จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,400



“นี่มัน… ภาพเหมือนของเทพธิดารีเบคก้า…”


เมอร์เซเดสพบความจริงหลังจากเข้าใจผิด คิดว่าเป็นใบหน้าของคนที่มีชีวิต


เมื่อเห็นภาพวาดที่สามเต็มสองตา เธอก้าวถอยหลังด้วยความตกตะลึงพลางระบุตัวตนของนางแบบในภาพ


“เหมือนกับ… เธอกำลังเฝ้ามองพวกเรา”


เฉกเช่นภาพวาดโมนาลิซ่า ไม่ว่าจะมองเข้าไปจากมุมไหน ภาพวาดของรีเบคก้าก็จะมองตามกริดและเมอร์เซเดสเสมอ


‘ขนลุกฉิบ’


หากนางแบบมีใบหน้าเหมือนโมนาลิซ่า อารมณ์ของภาพจะค่อนไปทางลึกลับ แต่รีเบคก้าที่กำลังแสยะยิ้มชั่วร้ายด้วยสายตาเหยียดหยัน ทำให้กริดและเมอร์เซเดสเกิดความอึดอัดและน่าขนลุกเมื่อถูกมองตาม


“ภาพวาดฝีมืออสูร?”


เมอร์เซเดสคือหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ล่าจอมอสูรดราเชี่ยน และได้เห็นความต่ำทรามของเทวทูตที่พยายามปกปิดบาปของเทพ


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอตระหนักว่าวลี ‘เทพคือตัวตนอันบริสุทธิ์’ นั้นไม่เป็นความจริง


แต่เมอร์เซเดสก็ไม่ได้มองว่า ‘เทพคือตัวตนที่ชั่วร้าย’ เช่นกัน


สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน มนุษย์ยังไม่ไปถึงจุดนั้น


“ภาพวาดนี้… ไม่น่าจะใช่ฝีมือมนุษย์”


ยังไม่ต้องคำนึงถึงการตีความเกี่ยวกับรีเบคก้า ลำพังเรื่องที่จิตรกรทราบต้นกำเนิดของนรก ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นฝีมือของอสูร


แต่ถ้าพิจารณาว่าที่นี่คือปราสาทของแมรีโรส ผู้วาดก็อาจเป็นเบริอาเช่…


“ไม่ใช่… คงไม่ใช่เบริอาเช่”


ถ้าเบริอาเช่คือผู้วาด ก็น่าจะวาดยาธาน – เทพมารที่เนรเทศตน ให้ออกมาน่ารังเกียจพอๆ กับรีเบคก้า


กึก กึก


กริดเร่งฝีเท้า ภายในใจอยากจะหนีให้พ้นจากสายตามองตามของรีเบคก้าโดยเร็ว


‘บ้าจริง… คงไม่ใช่ผีหลอกใช่ไหม?’


ท่ามกลางการจ้องมองของรีเบคก้าจากด้านหลัง กริดคันหนังหัวอย่างอธิบายไม่ถูก


“ฝ่าบาท?”


มันเกลียดผี


ไม่ได้เกลียดเพราะกลัว (?) แต่เกลียดในเชิงกายภาพและรูปร่าง


เมอร์เซเดสเร่งความเร็วตามกริดที่ซอยเท้าถี่ เพียงไม่นานก็ได้พบภาพวาดที่สี่


ตัวเอกในภาพวาดนี้คือยาธาน ทุกส่วนเป็นสีดำล้วน ยืนตามลำพังบนหน้าผา คล้ายกับกำลังชะโงกหน้าลงไป


มงกุฎสีดำจากในภาพวาดแรกและภาพที่สอง ยามนี้จางลงมากราวกับไฟที่ใกล้มอด


“ด้วยเหตุผลบางอย่าง… เขาดูหดหู่”


ศิลปะไม่มีผิดถูก


ไม่ว่าศิลปินจะตีความอย่างไร แต่คุณค่าของผลงานขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ชม


กริดไม่คัดค้านการตีความของเมอร์เซเดส


ไม่สิ ค่อนข้างจะเห็นพ้องด้วยซ้ำ


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่ ‘มงกุฎความมืด’ จางลง หรือเป็นเพราะยาธานกำลังก้มหน้า แต่สีดำในภาพวาดมอบความรู้สึกทุกข์ทรมานและชวนให้อึดอัดเหนือพรรณนา


ต้นกำเนิดความชั่วร้ายทั้งปวงมีสภาพเช่นนี้…


ดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด


กึก กึก


คนทั้งสองเดินต่อไปอีกสักพัก จนกระทั่งหยุดยืนหน้าภาพวาดที่ห้า


อสูรสีแดง อสูรสีเขียว และอสูรยักษ์ที่เคยปรากฏในภาพวาดที่สอง กำลังยืนอยู่ข้างยาธาน


โดยในภาพนี้ ยาธานกำลังยืนตัวตรง มงกุฎความมืดเหนือศีรษะกลับมาลุกโชนอย่างสง่างามอีกครั้ง


“คล้ายกับยาธานฟื้นฟูชีวิตชีวากลับมา… หรือต้องการจะสื่อว่า เทพที่ไม่มีบริวาร คือเทพที่ปราศจากความหมาย?”


เมอร์เซเดสที่ปรกติมักเงียบขรึม กลายเป็นคนช่างพูดมาได้สักพัก


กริดเริ่มสังเกตเห็นว่า เป็นเพราะอีกฝ่ายชื่นชอบภาพวาด


‘เมื่อลองนึกดู… ในสภาพแวดล้อมที่เธอเติบโต คงมีภาพวาดให้ชมเชยไม่น้อย’


ย้อนกลับไปในช่วงที่เมอร์เซเดสถูกอัศวินสีชาดลำดับสี่ คิวราทัน (จอมอสูรอัสทารอธ) โจมตีในบ้านของตัวเองและได้กริดช่วยชีวิตไว้ ณ ตอนนั้น กำแพงบ้านของเธอถูกทำลายบางส่วนและเผยให้เห็นสถาปัตยกรรมภายใน กริดพอจะจำได้ว่าผนังบ้านของเธอมีภาพวาดแขวนอยู่ไม่น้อย


‘ทำไมเราเพิ่งรู้ตัวเอาป่านนี้…’


มันเอาแต่พร่ำบอกว่าเธอคือคนสำคัญ แต่ความเป็นจริงกลับแทบไม่เคยใส่ใจเมอร์เซเดส


กริดเลื่อนมือขึ้นมาจับหน้าผากพลางขมวดคิ้ว


มันกำลังพิจารณาว่าตนเคยทำเรื่องแย่ๆ กับคนรอบข้างไว้มากแค่ไหน


‘นั่นสินะ… จิสึกะก็ย้ายมาเกาหลีใต้เพราะเรา’


ในตอนแรกกริดไม่เชื่อ และเอาแต่หลอกตัวเองว่าอีกฝ่ายต้องการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต


แต่เมื่อถึงจุดนี้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะยืนกรานปฏิเสธ


ชายหนุ่มเหยียบย่ำหัวใจจิสึกะโดยอ้างว่าทำเพื่อเธอ


แต่ในมุมมองของอีกฝ่าย เธอจะคิดแบบนั้นจริงหรือ?


‘…เลวฉิบ’


กริดถอนหายใจพลางสลัดเรื่องของจิสึกะทิ้งไปก่อน ปัญหาตรงหน้าสำคัญกว่ามาก


“ขออภัยค่ะ ดิฉันอวดดีเกินไป”


เมื่อเห็นกริดเงียบไปสักพัก เมอร์เซเดสรีบก้มศีรษะขอโทษ


เธอกังวลว่าคำวิจารณ์ของตนจะรบกวนสมาธิเจ้านาย


“ไม่เลย… เธอตีความได้ดีแล้ว”


กริดตบบ่าเมอร์เซเดสพลางตัดสินใจบางอย่าง


ในอนาคต มันจะรวบรวมภาพวาดล้ำค่าและมอบเป็นของขวัญให้เมอร์เซเดส


ขณะเดียวก็ใคร่ครวญเกี่ยวกับภาพวาดที่ห้า โดยสงสัยว่าการฟื้นคืนสภาพของยาธาน คือเรื่องจริงหรือภาพลวงตา


หากเรียกจากลำดับภาพ


ในภาพที่สาม รีเบคก้าปรากฏตัวขึ้น และภาพวาดถัดไป ยาธานก็มีสีหน้าอมทุกข์


อาจเป็นเพราะว่า ยาธานได้ยินเสียงกระซิบแสนเจ้าเล่ห์ของรีเบคก้า ที่เสนอ (หรือปรึกษา) เกี่ยวกับแผนทำลายล้างโลกมนุษย์และสร้างขึ้นมาใหม่ โดยสิ่งนั้นทำให้ยาธานทุกข์ระทม?


หากเป็นเช่นนั้น จิตใจของยาธานในภาพที่ห้าก็อาจยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาจริง


“…”


ภาพวาดที่หกมีหลากสีสัน มากมายถึงสามสิบสองสี ยกเว้นยาธานสีดำ และบาเอลที่เป็นยักษ์


จากอสูรเพียงสามตน ยามนี้งอกเงยกลายเป็นสามสิบสาม


ใช่แล้ว นี่การถือกำเนิดของสามสิบสามจอมอสูร


ภาพที่เจ็ดเป็นทิวทัศน์ ผืนดินขรุขระแตกระแหง ท้องฟ้ามืดหม่น แม่น้ำสีแดง กริดเคยเห็นองค์ประกอบเหล่านี้ภายในขุมนรกหลายแห่ง


ภาพที่แปดอัดแน่นด้วยอสูรจำนวนมาก


อสูรนับพันซึ่งมีใบหน้าและรูปร่างแตกต่าง ถูกวาดจนเต็มนรกอันกว้างใหญ่ที่แห้งแล้งแต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา


ในภาพที่เก้า


“เชี่ย… หัวใจจะวาย”


รีเบคก้าปรากฏตัวอีกครั้ง


เฉกเช่นภาพที่สาม


นี่คือภาพเหมือนที่ถูกวาดอย่างประณีตราวกับใช้กล้องถ่ายรูป


เหนือศีรษะของเทพธิดามีคลื่นแสงคล้ายมงกุฎ สองมือประสานกันอย่างสง่างาม รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน


เทพธิดาแห่งแสงที่คอยประทานพรให้มวลมนุษย์


นี่คือเทพธิดารีเบคก้าที่ทุกคนรู้จัก


“เพียงแค่เห็น หัวใจก็อบอุ่น”


“อา…”


แค่ได้มองภาพ หัวใจคนทั้งสองต่างสัมผัสได้ถึงความปลอดโปร่งและความสุข


หากภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของโบสถ์รีเบคก้าจะฟื้นฟูกลับมาทันที


อาจเป็นไปได้ว่า… รีเบคก้าคือเทพที่มีจิตใจงดงาม แต่การที่เทวทูตต้องฆ่าดาเมี่ยน เป็นเพราะมีเทพตนอื่นที่ริษยารีเบคก้าคอยสั่งการ หรือไม่ก็เป็นเพราะเทวทูตทำตามใจตัวเอง…


ขณะกริดกำลังวิเคราะห์ กรอบของภาพที่เก้าหมุนจนเห็นด้านหลัง


ภาพวาดที่สิบคือสัญลักษณ์ของการเข่นฆ่า สีดำซึ่งเป็นตัวแทนยาธาน แพร่กระจายออกไปนอกขุมนรก ปกคลุมโลกมนุษย์และกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งปวง


กรอบภาพวาดหมุนอีกครั้ง


และเป็นภาพเหมือนของรีเบคก้าอีกครั้ง


เฉกเช่นภาพที่สาม รีเบคก้ากำลังแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ สองมือที่ประสานกันกำลังเลอะสีแดงซึ่งหมายถึงเลือด


“…”


ช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย


กริดรีบถอยห่างจากภาพ จับมือเมอร์เซเดสและย่ำเท้าไปตามทางเดิน


ทุกครั้งที่ชายหนุ่มก้าวขา โคมไฟสองฝั่งจะค่อยๆ ถูกจุด ช่วยมอบแสงสว่างด้านหน้าในระยะใกล้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เห็นปลายทาง


‘ทางเดินนี้มีจุดสิ้นสุดแน่หรือ?’


กริดอดคิดไม่ได้ว่าตนอาจถูกแมรีโรสปั่นหัว


จนกระทั่ง ภาพวาดที่สิบเอ็ดปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงจากคบเพลิง


ร่างสีดำกำลังทรุดตัวลง


ไม่ใช่ใครนอกจากเทพมารยาธานซึ่งกำลังคุกเข่าคล้ายร่ำไห้ บรรยากาศหม่นหมองและเต็มไปด้วยความเศร้า


“จิตรกรต้องการสื่อว่า รีเบคก้าคือต้นเหตุของการทำลายล้าง ส่วนยาธานเป็นแค่เหยื่อ”


“อา…”


แค่เหยื่อยังเป็นไม่ได้… เป็นได้แค่ไอ้งั่ง… เป็นได้แค่หุ่นเชิดของรีเบคก้า…


จิตรกรผู้วาดกำลังจะสื่อว่า ยาธานเป็นแค่ขยะตนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอจะถูกตัดสินว่าดีหรือชั่ว


‘แบบนี้นี่เอง…’


ผู้วาดคงเป็นเบริอาเช่


เธอวาดโจมตีรีเบคก้าและยาธานในปริมาณเท่าๆ กัน


กึก กึก


กริดและเมอร์เซเดสยังคงเดินต่อไป


ทางเดินที่ไม่มีวี่แววจะสิ้นสุด ยังคงมีภาพวาดประดับประดา


แต่ไม่มีภาพใหม่ ทั้งหมดคือการนำภาพหนึ่งถึงสิบเอ็ดมาฉายซ้ำอีกครั้ง


คล้ายกับกำลังสื่อว่า โลกมนุษย์ถูกทำลายหนแล้วหนเล่าและสร้างขึ้นใหม่เรื่อยๆ


ผ่านไปกี่ชั่วโมงไม่มีใครทราบ


หลังจากต้องเห็นภาพซ้ำเดิมตลอดทาง ภาพวาดใหม่ได้ปรากฏขึ้น


เป็นภาพรีเบคก้ากำลังแสยะยิ้มอย่างน่าขยะแขยง โดยมียาธานยืนจ้องร่าง ‘สีแดง’


สีแดง


ร่างที่น่าจะเป็นตัวแทนเบริอาเช่ ต้องเผชิญหน้ากับยาธานตามลำพังในภาพถัดมา


และอีกหนึ่งภาพถัดมา ร่างสีแดงตกจากหน้าผา


ขนาดของร่างกายเล็กกว่าปรกติราวสองเท่า ก่อนจะแตกตัวทวีคูณในภาพถัดไป


ร่างสีแดงเต็มไปหมด


‘ไม่ผิดแน่ สีแดงหมายถึงเบริอาเช่’


ด้านล่างของหน้าผาสื่อถึงโลกมนุษย์ และขนาดตัวที่เล็กลงหมายถึงการสูญเสียพลังของจอมอสูร การแตกตัวทวีคูณหมายถึงการถือกำเนิดของทายาท


ในที่สุด กริดและเมอร์เซเดสมองเห็นจุดสิ้นสุดทางเดิน


โคมไฟที่สว่างขึ้นกำลังส่องให้เห็นทางเข้าของเขตถัดไป


กึก กึก


เมอร์เซเดสยกโล่และเดินนำหน้า


“ดิฉันจะเข้าไปก่อน”


แมรีโรส


อาจเป็นเพราะตำแหน่งราชาโลหิต แมรีโรสจึงชื่นชอบกริดไม่ต่างจากแวมไพร์ทายาทตนอื่น


ทว่า เมอร์เซเดสก็ไม่กล้าประมาท


“…!”


ขณะเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมกับเตรียมกางปีกสีเงินตลอดเวลา ร่างกายหญิงสาวพลันแข็งทื่อ เนื่องจากกลิ่นคาวเลือดอันคละคลุ้งลอยฟุ้งชนปลายจมูก พร้อมกันกับคลื่นยักษ์สีแดงที่กำลังถาโถม


“อั่ก…!”


กระแสโลหิตพุ่งปะทะโล่ใหญ่ของเมอร์เซเดส


แม้เธอจะกางปีกสีเงินได้ทัน แต่ก็ยากจะเอาชนะแรงกระแทกอันมหาศาล


หญิงสาวถูกผลักให้ถอยหลังจนพ้นเขตประตูและกลับไปยังทางเดินยาว


ใครบางคนภายในความมืดพูดขึ้น


“เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามา ถอยไปซะ”


เสียงแมรีโรส


“ผู้เดียวที่เข้ามาในห้องนอนข้าได้คือราชาโลหิต”


น้ำเสียของเธอสั่นเครือเล็กๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังตื่นเต้น


ใบหน้าที่เคยสง่างามของเมอร์เซเดสเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่มีพลังหรือคุณสมบัติข้อใดจะไปต้านทานอำนาจแมรีโรส


หลังจากผลักเมอร์เซเดสกระเด็นไปนอกห้อง บ่อเลือดบนพื้นซึ่งเกิดจากคลื่นโลหิต เริ่มก่อตัวกลายเป็นฝ่ามือยักษ์


“ฝ่าบาท!”


ฝ่ามือสีเลือดพุ่งเข้ามาโอบรอบเอวกริด


“ฮุฮุ… เข้ามาสิ”


ขณะแมรีโรสเตรียมลากชายหนุ่มเข้าไปในห้อง


“…หือ?”


น้ำเสียงผ่อนคลายเจือความตื่นเต้นของแมรีโรสพลันแฝงความฉงน


นั่นเพราะฝ่ามือโลหิตที่โอบรอบเอวกริด เกิดไม่ฟังคำสั่งกะทันหัน


นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก เธอคือผู้ปกครองเลือดทุกหยดบนโลกมาตลอด


นี่คือครั้งแรกที่พวกมันไม่ฟังคำสั่ง จึงไม่แปลกที่จะประหลาดใจ


[ผลของเวทโลหิตถูกยกเลิกเนื่องจากทักษะ ‘เจ้าโลหิต’ ที่แฝงมากับ ‘ซับในของเบริอาเช่’]


ขณะเดียวกัน กริดกำลังสัมผัสถึงเนื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างอันเปลือยเปล่าได้ชัดเจนกว่าทุกครั้ง


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,889

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

  1. กริดจะโดนแมรี่โรสตอกสดๆมั้ยครับท่านผูชม

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00