จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,390
พวกมันกำลังเผชิญวิกฤติ
หอคอยที่สร้างขึ้นอย่างระมัดระวัง กำลังสั่นคลอนราวกับจะพังทลายด้วยฝีมือของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย
“อะ…!”
“ม… ไม่น่าเชื่อ”
บรรดาผู้บัญชาการต่างจ้องไปยังกองทัพออร์คที่กำลังระส่ำระสายอย่างน่าสมเพช
ทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากสายฝนยุทธภัณฑ์จากฟากฟ้า
ไม่ว่าจะมองมุมใด ฉากตรงหน้าก็ทำใจเชื่อได้ยากเหลือเกิน
ยุทธภัณฑ์นับร้อยนับพันเหล่านี้เป็นฝีมือของมนุษย์แค่คนเดียวจริงหรือ?
‘เทพ… โอเวอร์เกียร์…’
สมญานามใหม่ของกริดกำลังกังวานภายในใจเหล่าผู้บัญชาการ
เทพ - ตำแหน่งที่สูงส่งมากสำหรับมนุษย์
แต่กลับไม่เคอะเขินเมื่อนำไปต่อหลังหรือต่อท้ายชื่อ ‘กริด’
สายฝนยุทธภัณฑ์ที่กำลังลงทัณฑ์กองทัพออร์ค น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนั้น
“…กริด!”
ผู้บัญชาการต่างเหม่อลอยไปชั่วขณะ จนกระทั่งกลิ่นคาวเลือดเริ่มคละคลุ้งที่ปลายจมูก จึงค่อยยกมือขึ้นปิดจมูกอย่างพร้อมเพรียง
ฮาวิสพยายามปรี่เข้าไปช่วยทหาร พลางตะโกนออกคำสั่ง
“เป็นฝีมือของกริด! รีบค้นหาตำแหน่งของมัน! อย่าสั่นกลัว! ยิ่งเราถอยก็ยิ่งเข้าทางอีกฝ่าย! เดินหน้าต่อไป! ทางนั้น! อย่าปล่อยให้ความสับสนมาทำให้จิตใจสั่นคลอน!”
กริดต้องอยู่ไม่ไกลแน่
สายฝนยุทธภัณฑ์ถูกยิงใส่กลุ่มออร์คอย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นว่ากริดกำลังเฝ้ามองทุ่งกว้างแห่งนี้อยู่
ฮาวิสประเมินสถานการณ์พร้อมกับสั่งการกองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มันเปิดใช้งานบัฟวงกว้างเพื่อทำให้ทหารสงบลงพร้อมกับเพิ่มความคล่องแคล่ว จากนั้นก็สั่งให้กระจายตัวออกไปทุกทิศ
ทหารโล่พยายามปกป้องพวกพ้อง ส่วนคนอื่นๆ คอยค้นหาภูมิประเทศที่กริดสามารถโจมตีเข้ามา
ในฐานะผู้บัญชาการระดับสูง ฮาวิสยังคงสั่งการได้แม้ทหารจะกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้าง
การค้นหาเป็นไปอย่างมีระบบแบบแผน พวกมันมุ่งเน้นไปยังจุดที่สงสัยว่ากริดกำลังซ่อนตัว
อย่างไรก็ตาม ความพยายามทั้งหมดล้วนกลายเป็นหมัน
ไม่มีใครพบกริดในจุดที่ฮาวิสคาดหมาย
พรึ่บ! ธงอีกหนึ่งผืนโบกสะบัด ส่งสัญญาณว่ากริดไม่ได้อยู่ที่นี่เช่นกัน
“…!”
ฮาวิส ผู้ประหลาดใจกับผลการค้นหาของหน่วยสุดท้าย แหงนหน้ามองฟ้าอย่างอับจนหนทาง
ท้องฟ้าว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของกริดจากที่ใดเลย
แต่สายฝนยุทธภัณฑ์ยังตกลงมาเรื่อยๆ …
ในหัวฮาวิสมีแต่คำถาม
แล้วกริดโจมตีมาจากตำแหน่งไหนกันแน่…
เส้นทางการเดินทัพของหน่วยพิเศษเพิ่งได้ข้อสรุปในการประชุมเมื่อตอนกลางวัน
นอกจากนั้น พวกมันยังไม่เชื่อใจฝ่ายเดียวกันเต็มร้อย จึงมีการเปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง
แต่ก็ยังลงเอยด้วยการถูกซุ่มโจมตี แถมยังหาตัวคนก่อเรื่องไม่พบ
“อย่าบอกนะว่า…”
มองเห็นจากระยะไกลมาก? ไกลจนพวกเราคาดไม่ถึง?
‘…บ้าน่า ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ’
เป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้ใช้ ‘ตาทิพย์’ ซึ่งเป็นพลังเฉพาะตัวของอริยศร
แต่โลกนี้ก็มีอริยศรเพียงคนเดียว นั่นคือจิสึกะ
‘และถึงจะมองเห็น แต่ก็ไม่น่าจะโจมตีได้ไกลขนาดนี้’
ทักษะส่วนใหญ่มีขอบเขตการโจมตีจำกัด ค่าเฉลี่ยของทักษะระยะไกลจะอยู่ที่ราวๆ สิบเมตร ถึงจะมองเห็นไกลก็เปล่าประโยชน์
‘กริดต้องซ่อนตัวอยู่แถวนี้แน่’
ใช่แล้ว ทักษะที่สามารถโจมตี ‘ในระยะการมองเห็น’ ถือเป็นของหายากในโลกซาทิสฟาย บางทีอาจมีเฉพาะในทักษะเกรดเลเจนดารีขึ้นไปเท่าไร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเรื่องนี้จะไม่เคยอยู่ในสามัญสำนึกของฮาวิส
เป็นเหตุให้ฮาวิสมั่นใจว่า กริดต้องซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ
ผู้บัญชาการคนอื่นๆ ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
> กริดปรากฏตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรออร์ค ขอย้ำอีกครั้ง กริดปรากฏตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรออร์ค!
หวังเหว่ยรีบรายงานไปถึงเบื้องบน
ในไม่ช้า กลุ่มก่อการร้ายจะสร้างความอลหม่านขึ้นใจกลางกรุงไรน์ฮาร์ทเพื่อดึงความสนใจของกริด
“กริด! อีกไม่นานจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในไรน์ฮาร์ท! ยังคิดจะเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกหรือ? ไม่ห่วงความปลอดภัยของลูกชายเลยรึไง?”
หวังเหว่ยตะโกนคุยกับกริดที่มันมองไม่เห็นตัว
น่าเสียดาย ไม่มีคำตอบใดกลับมาจากความว่างเปล่า
สนามรบยังคงเงียบสงัด มีเพียงเสียงทหารออร์คร้องระงม
แต่กระนั้น หวังเหว่ยไม่แตกตื่น อดทนสักพักก่อนจะใช้เวทมนตร์อย่างใจเย็น
“ตรวจจับ!”
วาบ!
นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งใหญ่ในกองทัพ หวังเหว่ยทราบดีว่าตนมีความเสี่ยงที่จะถูกลอบสังหาร จึงพกของวิเศษที่ช่วยตรวจจับมือสังหารและยกเลิกสถานะล่องหน
เมื่อครู่ มันพยายามลบสถานะล่องหนของกริด
ทันใดนั้น สายฝนยุทธภัณฑ์เริ่มหายไป
“เป็นอย่างที่คิด…”
หวังเหว่ยฉีกยิ้มกว้าง
เนื่องจากไม่มีใครถูกของวิเศษสลายสถานะล่องหน จึงค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า กริดซึ่งเคยสวม ‘ผ้าคลุมล่องหน’ และซ่อนตัวอยู่แถวนี้ ปัจจุบันได้หลบหนีไปไกลแล้ว
“หึหึ… ถึงจะเป็นแค่ก้อนกราฟิก แต่เด็กคนนั้นก็เป็นลูกของกริด… พวกเราเริ่มเคลื่อนทัพอีกครั้ง!”
การเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุมของรัฐบาลจีนไม่สูญเปล่า พวกมันสามารถสลัดกริดออกจากแผนได้โดยแทบไม่ต้องลงแรง
ขณะหวังเหว่ยออกคำสั่งให้เคลื่อนทัพอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าตนได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องออกแรงสู้
“หือ? นั่นอะไร?”
“ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม…”
เสียงทหารกระซิบกระซาบระหว่างกัน
พวกมันเอาแต่พูดเรื่องเหลวไหลอย่าง ‘คลื่นกำลังมา’ หรืออะไรทำนองนี้
รอบๆ ตัวมีแต่ทุ่งกว้าง กองทัพออร์คจะเห็นภาพหลอนหมู่ได้ยังไง?
แต่ก็พอจะเข้าใจได้ เมื่อครู่เพิ่งถูกซุ่มโจมตีอย่างคาดไม่ถึง จึงไม่แปลกหากจะจิตตก เห็นอะไรก็หวาดกลัวไปหมด
หวังเหว่ยและฮาวิสมองไปทางทหารพลางขมวดคิ้ว
ทันใดนั้น พวกมันเองก็เริ่มเห็น
คลื่นสีน้ำเงินที่กำลังพุ่งมาจากขอบฟ้า
เป็นคลื่นที่ทหารพูดถึงไม่ผิดแน่
“นั่นมันอะไร?”
เหตุใดถึงมีคลื่นใจกลางทุ่งกว้าง?
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ความฉงนของหวังเหว่ยกับฮาวิสได้หยุดลง
คลื่นลึกลับพุ่งจากเส้นขอบฟ้าด้วยความเห็นเหนือจินตนาการ อย่างน้อยก็เร็วกว่าที่พวกมันคาดไว้หลายสิบเท่า
เพียงคลื่นพัดผ่าน ศีรษะพวกมันก็หลุดออกจากบ่า
***
[ท่านได้รับค่าประสบการณ์]
[ท่านได้รับค่าประสบการณ์]
[ท่านได้รับค่าประสบ…]
…
…
ณ ลูปา เมืองป้อมปราการแห่งหนึ่งภายในอาณาจักรออร์ค
“หวังว่าเจ้านี่จะไม่ถูกเนิร์ฟ*นะ…”
กริดยืนอยู่บนกำแพงเมืองที่มีบรรยากาศค่อนข้างล้าสมัย ปากขยับพึมพำด้วยสีหน้าว่างเปล่า
(เนิร์ฟ – Nerf – ศัพท์ในวงการเกม หมายถึงการปรับให้อ่อนลง)
เป็นเพราะเนตรบาร์บาทอส (5) กริดจึงมองเห็นได้ไกลถึงสิบกิโลเมตร และเมื่อผนวกเข้ากับความยอดเยี่ยมของวิชาดาบราชาไร้พ่าย ความมหัศจรรย์พลันบังเกิด
ศัตรูนับแสนต้องตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่กริดที่เป็นคนลงมือก็ยังรู้สึกขนลุกกับฉากตรงหน้า
เหยื่อจบชีวิตลงโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร และโจมตีมาจากไหน
‘พิจารณาจากค่าประสบการณ์ กองทัพเกือบทั้งหมดน่าจะพินาศไปแล้ว’
อาศัยโชคช่วยจากบัญชาแห่งเทพ กริดสามารถใช้งานวิชาดาบราชาไร้พ่ายได้มากถึงเก้าครั้ง แถมก่อนหน้านั้นยังเปิดฉากด้วย ‘ถ้อยคำนักคุณธรรม’
เมื่อระยะเวลาการใช้งานเนตรบาร์บาทอสหมดลง กริดสูญเสียทัศนวิสัยของทุ่งกว้างที่นองไปด้วยเลือด
แต่ก็พอจะยืนยันจากค่าประสบการณ์ได้ว่า กองกำลังกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นนายของศัตรูถูกเปลี่ยนให้เป็นละอองแสงเกือบทั้งหมด
ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นรวดเร็วสิบเปอร์เซ็นต์ เทียบเท่าการเก็บเลเวลนานหนึ่งเดือนเต็ม
ตามปรกติแล้ว NPC จะให้ค่าประสบการณ์น้อยกว่ามอนสเตอร์พอสมควร นั่นจึงหมายความว่า เมื่อครู่มีการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดขึ้นบนทุ่งกว้าง
‘เท่าที่ดู… หลักๆ อาจเป็นผลมาจากเอฟเฟคบรรลุ’
เป็นโบนัสที่ได้รับจากการฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่ง?
กริดครุ่นคิดขณะหันกลับไปยังวาร์ปเกต
กึก
หลังจากก้าวผ่านประตูมิติ หน้าต่างแจ้งเตือนแสดงข้อความใหม่
[ราชาโอเวอร์เกียร์กริด ย่างกรายเข้าสู่เมืองหลวงของอาณาจักร กรุงไรน์ฮาร์ท]
วาร์ปเกตของสติกส์มีคุณประโยชน์มหาศาล แต่ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวก็คือ มีการจำกัดจำนวนครั้งต่อวัน
“เกิดการจลาจลหรือ?”
กริดเอียงคอถามอัศวินหลังจากเดินเข้าไปในวัง
รอยแมน อัศวินอาวุโส ทำความเคารพอย่างนอบน้อมก่อนจะรายงาน
“เซอร์อัสโมเฟลพบคนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงทำการจับกุมพวกเขา แต่สถานการณ์ค่อนข้างน่าอึดอัดเนื่องจากหลายคนไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าพยายามก่ออาชญากรรม… แน่นอนว่าพวกเราไม่สงสัยในฝีมือเซอร์อัสโมเฟล จึงกำลังตามหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบ…”
ดวงตากริดลุกวาวทันที
“อัสโมเฟล? อัสโมเฟลกลับมาแล้ว?”
ย้อนกลับไปในวันที่บราฮัมกลายเป็นสมาชิกของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
หลังจากพ่ายแพ้แก่บราฮัม อัสโมเฟลได้ทุ่มเทให้กับการขัดเกลาฝีมืออย่างหนักตลอดหลายเดือน
มันไม่ได้ทำไปเพราะพ่ายแพ้บราฮัม แต่ความพ่ายแพ้ในวันนั้นช่วยให้อัสโมเฟลได้พบคำบอกใบ้บางอย่างที่จะทำให้ฝีมือพัฒนาไปอีกขั้น จึงจำเป็นต้องออกเดินทางเพื่อแสวงหาคำตอบนั้น
กริดเฝ้ามองอัสโมเฟลโดยไม่กล่าวคำใด ปล่อยให้อีกฝ่ายมีอิสระกับการพัฒนาฝีมืออย่างเต็มที่
ทว่า อัสโมเฟลกลับเข้าใจผิด คิดว่ากริดเพิกเฉยตน จึงเกิดเป็นความหดหู่
แน่นอน กริดไม่ทราบเรื่องนี้ เพียงเชื่อมั่นในทักษะติดตัว ‘ความมุ่งมั่นของหมายเลขสอง’ ที่อีกฝ่ายครอบครอง
ความมุ่งมั่นของหมายเลขสอง
ทักษะติดตัวที่จะแสดงผลก็ต่อเมื่อพ่ายแพ้ให้กับใครสักคน
มีโอกาสแสดงผลต่ำมาก แต่หากทำงานเมื่อใด นั่นจะหมายถึงพัฒนาการของอัสโมเฟล
ทุกครั้งที่ทักษะนี้ถูกกระตุ้น อัสโมเฟลจะได้รับพลังใหม่ รวมถึงแต้มสถานะอีกเป็นจำนวนมาก
นั่นคือเหตุผลที่กริดคาดหวังกับอัสโมเฟล และไม่อยากรบกวนการเดินทางแสวงหาสัจธรรม
ผ่านไปแล้วหลายเดือน ในที่สุดอัสโมเฟลก็กลับมา
‘จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนนะ…’
กริดตั้งตารออย่างคาดหวัง
รอยแมนนำทางชายหนุ่มไปยังห้องที่อัสโมเฟลรออยู่
ในเวลาเดียวกัน นรกขุมที่สามสิบสอง
โดยไม่มีใครคาดคิด ตัวตนอันยิ่งใหญ่ได้มาเยือนสถานที่ซึ่งเรียกกันว่า ‘โอเวอร์เกียร์สาขานรก’
เรื่องนี้น่าตกตะลึงเสียจนอสูรแกลนท์ ซึ่งดำรงชีวิตมานานนับพันปี เผยสีหน้าประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง
“มาทำอะไร?”
“ที่นี่คือฐานทัพของกริดใช่ไหม? เห็นที ข้าคงต้องแวะมาเล่นสนุกบ่อยๆ”
เลอราเฆ่ จอมอสูรลำดับสิบ
เธอมีความสุขมากหลังจากผนึกกำลังกับกริดและสังหารสมุนของบาร์บาทอสลงได้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เธอชื่นชอบกริดยิ่งกว่าเดิม
“ซัคคิวบิพวกนั้นคืออะไร?”
“ลูกน้องของกริด”
“หืม… ใช้เผ่าอสูรเป็นลูกน้อง… ระดับของพวกหล่อนต่ำเกินไปจนไม่สมกับฐานะของเขา… ข้าจะให้ยืมกองพันราชรถก็แล้วกัน รักษาไว้ให้ดีล่ะ”
“…!”
กองพันราชรถของเลอราเฆ่แข็งแกร่งกว่าซัคคิวบิหลายเท่าจนไม่ควรนำมาเปรียบกัน
ในขณะที่ซัคคิวบิทำได้เพียงสนับสนุนจากด้านหลัง กองพันราชรถของเลอราเฆ่สามารถร่วมสู้ไปพร้อมกับกริดได้อย่างฮึกเหิม
ยูร่าพยักหน้าอย่างเย็นชา
“เข้าใจแล้ว ฉันจะบอกเขาให้”
อิทธิพลของกริดในนรกเริ่มขยับขยายทีละนิด
ในนรก ก็อดกริดก็ยังมีแบ็คเป็น เจ้าแห่งนรกขุมที่ 10 อีก สุกยอดดด
ReplyDelete