จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,401
เวทโลหิตไม่ถูกยอมรับให้เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง เพราะลำพังความพยายามกับทัศนคติไม่ช่วยให้ร่ำเรียนสำเร็จ
เวทโลหิตเป็นพลังที่เกิดจากสายเลือด มีรากฐานมาจากพลังของเบริอาเช่เท่านั้น
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งมีชีวิตที่สืบทอดเศษเสี้ยวโลหิตและพลังของเบริอาเช่อย่างแวมไพร์ สามารถใช้เวทโลหิตได้ทุกตน
และในทางกลับกัน สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่แวมไพร์ย่อมไม่สามารถ
กริดอาจมีสมญานามราชาโลหิต แต่เวทโลหิตที่เรียนได้ก็ถูกตีกรอบให้เหลือแค่เวทมนตร์ของ ‘แวมไพร์ทายาทที่สาบานว่าจะจงรักภักดี’ (ชนิดของเวทมนตร์อ้างอิงจากอุปนิสัยของกริด)
นั่นแปลว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งมิอาจใช้พลังเวทโลหิตได้อย่างสมบูรณ์ ย่อมไม่สามารถสลายเวทโลหิตของแมรีโรสซึ่งเป็นจุดสุดยอดของแวมไพร์
แต่สิ่งนั้นกลับเกิดขึ้น กริดทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำเร็จ
ดวงตากลมกลึงของแมรีโรสกะพริบสองหนขณะจ้องหน้ากริด ก่อนจะรวบรวมสติและถามกลับ
“ยังจำวันแรกที่เราพบกันได้ไหม”
สายตาของเธอแฝงความรักใคร่เจือสงสัย
เมอร์เซเดสที่รับรู้ถึงอารมณ์อีกฝ่ายได้ด้วยเนตรมองทะลุ ทวีความเกลียดชังต่อแมรีโรส
แน่นอน กริดย่อมไม่ทราบ
“จำได้สิ”
ตามต่อด้วย
“…ฉันเกือบโดนเธอกิน”
ร่างกายชายหนุ่มกำลังสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุม
ย้อนกลับไปในตอนแรกที่ได้พบแมรีโรส
ทุกครั้งที่เห็นเธอ ‘ยิ้ม’ พลางดูดเลือดนักบวชนักต้มตุ๋นที่ชื่อตงพยุกหรือคันปุงกิอะไรสักอย่าง สมองของชายหนุ่มพลันขาวโพลนด้วยความกลัว
“…”
“…”
สายตาแมรีโรสและเมอร์เซเดสพลันดำมืด สองสาวเงียบงันสักพักก่อนจะพูดออกมาพร้อมกัน
“ข้าเกือบจะกินเจ้า… นั่นคือความทรงจำเดียวในวันแรก?”
“นี่เธอ…! เล็งพรหมจรรย์ของฝ่าบาทไว้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ!”
“หืม~ เธอนี่ไร้เดียงสาจังเลยนะ”
“ต…ต้องการจะพูดอะไร!”
เดิมที กริดอยากผ่อนคลายความตึงเครียดของบรรยากาศ
แต่หลังจากขบคิดสักพัก มันเลือกจะเงียบไว้ เพราะในสถานการณ์ที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ การไม่เคลื่อนไหวส่งเดชคือทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอ สิ่งนี้เป็นความรู้ที่ตกผลึกมาจากประสบการณ์
โชคดีที่แมรีโรสไม่คิดร้ายต่อเมอร์เซเดส เธอมองเมอร์เซเดสที่กล้าขึ้นเสียงใส่ เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตน่ารักๆ ตัวหนึ่ง
กริดยืนฟังบทสนทนาของสองสาวสักพักก่อนจะเริ่มเข้าใจ
‘คงเพราะเนตรมองทะลุสินะ…’
พลังที่แม้แต่ทวยเทพยังหวาดระแวง พลังที่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อตัวตนระดับจอมอสูร
พลังที่แมรีโรสปรารถนาจะได้มาเป็นพวก
‘เข้าใจแล้ว… หนึ่งในเหตุผลที่แมรีโรสสนใจเรา เพราะฝั่งเรามีเมอร์เซเดส’
เธอคิดว่าการครอบครองเรา เทียบเท่ากับการครอบครองเมอร์เซเดส
‘หลักการเดียวกับซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง…’
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเป็นเพียงสินค้าในร้านสะดวกซื้อ
แต่นั่นไม่สำคัญ กริดหวังเพียงการสร้างความสัมพันธ์กับแมรีโรส – หนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก จึงไม่สนว่าตนจะต้องเป็นสินค้าหนึ่งแถมหนึ่งหรือไม่
ขณะมันครุ่นคิด บรรยากาศเริ่มเย็นลง เมอร์เซเดสกลับมามีเหตุมีผล ส่วนแมรีโรสก็เลิกแกล้งอีกฝ่าย
“กริด”
“อา…”
“ข้าไม่มีวันลืมครั้งแรกที่ได้พบเจ้า”
“…”
หรือว่าเธอประหลาดใจที่เราต้านทานอาการผิดปรกติ?
แมรีโรสยิ้มให้กับกริดที่พยายามนึกหาเหตุผล
“ก่อนจะถูกเจ้าปลดปล่อย โลกนี้มองข้าเป็นสัตว์ประหลาดและภัยพิบัติที่น่าหวาดกลัวมาตลอด… แต่เจ้าผู้ปลดปล่อยข้ากลับยังเยือกเย็น ราวกับไม่คิดว่าตัวเองกระทำความผิดลงไป”
‘…จำได้แล้ว’
ในตอนนั้น กริดไม่ได้สนใจตัวตนแมรีโรสเลยสักนิด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แค่พยายามเอาตัวให้รอดจากการถูกผู้เล่นหลอกมาฆ่า
ต่อให้รู้ว่าแมรีโรสเป็นอันตรายต่อโลก แต่กริดก็ยังจะทำแบบเดิม เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว มันยังเป็นคนเห็นแก่ตัวและไม่ได้แยแสความเป็นไปของมนุษย์ ไม่สนใจสันติภาพของโลก จึงไม่รู้สึกผิดที่ตัวเองทำลายผนึกให้สัตว์ประหลาด
“เจ้าปลดผนึกข้าและสบตากลับอย่างมั่นใจ… ข้ามีความสุขมากที่เจ้าไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวหรือตั้งตัวเป็นศัตรู… นั่นคือครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา ที่ข้าถูกปฏิบัติตัวในฐานะแมรีโรส มิใช่ทายาทผู้สืบทอดเบริอาเช่”
“…”
ในความเป็นจริง แมรีโรสไม่ใช่ทั้งภัยพิบัติหรือสัตว์ประหลาด
วีรกรรมชั่วร้ายที่ถูกบันทึกไว้มีเพียงการทำร้ายสันตะปาปาเครย์เชอร์และบุตรีแห่งรีเบคก้าทั้งสาม
อาจมีการบันทึกว่าเธอดูดเลือดมนุษย์ แต่นั่นเป็นบาปตามธรรมชาติที่แวมไพร์ต้องโดนตราหน้า
‘และในความเป็นจริง เครย์เชอร์ตายด้วยฝีมือแพ็กม่า… มิใช่แมรีโรส’
แมรีโรสอาจไม่เคยทำร้ายมนุษย์เลยก็ได้
สาเหตุที่เธอถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาด หลักๆ คงเพราะเป็นทายาทสืบทอดเบริอาเช่
“ประการแรก ข้าขอขอบใจที่เจ้าช่วยปลดผนึกให้… อันที่จริง ข้าสามารถปลดผนึกเอง แต่นั่นก็ลำบากและวุ่นวายพอสมควร ข้าจึงปล่อยวางมาตลอด… ถึงโลงศพที่ผนึกข้าในตอนนั้นจะค่อนข้างแย่และมักทำให้ข้าฝันร้ายก็เถอะ”
‘เครย์เชอร์… ไอ้ตาแก่ตัณหากลับ’
เครย์เชอร์ไม่ลังเลเลยที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นโลงศพฝังอีโก้ เพราะมันปรารถนาจะโอบกอดแมรีโรสไปตลอดกาล
มีความคิดแย่ๆ ประเภทใดบ้างที่ถูกส่งผ่านไปถึงแมรีโรสขณะเธอนอนหลับ?
แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว
“หลังจากนั้น ผ่านมาหลายปี เจ้าได้กลายเป็นราชาโลหิตผู้มีคุณสมบัติจะเป็นคู่ชีวิตของข้า แถมยังมีพลังเจ้าโลหิตอยู่กับตัวอีก… แบบนี้ไม่เรียกว่าพรหมลิขิตแล้วจะเป็นอะไรไปได้”
‘เจ้าโลหิต’ คือทักษะที่ติดมากับซับในของเบริอาเช่ ช่วยทำให้ผู้สวมต้านทานต่อเวทโลหิตทุกชนิด แต่ก็มีระยะหน่วงนานห้านาที
โชคดีที่แมรีโรสไม่ใช่ศัตรู ไม่อย่างนั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะทนรับพายุเวทโลหิตที่โหมกระหน่ำจากอีกฝ่าย
แมรีโรสตั้งคำถาม
“พิจารณาจากการที่เจ้ามีพลังเจ้าโลหิต… เคยลงไปในนรกมาแล้วใช่ไหม?”
“…รู้ดีจังนะ”
“เจ้าคงเคยได้ยินจากบราฮัมมาบ้างแล้ว ข้าจำเป็นต้องทำตามความประสงค์ของท่านแม่ การเตรียมตัวต่างๆ ในนรกจึงยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ”
‘การเตรียมตัว…’
เลอราเฆ่ จอมอสูรแห่งการดิ้นรน บุคคลที่เบริอาเช่เคยฝากฝัง
ยามนี้ เธอพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นคนสำคัญของนรก หากแมรีโรสตัดสินใจบุกนรกเมื่อไร เลอราเฆ่ต้องกลายเป็นประโยชน์ได้แน่
“ข้าคิดว่าเหมาะสมแล้ว ที่เจ้าตัดสินใจสวมซับในของท่านแม่”
“…?!”
ในฐานะอัศวิน เมอร์เซเดสเปลี่ยนสีหน้าไม่บ่อยครั้งนัก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านาย
ทว่า เหตุผลที่เธอจ้องกริดด้วยสายตาตกตะลึง เพราะคำพูดจากปากแมรีโรสนั้นยากจะให้ทำใจยอมรับ
กริดรีบอธิบายอย่างลนลาน
“ซ…ซับในของเบริอาเช่สามารถปรับขนาดให้ตรงตามรูปร่างผู้สวมใส่!”
“ค่ะ ดิฉันเชื่อ…”
“เธอต้องเชื่อฉัน!”
บรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วน
แมรีโรสคือศัตรูที่รับมือได้ยาก กริดจึงไม่อยากอยู่ในสภาพนี้นานนัก
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากรีบถามเข้าประเด็น
“ราชาโลหิตคืออะไรกันแน่? จากที่เคยได้ยิน ราชาโลหิตน่าจะเป็นผู้ปกครองสูงสุดของแวมไพร์ แต่ทำไมเธอถึงทำเหมือนกับฉันไม่ใช่ราชา?”
“เจ้าคือราชา และนั่นคือเหตุผลที่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิตของข้า”
“ทำไมราชาโลหิตต้องเป็นคู่ชีวิตของเธอ?”
“ข้ามีทายาทกับราชาโลหิตได้เพียงผู้เดียว… ทายาทของพวกเราจะทรงพลังยิ่งกว่าทายาทของท่านแม่ และเด็กๆ เหล่านั้นจะกลายเป็นกองทัพสำหรับพิพากษานรก”
“ถ้าฉันปฏิเสธ… แผนการแก้แค้นของเธอจะดำเนินต่อได้ไหม?”
ดวงตาแมรีโรสพลันลุกวาว
เธอจ้องกริดด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถามพร้อมรอยยิ้มขื่นขม
“เจ้าเป็นห่วงผลลัพธ์ของแผนการแก้แค้น… มากกว่าสถานะราชาโลหิตของตัวเองอีกหรือ?”
“ถ้าราชาโลหิตคือผู้กำหนดชะตากรรมของเธอและแวมไพร์… ฉันก็ไม่พร้อมจะรับมันไว้”
กริดพูดเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ แล้วก็เป็นไปตามคาด
[ค่าความสัมพันธ์กับแวมไพร์ดยุค แมรีโรส เพิ่มขึ้น 5 หน่วย]
“ฮุฮุ… เจ้าน่ารักอย่างที่คิด… ทำไมถึงไม่ยอมมีทายาทกับข้า? ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองมีรูปลักษณ์และรูปร่างที่ดี นิสัยก็ไม่ได้เลวร้าย ไม่มีเหตุผลให้เจ้าต้องปฏิเสธ”
ไม่ใช่แค่ ‘ไม่แย่’ แต่ทั้งรูปร่างและรูปลักษณ์ของเธออาจจะดีที่สุดในโลกแล้ว
อย่างไรก็ตาม กริดยังคงยืนกราน
“ฉันมีคนรักอยู่แล้ว”
“มีเพิ่มอีกสักคนมันผิดตรงไหน?”
“คนปัจจุบันยังดูแลได้ไม่ดีเลย…”
“…”
กริดก้มหน้าลง ความเกลียดชังในแววตากำลังพุ่งเข้าหาตัวเอง
แมรีโรสเฝ้ามองอย่างเงียบงันพลางเผยรอยยิ้มเจือความเศร้า แน่นอน กริดที่ก้มหน้าย่อมไม่เห็น
“ไม่ต้องห่วง ถึงเจ้าจะปฏิเสธการมีทายาท แต่แผนการก็ยังดำเนินต่อไปได้… อย่างไรก็ตาม หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบาก หน้าที่ของราชาโลหิตคือการแก้แค้นให้ท่านแม่ ในเมื่อเจ้าปฏิเสธการมีทายาทเพื่อส่งพวกเขาไปถล่มนรก เจ้าก็ต้องลงมือด้วยตัวเอง”
แต่ถ้ากริดยังยืนกรานจะไม่ร่วมมือในแผนแก้แค้น สถานะของราชาโลหิตจะหายไปทันที
“เข้าใจแล้ว”
กริดเงยหน้าขึ้นมาจ้องแมรีโรส
“ฉันจะสู้ไปพร้อมกับเธอ… จะเป็นพลังให้เธอ”
“เจ้าเป็นคนดี… จริงๆ”
[ค่าความสัมพันธ์กับแวมไพร์ดยุค แมรีโรส เพิ่มขึ้น 5 หน่วย]
“เอาแบนนั้นก็ได้… ถึงจะน่าเสียดาย แต่ข้าเคารพการตัดสินใจ… อย่างไรก็ตาม หากข้าต้องการความช่วยเหลือและเจ้าเพิกเฉย ถึงตอนนั้น ข้าจะบังคับให้เจ้ามีทายาทกับข้า”
[ค่าความสัมพันธ์กับแมรีโรสสูงกว่า 10 หน่วย ท่านสำเร็จภารกิจ ‘ความลับเบื้องหลังการกำเนิดราชาโลหิต’ ]
[ท่านได้รับข้อมูลใหม่เป็นรางวัลสำเร็จภารกิจ]
<ความลับเบื้องหลังการกำเนิดราชาโลหิต>
หลังจากท่องไปในโลกของมนุษย์อย่างโดดเดี่ยว เบริอาเช่ตระหนักถึงความเจ็บปวดที่ต้องอยู่ตามลำพัง จึงจัดเตรียมหลายสิ่งให้แมรีโรส หนึ่งในนั้นคือราชาโลหิต ผู้ปกครองสูงสุดเหนือแวมไพร์ทั้งปวงจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับแมรีโรสและให้กำเนิดทายาทชุดใหม่ แตกต่างจากเบริอาเช่ที่ต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียว
[คุณสมบัติลับของราชาโลหิตถูกเปิดเผยหลังจากท่านได้รับข้อมูลใหม่]
<ราชาโลหิต>
ประเภท : ติดตัว
★ สามารถสมรสกับแมรีโรส
* สามารถมีทายาทหลังจากสมรส
★ ทุกครั้งที่ค่าความสัมพันธ์กับแมรีโรสเพิ่มขึ้น คำสาปเกียจคร้านที่ครอบงำแมรีโรสจะบรรเทาลง
* ทุกครั้งที่คำสาปเกียจคร้านในตัวแมรีโรสบรรเทาลง ค่าสถานะทั้งหมดของเธอจะเพิ่มขึ้น 10% เพิ่มได้สูงสุด 150%
★ เวทโลหิตจะแสดงศักยภาพได้เต็มที่เมื่อบรรลุเงื่อนไขที่กำหนด
เวทโลหิตจะมีลักษณะตรงตามนิสัยของท่าน
★ สามารถมอบอิสรภาพให้แวมไพร์ทายาทหากบรรลุเงื่อนไขที่กำหนด
* แวมไพร์ที่ได้รับอิสระจะหลุดพ้นจากคำสาปเกียจคร้าน
“…”
ปัจจุบัน กริดมีเวทโลหิตทั้งสิ้นห้าชนิด ประกอบด้วย ‘ถ่ายโอนโลหิตขั้นสูงสุด’ จากการปลดปล่อยเอลฟินสโตน ‘คืนชีพกระแสเลือด’ จากการปลดปล่อยทีราเม็ท และ ‘คลื่นกระแสเลือด’ กับ ‘ดาบโลหิต’ จากการปลดปล่อยเครย์และเยติม่า นอกจากนั้นยังมีบัฟวงกว้าง ‘โลหิตหวนกลับ’ ของโนลล์
บราฮัมสูญเสียพลังแวมไพร์ไปแล้ว ส่วนแมรีโรสก็ไม่ได้รับอิทธิพลจากราชาโลหิต กริดจึงคาดว่าตนน่าจะได้รับเวทโลหิตอีกไม่เกินสามชนิด
แต่เมื่อได้ทราบความจริง ชายหนุ่มมองเห็นโอกาสใหม่
ราชาโลหิตสามารถบรรเทาคำสาปเกียจคร้านของแมรีโรสได้ หากเธอเป็นอิสระจากคำสาป ย่อมมีแนวโน้มว่ากริดจะได้รับเวทโลหิตที่เกี่ยวข้อง
‘แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าเสียดาย…’
ศักยภาพที่แท้จริงของราชาโลหิตคือการได้แต่งงานกับแมรีโรสและผลิตทายาท
สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้นเพราะกริดไม่อยากแต่งงานกับเธอ
ขณะชายหนุ่มกำลังเม้มปากตำหนิตัวเอง
[เทพโอเวอร์เกียร์กริด ปฏิเสธการสมรสกับแวมไพร์ดยุคแมรีโรส]
[แมรีโรสไม่สามารถสร้างทายาทสายเลือดตรงและดำเนินการตามแผนที่ดีที่สุดได้ ดังนั้น เพื่อจะเพิ่มจำนวนประชากรแวมไพร์ ‘บ่อเลือด’ ที่ซ่อนอยู่ทั่วทวีปจึงถูกเปิดออก]
[ผู้เล่นปัจจุบันสามารถเปลี่ยนสายพันธุ์เป็นแวมไพร์ได้ด้วยการใช้ ‘บ่อเลือด’ และผู้เล่นใหม่สามารถสร้างตัวละครเผ่าพันธุ์แวมไพร์ได้ทันที]
[แวมไพร์ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การปกครองของราชาโลหิต]
ข้อความโลกปรากฏขึ้น
หลังจากเผ่าพันธุ์ที่สองอย่างออร์คถูกเปิดให้ผู้เล่นเข้าถึง ทุกคนต่างยินดีเมื่อทราบว่ามีเผ่าพันธุ์ที่สามให้เลือกเล่นเพิ่ม
ทว่า ความชื่นมื่นแปรเปลี่ยนเป็นคำสบถด่าอย่างรวดเร็ว
กริดซึ่งถูกสรรเสริญเยินยอมานานหลายปี ในวันนี้มีข้อยกเว้น
= กริดต้องเสียสติไปแล้วแน่…
= ไอ้หมอนั่นปฏิเสธแมรีโรส!
= คิดว่าตัวเองเจ๋งนักรึไงฟะ! XX!
= ชิ! ไอ้กริดสมองหมา! ถ้าฉันเป็นเขา จะทำเรื่องอย่างว่ากับแมรีโรสทุกวัน… อ๊า! บัดซบ! บัดซบที่สุด!
= อิจฉาชะมัด
= อิจฉาจริงโว้ย…
ทุกคนย่อมทราบว่าแมรีโรสงดงามเพียงใด อาจเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกซาทิสฟายแล้ว
ผู้ชายที่เคยค้นหาใบหน้าของแมรีโรสในอินเทอร์เน็ตสักครั้ง จะตกหลุมรักเธอทันที แม้แต่คนที่ไม่ได้เล่นซาทิสฟายก็ยังเคยเห็นหน้าของเธอ
จึงไม่มีใครเข้าใจว่า เหตุใดกริดถึงปฏิเสธ
ฝ่ายชายทั่วโลกต่างทำได้เพียงอิจฉา
ขณะเดียวกัน เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับแค็ทซ์
[พลังเวทของเบริอาเช่ที่แฝงอยู่ในตัว ‘นักรบโลหิต’ กำลังเบ่งบาน]
[ท่านถูกบังคับให้เปลี่ยนเผ่าพันธุ์จากมนุษย์เป็นแวมไพร์ ค่าสถานะและทักษะจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง]
[คลาสลับเกรดอีปิก ‘นักรบโลหิต’ ถูกเปลี่ยนเป็นคลาสลับเกรดแอนเชียน ‘นักรบแห่งเบริอาเช่’ ]
<นักรบแห่งเบริอาเช่>
นักรบที่คอยรับใช้จอมอสูรลำดับ 3 เบริอาเช่
“…จักรเวทมนตร์”
เกรดแอนเชียน (โบราณ) คือสถานะที่เทียบเท่ากับจักรกลเวทมนตร์ มรดกจากสมัยอดีตกาล
ชีวิตแค็ทซ์ต้องเผชิญความผันผวนในช่วงข้ามคืน
มันงุนงงกับสิ่งเหลือเชื่อมากมายที่เกิดขึ้น จนกระทั่งถึงจุดที่ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว
"...จักรเวทมนตร์" อันนี้ต้องเป็นจักรกลเวทมนตร์ปะครับ
ReplyDeleteน่าจะใช่นะครับ
Delete"กลับมาแต่งทีหลังได้ป่าวคับ" กริดแค่ยังกลัวแมรี่โรสยุเฉยๆ เหมือนเมอเซเดส หุหุ. **ต้องเอาเรือหลายๆลำมารวมกันคับ ถึงจะแข็งแรงสมบูรณ์ และสวยงาม 5555+
ReplyDelete