จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,398



“จะไปหาแมรีโรส? หืม… อยากจะทำอะไรก็เชิญ”


กริดไม่ได้มาขออนุญาตบราฮัม เพียงแต่คิดว่า คงเป็นการเสียมารยาทหากแอบไปหาแมรีโรสโดยไม่แจ้งให้ชายคนนี้ทราบ


“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”


กริดคาดหวังท่าทีตอบสนองที่รุนแรง


จากมุมมองของบราฮัม แมรีโรสคือศัตรูคู่อาฆาตที่มีความแค้นต่อกันมายาวนาน


กริดเชื่อว่าบราฮัมคงโกรธเรื่องที่ตนไปพบอีกฝ่าย แต่บราฮัมกลับสุขุมจนน่าประหลาดใจ


“หมายความว่ายังไง? นายจะไปพบใครและทำอะไร นั่นไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่สนด้วยว่านายจะทำลูกกับแมรีโรสหรือไม่”


“ค…คำว่าทำลูกมันออกจะ… ฉันไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย”


กริดรีบมองไปรอบตัวด้วยเกรงว่าจะมีใครแอบฟัง


แมรีโรสทั้งสง่างามและมีเสน่ห์น่าหลงใหล แถมยังมีสัดส่วนความงามใกล้เคียงอุดมคติมากที่สุด แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ รูปลักษณ์ของเธอไม่ใช่รสนิยมของกริด บางที อาจเป็นเพราะสมบูรณ์แบบเกินไปจนมอบความรู้สึกไม่สมจริง


นอกจากนั้น กริดมีคนรักอยู่แล้ว


จะให้มองหาคนใหม่ทั้งที่ยังบริหารเวลาให้คนเก่าได้ไม่ดีพอ?


มันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด เว้นเสียแต่ต้องการถูกตราหน้าว่าไอ้สารเลว


“ที่ฉันหมายถึงก็คือ นายจะร่วมมือกับแมรีโรสหรือไม่ ฉันไม่สน… คิดไปถึงไหน?”


กริดที่เริ่มกระอักกระอ่วน ไอแห้งหนึ่งครั้งและถามตรงไปตรงมา


“แฮ่ม… นายเป็นมิตรกับแมรีโรสได้ไหม?”


บราฮัมทำหน้าสงสัย


“คิดจะทำอะไร?”


คิดจะทำอะไร?


แน่นอนอยู่แล้ว… เราจะสร้างชีวิตในอุดมคติที่ทุกคนได้อยู่กับครอบครัว พวกพ้อง และเพื่อนมนุษย์อย่างสงบสุข…


และวิธีที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้


“กวาดล้างจอมอสูรในขุมนรก ช่วยเหลือสี่เทพผู้พิทักษ์บนทวีปตะวันออก และช่วยเฮ็กเซเทียออกจากคุกนิรันดร์”


“การกวาดล้างจอมอสูร… นี่คือสิ่งที่ข้าและแมรีโรสปรารถนาตรงกัน การร่วมมือกับหล่อนสักพักไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากช่วยให้พวกเราบรรลุวัตถุประสงค์… ความรู้สึกส่วนตัวเป็นเพียงเครื่องประดับฟุ่มเฟือยเมื่ออยู่ต่อหน้าเหตุและผล”


จอมเวทคือคนฉลาด ตราบเท่าที่บราฮัมมองตนเป็น ‘จอมเวท’ มากกว่า ‘แวมไพร์’ คงยอมมองข้ามความเกลียดชังที่มีต่อแมรีโรสไปได้ชั่วคราว


กริดนึกถึงคาซิม ชายผู้ยอมกล้ำกลืนความแค้นที่มีต่อจักรวรรดิ เพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ใช่แล้ว ทั้งคาซิมและบราฮัมล้วนเป็นคนดี


“อา…”


ปัจจุบัน ลอร์ดวิ่งไปได้ไกลเกินกว่าเนตรบาร์บาทอสจะมองเห็น


กริดหวนนึกถึงบทสนทนาระหว่างตนและบราฮัม พลางตัดสินใจท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามพลบค่ำ


‘ไปกันเลย’


ชายหนุ่มเชื่อโดยสัญชาตญาณว่า ตนเลี่ยงการพบหน้าแมรีโรสไม่ได้ และจะให้อ้างว่ามีภรรยาแล้วก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น


ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองฝ่ายก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กันในอนาคต จึงเป็นการดีกว่าหากจะสร้างความสัมพันธ์เอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ


และเหนือสิ่งอื่นใด บราฮัมมิได้กังวลว่าแมรีโรสจะทำอันตรายกริด มันทราบดีว่าอีกฝ่ายมีนิสัยอย่างไร


“ฝ่าบาท”


เมอร์เซเดสเดินเข้ามาทักกริดที่กำลังจะไป


“ดิฉันขอไปด้วย”


ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงเจตจำนงที่ดื้อรั้นจากดวงตาหญิงสาว


กริดพยักหน้ารับ


“ตกลง… ตามมาสิ”


“…?”


เมอร์เซเดสพลันสับสน


หน้าที่ของเธอคือการปกป้องกริดก็จริง แต่อีกฝ่ายมักไม่ยอมให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องในสถานการณ์อันตราย


แต่ตอนนี้กลับยอมให้ไปด้วยกันง่ายๆ?


ถึงจะประหลาดใจ แต่ขณะเดียวกันก็โล่งอก


‘นึกว่าเขาจะเดินทางไปเสี่ยงอันตรายอีก… ครั้งนี้คงไม่ใช่สินะ'


ถ้าอย่างนั้น คงมีเวลาให้เดินกินลมชมวิวกันสองต่อสอง


ขณะเมอร์เซเดสคาดหวัง แววตาของเธอพลันเหม่อลอยเมื่อตามกริดไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย


ที่นี่คือเมืองแวมไพร์แห่งเดียวที่ยังไม่ถูกกว้างล้าง


ไม่สิ ไม่ปัญญาจะกวาดล้างมากกว่า


กริดยืนอยู่หน้าทางเข้าซึ่งเป็น ‘ดินแดนของเธอ’


หรืออีกชื่อหนึ่งคือ บ้านของแวมไพร์ดยุคแมรีโรส


“…”


หลังจากผ่านวาร์ปเกตมายังเมืองเรย์ดัน เธอไม่คาดคิดว่าปลายทางจะเป็นที่นี่


เหตุใดฝ่าบาทถึงมาเยือนสถานที่ที่ควรเลี่ยงมากที่สุด?


ฝ่าบาทแอบมีใจให้แมรีโรส?


ปลายผมเมอร์เซเดสสั่นระริกแผ่วเบาขณะหวนนึกถึงความงามอันน่าตกตะลึงของแมรีโรส ผู้เข้าร่วมพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะขององค์ชายลอร์ดโดยไม่ได้รับเชิญ


อย่างไรก็ตาม เมอร์เซเดสยังคงเก็บอาการ


กริดจ้องเส้นผมสีฟ้าของอีกฝ่าย


สิ่งนี้คือชีวิตชีวาเดียวท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้งและแสงแดดร้อนระอุ


“คงเห็นด้วยเนตรมองทะลุแล้วใช่ไหม? แมรีโรสแข็งแกร่งมาก บางที แม้แต่มังกรก็คงไม่กล้าเพิกเฉยหล่อน”


เมอร์เซเดสไม่ปฏิเสธ


แมรีโรสที่เธอได้พบในพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะขององค์ชาย อยู่คนละมิติกับพวกตนโดยสิ้นเชิง


เธอเคยเชื่อว่าตนแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากร่วมมือกับกริดปราบเฮลกาโอสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นกลับทำได้เพียงสิ้นหวังเมื่อต้องเผชิญหน้าแมรีโรส


ไม่ใช่แค่ความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ ตัวตนของแมรีโรสพิเศษกว่านั้นมากเมื่อเทียบกับแวมไพร์ทายาทอื่นๆ ที่คอยรับใช้กริด


ราวกับแก่นสารต้นกำเนิดในตัวเธอแตกต่างจากทุกคน


“บางที พลังของแมรีโรสอาจเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องพึ่งพา…”


เมอร์เซเดส เจ้าของเนตรมองทะลุ และแกรนมาสเตอร์ซิกเฟรคเตอร์ มนุษย์สองคนที่มีศักยภาพสูงที่สุด


เดิมที พวกเขาถูกกำหนดให้ต้องตายในภัยพิบัติ เรื่องราวในช่วงหลังของซาทิสฟายจึงถูกออกแบบมาให้ดำเนินไปโดยไม่มีสองคนนี้


ทว่า มนุษย์จะเดินต่อไปอย่างไรหากปราศจากแมรีโรส?


กริดเชื่อว่าถ้าเธอตายไป เผ่าพันธุ์มนุษย์คงถึงคราวจบสิ้น


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่เทพยาธานขับไล่เบริอาเช่แทนการฆ่า


มันคงจนปัญญาจะฆ่า…


กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังของแมรีโรสที่ก้าวข้าวเบริอาเช่ไปแล้ว มีสิทธิ์ก้าวไปถึงระดับของเทพ


ในทางกายภาพ คงเป็นเรื่องยากมากที่จะสังหารหล่อน


“แมรีโรสเกิดมาโดยต้องแลกกับชีวิตของเบริอาเช่ และมีหน้าที่ต้องแก้แค้นให้มารดา… ศัตรูตามธรรมชาติของเธอจึงเป็นยาธาน เทพมารที่ขับไล่เบริอาเช่ออกจากขุมนรก รวมถึงจอมอสูรที่คอยรับใช้มันทั้งหมด”


“…ฝ่าบาทคิดว่าพวกเราสามารถร่วมมือกับเธอได้?”


กริดตอบกลับอย่างมั่นใจ


“ใช่”


ได้ยินเช่นนั้น เมอร์เซเดสขจัดความคลางแคลง


“ดิฉันตามฝ่าบาทไปด้วย หากหล่อนไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวกัน ดิฉันจะลงทัณฑ์ให้ถึงที่สุด แม้ว่าอาจต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”


“…อย่าทำแบบนั้น”


ถ้าจะตาย พวกเราต้องตายด้วยกัน…


***


“นี่คือคำเตือน? ทำตัวเด็กน้อยชะมัด”


เด็กชายคนหนึ่งยืนมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกกรุงไรน์ฮาร์ทพลางส่ายหน้า


ร่างกายที่ค่อนข้างผอมและผิวพรรณขาวซีด ดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี


ชายอีกหนึ่งคนในผ้าคลุมที่ดูเหมือนจะมาด้วยกันและยิ่งทำให้น่าสงสัยขึ้นไปอีก กล่าวโดยไม่แยแส


“หมายถึงอะไร?”


“ภูเขาพวกนี้”


เด็กชายชี้ไปทางเศษหินและกรวดน้อยใหญ่


เดิมที ผู้ชายในเสื้อคลุมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการทำลายอาคาร


แต่ความจริงแล้วคือภูเขา?


เด็กชายเล่าต่อ


“พวกมันเกิดจากดิสอินทิเกรต”


“ดิสอินทิเกรต…”


มหาเวทในตำนานที่ถูกกล่าวขานว่าทรงพลังที่สุดในบรรดาเวทมนตร์ไร้ธาตุ


เท่าที่ข้อมูลของมนุษยชาติเคยปรากฏ คนเดียวในโลกที่สามารถใช้งานดิสอินทิเกรตได้คือบราฮัม หนึ่งในขุมกำลังที่แข็งแกร่งและคอยเป็นมือเป็นเท้าให้กริด


ขณะสีหน้าของชายในเสื้อคลุมเริ่มบิดเบี้ยว เด็กชายกล่าวต่อ


“บราฮัมทิ้งร่องรอยว่าตนอยู่แถวนี้เพื่อไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถือเป็นการแสดงอาณาเขตประเภทหนึ่ง”


“คึคึคึก… ทำลายภูเขาทั้งลูกเพียงเพื่อแสดงอาณาเขต… ต้องใจร้อนขนาดไหนกัน”


“จิตของเจ้านั่นไม่ปรกติ แม้แต่ข้าเองก็ไม่อยากจะรับมือ”


ขณะชายสวมเสื้อคลุมกำลังหัวเราะ เด็กชายขมวดคิ้ว


“ขอดูบัตรประจำตัว”


ทหารจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาล้อมพวกมัน


ดูเหมือนว่า ชาวเมืองที่เดินผ่านมาผ่านมาจะไม่ได้เพิกเฉยต่อความน่าสงสัยเสียทีเดียว


คิดว่าเราเป็นพวกทารุณเด็กรึไง?


เด็กชายกระซิบกระซาบขณะชายสวมเสื้อคลุมกำลังฉงน


“เชือดทิ้งให้หมดเลยดีไหม?”


“ไม่อยากเผชิญหน้ากับบราฮัมไม่ใช่หรือ? ถ้าสร้างความวุ่นวายที่นี่ บราฮัมต้องออกมาแน่”


“แล้วแต่เจ้าเลย ข้าเห็นด้วยเสมอ ตราบใดที่เจ้ายังเป็นนายของข้า”


เด็กชายที่พูดห้วนๆ ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘พอลด์’ มหาจอมเวทที่โลดแล่นอยู่ในยุคสมัยเดียวกับบราฮัม


พอลด์เป็นตำนานไม่ได้เพราะทุกๆ ด้านล้วนต่ำกว่าบราฮัม ไม่ว่าจะทักษะหรือความสำเร็จ


แต่ถึงอย่างนั้น พอลด์ก็ยังถูกขนานนามให้เป็นมหาจอมเวท


เมื่อหลายเดือนก่อน มันคืนชีพกลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายร้อยปี ด้วยการกินโสมคุนลุ้นและกลายเป็นลิช


ดังนั้น เจ้านายของมันจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…


“ขอโทษนะครับ กรุณาให้ความร่วมมือด้วย”


“ได้สิ… ต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ขอโทษที่ตอบช้า”


ไม่ใช่ใครนอกจากแอ็กนัส


หลังจากถูกทหารรบเร้า มันถอดเสื้อคลุมออกพลางฉีกยิ้มกว้างและส่งบัตรประจำตัว


ทหารตรวจสอบและยืนยันว่า ชายคนนี้ชื่อฮาเวล อายุสามสิบห้า อาชีพช่างฝีมือ อาศัยอยู่ในจักรวรรดิซาฮารันและกำลังเลี้ยงดูแม่กับลูกชายคนเล็กที่ไม่ค่อยแข็งแรง


บัตรประจำตัวไม่มีปัญหา ทว่า ทหารโอเวอร์เกียร์ขึ้นชื่อในด้านความรอบคอบ


“ลูกชายของคุณหรือ?”


“ครับ ความฝันของลูกชายผมคือการเป็นช่างฝีมือ เมื่อทราบว่าผมจะแวะมาหาอลิซาเบธ เขารบเร้าจะตามมาให้ได้ทั้งที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก”


“อืม…”


ขณะทหารเตรียมจะขอดูบัตรประจำตัวของเด็กชาย มันเกิดความลังเลเล็กๆ


มองผิวเผินก็ดูเหมือนเด็กชายขี้โรคและคุณพ่อตัวผอมซูบธรรมดาๆ ที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาย


เนื่องจากบัตรประจำตัวของพ่อไม่มีปัญหา พวกมันจึงไม่อยากเข้มงวดเกินไปนัก


ทว่า ทหารอาวุโสกลับคิดต่าง


พวกมันเข้ามาตรวจสอบเพราะได้รับแจ้งจากประชาชน จึงต้องดำเนินขั้นตอนไปตามระเบียบ


“ขอดูบัตรประจำตัวของลูกชาย”


“นี่ครับ”


“อืม… ความสัมผัสกับพ่อเป็นยังไงบ้าง?”


“ดีครับ ดีมากๆ”


“ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ ตรวจสอบเสร็จแล้ว ขอให้มีความทรงจำดีๆ ในไรน์ฮาร์ท”


“ขอบคุณครับ”


แอ็กนัสพยักหน้าให้ทหารและเดินผ่านทุ่งนาจนกระทั่งถึงประตูเมือง จากนั้นก็เดินผ่านไปอย่างราบรื่น


พอลด์หัวเราะ


“ไม่อยากเชื่อว่านายจะปลอมตัวโดยการสวมหนังของศพ ถึงจะน่าขยะแขยงไปสักหน่อย และยังเหมือนกับสิ่งที่พวกอสูรชอบทำ แต่ก็ได้ผลดีอย่างน่าเหลือเชื่อ”


“คนเสียสติที่เปลี่ยนตัวเองเป็นลิชมีสิทธิ์พูดด้วยหรือ? …ฟุดฟิด”


แอ็กนัสเริ่มสูดดมกะทันหันเพราะมันได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ปลายจมูก


แต่กลับกลายเป็นว่า กลิ่นดังกล่าวมาจากร่างกายตัวเอง


หนังของศพที่สวมอยู่เริ่มเน่าเปื่อย ดูเหมือนว่าต้องเปลี่ยนศพใหม่ก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานอลิซาเบธ


มันไม่อยากถูกใครพบตัวจนเกิดความวุ่นวาย


จุดประสงค์เดียวของการมาเยือนไรน์ฮาร์ทในวันนี้ก็คือ รวบรวมวัสดุที่จำเป็นเพื่อให้ไปพอลด์นำไปสร้างของวิเศษ


อลิซาเบธคือช่างทำเครื่องประดับระดับช่างฝีมือ และเธอสามารถสิ่งที่แอ็กนัสต้องการ


ถึงจะต้องเสียเงินมากหน่อย แต่ก็…


“ไปหาสุสาน… ต้องเป็นสุสานส่วนตัวของตระกูลที่มีศพไม่มาก”


“อ๊บ! เจ้าจะปอดแหกเกินไปแล้ว! นับตั้งแต่อดีตกาล ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลต้องถล่มในทุกที่ที่ย่ำไปถึง! อ๊บ! ในระยะหลัง เจ้าปอดแหกเหมือนกับหนูท่อ อ๊บ!”


ไม่ใช่ใครนอกจากเซพาเดีย มันบ่นขณะกระโดดออกไปค้นหาสุสาน


คางคกตนนี้คือบริวารของจอมอสูรลำดับหนึ่ง บาเอล และมีประโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย


“แถวนี้มีคนเก่งอยู่ไม่น้อย พวกเราต้องเพิ่มความระมัดระวัง”


เพียงมองผิวเผินก็ทราบทันทีว่า ทหารธรรมดาๆ ที่ดูเหมือนหน่วยรักษาความปลอดภัยไร้พิษสง มีฝีมือค่อนข้างดี


บางที พวกมันอาจถูกพบตัวหากเผลอเดินสวนกับองครักษ์ระดับสูง


พอลด์รีบสะกดพลังเวทของตนและหันไปเตือนแอ็กนัส


แอ็กนัสมองตรงไปทางรั้วลานฝึกพลางพยักหน้า


“ฉันรู้…”


เป้าซ้อมยิงจำนวนมากในลานฝึกทหารมีร่องรอยของลูกศรปัก ‘เฉพาะกึ่งกลาง’


ลานกว้างของโรงเรียนหลวงอัดแน่นไปด้วยพลังภูตธาตุ


หอเวทมนตร์กำลังแผ่ปริมาณพลังเวทท่วมท้นตลอดเวลา


จากภายนอก กรุงไรน์ฮาร์ทดูเหมือนเมืองที่สงบสุข แต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองสักนิด ที่นี่คือเมืองที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด


“ทำตัวเป็นหนูตามที่เซพาเดียบอกกันเถอะ”


หลังจากลูน่า (ที่ถูกเชื่อว่าเป็นตัวจริง) ถูกทำลาย แอ็กนัสก็เปลี่ยนไปทันที


มันอยู่กับความจริงมากขึ้น ทำตัวเหมือนแรงเกอร์คนอื่นๆ เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบและระมัดระวัง


แอ็กนัสที่บ้าคลั่งและไม่แยแสความตาย หายไปจากโลกโดยสมบูรณ์


ความชั่วร้ายที่แท้จริงกำลังจะถือกำเนิด


มารตนใหม่ ราชาอสูร


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,887
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00