จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,393
“เป็นสายเลือดที่ไม่มีจุดด่างพร้อย”
ดยุคเกล็นฮาลเกิดความประทับใจเมื่อลองตรวจสอบข้อมูลของวงศ์ตระกูลราชินีไอรีน
มันอาจทราบมาก่อนว่า บรรพบุรุษของเธอคือหนึ่งในวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรอีเทอนัลร่วมกับอดีตราชาแห่งแดนเหนือ โลรัน
แต่มันเพิ่งได้ทราบว่า ตระกูลของเธอไม่มีจุดด่างพร้อยมานานกว่าสองร้อยปี
ไม่เกินจริงไปนัก หากจะกล่าวว่าดินแดนในการปกครองของตระกูลสไตม์ ล้วนเจริญรุ่งเรืองในทุกยุคทุกสมัย
ข้อมูลที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบันทึกประวัติศาสตร์ของอาณาจักรใด
“การเปลี่ยนผ่านรุ่นอาจทำให้ฝีมือการต่อสู้ถดถอย แต่ความซื่อตรงนั้นไม่เคยแปรเปลี่ยน”
สามารถเรียกได้เต็มปากว่า ตระกูลสไตม์คือครอบครัวของชนชั้นสูงโดยแท้จริง
แม้แต่ดยุคเกล็นฮาล หนึ่งในตระกูลขุนนางใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิและทวีปตะวันตก ก็ยังรู้สึกเคารพนับถือ ถึงขั้นหวังให้ทายาทของตน ยึดถือหลักการปกครองอันซื่อตรงของตระกูลสไตม์เป็นเยี่ยงอย่าง
‘เขาสืบทอดนิสัยของแม่ และพรสวรรค์ของพ่อ…’
ลอร์ด·สไตม์
บุตรชายเพียงคนเดียวของกริด เด็กคนนี้มีชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่รออยู่
เขาจะกลายเป็นกษัตริย์ที่จิตใจงดงามและแข็งแกร่ง นำพาอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้เจริญก้าวหน้าภายใต้นามแห่งพระบิดา ผู้กำลังจะกลายเป็นเทพและเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์ในสักวัน
ลอร์ด·สไตม์คือพรจากฟากฟ้าของประชาชนชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคน
ไม่เพียงชาวโอเวอร์เกียร์ แต่ยังรวมถึงชาวจักรวรรดิที่เป็นพันธมิตรแน่นแฟ้น
‘อยากเจอหน้าไวๆ แล้ว’
ระหว่างทางไปเยือนเมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ กรุงไรน์ฮาร์ท
รอยยิ้มแสนอ่อนโยนฉาบทั่วใบหน้าดยุคเกล็นฮาลขณะหวนนึกถึงเด็กผู้ชายผมสีดำที่ตนเคยพบ
มันมีความสุขและวางใจเมื่อจินตนาการอนาคตอันสดใสของลอร์ดในวัยสิบห้าปี ผู้ที่พรสวรรค์กำลังจะเบ่งบานและกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับทวีปในไม่ช้า
ขณะดำดิ่งในห้วงภวังค์ จู่ๆ มันถูกปลุกให้ตื่น
รถม้าขบวนเสด็จหยุดแล่นกะทันหัน
“ท…ท่านดยุค รบกวนช่วยออกมาด้วยครับ”
อัศวินอาวุโสรีบวิ่งมาที่รถม้าด้วยร่างกายสั่นเทา
“หืม…”
ดยุคเกล็นฮาลคือหนึ่งในขุนนางผู้ครอบครองอำนาจสูงสุดของทวีป
หรือกล่าวได้ว่า อัศวินคุ้นกันของมันถูกเลือกเฟ้นมาจากกลุ่มคนหัวกะทิ ไม่ใช่คนที่จะหวาดกลัวต่ออะไรได้ง่าย
‘กองกำลังก่อการร้ายฉวยโอกาสลงมือในช่วงวันพิธี?’
ดยุคเกล็นฮาลเปิดประตูรถม้าขณะนึกทบทวนชื่อของกองกำลังที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เตือนให้ระวัง
มันไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ อย่างการชะโงกศีรษะออกไปทางหน้าต่าง เพราะนั่นอาจทำให้ถูกซุ่มยิง
“….?!”
ดยุคเกล็นฮาลเสริมการป้องกันให้ร่างกายด้วยออร่า ก่อนจะก้าวลงจากรถม้า
ทันใดนั้น ดวงตาของมันพลันเบิกกว้าง เพราะคนที่กำลังขวางทางขบวนเสด็จ อยู่นอกเหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง
“ฝ…ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิ?”
ตุ้บ!
โดยไม่คำนึงถึงความสกปรก เกล็นฮาลคุกเข่าด้วยความนอบน้อม
มีเพียงคนเดียวในโลกที่มันยอมศิโรราบ
“ลุกขึ้นเถิด”
จักรพรรดินีบาซาร่าแห่งจักรวรรดิซาฮารัน
เธอมาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่ว่าควรอยู่ในกรุงไททันหรอกหรือ?
บาซาร่ายิ้มให้เกล็นฮาลที่กำลังเผยสีหน้าประหลาดใจ
“สหายของข้า… ในบ้านเกิดของผู้มีพระคุณกำลังจัดงานรื่นเริง ตัวข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร?”
หากเป็นเมื่อก่อน เกล็นฮาลคงคัดค้านเสียงแข็ง
เพราะองค์มหาจักรพรรดิไม่ควรออกมาร่วมงานนอกจักรวรรดิ ไม่แม้แต่พิธีดำรงตำแหน่งสันตะปาปา
ซาฮารันคือศูนย์กลางของโลก และผู้ปกครองโลกคือมหาจักรพรรดิ ดังนั้น หน้าที่หลักของจักรพรรดิมีเพียงการรับฟังรายงานสถานการณ์จากภายนอก
มหาจักรพรรดิคือคนที่จะได้เห็นทุกซอกมุมของโลกโดยไม่ต้องก้าวเท้าออกจากวัง
นี่อาจเป็นพิธีเฉลิมฉลองบรรลุนิติภาวะขององค์ชายลอร์ด แต่กริดควรเดินทางไปรายงานกับมหาจักรพรรดิด้วยตัวเองที่กรุงไททัน อธิบายว่าพิธีการดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อยหรือไม่ ติดขัดประการใด
นั่นคือความยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์ของมหาจักรพรรดิที่ชาวจักรวรรดิคาดหวัง
แต่การออกเดินทางมาเยือนอาณาจักรอื่นในดินแดนห่างไกล…
อัศวินต่างพากันกลืนน้ำลาย
พวกมันกังวลว่าดยุคเกล็นฮาลจะมีปากเสียงกับบาซาร่า ผู้แตกต่างจากมหาจักรพรรดิในอดีต
แต่เหนือความคาดหมาย
เกล็นฮาลเพียงยิ้มอย่างมีความสุข
“นั่นสินะ… พิธีการในคราวนี้จัดขึ้นที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ มิใช่อื่นใด หากฝ่าบาทไม่เข้าร่วม เกรงว่างานคงจะขาดความเจิดจรัส กระหม่อมควรตระหนักถึงสิ่งนี้และออกปากชวนฝ่าบาทตั้งแต่แรก… ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ช่างน่าละอายใจยิ่งนักที่เราได้พบกันในสถานที่แบบนี้… ได้โปรดตำหนิบริวารผู้บกพร่องตามที่ฝ่าบาทต้องการ”
“ใช่แล้ว ครั้งนี้เจ้าเป็นฝ่ายผิด”
“แฮ่ม…”
ฝ่ายหนึ่งคือ ดยุคเกล็นฮาล ขุนนางหัวเก่าผู้เปี่ยมไปด้วยขนบและความจงรักภักดี อีกฝ่ายหนึ่งคือจักรพรรดินีบาซาร่า ผู้ปกครองสมัยใหม่ที่ไม่ยึดติดกับธรรมเนียมเก่า
คนทั้งสองมักมีปากเสียงกันในเรื่องเล็กน้อยเสมอ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจกันและกัน สบายใจที่จะได้ทำงานร่วมกัน
“สวัสดี~ ตาลุง! …เอ๋? ฝ่าบาทก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
“ทุกคนมาพร้อมหน้าเลยสินะ นานแล้วนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ”
ดยุคมอริสและเรเชลมาถึงช้ากว่าเล็กน้อย
ปัจจุบัน ดยุคของจักรวรรดิเหลือเพียงสามตำแหน่ง แต่กลับจงรักภักดีกับมหาจักรพรรดิมากกว่าตอนนี่ยังมีเจ็ดตำแหน่ง
นี่คือผลจากการร่วมมือแทนที่จะแก่งแย่งชิงดี
ทั้งหมดเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่มีต่อกริด
***
ดาบใหญ่สีน้่ำเงินทรงฉลาม
ตามชื่อของมัน ‘ความผิดพลาด’ - ดาบเล่มนี้มิใช่อาวุธที่หรูหราอะไร
แต่ถึงอย่างนั้น ‘ความผิดพลาด’ ก็เคยผ่านร้อนผ่านหนาวกับกริดมามาก ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของราชาโอเวอร์เกียร์
นักท่องเที่ยวซึ่งไม่ค่อยสันทัดด้านประวัติศาสตร์อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ต่างพากันยืนชื่นชมจู๊ด หัวหน้าองครักษ์หลวง
บ่อเกิดของความอิจฉามิใช่เรื่องที่จู๊ดคืออัศวินคนแรก แต่เป็นดาบใหญ่บนแผ่นหลัง
ราชาโอเวอร์เกียร์ทรงประทานให้กับมือ?
การได้รับสืบทอดดาบที่กษัตริย์เคยใช้งาน ย่อมหมายถึงการมีฝีมือเทียบเท่ามหาจอมดาบเป็นอย่างน้อย
นักท่องเที่ยวผุดคำถามเกี่ยวกับจู๊ดด้วยสีหน้าคาดหวัง
แต่ไม่มีใครเลยที่ทราบว่า ชื่อของดาบสีน้ำเงินเล่มนี้คือ ‘ความสำเร็จ’ มิใช่ ‘ความผิดพลาด’
<ความสำเร็จ>
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 2,530 / 2,530
พลังโจมตี : 1,510 ~ 3,266
พลังป้องกัน : 280
* ความว่องไว +100
* มีโอกาสปานกลางที่จะบล็อกการโจมตีจากศัตรู
* มีโอกาสสูงที่จะแสดงผลทักษะ <โจมตีห้าเท่า>
* มีโอกาสสูงที่จะแสดงผลทักษะ <ตัด>
* เปิดใช้งานทักษะ <ผ่าสองซีก>
* มอบอาการผิดปรกติ ‘หวาดกลัว’ แก่เป้าหมายที่มีเลเวลต่ำกว่าผู้ใช้งาน 20 ระดับ
* พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 30% ในที่มืด
ดาบใหญ่ที่สร้างโดยราชาโอเวอร์เกียร์กริด เกิดจากการปรับปรุง ‘ความผิดพลาด’ ให้ดีขึ้น
เป็นชิ้นงานที่แก้ไขจุดบกพร่องของ ‘ความผิดพลาด’ และเน้นหนักในด้านพลังโจมตี
ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า ดาบเล่มนี้คือสุดยอดผลงานแห่งยุคสมัย
...…
…
กริดสร้างมันโดยใช้ทักษะ <ดึงศักยภาพซ่อนเร้น>
เป็นผลงานที่หรูหราและก้าวข้าม ‘ความผิดพลาด’ ซึ่งมีข้อบกพร่องในเชิงโครงสร้าง
มีสองเหตุผลที่กริดอุทิศตัวเพื่อสร้างมันขึ้นมา
หนึ่ง เพราะชายหนุ่มตระหนักถึงพลังแห่ง ‘สัญลักษณ์’
สอง จู๊ดเคยอยากได้ ‘ความผิดพลาด’
สำหรับ ‘ความผิดพลาด’ ของจริง กริดมอบให้องค์ชายไชน์นิ่งไปแล้ว เพราะอีกฝ่ายยอมเสี่ยงชีวิตปกป้ององค์ชายลอร์ดเมื่อครั้งวาติกันถูกวิหารยาธานบุกถล่ม
โดยหลังจากนั้น กริดสังเกตเห็นจู๊ดทำสีหน้าอมทุกข์นานหนึ่งเดือนเต็ม
เทียบกับสมัยอดีตที่เป็นคนลืมง่าย จู๊ดค่อยๆ ฉลาดขึ้น และแสดงอารมณ์มากขึ้น รวมถึงอารมณ์บึ้งตึง
กริดไม่ได้เพิกเฉยกับเรื่องนี้ จึงลงมือสร้าง ‘ความผิดพลาด’ เล่มใหม่ด้วยตัวเอง
ผลลัพธ์ออกมาเหนือความคาดหมาย ประสิทธิภาพของ ‘ความสำเร็จ’ เพิ่มขึ้นจาก ‘ความผิดพลาด’ ราวสองเท่า
ถึงจู๊ดจะดูไม่ค่อยพอใจในตอนแรก แต่ก็
“ทั้งงดงามและปลอดภัย….”
องค์ชายไชน์นิ่งแห่งอาณาจักรโฟลด์
มันเองก็เดินทางมาร่วมพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะของลอร์ด และแน่นอน ยังคงทำตัวประหม่าเช่นทุกครั้ง
อาณาจักรโฟลด์มักถูกปั่นป่วนโดยโจรป่าและมอนสเตอร์ เฉกเช่นอาณาจักรอื่นๆ เกือบทั้งหมดบนทวีป ส่งผลให้ไชน์นิ่งใส่ใจกับความปลอดภัยขณะเดินทางเป็นพิเศษ
ทว่า ความกังวลดังกล่าวอันตรธานหายไปเมื่อย่างกรายเข้าสู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์
แตกต่างจากอาณาจักรที่รกร้างแห้งแล้งของตน ไชน์นิ่งดื่มด่ำไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
อีกหนึ่งสิ่งที่เด่นชัดคือความปลอดภัย ทหารในทุกภูมิภาคของโอเวอร์เกียร์ล้วนถูกฝึกฝนมาอย่างหนัก ไม่มีมอนสเตอร์ประเภทใดกล้าเฉียดเข้าใกล้ถนนหลวง
นอกจากนั้น ชาวเมืองยังกินดีอยู่ดีจนไม่มีใครต้องมาเป็นโจร
‘คำว่า ‘สงบสุข’ น่าจะนิยามอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้ดีที่สุด’
องค์ชายไชน์นิ่งต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลจากความสงบสุข นั่นคือธรรมชาติของอาณาจักรโฟลด์
“สิ่งไม่ได้เกิดจากการบริหารจัดการ แต่เป็นระดับของการชำระล้าง… กระหม่อมสัมผัสถึงมอนสเตอร์ไม่ได้เลย ไม่ผิดนักที่จะอนุมานว่าพวกมันถูกกวาดล้างจนไม่เหลือซาก”
อัศวินส่ายหน้าขณะขบวนเสร็จเริ่มเข้าใกล้เมืองหลวง
พวกมันมิอาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของมอนสเตอร์ภายในทุ่งกว้าง ป่า และภูเขา
ราวกับที่นี่เป็นโลกคนละใบ
“เป็นพลังของนักบุญหญิงใช่ไหม?”
นักบุญหญิงแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือบุคคลที่โด่งดัง
ตัวตนซึ่งสามารถทำลายสิ่งโสมมได้ด้วยพลังที่แตกต่างจากพลังศักดิ์สิทธิ์
มอนสเตอร์ล้วนสูญพันธุ์เมื่อเธอประจำการอยู่ในไรน์ฮาร์ท
นั่นคือการคาดเดาอย่างมีหลักการขององค์ชายไชน์นิ่งและอัศวิน
ทว่า ความจริงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
นักบุญหญิงไม่มีพลังในการปราบปรามมอนสเตอร์ ไม่มีพลังในการยับยั้งอัตราการเกิด
เหตุผลเดียวที่มอนสเตอร์มิได้เกิดใกล้กับไรน์ฮาร์ท ไม่ใช่อื่นใดนอกจากเนเฟลิน่า
เธอกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็น ‘อาณาเขต’ หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘รัง’ ส่งผลให้ไม่มีมอนสเตอร์หน้าไหนกล้าเฉียดเข้าใกล้
เป็นเรื่องปรกติที่คนส่วนใหญ่จะไม่ทราบ ใครจะไปคิดว่าในกรุงไรน์ฮาร์ทมีแฮชลิ่งอาศัยอยู่?
[เขาเปลี่ยนให้สิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่ง ทระนงตน สูงศักดิ์ และเชื่อว่าตนสมบูรณ์แบบจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร มาเป็นบริวารได้สำเร็จ]
ไม่มีทราบตัวตนที่แท้จริงของ ‘สิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่ง ทระนงตน สูงศักดิ์ และเชื่อว่าตนสมบูรณ์แบบจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร’ ที่เขียนไว้ในบทกวีมหากาพย์หน้าที่สิบเอ็ด
เหตุผลหลักคงเพราะคำว่า ‘เปลี่ยนให้เป็นบริวาร’
ต้องเป็นมังกรแบบใด ถึงจะยอมมาเป็นบริวารของมนุษย์?
ในทางสามัญสำนึก ตัวตนที่ถูกระบุในมหากาพย์หน้าสิบเอ็ดไม่มีทางเป็นมังกร
“กระหม่อมไม่เคยเห็นผู้คนจำนวนมากเท่านี้มาก่อน…”
อัศวินที่มาถึงกรุงไรน์ฮาร์ทต่างพากันตกตะลึง
สายธารของผู้คนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองอย่างต่อเนื่อง มากมายราวกับเป็นประชากรทั้งหมดของอาณาจักรโฟลด์
“ข้าก็เช่นกัน”
องค์ชายไชน์นิ่งเองก็ตกตะลึงกับจำนวนฝูงชน ทั้งที่เคยเข้าร่วมงานใหญ่ๆ ของทวีปมาแล้วหลายหน หนึ่งในนั้นคือพิธีฉลองการดำรงตำแหน่งของสันตะปาปา
‘ในพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ผู้คนยังไม่มากมายเท่านี้’
แต่พิธีบรรลุนิติภาวะขององค์ชายกลับท่วมท้นไปด้วยมวลหมู่แขกพิเศษและนักท่องเที่ยว…
เห็นได้ชัดว่า สถานะของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพิ่มขึ้นมากเพียงใดในสิบปีที่ผ่านมา
“แฮ่ก…”
องค์ชายไชน์นิ่งและอัศวินมองไปรอบตัว ท่าทางคล้ายกับบ้านนอกเพิ่งเคยเข้ากรุง
จากนั้นก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า
ขบวนเสด็จขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไปบนถนนหลวงใจกลางเมือง
กึ่งกลางขบวนคือองค์มหาจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิและสามดยุคผู้โด่งดัง
ลำพังเรื่องที่จักรวรรดิส่งทูตมาอวยพรในพิธีฉลองบรรลุนิติภาวะขององค์ชายก็ว่าน่าทึ่งแล้ว
แต่นี่องค์มหาจักรพรรดิถึงกับมาเยือนด้วยตัวเอง
“นี่”
บุคคลผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาองค์ชายไชน์นิ่งที่กำลังยืนชื่นชมด้วยความตกตะลึง
มันคือชายร่างใหญ่ ตัวเท่าหมีป่า
“ถือไหวหรือ?”
องค์ชายไชน์นิ่งจดจำอีกฝ่ายได้ทันที
“เซอร์จู๊ด ไม่ได้พบกันนานนะครับ”
“ใคร?”
อัศวินคนแรกของราชาโอเวอร์เกียร์กริด
องค์ชายไชน์นิ่งเคยพบหน้ามาแล้วหลายหน แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายจดจำตนไม่ได้เลย
ไม่ใช่เพราะตัวตนของไชน์นิ่งจืดจาง แต่เป็นเพราะสมองของจู๊ดมีหน่วยความจำจำกัด
ทว่า องค์ชายไชน์นิ่งไม่ทราบเรื่องนั้น ไม่ทราบถึงระดับสติปัญญา จึงเข้าใจว่าจู๊ดหลงลืมเพราะตนไม่เคยอยู่ในสายตา
‘เรายังบกพร่องอยู่มาก’
การถูกจู๊ดลืมชื่อ ได้กระตุ้นให้ไชน์นิ่งมีแรงฮึด
องค์ชายแห่งโฟลด์นำ ‘ความผิดพลาด’ ออกมาถือ
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น ข้าใช้งานมันได้คล่อง”
ดวงตาจู๊ดส่องประกายทันที
“จำได้”
“…?”
“จู๊ด · จำ · องค์ชาย · ไชน์นิ่ง · ได้”
“…”
หลังจากนั้น ไชน์นิ่ง ถูกอัศวินคนแรกของราชาโอเวอร์เกียร์นำทางเข้าไปในวัง นับเป็นการต้อนรับที่ค่อนข้าง VIP
ดวงตาไชน์นิ่งพลันลุกวาวในวินาทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในมหาราชวังอันงดงามซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีบรรลุนิติภาวะ
ไม่ใช่แค่มหาจักรพรรดิและสามดยุค แต่ยังรวมถึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นราชาเผ่าวารีหรือออร์คลอร์ด
นอกจากนั้นยังมีตระกูลราชวงศ์จากอาณาจักรห่างไกลที่มักไม่ค่อยเปิดเผยตัว
แต่ในหมู่แขกพิเศษทั้งหมด สตรีคนหนึ่งงดงามโดดเด่นกว่าใคร
แม้แต่กริดก็ยังไม่สบายใจกับการปรากฏตัวของเธอ
______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,881
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
อย่าบอกนะว่าแมรี่โรสมาอะ
ReplyDelete