จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,393



“เป็นสายเลือดที่ไม่มีจุดด่างพร้อย”


ดยุคเกล็นฮาลเกิดความประทับใจเมื่อลองตรวจสอบข้อมูลของวงศ์ตระกูลราชินีไอรีน


มันอาจทราบมาก่อนว่า บรรพบุรุษของเธอคือหนึ่งในวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรอีเทอนัลร่วมกับอดีตราชาแห่งแดนเหนือ โลรัน


แต่มันเพิ่งได้ทราบว่า ตระกูลของเธอไม่มีจุดด่างพร้อยมานานกว่าสองร้อยปี


ไม่เกินจริงไปนัก หากจะกล่าวว่าดินแดนในการปกครองของตระกูลสไตม์ ล้วนเจริญรุ่งเรืองในทุกยุคทุกสมัย


ข้อมูลที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบันทึกประวัติศาสตร์ของอาณาจักรใด


“การเปลี่ยนผ่านรุ่นอาจทำให้ฝีมือการต่อสู้ถดถอย แต่ความซื่อตรงนั้นไม่เคยแปรเปลี่ยน”


สามารถเรียกได้เต็มปากว่า ตระกูลสไตม์คือครอบครัวของชนชั้นสูงโดยแท้จริง


แม้แต่ดยุคเกล็นฮาล หนึ่งในตระกูลขุนนางใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิและทวีปตะวันตก ก็ยังรู้สึกเคารพนับถือ ถึงขั้นหวังให้ทายาทของตน ยึดถือหลักการปกครองอันซื่อตรงของตระกูลสไตม์เป็นเยี่ยงอย่าง


‘เขาสืบทอดนิสัยของแม่ และพรสวรรค์ของพ่อ…’


ลอร์ด·สไตม์


บุตรชายเพียงคนเดียวของกริด เด็กคนนี้มีชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่รออยู่


เขาจะกลายเป็นกษัตริย์ที่จิตใจงดงามและแข็งแกร่ง นำพาอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้เจริญก้าวหน้าภายใต้นามแห่งพระบิดา ผู้กำลังจะกลายเป็นเทพและเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์ในสักวัน


ลอร์ด·สไตม์คือพรจากฟากฟ้าของประชาชนชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคน


ไม่เพียงชาวโอเวอร์เกียร์ แต่ยังรวมถึงชาวจักรวรรดิที่เป็นพันธมิตรแน่นแฟ้น


‘อยากเจอหน้าไวๆ แล้ว’


ระหว่างทางไปเยือนเมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ กรุงไรน์ฮาร์ท


รอยยิ้มแสนอ่อนโยนฉาบทั่วใบหน้าดยุคเกล็นฮาลขณะหวนนึกถึงเด็กผู้ชายผมสีดำที่ตนเคยพบ


มันมีความสุขและวางใจเมื่อจินตนาการอนาคตอันสดใสของลอร์ดในวัยสิบห้าปี ผู้ที่พรสวรรค์กำลังจะเบ่งบานและกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับทวีปในไม่ช้า


ขณะดำดิ่งในห้วงภวังค์ จู่ๆ มันถูกปลุกให้ตื่น


รถม้าขบวนเสด็จหยุดแล่นกะทันหัน


“ท…ท่านดยุค รบกวนช่วยออกมาด้วยครับ”


อัศวินอาวุโสรีบวิ่งมาที่รถม้าด้วยร่างกายสั่นเทา


“หืม…”


ดยุคเกล็นฮาลคือหนึ่งในขุนนางผู้ครอบครองอำนาจสูงสุดของทวีป


หรือกล่าวได้ว่า อัศวินคุ้นกันของมันถูกเลือกเฟ้นมาจากกลุ่มคนหัวกะทิ ไม่ใช่คนที่จะหวาดกลัวต่ออะไรได้ง่าย


‘กองกำลังก่อการร้ายฉวยโอกาสลงมือในช่วงวันพิธี?’


ดยุคเกล็นฮาลเปิดประตูรถม้าขณะนึกทบทวนชื่อของกองกำลังที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เตือนให้ระวัง


มันไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ อย่างการชะโงกศีรษะออกไปทางหน้าต่าง เพราะนั่นอาจทำให้ถูกซุ่มยิง


“….?!”


ดยุคเกล็นฮาลเสริมการป้องกันให้ร่างกายด้วยออร่า ก่อนจะก้าวลงจากรถม้า


ทันใดนั้น ดวงตาของมันพลันเบิกกว้าง เพราะคนที่กำลังขวางทางขบวนเสด็จ อยู่นอกเหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง


“ฝ…ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิ?”


ตุ้บ!


โดยไม่คำนึงถึงความสกปรก เกล็นฮาลคุกเข่าด้วยความนอบน้อม


มีเพียงคนเดียวในโลกที่มันยอมศิโรราบ


“ลุกขึ้นเถิด”


จักรพรรดินีบาซาร่าแห่งจักรวรรดิซาฮารัน


เธอมาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่ว่าควรอยู่ในกรุงไททันหรอกหรือ?


บาซาร่ายิ้มให้เกล็นฮาลที่กำลังเผยสีหน้าประหลาดใจ


“สหายของข้า… ในบ้านเกิดของผู้มีพระคุณกำลังจัดงานรื่นเริง ตัวข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร?”


หากเป็นเมื่อก่อน เกล็นฮาลคงคัดค้านเสียงแข็ง


เพราะองค์มหาจักรพรรดิไม่ควรออกมาร่วมงานนอกจักรวรรดิ ไม่แม้แต่พิธีดำรงตำแหน่งสันตะปาปา


ซาฮารันคือศูนย์กลางของโลก และผู้ปกครองโลกคือมหาจักรพรรดิ ดังนั้น หน้าที่หลักของจักรพรรดิมีเพียงการรับฟังรายงานสถานการณ์จากภายนอก


มหาจักรพรรดิคือคนที่จะได้เห็นทุกซอกมุมของโลกโดยไม่ต้องก้าวเท้าออกจากวัง


นี่อาจเป็นพิธีเฉลิมฉลองบรรลุนิติภาวะขององค์ชายลอร์ด แต่กริดควรเดินทางไปรายงานกับมหาจักรพรรดิด้วยตัวเองที่กรุงไททัน อธิบายว่าพิธีการดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อยหรือไม่ ติดขัดประการใด


นั่นคือความยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์ของมหาจักรพรรดิที่ชาวจักรวรรดิคาดหวัง


แต่การออกเดินทางมาเยือนอาณาจักรอื่นในดินแดนห่างไกล…


อัศวินต่างพากันกลืนน้ำลาย


พวกมันกังวลว่าดยุคเกล็นฮาลจะมีปากเสียงกับบาซาร่า ผู้แตกต่างจากมหาจักรพรรดิในอดีต


แต่เหนือความคาดหมาย


เกล็นฮาลเพียงยิ้มอย่างมีความสุข


“นั่นสินะ… พิธีการในคราวนี้จัดขึ้นที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ มิใช่อื่นใด หากฝ่าบาทไม่เข้าร่วม เกรงว่างานคงจะขาดความเจิดจรัส กระหม่อมควรตระหนักถึงสิ่งนี้และออกปากชวนฝ่าบาทตั้งแต่แรก… ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ช่างน่าละอายใจยิ่งนักที่เราได้พบกันในสถานที่แบบนี้… ได้โปรดตำหนิบริวารผู้บกพร่องตามที่ฝ่าบาทต้องการ”


“ใช่แล้ว ครั้งนี้เจ้าเป็นฝ่ายผิด”


“แฮ่ม…”


ฝ่ายหนึ่งคือ ดยุคเกล็นฮาล ขุนนางหัวเก่าผู้เปี่ยมไปด้วยขนบและความจงรักภักดี อีกฝ่ายหนึ่งคือจักรพรรดินีบาซาร่า ผู้ปกครองสมัยใหม่ที่ไม่ยึดติดกับธรรมเนียมเก่า


คนทั้งสองมักมีปากเสียงกันในเรื่องเล็กน้อยเสมอ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจกันและกัน สบายใจที่จะได้ทำงานร่วมกัน


“สวัสดี~ ตาลุง! …เอ๋? ฝ่าบาทก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”


“ทุกคนมาพร้อมหน้าเลยสินะ นานแล้วนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ”


ดยุคมอริสและเรเชลมาถึงช้ากว่าเล็กน้อย


ปัจจุบัน ดยุคของจักรวรรดิเหลือเพียงสามตำแหน่ง แต่กลับจงรักภักดีกับมหาจักรพรรดิมากกว่าตอนนี่ยังมีเจ็ดตำแหน่ง


นี่คือผลจากการร่วมมือแทนที่จะแก่งแย่งชิงดี


ทั้งหมดเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่มีต่อกริด


***


ดาบใหญ่สีน้่ำเงินทรงฉลาม


ตามชื่อของมัน ‘ความผิดพลาด’ - ดาบเล่มนี้มิใช่อาวุธที่หรูหราอะไร


แต่ถึงอย่างนั้น ‘ความผิดพลาด’ ก็เคยผ่านร้อนผ่านหนาวกับกริดมามาก ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของราชาโอเวอร์เกียร์


นักท่องเที่ยวซึ่งไม่ค่อยสันทัดด้านประวัติศาสตร์อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ต่างพากันยืนชื่นชมจู๊ด หัวหน้าองครักษ์หลวง


บ่อเกิดของความอิจฉามิใช่เรื่องที่จู๊ดคืออัศวินคนแรก แต่เป็นดาบใหญ่บนแผ่นหลัง


ราชาโอเวอร์เกียร์ทรงประทานให้กับมือ?


การได้รับสืบทอดดาบที่กษัตริย์เคยใช้งาน ย่อมหมายถึงการมีฝีมือเทียบเท่ามหาจอมดาบเป็นอย่างน้อย


นักท่องเที่ยวผุดคำถามเกี่ยวกับจู๊ดด้วยสีหน้าคาดหวัง


แต่ไม่มีใครเลยที่ทราบว่า ชื่อของดาบสีน้ำเงินเล่มนี้คือ ‘ความสำเร็จ’ มิใช่ ‘ความผิดพลาด’


<ความสำเร็จ>

เกรด : เลเจนดารี

ความคงทน : 2,530 / 2,530

พลังโจมตี : 1,510 ~ 3,266

พลังป้องกัน : 280

* ความว่องไว +100

* มีโอกาสปานกลางที่จะบล็อกการโจมตีจากศัตรู

* มีโอกาสสูงที่จะแสดงผลทักษะ <โจมตีห้าเท่า>

* มีโอกาสสูงที่จะแสดงผลทักษะ <ตัด>

* เปิดใช้งานทักษะ <ผ่าสองซีก>

* มอบอาการผิดปรกติ ‘หวาดกลัว’ แก่เป้าหมายที่มีเลเวลต่ำกว่าผู้ใช้งาน 20 ระดับ

* พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 30% ในที่มืด

ดาบใหญ่ที่สร้างโดยราชาโอเวอร์เกียร์กริด เกิดจากการปรับปรุง ‘ความผิดพลาด’ ให้ดีขึ้น

เป็นชิ้นงานที่แก้ไขจุดบกพร่องของ ‘ความผิดพลาด’ และเน้นหนักในด้านพลังโจมตี

ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า ดาบเล่มนี้คือสุดยอดผลงานแห่งยุคสมัย

...…


กริดสร้างมันโดยใช้ทักษะ <ดึงศักยภาพซ่อนเร้น>


เป็นผลงานที่หรูหราและก้าวข้าม ‘ความผิดพลาด’ ซึ่งมีข้อบกพร่องในเชิงโครงสร้าง


มีสองเหตุผลที่กริดอุทิศตัวเพื่อสร้างมันขึ้นมา


หนึ่ง เพราะชายหนุ่มตระหนักถึงพลังแห่ง ‘สัญลักษณ์’


สอง จู๊ดเคยอยากได้ ‘ความผิดพลาด’


สำหรับ ‘ความผิดพลาด’ ของจริง กริดมอบให้องค์ชายไชน์นิ่งไปแล้ว เพราะอีกฝ่ายยอมเสี่ยงชีวิตปกป้ององค์ชายลอร์ดเมื่อครั้งวาติกันถูกวิหารยาธานบุกถล่ม


โดยหลังจากนั้น กริดสังเกตเห็นจู๊ดทำสีหน้าอมทุกข์นานหนึ่งเดือนเต็ม


เทียบกับสมัยอดีตที่เป็นคนลืมง่าย จู๊ดค่อยๆ ฉลาดขึ้น และแสดงอารมณ์มากขึ้น รวมถึงอารมณ์บึ้งตึง


กริดไม่ได้เพิกเฉยกับเรื่องนี้ จึงลงมือสร้าง ‘ความผิดพลาด’ เล่มใหม่ด้วยตัวเอง


ผลลัพธ์ออกมาเหนือความคาดหมาย ประสิทธิภาพของ ‘ความสำเร็จ’ เพิ่มขึ้นจาก ‘ความผิดพลาด’ ราวสองเท่า


ถึงจู๊ดจะดูไม่ค่อยพอใจในตอนแรก แต่ก็


“ทั้งงดงามและปลอดภัย….”


องค์ชายไชน์นิ่งแห่งอาณาจักรโฟลด์


มันเองก็เดินทางมาร่วมพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะของลอร์ด และแน่นอน ยังคงทำตัวประหม่าเช่นทุกครั้ง


อาณาจักรโฟลด์มักถูกปั่นป่วนโดยโจรป่าและมอนสเตอร์ เฉกเช่นอาณาจักรอื่นๆ เกือบทั้งหมดบนทวีป ส่งผลให้ไชน์นิ่งใส่ใจกับความปลอดภัยขณะเดินทางเป็นพิเศษ


ทว่า ความกังวลดังกล่าวอันตรธานหายไปเมื่อย่างกรายเข้าสู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


แตกต่างจากอาณาจักรที่รกร้างแห้งแล้งของตน ไชน์นิ่งดื่มด่ำไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


อีกหนึ่งสิ่งที่เด่นชัดคือความปลอดภัย ทหารในทุกภูมิภาคของโอเวอร์เกียร์ล้วนถูกฝึกฝนมาอย่างหนัก ไม่มีมอนสเตอร์ประเภทใดกล้าเฉียดเข้าใกล้ถนนหลวง


นอกจากนั้น ชาวเมืองยังกินดีอยู่ดีจนไม่มีใครต้องมาเป็นโจร


‘คำว่า ‘สงบสุข’ น่าจะนิยามอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้ดีที่สุด’


องค์ชายไชน์นิ่งต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลจากความสงบสุข นั่นคือธรรมชาติของอาณาจักรโฟลด์


“สิ่งไม่ได้เกิดจากการบริหารจัดการ แต่เป็นระดับของการชำระล้าง… กระหม่อมสัมผัสถึงมอนสเตอร์ไม่ได้เลย ไม่ผิดนักที่จะอนุมานว่าพวกมันถูกกวาดล้างจนไม่เหลือซาก”


อัศวินส่ายหน้าขณะขบวนเสร็จเริ่มเข้าใกล้เมืองหลวง


พวกมันมิอาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของมอนสเตอร์ภายในทุ่งกว้าง ป่า และภูเขา


ราวกับที่นี่เป็นโลกคนละใบ


“เป็นพลังของนักบุญหญิงใช่ไหม?”


นักบุญหญิงแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือบุคคลที่โด่งดัง


ตัวตนซึ่งสามารถทำลายสิ่งโสมมได้ด้วยพลังที่แตกต่างจากพลังศักดิ์สิทธิ์


มอนสเตอร์ล้วนสูญพันธุ์เมื่อเธอประจำการอยู่ในไรน์ฮาร์ท


นั่นคือการคาดเดาอย่างมีหลักการขององค์ชายไชน์นิ่งและอัศวิน


ทว่า ความจริงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


นักบุญหญิงไม่มีพลังในการปราบปรามมอนสเตอร์ ไม่มีพลังในการยับยั้งอัตราการเกิด


เหตุผลเดียวที่มอนสเตอร์มิได้เกิดใกล้กับไรน์ฮาร์ท ไม่ใช่อื่นใดนอกจากเนเฟลิน่า


เธอกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็น ‘อาณาเขต’ หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘รัง’ ส่งผลให้ไม่มีมอนสเตอร์หน้าไหนกล้าเฉียดเข้าใกล้


เป็นเรื่องปรกติที่คนส่วนใหญ่จะไม่ทราบ ใครจะไปคิดว่าในกรุงไรน์ฮาร์ทมีแฮชลิ่งอาศัยอยู่?


[เขาเปลี่ยนให้สิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่ง ทระนงตน สูงศักดิ์ และเชื่อว่าตนสมบูรณ์แบบจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร มาเป็นบริวารได้สำเร็จ]


ไม่มีทราบตัวตนที่แท้จริงของ ‘สิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่ง ทระนงตน สูงศักดิ์ และเชื่อว่าตนสมบูรณ์แบบจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร’ ที่เขียนไว้ในบทกวีมหากาพย์หน้าที่สิบเอ็ด


เหตุผลหลักคงเพราะคำว่า ‘เปลี่ยนให้เป็นบริวาร’


ต้องเป็นมังกรแบบใด ถึงจะยอมมาเป็นบริวารของมนุษย์?


ในทางสามัญสำนึก ตัวตนที่ถูกระบุในมหากาพย์หน้าสิบเอ็ดไม่มีทางเป็นมังกร


“กระหม่อมไม่เคยเห็นผู้คนจำนวนมากเท่านี้มาก่อน…”


อัศวินที่มาถึงกรุงไรน์ฮาร์ทต่างพากันตกตะลึง


สายธารของผู้คนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองอย่างต่อเนื่อง มากมายราวกับเป็นประชากรทั้งหมดของอาณาจักรโฟลด์


“ข้าก็เช่นกัน”


องค์ชายไชน์นิ่งเองก็ตกตะลึงกับจำนวนฝูงชน ทั้งที่เคยเข้าร่วมงานใหญ่ๆ ของทวีปมาแล้วหลายหน หนึ่งในนั้นคือพิธีฉลองการดำรงตำแหน่งของสันตะปาปา


‘ในพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ผู้คนยังไม่มากมายเท่านี้’


แต่พิธีบรรลุนิติภาวะขององค์ชายกลับท่วมท้นไปด้วยมวลหมู่แขกพิเศษและนักท่องเที่ยว…


เห็นได้ชัดว่า สถานะของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพิ่มขึ้นมากเพียงใดในสิบปีที่ผ่านมา


“แฮ่ก…”


องค์ชายไชน์นิ่งและอัศวินมองไปรอบตัว ท่าทางคล้ายกับบ้านนอกเพิ่งเคยเข้ากรุง


จากนั้นก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า


ขบวนเสด็จขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไปบนถนนหลวงใจกลางเมือง


กึ่งกลางขบวนคือองค์มหาจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิและสามดยุคผู้โด่งดัง


ลำพังเรื่องที่จักรวรรดิส่งทูตมาอวยพรในพิธีฉลองบรรลุนิติภาวะขององค์ชายก็ว่าน่าทึ่งแล้ว


แต่นี่องค์มหาจักรพรรดิถึงกับมาเยือนด้วยตัวเอง


“นี่”


บุคคลผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาองค์ชายไชน์นิ่งที่กำลังยืนชื่นชมด้วยความตกตะลึง


มันคือชายร่างใหญ่ ตัวเท่าหมีป่า


“ถือไหวหรือ?”


องค์ชายไชน์นิ่งจดจำอีกฝ่ายได้ทันที


“เซอร์จู๊ด ไม่ได้พบกันนานนะครับ”


“ใคร?”


อัศวินคนแรกของราชาโอเวอร์เกียร์กริด


องค์ชายไชน์นิ่งเคยพบหน้ามาแล้วหลายหน แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายจดจำตนไม่ได้เลย


ไม่ใช่เพราะตัวตนของไชน์นิ่งจืดจาง แต่เป็นเพราะสมองของจู๊ดมีหน่วยความจำจำกัด


ทว่า องค์ชายไชน์นิ่งไม่ทราบเรื่องนั้น ไม่ทราบถึงระดับสติปัญญา จึงเข้าใจว่าจู๊ดหลงลืมเพราะตนไม่เคยอยู่ในสายตา


‘เรายังบกพร่องอยู่มาก’


การถูกจู๊ดลืมชื่อ ได้กระตุ้นให้ไชน์นิ่งมีแรงฮึด


องค์ชายแห่งโฟลด์นำ ‘ความผิดพลาด’ ออกมาถือ


“ก็อย่างที่เจ้าเห็น ข้าใช้งานมันได้คล่อง”


ดวงตาจู๊ดส่องประกายทันที


“จำได้”


“…?”


“จู๊ด · จำ · องค์ชาย · ไชน์นิ่ง · ได้”


“…”


หลังจากนั้น ไชน์นิ่ง ถูกอัศวินคนแรกของราชาโอเวอร์เกียร์นำทางเข้าไปในวัง นับเป็นการต้อนรับที่ค่อนข้าง VIP


ดวงตาไชน์นิ่งพลันลุกวาวในวินาทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในมหาราชวังอันงดงามซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีบรรลุนิติภาวะ


ไม่ใช่แค่มหาจักรพรรดิและสามดยุค แต่ยังรวมถึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นราชาเผ่าวารีหรือออร์คลอร์ด


นอกจากนั้นยังมีตระกูลราชวงศ์จากอาณาจักรห่างไกลที่มักไม่ค่อยเปิดเผยตัว


แต่ในหมู่แขกพิเศษทั้งหมด สตรีคนหนึ่งงดงามโดดเด่นกว่าใคร


แม้แต่กริดก็ยังไม่สบายใจกับการปรากฏตัวของเธอ


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,881

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

  1. อย่าบอกนะว่าแมรี่โรสมาอะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00