ่งตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อมันเรียกว่าความละโมภงั้นรึ? แล้วข้าก็ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ!!"
แต่พอพูดจบ ขุนนางระยำมันกลับแสยะยิ้มกลับมาในทันที
"มิใช่ว่าข้าสัญญาจะมอบกระบี่สุริยันเป็นสิ่งตอบแทนรึยังไง? และก็เป็นเจ้าเองที่ยอมรับข้อตกลงภารกิจไปแล้ว แต่กลับต้องมาพูดจาปลิ้นปล้อนเพียงเพราะความโลภ!!"
ตัวเรานั้นมิอาจโต้แย้งคำพูดของมันได้เลย ได้ยืนนิ่งเงียบรอรับชะตากรรมโดยที่ปล่อยให้ขุนนางอัชเชอร์พล่ามต่อไป
"แกมันเป็นพวกน่าสมเพชของแท้เลยล่ะ ยิ่งข้าเฝ้าดู ข้าก็ยิ่งมั่นใจ แต่ขอพูดตามตรง ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่แกสามารถบรรลุภารกิจที่แสนยากลำบากนี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าแกจะสามารถหาถ้ำในตำนานที่ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อนได้สำเร็จ แม้ว่าข้าจำเป็นจะต้องสังหารแกก็ตาม แต่เห็นแก่ความอดทนที่ผ่านมา ข้าจะทำให้แกรู้สึกเจ็บปวดน้อยที่สุดก็แล้วกัน"
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 1 - จบตอน
กดใช้แม่มเลย ท่ายเปลี่ยนคราสเป็น ช่างตีเหล็ก ระดับ รีเจ้น เลเวลท่าลดลงเหลือ 1 *0*
ReplyDeleteสรุปเรื่องเดียวกันไมเนี่ย
ReplyDeleteขอบคุณมากเลยนะคับ
ReplyDeleteระบบเกมเควสคล้ายเรื่องปฏิมากรแสงจันทร์ในตำนานเลย แต่เปิดเรื่องได้งงมากเลย
ReplyDeleteถึงชีวิตจะไม่ลำเค็ญ มุมมองไม่มืดมนเท่า ช่างสลักแสงจันทร์ แต่มันก็คล้ายกันอยู่นะ
ReplyDeleteจะอัพเรื่องใหม่ก็เปิดอีกเรื่องนึงสิคะ. มาอัพมั่วเรื่องกันทำไม จะอ่านหยุนเช่อค่ะ. เอาหยุนเช่อคืนมาค่ะ
ReplyDeleteตกลงไงครับ คือคนละเรื่องหรอครับ
Deleteผู้แปบช่วยเฉลยด้วยครับ....อ่านแบ้ว....มีนเลย
Deleteพล็อตเรื่องคล้ายวีดเลยวุ้ย ไม่รู้จะงกเหมือนกันมั้ย?
ReplyDelete