จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 5

       เป็นภารกิจที่ไม่น่าพิศมัยเท่าไรนัก  แต่ดูของรางวัลนั่นสิ  จะบอกว่าเราไม่สนใจมันเลยงั้นหรือ?   ไม่มีทาง!

       'ผลตอบแทนมันช่าง...'

       หากนำไปแลกเป็นเงินจริง  3,000 ทองจะมีค่าประมาณ 3,600,000 วอน     เทียบเท่าได้กับการที่เราต้องทำงานกรรมกรหามรุ่งหามค่ำตลอด 40 วันเต็ม    แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า 3,000 ทองก็คือ... สมญานาม 'บุตรเขยแห่งเอิร์ล'

       ค่าสถานะทุกอย่าง +20 แต้ม!   ในตอนนี้ตัวเรามีค่าสถานะทั้งหมด 9 ชนิดคือ  ค่าพลังทางกายภาพ,  ความอดทน,  ความว่องไว,  สติปัญญา,  ความชำนาญ,  ความเยือกเย็น,  ความทนทาน,  ความหยิ่งทระนง  และสุดท้าย  วิสัยทัศน์   ถ้าหากนับรวมค่าสถานะชนชั้นสูงที่จะได้รับเพิ่มเข้ามาด้วยแล้ว   ตัวเราก็จะมีทั้งหมด 10 ค่าสถานะ

       ถ้าทุกค่าสถานะที่ว่ามา  แต่ละอย่างถูกเพิ่มเข้าไปอีก 20 แต้มทั้งหมด   นั่นแปลว่าตัวเราจะมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นสูงถึง 200 แต้ม!   

       ตามปรกติแล้ว  ในการเลเวลอัพ 1 ครั้ง  จะได้ค่าสถานะมาทั้งหมด 10 แต้ม   นั่นแปลว่าค่าสถานะ 200 แต้ม  จะเทียบเท่าได้กับ 20 เลเวลเลยทีเดียว...แถมยังได้บุตรสาวคนสวยของท่านเอิร์ลมาเป็นภรรยาด้วยอีก

       'มันน่าสนใจก็จริง...แต่ว่า...'

       เหตุผลที่ค่าตอบแทนภารกิจสูงขนาดนี้  เป็นเพราะมันเป็นถึงภารกิจระดับ S !!

       'คำขอร้องอย่างลับๆ ของเอิร์ลอัชเชอร์เองก็เป็นภารกิจระดับ S เหมือนกันสินะ'

       ในตอนนั้นตัวเรามีเลเวล 79   แต่ก็ยังห่างไกลกับระดับมอนสเตอร์ในภารกิจอยู่มาก    ตัวเราต้องตายไปหลายครั้งหลายครา  จนกระทั่งเลเวลลดลงมาอยู่ที่ 73    แถมในครั้งนั้น   ภารกิจก็ยังให้เวลานานถึงสามเดือนเต็ม

       แต่ตอนนี้เรามีเลเวล -1...ถ้าหากต้องทำภารกิจระดับ S ที่มีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวล่ะก็    มันก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้วไม่ใช่รึไงกัน?

       'ถ้าล้มเหลว...เลเวลจะลดลงไปอีก 2 ระดับ'

       เมื่อคิดว่าตัวละครของเราจะต้องมีเลเวล -3    ร่างกายของเราก็สั่นระริกในทันที 

       'ทำไมภารกิจระดับ S ถึงโผล่ขึ้นมาติดๆ กันได้นะ?'

       ภารกิจระดับ S นั้นนับว่าหายากมากในเกมซาทิสฟาย   แม้แต่ผู้เล่นติดอันดับที่มีเลเวล 200 ขึ้นไป   ตลอดชีวิตของพวกเขา  ภารกิจระดับ S ที่เคยทำนับว่ามีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น...

       แต่ทำไมเอ็นพีซีถึงแจกภารกิจระดับ S ให้กับตัวเราที่มีเลเวล -1 ได้?

       เราพยายามนึกทบทวนคำพูดของโดรันอีกครั้งในหัว:

       'อย่างที่คุณรู้  วิหารยาธานเต็มไปด้วยพลังความมืด  หากเป็นเพียงคนธรรมดา  ไม่มีทางทนอยู่ที่นี่ได้นานโดยไม่รู้สึกกลัวแน่    แต่ผมมองดูคุณอยู่นานแล้ว   นอกจากคุณจะไม่รู้สึกกลัวเลย   คุณยังหัวเราะขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียวอีก   คุณน่ะ...เก่งสุดๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง?'

       มีคำบอกใบ้ซ่อนอยู่ภายในคำพูดเหล่านี้...ดูเหมือนภารกิจนี้คงจะมอบให้กับใครก็ตามที่ยืนอยู่ภายในวิหารยาธานได้โดยไม่ติดสถานะ 'หวาดกลัว'    ต้องขอบคุณสมญานามและค่าสถานะ 'ความเยือกเย็น' ของเรา  ที่ทำให้ตัวละครติดสถานะผิดปรกติได้ยากกว่าชาวบ้านเขา

       จะทำดีมั้ยนะ?

       'ถ้ามันเป็นภารกิจบังคับอีก  เราจะทำยังไงกับมันดี?   ของรางวัลตอบแทนฟังดูยอดเยี่ยมก็จริงอยู่   แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่า...เกมนี้มันอยากให้เรารีบๆ เลิกเล่นไปซะเหลือเกิน'

       เรารีบตอบปฏิเสธไปโดยไม่ลังเล

       "ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้   ไปขอร้องคนอื่นเถอะ"

       [ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]

        ทว่า...แม้เราจะปฏิเสธไปแล้ว  แต่โดรันก็ยังคงตามตื้อไม่เลิก

       "คุณเป็นเพียงคนเดียวที่แตกต่างจากผู้อื่น   ได้โปรดช่วยผมเถอะ   นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตอันมีค่าของคนๆ นึงเลยนะ!"

       [ โดรันรู้สึกสิ้นหวังอย่างสุดขีด...ท่านจะยอมรับทำภารกิจ  เพื่อช่วยโดรันผู้หมดหนทางคนนี้หรือไม่? ]

        ตัวเรายังเอาตัวเองไม่รอดเลย  แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไงเล่า?    เราตัดสินใจตอบปฏิเสธไปเป็นหนที่สอง  "คุณเข้าใจผิดแล้ว   ตัวผมนั้นอ่อนแอและไร้ความสามารถ   ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก   คุณพยายามทำมันด้วยตัวเองเถอะ"

       [ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]

       "อย่างที่คุณรู้...ผู้ศรัทธาแห่งยาธานมีมนต์ดำอันทรงพลังเป็นอาวุธ!   ผมไม่มีทางช่วยคุณหนูได้ตามลำพังแน่!   ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป   ให้ผมได้ยืมพลังของคุณด้วยเถอะ!"

       [ โดรันยังคงตามตื้อขอร้องท่านอย่างสุดความสามารถ  ท่านจะรับทำภารกิจนี้ไหม? ]

       "ผมทำไม่ได้หรอก...ตัวผมอ่อนแออ่อนเกินไป..."     

       [ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]

       "คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว!  คุณไม่รู้หรอ?   ผู้ที่สามารถทนทานต่อสถานะ 'หวาดกลัว' ได้   นับว่าหายากสุดๆ ไปเลยนะ"

       [ โดรันมีแต่ต้องพึงพาท่านเท่านั้น  จะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]

        ในบางครั้ง  เอ็นพีซีก็มักจะดื้อรั้นอย่างที่เห็น   แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจเขาหรอกนะ   เพราะหากโดรันกลับไปมือเปล่า   หัวของเขาจะต้องถูกท่านเอิร์ลอะไรนั่นตัดหลุดออกจากบ่าแน่นอน

       แต่ตัวเราล่ะ?   ถ้าหากล้มเหลว  เลเวลของเราก็ต้องลดลงไปอีกงั้นหรอ?

       ทำไมเราต้องมาซวยเพราะหมอนี่ด้วย?   ตัวเราย่อมสำคัญกว่าคนแปลกหน้าอยู่แล้ว!   อีกอย่าง  เราก็ไม่ได้เก่งกาจพอจะไปช่วยอะไรใครได้ด้วย

       "ได้โปรด...ผมขอร้อง!"

       โดรันคุกเข่าลง

       เราค่อยๆ พิจารณาในตัวเขาทีละนิด    คำพูดทุกคำที่เราพูดออกไป  ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปจนหมด   บางทีเขาอาจจะได้ยิน   เพียงแต่คิดว่าเรากำลังโกหกอยู่

       'มันเจ๋งขนาดนั้นเลยหรอ?  กับการที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเมื่ออยู่ที่วิหารยาธานแห่งนี้   ไม่รู้สิ  เราไม่เคยมาที่นี่มาก่อน  เลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่'

       เราจ้องมองไปยังโดรัน  ก่อนจะอธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น

       "ผมต้องขอโทษจริงๆ  แต่ตัวผมอ่อนแอมาก  ไม่มีทางช่วยอะไรคุณได้หรอก    อย่ามาเสียเวลากับผมเลย   ไปขอร้องให้ท่านเอิร์ลช่วยตรงๆ ดีกว่า"

       [ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]

       "เวลาทุกนาทีมีค่า!   ชีวิตของคุณหนูกำลังตกอยู่ในอันตราย  ผมไม่มีเวลากลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านเอิร์ลอีกแล้ว!   คุณเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยเหลือผมได้ในตอนนี้!   ขอร้องล่ะ!"

       [ โดรันต้องการความช่วยเหลือจากใจจริง   คุณจะรับทำภารกิจนี้รึไม่? ]

       ความอดทนของคนเราย่อมมีขีดจำกัด

       "บอกกี่ครั้งกี่หนไม่ได้ยินรึไง!  ทำไมถึงได้ตามตื้อนัก?   เกะกะลูกตาชิบ   หลีกไป!!"

       "ได้โปรด...ชีวิตของเธออยู่ในกำมือคุณ!"

       "ล้อเล่นกันรึไง?   ไม่มีทาง!  ตูไปล่ะ!"

       เราปฏิเสธภารกิจไปอีกครั้งพร้อมกับหันหน้าหนีโดรันทันที   ภารกิจนี้จะต้องทำให้เราเลเวลลดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย   ดังนั้น  เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงซะ 

       ทว่า...ดูเหมือนร่างกายจะไม่ยอมทำตามใจนึก   ขาของเราไม่สามารถขยับได้เร็วตามที่หัวสมองคิดไว้...

       เพราะในตอนนี้  นำหนักสัมภาระของเรามากเกินกว่า 200%  ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงลดลง 100%

       โดรันเห็นดังนั้นก็เข้าใจผิด  คิดว่าเรายอมใจอ่อน

       "คุณนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ...ที่จริงแล้วก็อยากช่วยผมใช่ไหม..."

       "..."

       "เลิกลังเลแล้วมาช่วยผมเถอะนะ!"

       [ โดรันมีหวังอีกครั้ง  ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]

       "ไม่มีทางโว้ย!!"

       [ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]

       เรารีบเมินและพยายามเร่งฝีเท้าออกมา  แต่ก็เหมือนเดิม  การก้าวเดินของเราเป็นไปอย่างเชื่องช้าดั่งเต่าคลาน   นั่นยิ่งทำให้โดรันเข้าใจผิดไปกันใหญ่

       "บางที  การทีคุณลังเล  คงเป็นเพราะงานของคุณคงยุ่งมากเลยใช่ไหม   แต่ชีวิตคนสำคัญกว่านะ!   ผมขอร้องล่ะ!!"

       "ไม่!  ตูทำไม่ได้หรอก!"

       "อย่าถ่อมตัวไปเลย!   ที่จริง  คุณกำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?   ไม่อย่างนั้นคงออกจากวิหารแห่งนี้ไปนานแล้ว   ไม่มามัวเดินรีรออยู่แบบนี้หรอก!"

       "ตูไม่ได้ลังเลโว้ย!  สัมภาระมันหนัก   เลยทำให้เดินช้าเท่านั้นเอง!!"

       โดรันยังคงเดินตามตื้อเราอย่างไม่เลิกลา  ด้วยความเร็วที่เชื่องช้าดั่งเต่าคลานของเรา   โดรันจึงไล่ตามได้ไม่ยากนัก

       [ ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]

       [ ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]

       [ ท่านจะรับทำ... ]

       'เชี่ยไรวะเนี่ย!!'

       หน้าต่างข้อความระบบเอาแต่เด้งขึ้นมาไม่ยอมหยุด   ไม่ว่าเราจะปฏิเสธไปกี่ครั้งก็ตาม

       'ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!  เราต้องปฏิเสธให้เด็ดขาดไปเลย   แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับมันก็ตาม   ยังไงมันก็ไม่ใช่เอ็นพีซีที่เราอยากจะตีสนิทด้วยอยู่แล้ว   ถึงเป็นศัตรูไปก็คงไม่เสียหายอะไรอยู่ดี'

       เราชักดาบใหญ่แห่งมาม่อนออกมา  สายตาจ้องเขม็งไปที่โดรัน

       "ตูช่วยเอ็งไม่ได้จริงๆ   ถ้าหากยังไม่ยอมถอยออกไปล่ะก็   เตรียมตัวบาดเจ็บได้เลย"

       โดรันชะงักเล็กน้อย   เขาผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับค่อยๆ พูดออกมาว่า

       "ผมอยากให้คุณช่วยจริงๆ นะ..."

       [ โดรันถามเป็นครั้งสุดท้าย   ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]

       เราตอบปฏิเสธไปอีกครั้ง

       ไอ้ข้อความระบบบ้านี่  เมื่อไรมันจะหยุดเด้งเตือนซักที?     

       "ตูไม่ช่วย!  ต่อให้ตูช่วยได้  ตูก็ไม่คิดจะช่วย!!"

       ความตึงเครียดได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ  เราเหวี่ยงดาบใหญ่แห่งม่าม่อนเข้าใส่โดรันด้วยความหงุดหงิดอย่างสุดขีด...

...

       ฉึก!

       "อ๊ากกกก!"     

       ฝ่ามือของเราสัมผัสได้ถึงแรงปะทะ  คมดาบได้ฟันโดนอะไรบางสิ่งอย่างรุนแรง   เกิดเสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นอย่างโหยหวนไปทั่ววิหาร    เราค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปดูที่ปลายดาบ... 

       ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า :  ผู้ศรัทธาแห่งยาธานคนหนึ่งล้มพุบไป  เพราะถูกดาบใหญ่แห่งมาม่อนฟันเข้าที่ลำคออย่างรุนแรง

       ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเราในทันที...

       "ก็เราเล็งไปที่ไอ้บ้าโดรันแล้วนี่นา...ทำไมถึงโดน...ขะ...เขาได้..."

       เราจ้องมองไปที่ศพของผู้ศรัทธาด้วยอาการตกตะลึง  ทันใดนั้นเอง  หน้าต่างข้อความระบบก็เด้งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง   

       [ ท่านกลายเป็นศัตรูกับคนของวิหารยาธาน ]

       [ ท่านจะไม่ได้รับการอวยพรจากเทพยาธานอีกต่อไป ]

       [ ผู้ศรัทธาแห่งยาธานทั้งหมดจะโจมตีท่านทันทีที่พบตัว ]

       บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที  รอบๆ ตัวเราต่างรายล้อมไปด้วยผู้ศรัทธาแห่งยาธานนับสิบคน   โดรันเดินเข้ามาแตะบ่าของเราเบาๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ

       "ขอบคุณมาก!!"

       "เอ๋?"

...

       [ ภารกิจช่วยเหลือบุตรสาวที่น่านับถือของเอิร์ล ]

       ระดับความยาก: S

       บุตรสาวคนเดียวของท่านเอิร์ลสไตมมีนามว่า 'ไอรีน'    เธอเป็นสตรีไร้เดียงสาผู้งดงามและถือพรหมจรรย์     วันหนึ่ง  อาวุโสแห่งวิหารยาธานได้ลักพาตัวเธอไป  เพื่อที่จะประกอบพิธีบูชายัญด้วยเลือดสาวพรหมจรรย์อย่างเธอ

       เงื่อนไขการสำเร็จภารกิจ:  ช่วยเหลือไอรีนให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากรับภารกิจ

       ของรางวัลภารกิจ:  3,000 ทอง   และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้เป็นบุตรเขยของท่านเอิร์ล

...

       สมญานามบุตรเขยแห่งเอิร์ล:   ค่าสถานะชนชั้นสูงจะถูกเปิดใช้,  ค่าสถานะทั้งหมด +20 แต้ม

       หลังจากที่แต่งงานกับบุตรสาวที่น่านับถือของท่านเอิร์ลแล้ว   ผู้คนจำนวนมากจะเคารพนับถือท่านประหนึ่งเป็นวิสเคาท์   อำนาจและชื่อเสียงจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล   ท่านจะได้รับการยกระดับให้อยู่ในชนชั้นขุนนาง     ท่านจะได้รับค่าตอบแทนรายเดือน     ถือเป็นทางลัดในการไต่เต้าขึ้นไปเป็นลอร์ดระดับสูง  หรือไม่ก็ขุนนางระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว

...

       บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว:  เลเวลลดลง 2 ระดับ

       [ ท่านรับทำภารกิจนี้แล้ว ]

...

       "บัดซบ!"

       ด้วยความที่เรากลายเป็นศัตรูกับคนของวิหารยาธาน    ภารกิจ 'ช่วยเหลือบุตรสาวที่น่านับถือของเอิร์ล'  จึงตอบรับไปโดยปริยาย

       "ฮะฮะฮะ..."

       บางคนอาจจะบอกว่าเราไม่โชคดี...ไม่เลย   แบบนี้มันเรียกว่าถูกสาปแช่งแล้ว!!

       'อีกแล้วหรอ...เลเวล -3 งั้นสินะ...'     

       ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซากแบบนี้กัน...หรือว่า  ชาติก่อนเราเคยไปโกงกินประเทศใครเอาไว้?

...

       "ใครมันกล้าทำร้ายผู้ศรัทธาแห่งยาธานกัน!!  ไม่กลัวคำสาปแช่งจากท่านเทพยาธานงั้นรึ?"

       "ท่านเทพยาธานผู้สูงศักดิ์ได้ประจักษ์ต่อของบาปของแกแล้ว!   แกจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป!"

       "บาปกรรมในครั้งนี้  แกจะต้องชดใช้!!"

       เสียงสาปแช่งก่นด่าจากเหล่าผู้ศรัทธาแห่งยาธานดังขึ้นจากทุกทิศทาง   ดวงตาที่เดือดดาลของพวกมัน  กำลังจ้องมองเราด้วยสายตามุ่งร้ายอย่างสุดขีด

       'เราต้องตายที่นี่งั้นหรอ?'

       เหล่าผู้ศรัทธาแห่งยาธานล้วนเป็นจอมเวทย์มืดที่ทรงพลัง   มนต์ดำของพวกมันมีอำนาจในการสาปแช่งรุนแรง  นับเป็นพวกที่รับมือได้ยากที่สุด





จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์  ตอนที่ 4  -  จบตอน

Comments

  1. งานนี้ไม่ขึ้นสวรรค์ก็ลงนรกหมกไหม้ล่ะ
    ไม่สำเร็จเควสอย่างงดงามก็เตรียมเลเวล -3 อย่างภาคภูมิเถอะ!!

    ReplyDelete
  2. ทั้งตอนแค่กดปุ่มแคนเซิล ไม่ชอบการตัดสินใจของตัวละครเกาหลีตรงนี้ ตรรกะมันดูจะงงๆ เลเวล-1กับ-3มันต่างกันตรงไหน เทียบกะรางวัล ท้วมหัว

    ReplyDelete
  3. โคตรซวยยยยย

    ReplyDelete
  4. เอาจริงนะ เวล -3 นี่ดีกว่า -1 อีกเพราะกว่าจะเวลอัพขึ้นมาอีก 2 เวล ได้อีก 20 แต้ม เท่ากับเทียบกับชาวบ้านแล้วจะมีแต้มเยอะกว่าคนอื่นตั้ง 40 แต้ม

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00