จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,391
นกที่ยืนเรียงเคียงกันบนต้นไม้ กำลังกลอกตามองไปมา
พวกมันประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นลูกเดือยที่ปอกเปลือก ถูกโปรยออกจากไหหมักซีอิ๊ว ลงบนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะ
จิ๊บ จิ๊บ
ยังบันมีร์ เฝ้ามองนอกที่ส่งเสียงร้องสักพัก อ้าปากกล่าวกับพวกมัน
“หิมะนิรันดร์ของคายาเกิดจากความเคียดแค้นของมังกรคราม”
เนื่องจากรายล้อมไปด้วยทะเลทราย คายาจึงถูกขนานนามให้เป็นอาณาจักรทะเลทราย แต่เมืองหลวงกลับปกคลุมไปด้วยหิมะ
แล้วหิมะเริ่มตกตั้งแต่เมื่อไร?
ชาวคายาที่หลงลืมมังกรครามไปแล้ว ย่อมจำเรื่องนี้ไม่ได้
แต่มีร์และเหล่ายังบันยังคงไม่ลืม
ในวินาทีที่มังกรครามถูกผนึก หิมะเริ่มโปรยปรายลงจากฟากฟ้า
“หิมะเหล่านี้ทำร้ายผู้คนไปมากมาย”
ชาวคายาไม่เคยสัมผัสความหนาวเย็นมาก่อน ไม่ได้เตรียมใจที่จะเผชิญกับสภาพอาการอันเลวร้าย
เป็นการยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับภาวะหนาวเย็นฉับพลัน หลายคนหนาวตาย หลายคนละทิ้งบ้านเกิด
สัตว์ก็เช่นกัน
มีทั้งสัตว์ที่สามารถดำรงชีวิตมายาวนานได้เหมือนนกเหล่านี้ สัตว์ที่ต้องเผชิญการสูญพันธุ์ และสัตว์ที่หนีเข้าไปในซ่อนในทะเลทราย
“มังกรฟ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ… ความแค้นของท่าน ทำให้ผู้คนที่ท่านอยากปกป้อง ต้องเผชิญความทุกข์ทรมาน”
มีร์ส่ายหน้าพลางกระซิบแผ่วเบา สายตาชำเลืองไปยังดาบหนักมังกรคราม
จากนั้น มันหยิบลูกเดือยที่ปอกเปลือกแล้วหนึ่งกำมือ โปรยลงไปบนสวน
จิ๊บจิ๊บ!
ฝูงนกที่กำลังตื่นเต้นยินดี ร่อนลงมารวมตัวรอบมีร์
สีหน้าของมีร์มืดมนลงขณะเฝ้ามองนกตัวเล็กๆ จิกลูกเดือยกินอย่างอิ่มหนำ
“ความปรารถนาดีของมนุษย์สามารถช่วยให้นกรอดพ้นจากความหิวโหยในฤดูหนาว… แต่สิ่งเหล่านี้ก็เริ่มแปรเปลี่ยน มนุษย์ในปัจจุบันเริ่มดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และเมื่อพวกเขาอดอยาก เหล่าสัตว์ต่างก็อดอยาก… ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่นกสามารถพึ่งพาได้… เฉกเช่นชาวคายา”
มีร์หันไปมองเยอึม
เยอึมสะดุ้งเนื่องจากยังไม่คุ้นชินกับรอยแผลเป็นร่องลึกที่ปกคลุมใบหน้าอันหล่อเหลาของมีร์
เธอแต่ได้สงสัยว่า เหตุใดมีร์ถึงไม่ยอมลบมันออกไป?
“เยอึม ข้าคิดว่าเทพและมนุษย์มิได้ต่างกัน”
มังกรคราม
เทพผู้พิทักษ์แห่งคายาที่คอยปกป้องดูแลชาวเมือง ขณะเดียวกันก็เป็นเทพสายฟ้าที่ทำให้เหล่ายังบันต้องสั่นสะท้าน
คำสาปแช่งต่อเทพที่ผนึกมัน
มังกรครามต้องการให้หิมะตกหนักตลอดทั้งปี ผู้คนจะได้ไม่ลืมมัน และยังคอยรับใช้มันเหมือนเดิม
แต่มันคงคาดไม่ถึงว่าชาวเมืองที่ตนต้องการปกป้อง จะต้องทุกข์ทรมานจากหิมะอันหนาวเหน็บ
ไม่สิ ต้องให้รู้ มันก็คงไม่สนใจ นี่คือความเห็นแก่ตัวของเทพ
มังกรครามยังคงมีนิสัยด้านลบเหมือนกับมนุษย์และห้าอาวุโส
“ดังนั้น ข้าจึงไม่แปลกใจที่มนุษย์กลายเป็นเทพ”
“…”
เยอึมปิดปากเงียบ
เธอเคยเกลียดชังกริดผู้ฝากรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้บนใบหน้ามีร์ นอกจากนั้นยังหัวเราะเยาะที่อีกฝ่ายแสร้งสวมรอยเป็นเทพ
แต่ปัจจุบัน เธอไม่มีสิทธิ์เย้ยหยันกริด ทำได้เพียงโมโหและเสียใจ
ยังบันมากมายอยากเป็นเทพใจแทบขาด
แล้วเหตุไฉนมนุษย์ถึงกลายเป็นเทพได้ก่อนพวกตน?
และก่อนมีร์!
บางที อุปนิสัยของเทพและมนุษย์คงเหมือนกัน ต่างเพียงพลังโดยกำเนิด
นี่คือความจริงอันโหดร้าย
มีร์ตบบ่าหญิงสาว
“คิดว่าเป็นประสบการณ์ก็แล้วกัน”
“…?”
“กริดคือเครื่องยืนยันว่า ข้าเองก็เป็นเทพสงครามได้เช่นกัน ดังนั้น ข้าควรเรียนรู้จากเขาด้วยความเคารพ หาใช่ริษยา”
มันหมายความเช่นนั้นจากก้นบึ้ง
มีร์รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อทราบว่ากริดกลายเป็นเทพ ถึงขั้นมิอาจข่มความยินดีอันท่วมท้น จนต้องยืนขึ้นและกำหมัดแน่น
พัฒนาการของกริด ผู้กลายเป็นเทพทั้งที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้จุดประกายความหวังอันยิ่งใหญ่ให้กับมีร์ ผู้เกิดมาในฐานะผลงานของเทพ
สิ่งนี้หมายความว่า เป้าหมายการเป็นเทพสงคราม - ตัวตนแสนพิเศษในหมู่เทพ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
‘เขาจะไปได้ไกลแค่ไหน…’
ตนควรเก็บรอยแผลเป็นนี้ไว้ หรือลบมันทิ้งเพราะไร้ค่า?
มันจะทราบคำตอบก็ต่อเมื่อเฝ้ามองกริดไปอีกสักพัก
สีหน้าของมีร์ในยามโปรยลูกเดือย กำลังสดใสกว่าที่เคยเป็นมา
***
“อัสโมเฟล”
“ขอคารวะองค์ราชา”
การกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปหลายเดือน ไม่ได้มีพิธีรีตองต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่
อัสโมเฟลคุกเข่าทักทายกริด ขณะชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องสอบปากคำอันมืดมิด
“ฉันดีใจที่นายกลับมา”
กริดมิอาจปกปิดสีหน้ายินดี
ชายหนุ่มมีความสุขมากเมื่อหนึ่งในลูกน้องที่คอยรับใช้ตนอย่างซื่อสัตย์ตลอดหลายสิบปี กลับมาถึงอย่างปลอดภัย
อัสโมเฟลยิ้มให้กริดที่พยุงมันขึ้น
“ฝ่าบาทเติบโตขึ้นมากในขณะที่กระหม่อมไม่อยู่…”
อัสโมเฟลชมเชยโดยไม่ปิดบัง
มันตรวจพบพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของกริดในช่วงที่ตนหายตัวไป
เช่นเดียวกันกับกริด
ชื่อ : อัสโมเฟล
อายุ : 52 ปี
เพศ : ชาย
คลาส : แม่ทัพแห่งกองอัศวินเวทมนตร์โอเวอร์เกียร์ / แม่ทัพแห่งกองทัพโอเวอร์เกียร์ (พลทหารในบางสถานการณ์)
สมญานาม : ดาบเพลิง
* มีวิชาดาบที่งดงามชดช้อยราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง ท่วงท่าจู่โจมว่องไวจนสามารถมองข้ามพลังป้องกันของเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยากจะถูกสวนกลับ
* มีโอกาส 30% ที่จะผนึกการป้องกันของเป้าหมายเมื่อใช้ทักษะที่เกี่ยวกับดาบ
* มีโอกาสลดความสำเร็จในการสวนกลับของเป้าหมาย 60% เมื่อใช้ทักษะที่เกี่ยวกับดาบ
★ เมื่อปราณดาบกลีบดอกไม้ลุกโชนอย่างเจิดจรัส ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 20% ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 50% เพิ่มความเสียหายธาตุไฟ และผนึกการสวนกลับของเป้าหมายในช่วงเวลาดังกล่าว
สมญานาม : ที่สองตลอดกาล
* ไม่สามารถเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ
* ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลงเมื่อต่อสู้กับบุคคลอันดับหนึ่งในศาสตร์นั้น
* ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเมื่อต่อสู้กับบุคคลที่ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งในศาสตร์นั้น
เลเวล : 523
พละกำลัง : 3,859
ความอดทน : 2,220
ความว่องไว : 3,859
สติปัญญา : 3,180
ความเป็นผู้นำ : 2,812
วิสัยทัศน์ : 5,024
อำนาจทางการเมือง : 2,311
รายการทักษะ : วิชาดาบจักรวรรดิ (B) , ยุทธวิธีการรบของจักรวรรดิ (A+) , วิถีหอกเรย์ดัน (A+) , การเมือง (A+) , การปลุกปั่น (A+) , วิชาดาบกองทัพโอเวอร์เกียร์ (A+) , ความชำนาญดาบระดับสูงสุด (S) , ดาบสีชาด (S) , ดาบบุปผาเพลิง (SS) , พรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ที่เบ่งบานช้า (SS) , พลทหาร (SS) , วิเคราะห์เวทมนตร์ (??) , ความมุ่งมั่นของหมายเลขสอง (??)
ทายาทของสายเลือดอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิซาฮารัน เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านวิชาดาบและยุทธวิธีสงคราม
เมื่ออายุถึงเกณฑ์ เขาเข้าร่วมกับกองพันอัศวินสีชาดกลายเป็นรองผู้บัญชาการได้ภายในเวลาสิบสองปี โดยในภายหลัง เขาถูกยกย่องให้เป็นเสาหลักของจักรวรรดิร่วมกับปิอาโร่
แต่จากแผนการชั่วร้ายของจักรพรรดิรีแมรี่ เขารู้สึกผิดต่อตัวเองที่เคยทรยศปิอาโร่และพวกพ้อง จึงคิดจะฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ไม่สำเร็จ ปิอาโร่ให้อภัยเขา หลังจากนั้น อัสโมเฟลตัดสินใจจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยบาป เป็นบริวารของกริดตลอดไป
‘หมายความว่ายังไง…’
การกลับมาอีกครั้งของอัสโมเฟลหลังจากห่างหายไปหลายเดือน แตกต่างจากที่กริดคิดไว้พอสมควร
เลเวลของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นมาก แถมพละกำลังและค่าความว่องไวยังเป็นสัดส่วนทองคำ
จริงอยู่ พัฒนาการด้านเลเวลอาจอยู่นอกเหนือความคาดหมายของกริด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ชายหนุ่มประหลาดใจ
‘ทำไมค่าสติปัญญาและวิสัยทัศน์ถึงสูงขนาดนี้?’
เดิมที สติปัญญาและวิสัยทัศน์ของคลาสอัศวินจะไม่สูงอย่างโดดเด่น ค่าสถานะจะออกไปในเชิงสมดุล แต่สำหรับอัสโมเฟล มันมีสองค่านี้สูงกว่าอัศวินทั่วไปเนื่องจากเคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพ และนั่นยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ช่วยให้มันหักหลังพวกพ้องอัศวินสีชาดสำเร็จ
ทว่า เมื่อก่อนก็ไม่ได้สูงลิบจนผิดปรกติเช่นทุกวันนี้!
โดยเฉพาะค่าวิสัยทัศน์ ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน
‘จริงสิ…’
กริดตกตะลึงสักพักก่อนจะฉุกคิดบางสิ่งได้
ในรายการทักษะของอัสโมเฟล ปัจจุบันมีทักษะหนึ่งที่ชื่อว่า ‘วิเคราะห์เวทมนตร์’ ซึ่งแต่เดิมไม่เคยมี
<วิเคราะห์เวทมนตร์>
ติดตัว
ประสบการณ์ความพ่ายแพ้ต่อมหาจอมเวทในตำนาน บราฮัม ช่วยกระตุ้นอัสโมเฟลต้องการพัฒนาตัวเอง เขาลงมือศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างจริงจัง จนตอนนี้สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของเวทมนตร์ระดับมาตรฐานได้อย่างชำนาญ
ค่าต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 200% และมีโอกาส 10% ที่จะสลายเวทมนตร์ของศัตรู หากเป้าหมายมีเลเวลต่ำกว่า อัสโมเฟลจะมองเห็นรายการเวทมนตร์ที่เป้าหมายครอบครอง
เป็นทักษะเกรดรองที่คล้ายกับ <ถอดรหัสเวทมนตร์> ของกริด
ดูเหมือนว่าการตื่นของทักษะ <วิเคราะห์เวทมนตร์> นี้เอง ที่ช่วยทำให้ค่าสถานะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
‘จะเรียกว่าทักษะที่คล้ายกันก็คงไม่ถูกต้องนัก…’
ใช่แล้ว ถอดรหัสเวทมนตร์ของกริด ยังดีกว่าวิเคราะห์เวทมนตร์อยู่หลายเท่า
<ถอดรหัสเวทมนตร์> Lv.2
ติดตัว
ความรู้และปัญญาของ ‘ดยุคแห่งปัญญา’ สามารถมองเห็นถึงแก่นแท้ของเวทมนตร์ทุกชนิด
* ถอดรหัสเวทมนตร์ศัตรู มีโอกาส 55% ในการสลายเวทมนตร์นั้น และมีโอกาส 4.5% ที่จะเลียนแบบเวทมนตร์ดังกล่าวพร้อมกับสวนกลับไปห้าเจ้าของ
* ถอดรหัสเวทมนตร์พวกพ้อง มีโอกาส 35% ที่จะเสริมประสิทธิ์เวทมนตร์ที่พวกพ้องใช้งาน
* ใช้ได้กับเวทมนตร์ทุกธาตุ
* ยังไม่สามารถถอดรหัสเวทมนตร์หลายชนิดได้พร้อมกัน
มานาที่ใช้ : ไม่มี
ระยะหน่วงหลังใช้ : 3 วินาที
เป็นทักษะที่เข้าขั้นขี้โกง เพียงแต่ว่า ถอดรหัสเวทมนตร์จะไม่ช่วยให้มองเห็นรายการทักษะเวทมนตร์ของศัตรู รวมถึงไม่ได้เพิ่มค่าต้านทานเวทมนตร์
‘ถ้าเราเห็นรายการเวทมนตร์ของศัตรู ก็มีโอกาสสูงที่จะผนึกมันได้…’
จากการประเมินอย่างคร่าว ทักษะชนิดใหม่ของอัสโมเฟลมีประสิทธิภาพมากกว่าที่คำอธิบายเขียนไว้
บางที ชายคนนี้อาจได้รับสมญานาม ‘นักล่าจอมเวท’ ในอนาคตอันใกล้
หลังจากจินตนาการภาพอัสโมเฟลเติบโตไปเป็นฝันร้ายของจอมเวท กริดชำเลืองสายตาไปรอบห้อง พบว่ามีคนแปลกหน้าอยู่ทั้งสิ้นสามสิบเจ็ดคน
ทุกคนเป็นผู้เล่น
“นี่คือผู้ต้องสงสัย?”
รอยแมนพยักหน้า
“ตามที่กล่าวไปข้างต้น พวกเราไม่มีหลักฐานที่จะระบุความผิด…”
ยังไม่มีการตั้งข้อหากับผู้ต้องสงสัยจำนวนสามสิบเจ็ดรายที่อัสโมเฟลควบคุมตัวมาสอบปากคำ
อัสโมเฟลจับกุมพวกมันเพียงเพราะมีพิรุธ ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดผลกระทบด้านลบตามมาในภายหลัง
แล้วก็ไม่ผิดคาด
“พวกนายไม่บ้าอำนาจไปหน่อยหรือ?”
หนึ่งในผู้ต้องสงสัยจ้องกริดพร้อมกับโพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย ท่าทางคล้ายกับพร้อมกับล็อกเอาต์ออกจากเกมและโพสเรื่องราวฉาวโฉ่ลงบนอินเทอร์เน็ต
“เล่าต่อไป”
“…เซอร์อัสโมเฟลระบุว่า คนเหล่านี้คือจอมเวทที่เชี่ยวชาญเวทมนตร์ทำลายล้างเป็นวงกว้าง แต่ปลอมตัวมาในคราบพ่อค้าหรือนักบวช จึงเข้าข่ายน่าสงสัย… ทางเราจำเป็นต้องยืนยันให้ได้เสียก่อนว่าพวกเขาเป็นจอมเวท ตอนนี้ท่านลาเอลล่ากำลังลงมาจากหอคอยเวทมนตร์เพื่อตรวจสอบ…”
“อัสโมเฟล”
“ขอรับฝ่าบาท”
“พวกมันคือจอมเวทใช่ไหม”
“ขอรับประกันครับ”
“จับพวกมันไปขัง”
สถานการณ์ภายในอาณาจักรกำลังน่าเป็นห่วง ไม่มีทางเดาได้เลยว่าสายลับจากเผ่าออร์คกำลังวางแผนอะไรอยู่
กริดออกคำสั่งโดยปราศจากความลังเล ส่งผลให้ใบหน้าขอผู้เล่นภายในห้องสอบปากคำพลันบิดเบี้ยว
ใช่แล้ว พวกมันทั้งหมดคือกลุ่มก่อความวุ่นวายที่รัฐบาลจีนส่งมา
***
วันสุดท้ายของงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ
หลังจากนำเสนอข่าวความวุ่นวายในอาณาจักรออร์คตลอดหลายวัน สื่อจากทั่วโลกหันกลับมาให้ความสนใจงานแข่งซาทิสฟายอีกครั้ง
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนัก กลุ่มกบฏก็ถูกกำราบจนเกือบหมดแล้ว แถมวันนี้ยังมีการแข่ง PVP - งานแข่งที่เป็นตัวบ่งชี้ว่า ใครคือผู้เล่นที่แข็งแกร่งในยุคสมัยปัจจุบัน
นอกจากนั้น ยังมีรายการตะลุมบอนราชาอสูรซึ่งเป็นงานปิดท้าย ยอดผู้ชมของวันนี้จึงพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
『แชมป์ PVP ในปีนี้น่าจะเป็นของเฮ่านะครับ เฮ่าเชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิด มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน มีเลเวลที่สูงมาก และยังเป็นครึ่งดราโกเนี่ยน หลังจากเกิดเหตุการณ์ใหญ่ภายในเผ่าดราโกเนี่ยนเมื่อหลายเดือนก่อน พลังครึ่งดราโกเนี่ยนในตัวเฮ่าได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ตอนนี้เฮ่ากำลังติดปีก ผมจินตนาการไม่ออกว่าใครจะมาล้มเฮ่าได้』
『ผมมองว่าคริสมีโอกาสมากกว่า ดาบใหญ่ของคริสสามารถฟันผ่านเกล็ดหนาๆ ของดราโกเนียนได้สบาย ผมไม่คิดว่าจะมีใครในโลกสามารถทนรับดาบของเขาได้ซึ่งๆ หน้า』
『 คริสเอาชนะเฮ่าไม่ได้หรอกครับ แค่เฮ่ากางปีกบิน คริสก็น่าจะไปไม่เป็นแล้ว』
『แล้วจิสึกะล่ะครับ? หากบินบนท้องฟ้า เขาจะถูกเธอสอยร่วง หากคุณอ้างเหตุผลดังกล่าว เฮ่าจะชนะจิสึกะได้ยังไง? 』
『เขาก็ไม่ต้องบินตลอดเวลาสิครับ… 』
พิธีกรและนักวิเคราะห์หลายฝ่ายต่างทำนายว่าเฮ่าหรือไม่ก็คริสจะเป็นผู้ชนะ
ทุกคนมองเหมือนกันว่า ผลลัพธ์ไม่น่าจะผิดไปจากนี้
และผู้ชมทางบ้านก็เห็นด้วย
“นั่นสินะ… เลเวลของจิสึกะยังน้อยเกินไป แถมอาเรสก็ไม่เก่งตัวต่อตัว…”
“ทุกทีอาเรสจะลงเฉพาะการแข่งทีมไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมีชื่ออยู่ในรายการ PVP? ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งคว้ามาสองเหรียญทองจากการแข่งประเภททีม หากได้อีกเหรียญเดียว เขาจะทำสถิติเทียบเท่ากริดกับครอเกล แล้วทำไมถึงต้องเสี่ยงกับรายการ PVP ด้วย?”
“การชนะในงานแข่งPVP จะหมายถึงการเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด… ในปีที่กริดและครอเกลไม่เข้าร่วม จะมีโอกาสไหนใกล้เคียงความสำเร็จเท่านี้อีก?”
“ฉันได้ยินว่า พักหลังอาณาจักรวัลฮัลล่าไม่ค่อยเติบโตเท่าที่ควร อาเรสคงไม่มีทางเลือกนอกจากทำงานให้หนักขึ้น…”
มีเพียงไม่กี่คนที่เสนอชื่อดาเมี่ยน
ตามปรกติแล้ว ดาเมี่ยนจะเป็นตัวเต็งในการแข่ง PVP ของทุกปี แต่ผลงานของในปีนี้ค่อนข้างน่าผิดหวัง อาจได้มาแล้วสองเหรียญทองก็จริง แต่คุณภาพที่แสดงออกมานั้นต่ำกว่าความคาดหมายของทุกคนมาก
แม้แต่ในหมู่ชาวญี่ปุ่น ชื่อของดาเมี่ยนก็ถูกเอ่ยถึงไม่บ่อยนัก
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากการทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะความโด่งดังของเซลอส
『ดูจากสายการแข่งขันในรอบแรก ดาเมี่ยนและเซลอสอาจต้องสู้กันในรอบที่สองครับ』
『ในมุมมองของชาวญี่ปุ่น พวกเขาโชคไม่ดีเอาเสียเลย ผู้เล่นที่มีฝีมือของประเทศตัวเองต้องสู้กันตั้งแต่รอบแรกๆ 』
『บางที ทั้งสองคนอาจจะไม่ได้เผชิญหน้ากันก็ได้นะครับ แม้แต่ผมก็ยังไม่เชื่อว่าดาเมี่ยนจะผ่านรอบแรก』
『ดาเมี่ยนจะเปลี่ยนศาสนาทำไม? เฮ่อ น่าเสียดายมาก』
“เฮ้—!”
ท่ามกลางความกังวลและคาดหวังของผู้ชม การแข่ง PVP ในรอบที่สองเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ดาเมี่ยนขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับอาวุธใหม่
[เอฟเฟคของ <ดาบกริด> ได้กระตุ้นให้บางส่วนของ <วิชาดาบกริด> ตื่นขึ้น]
______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,879
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment