จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,399



ตามปรกติแล้ว ในวงการเกม หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกุมอำนาจ ฝ่ายศัตรูจะถือกำเนิดขึ้นเพื่อคอยถ่วงสมดุล


หากกองกำลังเดียวไม่สามารถรับมือไหว พวกเขาจะรวมตัวกันในฐานะพันธมิตรใหญ่


ดังนั้น การที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์สามารถรักษาตำแหน่งสูงสุดของเกมในฐานะผู้เล่นได้นานหลายปี ถือเป็นกรณีพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


เหตุใดถึงไม่มีกลุ่มพันธมิตรต่อต้านโอเวอร์เกียร์?


แน่นอน ส่วนหนึ่งเพราะอาณาจักรโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งเกินหน้าเกินตากลุ่มผู้เล่นอื่นไปมาก


แต่ยังมีเหตุผลที่สำคัญกว่านั้น


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่เคยก่อความผิดพลาดร้ายแรง


ผู้บริหารสูงสุดอย่างลอเอลดำเนินกิจการอาณาจักรด้วยความละเอียดรอบคอบ แทบไม่เคยสร้างความขุ่นเคืองใจให้ผู้คนหมู่มาก แต่จะใช้ระบบต่างๆ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกผู้เล่น โดยแลกมากับกำไรเล็กๆ น้อยๆ


ไม่มีการบังคับใช้อำนาจในทางที่ผิด ไม่มีพฤติการณ์ปกครองแบบทรราช


นอกจากนั้น วีรกรรมของกริดยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ภายนอกของอาณาจักร


ดูได้จากพิธีบรรลุนิติภาวะของลอร์ดเมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อความปลอดภัยของแขกผู้มีเกียรติ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เลือกจะจัดพิธีการเล็กๆ และเป็นส่วนตัว ทางเข้าวังหลวงถูกปิดกันรอบทิศ และมีการวางแนวรั้วเพื่อมิให้บุคคลภายนอกเข้าถึงจุดจัดงานได้ง่ายนัก


แต่กระนั้นก็ไม่ได้หยุดความต้องการที่จะเฉลิมฉลองของผู้คน ประชาชนมากมายออกมาฉลองบนท้องถนนทุกสายทั่วกรุงไรน์ฮาร์ท ร้องตะโกนชื่อกริดและลอร์ดกู่ก้อง


แม้ช่วงเวลาจะตรงกับงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ แต่กองกำลังฝ่ายอื่นๆ ก็ไม่มีเหตุผลคือความกล้ามากพอจะลงมือ


“อาณาจักรแห่งนี้จะคงอยู่ไปอีกนับพันปี”


พอลด์พึมพำขณะดื่มด่ำไปกับวิวทิวทัศน์ของกรุงไรน์ฮาร์ท


เมื่อหลายร้อยปีก่อน สมัยยังเป็นมนุษย์ ความรู้สึกมากมายที่มันเคยสัมผัสในจักรวรรดิซาฮารัน กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งภายในมหานครที่เจริญก้าวหน้าแห่งนี้


“ ‘มนุษย์ไร้ยางอาย’ ที่เจ้าคางคงนั่นชอบพูดถึง เป็นผู้ปกครองของที่นี่ใช่ไหม? คงรับมือได้ยากพิลึก”


‘อาณาจักรแห่งนี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะถูกทำลายด้วยพลังของเจ้าเพียงลำพัง และจะกลายเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่คอยกีดขวางเจ้า’


พอลด์กลืนคำเหล่านี้ลงคอ


แอ็กนัสรู้ความจริงข้อนี้อยู่เต็มอก จึงมิได้กล่าวคำใดออกมา


ตัวมันที่ยังไม่ชินกับร่างผมสั้น เผลอเสยผมโดยไม่รู้ตัวขณะพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์


“เมื่อถึงเวลานั้น บาเอลคงไม่ดูอยู่เฉยๆ แน่”


“นั่นสินะ…”


นับตั้งแต่มาอยู่กับแอ็กนัส พอลด์เคยไปเที่ยวนรกหลายครั้ง นั่นรวมถึงการได้พบบาเอล จึงพอจะจินตนาการภาพดังกล่าวออก


ทว่า แอ็กนัสที่เป็นคนพูดกลับไม่ได้เชื่อใจบาเอลเต็มร้อย


‘…แต่ความช่วยเหลือของบาเอลก็คงไม่ได้มากมายอะไรนัก’


จอมอสูรทั้งหมดจะอ่อนแอลงบนโลกมนุษย์ ไม่เว้นกระทั่ง ‘จอมอสูร’ ที่จะอ่อนแอลงสามถึงสี่เท่า


ทว่า บาเอลได้รับผลกระทบหนักกว่านั้นมาก


มันไม่มีสิทธิ์นำร่างเนื้อมายังโลกมนุษย์


หากต้องการสูดอากาศของโลกกึ่งกลาง บาเอลไม่มีวิธีอื่นนอกจากแบ่งจิตออกเป็นส่วนเล็กๆ และส่งเข้าไปในร่างของผู้ทำพันธสัญญา


ไม่ว่าบาเอลจะแข็งแกร่งกว่าจอมอสูรลำดับสามสิบสอง บีเลียล สักเพียงใด แต่ก็ไม่มีวันได้นำร่างเนื้อของตนมาอาละวาดบนโลกมนุษย์


‘อา… นี่คงเป็นเหตุผลที่เราได้รับการดูแลอย่างดี’


ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล เปรียบดังตัวแทนของบาเอลที่ไม่สามารถข้ามภพมายังโลกมนุษย์ และยังเป็นผู้ที่ต้องพิชิตโลกมนุษย์ในนามบาเอล


จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แอ็กนัสจะได้รับความสะดวกสบายในการพัฒนาตัวเอง


ทว่า


‘เราไม่มีทางรู้ว่าเจ้านั่นจะทำตามอำเภอใจตอนไหน’


จู่ๆ บาเอลก็หมดความสนใจในโลกมนุษย์ และคำสั่งของมันกลายเป็นประเด็นอื่น


นั่นคืออุปนิสัยที่คาดเดาได้ยากของบาเอล


‘เป้าหมายสูงสุดของบาเอลคืออะไร?’


พิจารณาจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ทุกการกระทำของบาเอลจะเป็นไปตามความปรารถนาส่วนตัว


ไม่ว่าจะลงมือทำเองหรือสั่งให้คนอื่นทำ ล้วนมีบ่อเกิดจากความบันเทิงของตัวมันทั้งสิ้น


แต่ว่า แก่นสารมีเพียงเท่านี้จริงหรือ?


หนึ่งในสุดยอดบอสใหญ่ของเกม จะไม่มีแผนร้ายแสนทะเยอทะยานแอบแฝงเลยสักนิด?


ขณะแอ็กนัสกำลังดำดิ่งลงไปในคำถาม


กบ – เซพาเดีย หนึ่งในบริวารของบาเอลและผู้คอยจับตามองแอ็กนัส กระโดดขึ้นมาบนไหล่แอ็กนัสพร้อมกับรายงานอย่างภาคภูมิใจ


“อ๊บ! พบสุสานแล้ว”


“ทำได้ดี”


ทันใดนั้น แมลงปอตัวหนึ่งที่เกาะบนดอกไม้ใกล้ๆ ถูกเข็มกระดูกแหลมเล็กเสียบร่าง


แอ็กนัสดึงกระดูกกลับพร้อมกับโยนไปทางเซพาเดีย


เซพาเดียตวัดลิ้นออกมากินด้วยความโกรธ


“อ๊บ! เลิกทำเหมือนข้าเป็นกบสักที! อ๊บ! ทางนี้!”


แอ็กนัสชินชากับอุปนิสัยขี้โวยวายของเซพาเดียมานานแล้ว


มันมองข้ามเสียงบ่นและเดินไปหยุดลงตรงหน้าสุสานที่เงียบสงบ


แอ็กนัสสามารถสัมผัสถึงตัวตนของศพใต้สุสาน สิ่งนี้คือทักษะ ‘ร่องรอยคนตาย’ ของคลาสหมอผี


และเนื่องจากเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล มันจึงมองเห็นไปถึงค่าสถานะและรูปลักษณ์ของศพ เป็นพลังที่คล้ายกับทักษะ ‘ตรวจสอบ’ ประเภทหนึ่ง


“สวมใส่”


ศักดิ์ศรีของมนุษย์กำลังถูกเหยียบย่ำ


ภายในสุสานที่สมาชิกครอบครัวสร้างขึ้นด้วยความเคารพ ศพเน่าเปื่อยถูกขุดโดยปราศจากความเกรงใจ


จากนั้น ศพทาบลงบนร่างกายแอ็กนัสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที


[ทักษะ ‘สวมใส่’ จะทำให้รูปลักษณ์และค่าสถานะของท่านเปลี่ยนไปนานสองชั่วโมง สามารถยกเลิกได้ตามที่ต้องการ]


[ขณะผลของทักษะนี้ยังคงอยู่ ทักษะทั้งหมดจะถูกผนึก ยกเว้นทักษะเฉพาะของผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล]


“ฟุดฟิด”


กลิ่นเหม็นหายไปแล้ว และมันก็ชอบความยาวของเส้นผมในร่างนี้


ขณะแอ็กนัสเสยผมสีดำที่ปรกแก้ม เซพาเดียด้านข้างโวยวาย


“คราวนี้เป็นคนงาน? อ๊บ! ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลควรใช้ศพของวีรบุรุษเป็นอย่างน้อย! น่าสมเพช! อ๊บ!”


“คนงาน?”


แอ็กนัสสำรวจรูปลักษณ์และยืนยันว่าตนกำลังอยู่ในสภาพซอมซ่อ


ถูกต้อง ไม่ว่าจะมองมุมใด ศพนี้ก็เป็นของคนงาน คนงานที่ค่อนข้างชรา


แต่ปัญหาก็คือ


‘คิดว่าเป็นศพทหารเสียอีก…’


ค่าสถานะสูงมาก


ทักษะ ‘สวมใส่’ จะพึ่งพาค่าสถานะและรูปลักษณ์ของเป้าหมายก่อนตาย


ค่าสถานะเหล่านี้สูงเกินกว่าจะเป็นเพียงคนงานแก่ๆ


โดยเฉพาะค่าพละกำลังและความอดทน เป็นระดับที่ด้อยกว่าอัศวินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ขณะงุนงง ดวงตาแอ็กนัสโค้งลงจนดูเหมือนรอยยิ้ม


‘เข้าใจแล้ว… นี่คือชาวนาของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์’


แอ็กนัสมองไปรอบๆ เมือง


ทหารในค่ายที่กำลังฝึกหนัก จอมเวทในหอคอยที่กำลังทดลองเวทมนตร์ นักเรียนในโรงเรียนหลวง อัศวินที่กำลังเดินตรวจตราตามท้องถนน ทุกมุมเมืองเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด


แต่สติของแอ็กนัสกำลังจดจ่อไปยังทุ่งนาด้านนอกเมืองหลวง


คนงานที่มันเคยมองว่ามิได้สลักสำคัญอะไร ความจริงแล้วคือกองทัพลับๆ สุดแข็งแกร่งที่ภักดีต่อกริด


‘ยอดเยี่ยมมาก… กริด’


ตลอดหลายปีที่แอ็กนัสอยู่ในร่างสัตว์ร้ายเสียสติ กริดพัฒนามาได้ไกลถึงเพียงนี้


แอ็กนัสเผยรอยยิ้มเย็นชาเจือขื่นขม ขณะเดียวกันจินตนาการว่า กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของตนจะถือกำเนิดขึ้นในวินาทีที่สังหารไพร่พลของกริดและช่วงชิงมาเป็นของตัวเอง


ยิ่งดวงประทีปแห่งมวลมนุษย์เติบโต พลังของแอ็กนัสที่เป็นขั้วตรงข้ามก็ยิ่งพัฒนาอย่างแปรผันตรง


แอ็กนัสดำดิ่งในห้วงความคิดพิสดารพลางฉีกแขนซ้ายของตัวเองออก


***


ห้องทำงานอลิซาเบธ


อลิซาเบธเติบโตได้ด้วยการผลิตเครื่องประดับให้กับเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์


ปัจจุบัน เธอมีฝีมือถึงระดับช่างฝีมือ ชื่อของอลิซาเบธจึงมักถูกพูดถึงในยามที่ถกเถียงกันว่า ใครคือช่างทำเครื่องประดับที่เก่งกาจที่สุดของทวีป


ด้วยฝีมือและชื่อเสียง แขกพิเศษมักมาเยือนพร้อมกับภารกิจใหม่ๆ เสมอ


“ต้องขอโทษด้วย แต่ช่วงนี้ไม่รับลูกค้าเพิ่มแล้ว ไม่แม้แต่จะเปิดจองคิว”


ลูกค้าที่มาเยือนจะถูกส่งกลับหน้าประตู


อลิซาเบธยุ่งเกินกว่าจะรับทำงานให้ใคร โดยเฉพาะหลังจากกลายเป็นช่างฝีมือและสามารถสร้างของวิเศษได้ง่ายๆ


“ก่อนจะไล่พวกเรากลับ มาดูการออกแบบก่อนดีไหม?”


“…?”


เด็กชายคนหนึ่งพูดอย่างมั่นใจพลางส่งแปลนเครื่องประดับมาให้


อลิซาเบธยิ้มขณะหันไปจ้องเด็กหนุ่มผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ที่พบได้ทั่วไปในอาณาจักร


“ทำไมหรือ? เธอเชื่อว่า แบบของมันยอดเยี่ยมจนทำให้พี่สาวคนนี้เปลี่ยนใจ?”


“บางทีล่ะนะ”


“หืม… จริงหรือ?”


มีลูกค้าในทำนองนี้อยู่ไม่น้อย พวกมันพยายามดึงดูดความสนใจเผื่อว่าเธอจะยอมใจอ่อน


พ่อหนุ่มน้อย…


‘ขอเดาว่าชายแก่คนนี้สั่งให้ทำ’


อลิซาเบธชำเลืองคนที่มากับเด็กชายด้วยหางตา ก่อนจะยื่นมือไปหาเด็กผู้ชาย


“ขอดูหน่อย แต่ถ้าไม่มีอะไรพิเศษก็คงต้องบ๊ายบาย~”


คงเป็นสร้อยคอหรือต่างหูสวยๆ ที่ออกแบบมาเป็นของขวัญให้แม่…


‘หัวใจของเขายิ่งใหญ่มาก แต่สำหรับของขวัญให้แม่ ช่างผลิตเครื่องประดับคนอื่นๆ บนถนนก็ทำได้’


เฮ่อ เสียเวลาซะจริง…


“…?”


สีหน้าอลิซาเบธพลันแข็งทื่อประหนึ่งก้อนหินขณะทัดผมสีทองหยักศกไว้ข้างหู


แบบเครื่องประดับถูกเขียนด้วยตัวเลขและรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน แต่ก็แฝงด้วยหลักการและแนวคิด


รูปร่างและสูตรการคำนวณที่กระจายอยู่เต็มหน้ากระดาษออกแบบ คือศาสตร์การสร้างเครื่องประดับในมิติเชิงลึก เรียกได้ว่าอลิซาเบธต้องใช้ฝีมือทั้งหมดของเธอ – ช่างฝีมือ Lv.3 ในการผลิตให้ออกมาสมบูรณ์


“อ…อะไรกัน? ชิ้นส่วนนี้หมายความว่ายังไง? พวกนายคิดจะประกอบจักรกลเวทมนตร์หรือ?”


แน่นอน คำอุทานของเธอเกินจริงไปมาก แต่รายละเอียดของแบบมีโครงสร้างซับซ้อนถึงเพียงนั้น


เด็กชายเกาศีรษะ


“ไม่ใช่สักหน่อย มันเป็นแค่ชิ้นส่วนหนึ่งของแขนกล”


“แขนกล… การที่สปริงเรียงตัวในลักษณะนี้… คิดจะสร้างวงจรเวทมนตร์สินะ…”


เด็กชายชี้ไปทางคนที่มาด้วย จากนั้นก็อธิบาย


“ใช่ครับ ผมอยากให้แขนกลของคุณปู่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนของจริง”


อีกฝ่ายเป็นคนงานผู้โชคร้ายที่ต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง


“ยากเกินไปจนพี่สาวสร้างไม่ได้หรือครับ?”


“ถึงจะไม่ง่าย แต่ก็…”


อลิซาเบธถอดอัญมณีและเครื่องมือทั้งหมดออกจากโต๊ะทำงาน


พวกมันคืองานของลูกค้าประจำที่สั่งไว้เมื่อเดือนก่อน แต่ตอนนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว


“ฉันทำได้”


ทักษะของเธอจะเพิ่มระดับขึ้นในวินาทีที่ทำงานของเด็กคนนี้เสร็จสมบูรณ์


อลิซาเบธมั่นใจมาก ไฟแห่งช่างฝีมือกำลังลุกโชนอย่างร้อนแรง


เธอจะไม่ปล่อยให้โอกาสที่แสนหายากคราวนี้หลุดลอย


***


ความมืดนั้นน่ากลัวเสมอ


กริดที่เคยถล่มเมืองแวมไพร์มาแล้วหลายแห่ง ย่อมตระหนักถึงความอันตรายของที่มืด


เหล่าสัตว์รับใช้จะคอยจู่โจมผู้บุกรุกและนำตัวกลับไปหาแวมไพร์ที่นอนในโลง


“ไม่มีอะไรเลย…”


“…ใช่”


สัตว์รับใช้และแวมไพร์ของแมรีโรสจะแข็งแกร่งสักเพียงใด?


แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางทรงพลังไปกว่าจอมอสูรหลักเดียวกระมัง…


กริดรู้สึกกดดันเมื่อต้องย่างกรายเข้ามา


ทว่า เมืองของแมรีโรสกลับเงียบสงัด ไม่ใช่เพราะเหล่าสัตว์รับใช้และแวมไพร์กำลังซ่อนตัว แต่เพราะเมืองแห่งนี้ไม่มีอะไรเลยต่างหาก ชายหนุ่มสามารถยืนยันได้ด้วยประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์และเนตรมองทะลุมองเมอร์เซเดส


‘ไม่มีแม้แต่ซากอาคาร’


เมืองแวมไพร์ที่กริดเคยสำรวจ โครงสร้างภายในจะมีลักษณะเป็นเมืองสมชื่อ โดยด้านในอาคารจะมีโลงศพหลายสิบไปจนถึงหลายร้อย


แต่เมืองแห่งนี้แตกต่างออกไป สิ่งเดียวที่อยู่ภายในคือความมืดมิด


ไม่มีอะไรมากไปกว่าความว่างเปล่า


“อา…”


เดินมานานแค่ไหนไม่มีใครทราบ


กริดและเมอร์เซเดสที่กำลังเร่ร่อนอย่างเหม่อลอย ชะงักฝีเท้ากะทันหัน


เบื้องหน้าไกลออกไปคือเงาลางสีดำขนาดใหญ่


นับตั้งแต่เข้ามาในเมือง นี่คือครั้งแรกที่ทั้งสองได้เห็นบางสิ่ง


“…ปราสาท”


ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่สายตาก็มิอาจปรับสภาพให้เคยชินกับความมืดที่นี่


หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่กริดกับเมอร์เซเดส จุดจบคงหนีไม่พ้นการหลงทาง ต่างคนต่างเดินส่งเดชโดยไม่ทราบตำแหน่งของกันและกัน


อาศัยประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์และเนตรมองทะลุ กริดกับเมอร์เซเดสตระหนักถึงตัวตนของเงาดำขนาดไหนในระยะไกล


เมื่อยืนยันว่าเป็นปราสาท การเดินแบบเดาสุ่มจึงจบลง คนทั้งสองเร่งฝีเท้าและมาถึงหน้าประตูในเวลาไม่นาน


[ท่านค้นพบปราสาทของแวมไพร์ดยุค แมรีโรส!]


[รางวัลการค้นพบครั้งแรก : เพิ่มจำนวนค่า EXP ที่ได้รับ รวมถึงโอกาสในการดรอปไอเท็ม เป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์]


นี่คือการต้อนรับ?


คบเพลิงฝั่งซ้ายและขวาที่หน้าทางเข้าพลันลุกโชน


จำนวนของคบเพลิงมีมากถึงหลักพัน เป็นตัวเลขที่ช่วยให้กะเกณฑ์ความยิ่งใหญ่ของปราสาทได้ชัดเจน


แอ๊ด~


ประตูปราสาทถูกเปิดออก


ในทางสามัญสำนึก กริดคิดว่าตนต้องเดินผ่านประตูอีกหลายชั้นก่อนจะถึงตัวอาคาร


แต่ในความเป็นจริง ตรงหน้าคือทางเดินภายในวังแล้ว


‘แค่เดินผ่านประตูหน้าสุดของปราสาท ก็มาถึงข้างในได้ทันที?’


เป็นโครงสร้างที่มิได้คำนึงว่าศัตรูจะบุกเข้ามา


เพราะไม่มีใครกล้าหาญหรือเสียสติพอจะทำแบบนั้น?


เป็นอีกครั้งที่กริดตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของแมรีโรส


ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวๆ พลางเดินตามทางที่ลาดไปด้วยพรมแดง


หลังจากก้าวไปได้สักพัก มันสังเกตเห็นบางสิ่ง


ภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับตำนานและเทวตำนาน


ทว่า ผลงานเหล่านี้มิได้เกิดจากจินตนาการของผู้วาด หากแต่เป็นความจริงที่มีประจักษ์พยานยืนยัน


ตัวเอกในภาพวาดแรกดูคล้ายกับเทพมารยาธาน ร่างกายทุกส่วนถูกทาด้วยสีดำ


ในภาพวาดที่สอง ความมืดลอยอยู่เหนือศีรษะยาธานประหนึ่งมงกุฎ รอบกายรายล้อมด้วยอสูรสามตน


สตรีร่างเล็กซึ่งถูกวาดด้วยสีแดง ผมยาวและถักเปียสองข้าง ดูคล้ายกับเบริอาเช่ เธอยืนอยู่ข้างๆ ยาธานจนแขนของทั้งสองเชื่อมโยงกัน


อสูรด้านหลังยาธานถูกวาดด้วยสีเขียว ศีรษะก้มต่ำ ยากจะสรุปชัดเจนว่าเป็นใคร


อสูรตนสุดท้ายมีขนาดมหึมาราวกับยักษ์ อยู่แยกออกจากกลุ่ม


ไม่ใช่ใครนอกจากบาเอล กริดพิจารณาจากเล็บที่แหลมยาวซึ่งถูกวาดด้วยสีแดง ดำ และขาว


‘จุดเริ่มต้นของนรก…’


ถ้าอย่างนั้น ภาพต่อไปคืออะไร?


กริดเร่งฝีเท้า ต้องการเห็นภาพวาดที่สามด้วยใจจดจ่อ


“…!”


กริดหยุดลงตรงหน้าภาพวาดที่สาม


แตกต่างจากภาพวาดก่อนหน้าที่ใช้สีดำ เขียว แดง และยักษ์แทนยาธานกับอสูร ภาพจิตรกรรมที่สามเป็นภาพเหมือนซึ่งถูกวาดอย่างประณีตจนดูราวกับภาพถ่าย


รีเบคก้า เทพธิดาแห่งแสง


ใบหน้าที่กริดคุ้นเคยถูกวาดจนเต็มกรอบ


อีกฝ่ายกำลังก้มมองกริดด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและน่ารังเกียจ


ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูเหมือนอสูร


คล้ายช่างภาพปริศนาต้องการสื่อว่า


รีเบคก้าคืออสูร


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,889
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00