จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 5
เป็นภารกิจที่ไม่น่าพิศมัยเท่าไรนัก แต่ดูของรางวัลนั่นสิ จะบอกว่าเราไม่สนใจมันเลยงั้นหรือ? ไม่มีทาง!
'ผลตอบแทนมันช่าง...'
หากนำไปแลกเป็นเงินจริง 3,000 ทองจะมีค่าประมาณ 3,600,000 วอน เทียบเท่าได้กับการที่เราต้องทำงานกรรมกรหามรุ่งหามค่ำตลอด 40 วันเต็ม แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า 3,000 ทองก็คือ... สมญานาม 'บุตรเขยแห่งเอิร์ล'
ค่าสถานะทุกอย่าง +20 แต้ม! ในตอนนี้ตัวเรามีค่าสถานะทั้งหมด 9 ชนิดคือ ค่าพลังทางกายภาพ, ความอดทน, ความว่องไว, สติปัญญา, ความชำนาญ, ความเยือกเย็น, ความทนทาน, ความหยิ่งทระนง และสุดท้าย วิสัยทัศน์ ถ้าหากนับรวมค่าสถานะชนชั้นสูงที่จะได้รับเพิ่มเข้ามาด้วยแล้ว ตัวเราก็จะมีทั้งหมด 10 ค่าสถานะ
ถ้าทุกค่าสถานะที่ว่ามา แต่ละอย่างถูกเพิ่มเข้าไปอีก 20 แต้มทั้งหมด นั่นแปลว่าตัวเราจะมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นสูงถึง 200 แต้ม!
ตามปรกติแล้ว ในการเลเวลอัพ 1 ครั้ง จะได้ค่าสถานะมาทั้งหมด 10 แต้ม นั่นแปลว่าค่าสถานะ 200 แต้ม จะเทียบเท่าได้กับ 20 เลเวลเลยทีเดียว...แถมยังได้บุตรสาวคนสวยของท่านเอิร์ลมาเป็นภรรยาด้วยอีก
'มันน่าสนใจก็จริง...แต่ว่า...'
เหตุผลที่ค่าตอบแทนภารกิจสูงขนาดนี้ เป็นเพราะมันเป็นถึงภารกิจระดับ S !!
'คำขอร้องอย่างลับๆ ของเอิร์ลอัชเชอร์เองก็เป็นภารกิจระดับ S เหมือนกันสินะ'
ในตอนนั้นตัวเรามีเลเวล 79 แต่ก็ยังห่างไกลกับระดับมอนสเตอร์ในภารกิจอยู่มาก ตัวเราต้องตายไปหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งเลเวลลดลงมาอยู่ที่ 73 แถมในครั้งนั้น ภารกิจก็ยังให้เวลานานถึงสามเดือนเต็ม
แต่ตอนนี้เรามีเลเวล -1...ถ้าหากต้องทำภารกิจระดับ S ที่มีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวล่ะก็ มันก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้วไม่ใช่รึไงกัน?
'ถ้าล้มเหลว...เลเวลจะลดลงไปอีก 2 ระดับ'
เมื่อคิดว่าตัวละครของเราจะต้องมีเลเวล -3 ร่างกายของเราก็สั่นระริกในทันที
'ทำไมภารกิจระดับ S ถึงโผล่ขึ้นมาติดๆ กันได้นะ?'
ภารกิจระดับ S นั้นนับว่าหายากมากในเกมซาทิสฟาย แม้แต่ผู้เล่นติดอันดับที่มีเลเวล 200 ขึ้นไป ตลอดชีวิตของพวกเขา ภารกิจระดับ S ที่เคยทำนับว่ามีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น...
แต่ทำไมเอ็นพีซีถึงแจกภารกิจระดับ S ให้กับตัวเราที่มีเลเวล -1 ได้?
เราพยายามนึกทบทวนคำพูดของโดรันอีกครั้งในหัว:
'อย่างที่คุณรู้ วิหารยาธานเต็มไปด้วยพลังความมืด หากเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีทางทนอยู่ที่นี่ได้นานโดยไม่รู้สึกกลัวแน่ แต่ผมมองดูคุณอยู่นานแล้ว นอกจากคุณจะไม่รู้สึกกลัวเลย คุณยังหัวเราะขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียวอีก คุณน่ะ...เก่งสุดๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง?'
มีคำบอกใบ้ซ่อนอยู่ภายในคำพูดเหล่านี้...ดูเหมือนภารกิจนี้คงจะมอบให้กับใครก็ตามที่ยืนอยู่ภายในวิหารยาธานได้โดยไม่ติดสถานะ 'หวาดกลัว' ต้องขอบคุณสมญานามและค่าสถานะ 'ความเยือกเย็น' ของเรา ที่ทำให้ตัวละครติดสถานะผิดปรกติได้ยากกว่าชาวบ้านเขา
จะทำดีมั้ยนะ?
'ถ้ามันเป็นภารกิจบังคับอีก เราจะทำยังไงกับมันดี? ของรางวัลตอบแทนฟังดูยอดเยี่ยมก็จริงอยู่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่า...เกมนี้มันอยากให้เรารีบๆ เลิกเล่นไปซะเหลือเกิน'
เรารีบตอบปฏิเสธไปโดยไม่ลังเล
"ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ ไปขอร้องคนอื่นเถอะ"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
ทว่า...แม้เราจะปฏิเสธไปแล้ว แต่โดรันก็ยังคงตามตื้อไม่เลิก
"คุณเป็นเพียงคนเดียวที่แตกต่างจากผู้อื่น ได้โปรดช่วยผมเถอะ นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตอันมีค่าของคนๆ นึงเลยนะ!"
[ โดรันรู้สึกสิ้นหวังอย่างสุดขีด...ท่านจะยอมรับทำภารกิจ เพื่อช่วยโดรันผู้หมดหนทางคนนี้หรือไม่? ]
ตัวเรายังเอาตัวเองไม่รอดเลย แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไงเล่า? เราตัดสินใจตอบปฏิเสธไปเป็นหนที่สอง "คุณเข้าใจผิดแล้ว ตัวผมนั้นอ่อนแอและไร้ความสามารถ ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก คุณพยายามทำมันด้วยตัวเองเถอะ"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
"อย่างที่คุณรู้...ผู้ศรัทธาแห่งยาธานมีมนต์ดำอันทรงพลังเป็นอาวุธ! ผมไม่มีทางช่วยคุณหนูได้ตามลำพังแน่! ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป ให้ผมได้ยืมพลังของคุณด้วยเถอะ!"
[ โดรันยังคงตามตื้อขอร้องท่านอย่างสุดความสามารถ ท่านจะรับทำภารกิจนี้ไหม? ]
"ผมทำไม่ได้หรอก...ตัวผมอ่อนแออ่อนเกินไป..."
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
"คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว! คุณไม่รู้หรอ? ผู้ที่สามารถทนทานต่อสถานะ 'หวาดกลัว' ได้ นับว่าหายากสุดๆ ไปเลยนะ"
[ โดรันมีแต่ต้องพึงพาท่านเท่านั้น จะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
ในบางครั้ง เอ็นพีซีก็มักจะดื้อรั้นอย่างที่เห็น แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจเขาหรอกนะ เพราะหากโดรันกลับไปมือเปล่า หัวของเขาจะต้องถูกท่านเอิร์ลอะไรนั่นตัดหลุดออกจากบ่าแน่นอน
แต่ตัวเราล่ะ? ถ้าหากล้มเหลว เลเวลของเราก็ต้องลดลงไปอีกงั้นหรอ?
ทำไมเราต้องมาซวยเพราะหมอนี่ด้วย? ตัวเราย่อมสำคัญกว่าคนแปลกหน้าอยู่แล้ว! อีกอย่าง เราก็ไม่ได้เก่งกาจพอจะไปช่วยอะไรใครได้ด้วย
"ได้โปรด...ผมขอร้อง!"
โดรันคุกเข่าลง
เราค่อยๆ พิจารณาในตัวเขาทีละนิด คำพูดทุกคำที่เราพูดออกไป ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปจนหมด บางทีเขาอาจจะได้ยิน เพียงแต่คิดว่าเรากำลังโกหกอยู่
'มันเจ๋งขนาดนั้นเลยหรอ? กับการที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเมื่ออยู่ที่วิหารยาธานแห่งนี้ ไม่รู้สิ เราไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่'
เราจ้องมองไปยังโดรัน ก่อนจะอธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
"ผมต้องขอโทษจริงๆ แต่ตัวผมอ่อนแอมาก ไม่มีทางช่วยอะไรคุณได้หรอก อย่ามาเสียเวลากับผมเลย ไปขอร้องให้ท่านเอิร์ลช่วยตรงๆ ดีกว่า"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
"เวลาทุกนาทีมีค่า! ชีวิตของคุณหนูกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมไม่มีเวลากลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านเอิร์ลอีกแล้ว! คุณเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยเหลือผมได้ในตอนนี้! ขอร้องล่ะ!"
[ โดรันต้องการความช่วยเหลือจากใจจริง คุณจะรับทำภารกิจนี้รึไม่? ]
ความอดทนของคนเราย่อมมีขีดจำกัด
"บอกกี่ครั้งกี่หนไม่ได้ยินรึไง! ทำไมถึงได้ตามตื้อนัก? เกะกะลูกตาชิบ หลีกไป!!"
"ได้โปรด...ชีวิตของเธออยู่ในกำมือคุณ!"
"ล้อเล่นกันรึไง? ไม่มีทาง! ตูไปล่ะ!"
เราปฏิเสธภารกิจไปอีกครั้งพร้อมกับหันหน้าหนีโดรันทันที ภารกิจนี้จะต้องทำให้เราเลเวลลดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้น เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงซะ
ทว่า...ดูเหมือนร่างกายจะไม่ยอมทำตามใจนึก ขาของเราไม่สามารถขยับได้เร็วตามที่หัวสมองคิดไว้...
เพราะในตอนนี้ นำหนักสัมภาระของเรามากเกินกว่า 200% ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงลดลง 100%
โดรันเห็นดังนั้นก็เข้าใจผิด คิดว่าเรายอมใจอ่อน
"คุณนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ...ที่จริงแล้วก็อยากช่วยผมใช่ไหม..."
"..."
"เลิกลังเลแล้วมาช่วยผมเถอะนะ!"
[ โดรันมีหวังอีกครั้ง ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
"ไม่มีทางโว้ย!!"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
เรารีบเมินและพยายามเร่งฝีเท้าออกมา แต่ก็เหมือนเดิม การก้าวเดินของเราเป็นไปอย่างเชื่องช้าดั่งเต่าคลาน นั่นยิ่งทำให้โดรันเข้าใจผิดไปกันใหญ่
"บางที การทีคุณลังเล คงเป็นเพราะงานของคุณคงยุ่งมากเลยใช่ไหม แต่ชีวิตคนสำคัญกว่านะ! ผมขอร้องล่ะ!!"
"ไม่! ตูทำไม่ได้หรอก!"
"อย่าถ่อมตัวไปเลย! ที่จริง คุณกำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? ไม่อย่างนั้นคงออกจากวิหารแห่งนี้ไปนานแล้ว ไม่มามัวเดินรีรออยู่แบบนี้หรอก!"
"ตูไม่ได้ลังเลโว้ย! สัมภาระมันหนัก เลยทำให้เดินช้าเท่านั้นเอง!!"
โดรันยังคงเดินตามตื้อเราอย่างไม่เลิกลา ด้วยความเร็วที่เชื่องช้าดั่งเต่าคลานของเรา โดรันจึงไล่ตามได้ไม่ยากนัก
[ ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
[ ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
[ ท่านจะรับทำ... ]
'เชี่ยไรวะเนี่ย!!'
หน้าต่างข้อความระบบเอาแต่เด้งขึ้นมาไม่ยอมหยุด ไม่ว่าเราจะปฏิเสธไปกี่ครั้งก็ตาม
'ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! เราต้องปฏิเสธให้เด็ดขาดไปเลย แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับมันก็ตาม ยังไงมันก็ไม่ใช่เอ็นพีซีที่เราอยากจะตีสนิทด้วยอยู่แล้ว ถึงเป็นศัตรูไปก็คงไม่เสียหายอะไรอยู่ดี'
เราชักดาบใหญ่แห่งมาม่อนออกมา สายตาจ้องเขม็งไปที่โดรัน
"ตูช่วยเอ็งไม่ได้จริงๆ ถ้าหากยังไม่ยอมถอยออกไปล่ะก็ เตรียมตัวบาดเจ็บได้เลย"
โดรันชะงักเล็กน้อย เขาผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับค่อยๆ พูดออกมาว่า
"ผมอยากให้คุณช่วยจริงๆ นะ..."
[ โดรันถามเป็นครั้งสุดท้าย ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
เราตอบปฏิเสธไปอีกครั้ง
ไอ้ข้อความระบบบ้านี่ เมื่อไรมันจะหยุดเด้งเตือนซักที?
"ตูไม่ช่วย! ต่อให้ตูช่วยได้ ตูก็ไม่คิดจะช่วย!!"
ความตึงเครียดได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เราเหวี่ยงดาบใหญ่แห่งม่าม่อนเข้าใส่โดรันด้วยความหงุดหงิดอย่างสุดขีด...
...
ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
ฝ่ามือของเราสัมผัสได้ถึงแรงปะทะ คมดาบได้ฟันโดนอะไรบางสิ่งอย่างรุนแรง เกิดเสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นอย่างโหยหวนไปทั่ววิหาร เราค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปดูที่ปลายดาบ...
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า : ผู้ศรัทธาแห่งยาธานคนหนึ่งล้มพุบไป เพราะถูกดาบใหญ่แห่งมาม่อนฟันเข้าที่ลำคออย่างรุนแรง
ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเราในทันที...
"ก็เราเล็งไปที่ไอ้บ้าโดรันแล้วนี่นา...ทำไมถึงโดน...ขะ...เขาได้..."
เราจ้องมองไปที่ศพของผู้ศรัทธาด้วยอาการตกตะลึง ทันใดนั้นเอง หน้าต่างข้อความระบบก็เด้งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
[ ท่านกลายเป็นศัตรูกับคนของวิหารยาธาน ]
[ ท่านจะไม่ได้รับการอวยพรจากเทพยาธานอีกต่อไป ]
[ ผู้ศรัทธาแห่งยาธานทั้งหมดจะโจมตีท่านทันทีที่พบตัว ]
บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที รอบๆ ตัวเราต่างรายล้อมไปด้วยผู้ศรัทธาแห่งยาธานนับสิบคน โดรันเดินเข้ามาแตะบ่าของเราเบาๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ
"ขอบคุณมาก!!"
"เอ๋?"
...
[ ภารกิจช่วยเหลือบุตรสาวที่น่านับถือของเอิร์ล ]
ระดับความยาก: S
บุตรสาวคนเดียวของท่านเอิร์ลสไตมมีนามว่า 'ไอรีน' เธอเป็นสตรีไร้เดียงสาผู้งดงามและถือพรหมจรรย์ วันหนึ่ง อาวุโสแห่งวิหารยาธานได้ลักพาตัวเธอไป เพื่อที่จะประกอบพิธีบูชายัญด้วยเลือดสาวพรหมจรรย์อย่างเธอ
เงื่อนไขการสำเร็จภารกิจ: ช่วยเหลือไอรีนให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากรับภารกิจ
ของรางวัลภารกิจ: 3,000 ทอง และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้เป็นบุตรเขยของท่านเอิร์ล
...
สมญานามบุตรเขยแห่งเอิร์ล: ค่าสถานะชนชั้นสูงจะถูกเปิดใช้, ค่าสถานะทั้งหมด +20 แต้ม
หลังจากที่แต่งงานกับบุตรสาวที่น่านับถือของท่านเอิร์ลแล้ว ผู้คนจำนวนมากจะเคารพนับถือท่านประหนึ่งเป็นวิสเคาท์ อำนาจและชื่อเสียงจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล ท่านจะได้รับการยกระดับให้อยู่ในชนชั้นขุนนาง ท่านจะได้รับค่าตอบแทนรายเดือน ถือเป็นทางลัดในการไต่เต้าขึ้นไปเป็นลอร์ดระดับสูง หรือไม่ก็ขุนนางระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว
...
บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว: เลเวลลดลง 2 ระดับ
[ ท่านรับทำภารกิจนี้แล้ว ]
...
"บัดซบ!"
ด้วยความที่เรากลายเป็นศัตรูกับคนของวิหารยาธาน ภารกิจ 'ช่วยเหลือบุตรสาวที่น่านับถือของเอิร์ล' จึงตอบรับไปโดยปริยาย
"ฮะฮะฮะ..."
บางคนอาจจะบอกว่าเราไม่โชคดี...ไม่เลย แบบนี้มันเรียกว่าถูกสาปแช่งแล้ว!!
'อีกแล้วหรอ...เลเวล -3 งั้นสินะ...'
ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซากแบบนี้กัน...หรือว่า ชาติก่อนเราเคยไปโกงกินประเทศใครเอาไว้?
...
"ใครมันกล้าทำร้ายผู้ศรัทธาแห่งยาธานกัน!! ไม่กลัวคำสาปแช่งจากท่านเทพยาธานงั้นรึ?"
"ท่านเทพยาธานผู้สูงศักดิ์ได้ประจักษ์ต่อของบาปของแกแล้ว! แกจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป!"
"บาปกรรมในครั้งนี้ แกจะต้องชดใช้!!"
เสียงสาปแช่งก่นด่าจากเหล่าผู้ศรัทธาแห่งยาธานดังขึ้นจากทุกทิศทาง ดวงตาที่เดือดดาลของพวกมัน กำลังจ้องมองเราด้วยสายตามุ่งร้ายอย่างสุดขีด
'เราต้องตายที่นี่งั้นหรอ?'
เหล่าผู้ศรัทธาแห่งยาธานล้วนเป็นจอมเวทย์มืดที่ทรงพลัง มนต์ดำของพวกมันมีอำนาจในการสาปแช่งรุนแรง นับเป็นพวกที่รับมือได้ยากที่สุด
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 4 - จบตอน
'ผลตอบแทนมันช่าง...'
หากนำไปแลกเป็นเงินจริง 3,000 ทองจะมีค่าประมาณ 3,600,000 วอน เทียบเท่าได้กับการที่เราต้องทำงานกรรมกรหามรุ่งหามค่ำตลอด 40 วันเต็ม แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า 3,000 ทองก็คือ... สมญานาม 'บุตรเขยแห่งเอิร์ล'
ค่าสถานะทุกอย่าง +20 แต้ม! ในตอนนี้ตัวเรามีค่าสถานะทั้งหมด 9 ชนิดคือ ค่าพลังทางกายภาพ, ความอดทน, ความว่องไว, สติปัญญา, ความชำนาญ, ความเยือกเย็น, ความทนทาน, ความหยิ่งทระนง และสุดท้าย วิสัยทัศน์ ถ้าหากนับรวมค่าสถานะชนชั้นสูงที่จะได้รับเพิ่มเข้ามาด้วยแล้ว ตัวเราก็จะมีทั้งหมด 10 ค่าสถานะ
ถ้าทุกค่าสถานะที่ว่ามา แต่ละอย่างถูกเพิ่มเข้าไปอีก 20 แต้มทั้งหมด นั่นแปลว่าตัวเราจะมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นสูงถึง 200 แต้ม!
ตามปรกติแล้ว ในการเลเวลอัพ 1 ครั้ง จะได้ค่าสถานะมาทั้งหมด 10 แต้ม นั่นแปลว่าค่าสถานะ 200 แต้ม จะเทียบเท่าได้กับ 20 เลเวลเลยทีเดียว...แถมยังได้บุตรสาวคนสวยของท่านเอิร์ลมาเป็นภรรยาด้วยอีก
'มันน่าสนใจก็จริง...แต่ว่า...'
เหตุผลที่ค่าตอบแทนภารกิจสูงขนาดนี้ เป็นเพราะมันเป็นถึงภารกิจระดับ S !!
'คำขอร้องอย่างลับๆ ของเอิร์ลอัชเชอร์เองก็เป็นภารกิจระดับ S เหมือนกันสินะ'
ในตอนนั้นตัวเรามีเลเวล 79 แต่ก็ยังห่างไกลกับระดับมอนสเตอร์ในภารกิจอยู่มาก ตัวเราต้องตายไปหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งเลเวลลดลงมาอยู่ที่ 73 แถมในครั้งนั้น ภารกิจก็ยังให้เวลานานถึงสามเดือนเต็ม
แต่ตอนนี้เรามีเลเวล -1...ถ้าหากต้องทำภารกิจระดับ S ที่มีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวล่ะก็ มันก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้วไม่ใช่รึไงกัน?
'ถ้าล้มเหลว...เลเวลจะลดลงไปอีก 2 ระดับ'
เมื่อคิดว่าตัวละครของเราจะต้องมีเลเวล -3 ร่างกายของเราก็สั่นระริกในทันที
'ทำไมภารกิจระดับ S ถึงโผล่ขึ้นมาติดๆ กันได้นะ?'
ภารกิจระดับ S นั้นนับว่าหายากมากในเกมซาทิสฟาย แม้แต่ผู้เล่นติดอันดับที่มีเลเวล 200 ขึ้นไป ตลอดชีวิตของพวกเขา ภารกิจระดับ S ที่เคยทำนับว่ามีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น...
แต่ทำไมเอ็นพีซีถึงแจกภารกิจระดับ S ให้กับตัวเราที่มีเลเวล -1 ได้?
เราพยายามนึกทบทวนคำพูดของโดรันอีกครั้งในหัว:
'อย่างที่คุณรู้ วิหารยาธานเต็มไปด้วยพลังความมืด หากเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีทางทนอยู่ที่นี่ได้นานโดยไม่รู้สึกกลัวแน่ แต่ผมมองดูคุณอยู่นานแล้ว นอกจากคุณจะไม่รู้สึกกลัวเลย คุณยังหัวเราะขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียวอีก คุณน่ะ...เก่งสุดๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง?'
มีคำบอกใบ้ซ่อนอยู่ภายในคำพูดเหล่านี้...ดูเหมือนภารกิจนี้คงจะมอบให้กับใครก็ตามที่ยืนอยู่ภายในวิหารยาธานได้โดยไม่ติดสถานะ 'หวาดกลัว' ต้องขอบคุณสมญานามและค่าสถานะ 'ความเยือกเย็น' ของเรา ที่ทำให้ตัวละครติดสถานะผิดปรกติได้ยากกว่าชาวบ้านเขา
จะทำดีมั้ยนะ?
'ถ้ามันเป็นภารกิจบังคับอีก เราจะทำยังไงกับมันดี? ของรางวัลตอบแทนฟังดูยอดเยี่ยมก็จริงอยู่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่า...เกมนี้มันอยากให้เรารีบๆ เลิกเล่นไปซะเหลือเกิน'
เรารีบตอบปฏิเสธไปโดยไม่ลังเล
"ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ ไปขอร้องคนอื่นเถอะ"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
ทว่า...แม้เราจะปฏิเสธไปแล้ว แต่โดรันก็ยังคงตามตื้อไม่เลิก
"คุณเป็นเพียงคนเดียวที่แตกต่างจากผู้อื่น ได้โปรดช่วยผมเถอะ นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตอันมีค่าของคนๆ นึงเลยนะ!"
[ โดรันรู้สึกสิ้นหวังอย่างสุดขีด...ท่านจะยอมรับทำภารกิจ เพื่อช่วยโดรันผู้หมดหนทางคนนี้หรือไม่? ]
ตัวเรายังเอาตัวเองไม่รอดเลย แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไงเล่า? เราตัดสินใจตอบปฏิเสธไปเป็นหนที่สอง "คุณเข้าใจผิดแล้ว ตัวผมนั้นอ่อนแอและไร้ความสามารถ ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก คุณพยายามทำมันด้วยตัวเองเถอะ"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
"อย่างที่คุณรู้...ผู้ศรัทธาแห่งยาธานมีมนต์ดำอันทรงพลังเป็นอาวุธ! ผมไม่มีทางช่วยคุณหนูได้ตามลำพังแน่! ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป ให้ผมได้ยืมพลังของคุณด้วยเถอะ!"
[ โดรันยังคงตามตื้อขอร้องท่านอย่างสุดความสามารถ ท่านจะรับทำภารกิจนี้ไหม? ]
"ผมทำไม่ได้หรอก...ตัวผมอ่อนแออ่อนเกินไป..."
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
"คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว! คุณไม่รู้หรอ? ผู้ที่สามารถทนทานต่อสถานะ 'หวาดกลัว' ได้ นับว่าหายากสุดๆ ไปเลยนะ"
[ โดรันมีแต่ต้องพึงพาท่านเท่านั้น จะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
ในบางครั้ง เอ็นพีซีก็มักจะดื้อรั้นอย่างที่เห็น แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจเขาหรอกนะ เพราะหากโดรันกลับไปมือเปล่า หัวของเขาจะต้องถูกท่านเอิร์ลอะไรนั่นตัดหลุดออกจากบ่าแน่นอน
แต่ตัวเราล่ะ? ถ้าหากล้มเหลว เลเวลของเราก็ต้องลดลงไปอีกงั้นหรอ?
ทำไมเราต้องมาซวยเพราะหมอนี่ด้วย? ตัวเราย่อมสำคัญกว่าคนแปลกหน้าอยู่แล้ว! อีกอย่าง เราก็ไม่ได้เก่งกาจพอจะไปช่วยอะไรใครได้ด้วย
"ได้โปรด...ผมขอร้อง!"
โดรันคุกเข่าลง
เราค่อยๆ พิจารณาในตัวเขาทีละนิด คำพูดทุกคำที่เราพูดออกไป ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปจนหมด บางทีเขาอาจจะได้ยิน เพียงแต่คิดว่าเรากำลังโกหกอยู่
'มันเจ๋งขนาดนั้นเลยหรอ? กับการที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเมื่ออยู่ที่วิหารยาธานแห่งนี้ ไม่รู้สิ เราไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่'
เราจ้องมองไปยังโดรัน ก่อนจะอธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
"ผมต้องขอโทษจริงๆ แต่ตัวผมอ่อนแอมาก ไม่มีทางช่วยอะไรคุณได้หรอก อย่ามาเสียเวลากับผมเลย ไปขอร้องให้ท่านเอิร์ลช่วยตรงๆ ดีกว่า"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
"เวลาทุกนาทีมีค่า! ชีวิตของคุณหนูกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมไม่มีเวลากลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านเอิร์ลอีกแล้ว! คุณเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยเหลือผมได้ในตอนนี้! ขอร้องล่ะ!"
[ โดรันต้องการความช่วยเหลือจากใจจริง คุณจะรับทำภารกิจนี้รึไม่? ]
ความอดทนของคนเราย่อมมีขีดจำกัด
"บอกกี่ครั้งกี่หนไม่ได้ยินรึไง! ทำไมถึงได้ตามตื้อนัก? เกะกะลูกตาชิบ หลีกไป!!"
"ได้โปรด...ชีวิตของเธออยู่ในกำมือคุณ!"
"ล้อเล่นกันรึไง? ไม่มีทาง! ตูไปล่ะ!"
เราปฏิเสธภารกิจไปอีกครั้งพร้อมกับหันหน้าหนีโดรันทันที ภารกิจนี้จะต้องทำให้เราเลเวลลดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้น เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงซะ
ทว่า...ดูเหมือนร่างกายจะไม่ยอมทำตามใจนึก ขาของเราไม่สามารถขยับได้เร็วตามที่หัวสมองคิดไว้...
เพราะในตอนนี้ นำหนักสัมภาระของเรามากเกินกว่า 200% ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงลดลง 100%
โดรันเห็นดังนั้นก็เข้าใจผิด คิดว่าเรายอมใจอ่อน
"คุณนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ...ที่จริงแล้วก็อยากช่วยผมใช่ไหม..."
"..."
"เลิกลังเลแล้วมาช่วยผมเถอะนะ!"
[ โดรันมีหวังอีกครั้ง ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
"ไม่มีทางโว้ย!!"
[ ภารกิจถูกปฏิเสธ ]
เรารีบเมินและพยายามเร่งฝีเท้าออกมา แต่ก็เหมือนเดิม การก้าวเดินของเราเป็นไปอย่างเชื่องช้าดั่งเต่าคลาน นั่นยิ่งทำให้โดรันเข้าใจผิดไปกันใหญ่
"บางที การทีคุณลังเล คงเป็นเพราะงานของคุณคงยุ่งมากเลยใช่ไหม แต่ชีวิตคนสำคัญกว่านะ! ผมขอร้องล่ะ!!"
"ไม่! ตูทำไม่ได้หรอก!"
"อย่าถ่อมตัวไปเลย! ที่จริง คุณกำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? ไม่อย่างนั้นคงออกจากวิหารแห่งนี้ไปนานแล้ว ไม่มามัวเดินรีรออยู่แบบนี้หรอก!"
"ตูไม่ได้ลังเลโว้ย! สัมภาระมันหนัก เลยทำให้เดินช้าเท่านั้นเอง!!"
โดรันยังคงเดินตามตื้อเราอย่างไม่เลิกลา ด้วยความเร็วที่เชื่องช้าดั่งเต่าคลานของเรา โดรันจึงไล่ตามได้ไม่ยากนัก
[ ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
[ ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
[ ท่านจะรับทำ... ]
'เชี่ยไรวะเนี่ย!!'
หน้าต่างข้อความระบบเอาแต่เด้งขึ้นมาไม่ยอมหยุด ไม่ว่าเราจะปฏิเสธไปกี่ครั้งก็ตาม
'ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! เราต้องปฏิเสธให้เด็ดขาดไปเลย แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับมันก็ตาม ยังไงมันก็ไม่ใช่เอ็นพีซีที่เราอยากจะตีสนิทด้วยอยู่แล้ว ถึงเป็นศัตรูไปก็คงไม่เสียหายอะไรอยู่ดี'
เราชักดาบใหญ่แห่งมาม่อนออกมา สายตาจ้องเขม็งไปที่โดรัน
"ตูช่วยเอ็งไม่ได้จริงๆ ถ้าหากยังไม่ยอมถอยออกไปล่ะก็ เตรียมตัวบาดเจ็บได้เลย"
โดรันชะงักเล็กน้อย เขาผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับค่อยๆ พูดออกมาว่า
"ผมอยากให้คุณช่วยจริงๆ นะ..."
[ โดรันถามเป็นครั้งสุดท้าย ท่านจะรับทำภารกิจนี้หรือไม่? ]
เราตอบปฏิเสธไปอีกครั้ง
ไอ้ข้อความระบบบ้านี่ เมื่อไรมันจะหยุดเด้งเตือนซักที?
"ตูไม่ช่วย! ต่อให้ตูช่วยได้ ตูก็ไม่คิดจะช่วย!!"
ความตึงเครียดได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เราเหวี่ยงดาบใหญ่แห่งม่าม่อนเข้าใส่โดรันด้วยความหงุดหงิดอย่างสุดขีด...
...
ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
ฝ่ามือของเราสัมผัสได้ถึงแรงปะทะ คมดาบได้ฟันโดนอะไรบางสิ่งอย่างรุนแรง เกิดเสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นอย่างโหยหวนไปทั่ววิหาร เราค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปดูที่ปลายดาบ...
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า : ผู้ศรัทธาแห่งยาธานคนหนึ่งล้มพุบไป เพราะถูกดาบใหญ่แห่งมาม่อนฟันเข้าที่ลำคออย่างรุนแรง
ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเราในทันที...
"ก็เราเล็งไปที่ไอ้บ้าโดรันแล้วนี่นา...ทำไมถึงโดน...ขะ...เขาได้..."
เราจ้องมองไปที่ศพของผู้ศรัทธาด้วยอาการตกตะลึง ทันใดนั้นเอง หน้าต่างข้อความระบบก็เด้งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
[ ท่านกลายเป็นศัตรูกับคนของวิหารยาธาน ]
[ ท่านจะไม่ได้รับการอวยพรจากเทพยาธานอีกต่อไป ]
[ ผู้ศรัทธาแห่งยาธานทั้งหมดจะโจมตีท่านทันทีที่พบตัว ]
บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที รอบๆ ตัวเราต่างรายล้อมไปด้วยผู้ศรัทธาแห่งยาธานนับสิบคน โดรันเดินเข้ามาแตะบ่าของเราเบาๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ
"ขอบคุณมาก!!"
"เอ๋?"
...
[ ภารกิจช่วยเหลือบุตรสาวที่น่านับถือของเอิร์ล ]
ระดับความยาก: S
บุตรสาวคนเดียวของท่านเอิร์ลสไตมมีนามว่า 'ไอรีน' เธอเป็นสตรีไร้เดียงสาผู้งดงามและถือพรหมจรรย์ วันหนึ่ง อาวุโสแห่งวิหารยาธานได้ลักพาตัวเธอไป เพื่อที่จะประกอบพิธีบูชายัญด้วยเลือดสาวพรหมจรรย์อย่างเธอ
เงื่อนไขการสำเร็จภารกิจ: ช่วยเหลือไอรีนให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากรับภารกิจ
ของรางวัลภารกิจ: 3,000 ทอง และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้เป็นบุตรเขยของท่านเอิร์ล
...
สมญานามบุตรเขยแห่งเอิร์ล: ค่าสถานะชนชั้นสูงจะถูกเปิดใช้, ค่าสถานะทั้งหมด +20 แต้ม
หลังจากที่แต่งงานกับบุตรสาวที่น่านับถือของท่านเอิร์ลแล้ว ผู้คนจำนวนมากจะเคารพนับถือท่านประหนึ่งเป็นวิสเคาท์ อำนาจและชื่อเสียงจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล ท่านจะได้รับการยกระดับให้อยู่ในชนชั้นขุนนาง ท่านจะได้รับค่าตอบแทนรายเดือน ถือเป็นทางลัดในการไต่เต้าขึ้นไปเป็นลอร์ดระดับสูง หรือไม่ก็ขุนนางระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว
...
บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว: เลเวลลดลง 2 ระดับ
[ ท่านรับทำภารกิจนี้แล้ว ]
...
"บัดซบ!"
ด้วยความที่เรากลายเป็นศัตรูกับคนของวิหารยาธาน ภารกิจ 'ช่วยเหลือบุตรสาวที่น่านับถือของเอิร์ล' จึงตอบรับไปโดยปริยาย
"ฮะฮะฮะ..."
บางคนอาจจะบอกว่าเราไม่โชคดี...ไม่เลย แบบนี้มันเรียกว่าถูกสาปแช่งแล้ว!!
'อีกแล้วหรอ...เลเวล -3 งั้นสินะ...'
ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซากแบบนี้กัน...หรือว่า ชาติก่อนเราเคยไปโกงกินประเทศใครเอาไว้?
...
"ใครมันกล้าทำร้ายผู้ศรัทธาแห่งยาธานกัน!! ไม่กลัวคำสาปแช่งจากท่านเทพยาธานงั้นรึ?"
"ท่านเทพยาธานผู้สูงศักดิ์ได้ประจักษ์ต่อของบาปของแกแล้ว! แกจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป!"
"บาปกรรมในครั้งนี้ แกจะต้องชดใช้!!"
เสียงสาปแช่งก่นด่าจากเหล่าผู้ศรัทธาแห่งยาธานดังขึ้นจากทุกทิศทาง ดวงตาที่เดือดดาลของพวกมัน กำลังจ้องมองเราด้วยสายตามุ่งร้ายอย่างสุดขีด
'เราต้องตายที่นี่งั้นหรอ?'
เหล่าผู้ศรัทธาแห่งยาธานล้วนเป็นจอมเวทย์มืดที่ทรงพลัง มนต์ดำของพวกมันมีอำนาจในการสาปแช่งรุนแรง นับเป็นพวกที่รับมือได้ยากที่สุด
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 4 - จบตอน
งานนี้ไม่ขึ้นสวรรค์ก็ลงนรกหมกไหม้ล่ะ
ReplyDeleteไม่สำเร็จเควสอย่างงดงามก็เตรียมเลเวล -3 อย่างภาคภูมิเถอะ!!
-3 is real
ReplyDeleteทั้งตอนแค่กดปุ่มแคนเซิล ไม่ชอบการตัดสินใจของตัวละครเกาหลีตรงนี้ ตรรกะมันดูจะงงๆ เลเวล-1กับ-3มันต่างกันตรงไหน เทียบกะรางวัล ท้วมหัว
ReplyDeleteโคตรซวยยยยย
ReplyDeleteเอาจริงนะ เวล -3 นี่ดีกว่า -1 อีกเพราะกว่าจะเวลอัพขึ้นมาอีก 2 เวล ได้อีก 20 แต้ม เท่ากับเทียบกับชาวบ้านแล้วจะมีแต้มเยอะกว่าคนอื่นตั้ง 40 แต้ม
ReplyDelete