จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,387



<มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร>

ท่ารำดาบผสานห้าชนิดรวมเป็นหนึ่ง

อัดแน่นไปด้วยความน่าเกรงขามของเทพหน้าใหม่ โจมตีแหวกผ่านท้องฟ้าในลักษณะโฉบลง ประหนึ่งมังกรที่กำราบสวรรค์และโลก

เลือกโจมตีใส่หนึ่งเป้าหมายในระยะการมองเห็น สร้างความเสียหาย 4,000% ของพลังโจมตีกายภาพจำนวนสามครั้ง (สูงสุดห้าครั้ง) แก่เป้าหมายและศัตรูทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีสิบเมตร (สูงสุดห้าสิบเมตร) รอบตัวเป้าหมาย นอกจากนั้นยังสร้างอาการผิดปรกติ ‘ถูกทะลวง’ แก่เป้าหมาย สร้างความเสียหายเพิ่มเติม 8,000%

เป้าหมายที่ได้รับอาการ ‘ถูกทะลวง’ จะไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิต ศัตรูทั้งหมดในรัศมีจะถูก ‘ปลดอาวุธ’ นอกจากนั้นยังมีโอกาสสูงที่จะเผชิญอาการ ‘เสียสมดุล’ ‘ทรุด’ ‘เลือดไหล’ และ ‘สิ้นหวัง’ ซึ่งไม่สนใจค่าต้านทาน

ยิ่งใช้จากที่สูง ความรุนแรงทักษะจะยิ่งเพิ่มขึ้น

ระงับการต้านทานคริติคอลของเป้าหมายชั่วคราว การโจมตีจะเกิดคริติคอลแบบไม่มีเงื่อนไข หากระดับตัวตนของเป้าหมายต่ำกว่ามาก มีโอกาสสูงที่ตายในทันที

★ เวทมนตร์ที่แนบมาด้วย : เพลิงแห่งบราฮัม, เสริมแกร่งอาวุธ, ตรวจจับเป้าหมาย, บาเรียคุ้มกาย

เงื่อนไขการใช้งาน : สวมใส่อุปกรณ์ประเภทดาบ

ทรัพยากร : ปราณดาบ 900, มานา 5000

ระยะหน่วง : สองชั่วโมงสามสิบนาที


ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ คือทักษะประเภท ‘หนึ่งครั้ง หนึ่งศพ’


หากใช้งานจากตำแหน่งที่สูงกว่าเป้าหมายยี่สิบเมตร ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ จะสร้างความเสียหายได้รุนแรงกว่า ‘มายาคลื่นร่ายรำทำลายล้างสังหาร’ เสียอีก


แตกต่างจาก ‘มายาคลื่นร่ายรำทำลายล้างสังหาร’ ที่พึ่งพาความรุนแรงจาก ‘ร่ายรำสังหาร’ เป็นหลัก ความเสียหายหลักของ ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ ไม่ใช่การโจมตีหลายฮิต ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกป้องกันกลางคันหลังจากเริ่มโจมตี


แน่นอน ‘มายาคลื่นร่ายรำทำลายล้างสังหาร’ จะสร้างผลลูกโซ่ทำให้ ‘อวัยวะในจุดที่ถูกโจมตีจะอ่อนแอลง’ แต่ผลลูกโซ่ของ ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันมากนัก


และเหนือสิ่งอื่นใด วิชาดาบ ‘มังกร’ ช่วยให้ผู้ใช้งานพุ่งเข้าหาเป้าหมาย สิ่งนี้สามารถใช้พลิกแพลงในสถานการณ์ต่างๆ ได้มากมาย


“…!!”


แรงปะทะอันหนักหน่วงเกิดขึ้นทันทีหลังจากได้กลิ่นคาวเลือด


ครูชาตามสถานการณ์ไม่ทัน


มันไม่แน่ใจว่าตัวเองโดนอะไรเข้าไป ทราบแต่เพียงว่า จิตสังหารอันท่วมท้นระเบิดขึ้นในวินาทีก่อนที่ตนจะได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส


“แค่ก… กรร…”


เกิดอะไรขึ้นกันแน่?


ครูชานอนราบไปกับพื้นในสภาพลำคอถูกทะลวง


มันพยายามหาคำตอบ แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้


ดวงตาสีแดงที่อับแสงของครูชามิอาจกลอกไปมา ห้วงความคิดหยุดลงกะทันหัน ถึงขั้นปล่อยอาวุธในมือลง


และไม่ใช่แค่มันที่ตกตะลึง


“พวกเจ้าเห็นไหม? นั่นล่ะ วิชาดาบราชาไร้พ่าย!”


“ส…สุดยอดมาก! สมกับที่ได้รับคำชมเชยจากท่านเลอราเฆ่!”


เลอราเฆ่และคาลบาบ้าต่างตกตะลึงในความน่าเกรงขามของ ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ พวกมันเอาแต่พึมพำพลางมองสลับไปมาระหว่างครูชากับกริด


‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ ยอดเยี่ยมเสียจนเลอราเฆ่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นวิชาดาบราชาไร้พ่าย


หากถูกโจมตีด้วยสิ่งนี้ การรับมืออย่างมีประสิทธิภาพสามารถทำได้เพียงสองวิธี


หนึ่งคือ เคลื่อนที่ให้เร็วเท่ากับมีร์ในร่างเทพอสนี หรือไม่ก็สลายมันด้วยการโจมตีที่เหนือกว่าหลายเท่า แบบเดียวกับที่บาเอลเคยทำ


ทักษะจำพวก ‘อ่านใจ’ หรือ ‘มองอนาคต’ ของครอเกลและเมอร์เซเดสนั้นยังไม่เพียงพอ วิธีนี้อาจช่วยให้เห็นการโจมตีล่วงหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยากจะหลบให้พ้นอยู่ดี คล้ายกับครอเกลในยามที่เห็นว่ามีร์จะยิงสายฟ้า แต่กระนั้นก็หลบไม่พ้น


“มัวทำอะไรอยู่? คิดจะยืนดูอย่างเดียวรึไง?”


เมื่อครูชาตกอยู่ในสภาพไร้การป้องกันจากผลลูกโซ่ของ ‘สังหาร’ และ ‘ทำลายล้าง’ กริดหันมากระตุ้นเลอราเฆ่


ได้ยินเช่นนั้น เลอราเฆ่และคาลบาบ้าที่เอาแต่ยืนมองอย่างเหม่อลอยต่างได้สติ เริ่มขยับตัวลงมือ


เฉกเช่นจอมอสูรตนอื่น เลอราเฆ่มองว่าอสูรระดับสูงเป็นคู่แข่งมากกว่าพวกพ้องร่วมเผ่าพันธุ์


โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วม ‘การจัดอันดับ’


เลอราเฆ่ย่อมไม่พลาดโอกาสกำจัดรองแม่ทัพของบาร์บาทอส และนั่นสอดคล้องกับเป้าหมายกริดที่ต้องการสังหารครูชา


“กรร!!”


แรงปะทะขณะถูกโจมตีนับว่ามากแล้ว แต่ผลลูกโซ่ที่เกิดขึ้นตามมานั้นเลวร้ายยิ่งกว่า


ครูชาที่ไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิต ถูกกริดกับเลอราเฆ่รุมกระทืบจนทำได้เพียงนอนหมอบราบไปบนพื้นในสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว เพลิงโลกันตร์ที่เคยลุกโชนรอบกำปั้น เริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด


“ก…กรร! เจ้า…! เจ้าเป็นมนุษย์จริงหรือ?”


ค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว


ในหมู่อสูร มีอสูรจำนวนไม่มากที่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายเทพ เว้นเสียแต่จะเป็นอสูรอายุยืนยาวที่เคยถูกเทพโจมตีด้วยเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์มาก่อน


โดยส่วนมาก อสูรจะรู้สึกขยะแขยงกับออร่าเทพตามสัญชาตญาณ


แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่ร่างกายจะเกิดความรังเกียจจากจิตใต้สำนึก


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น พวกมันทั้งหมดล้วนเกิดมาในนรกที่ไม่เคยมีออร่าเทพ


โดยเฉพาะเทพหน้าใหม่แบบกริด ออร่าเทพก็ยิ่งเจือจางจนยากจะตรวจพบ


“…”


การโจมตีของเลอราเฆ่หยุดลงทันที


เธอเป็นอีกหนึ่งจอมอสูรที่ไม่สามารถสัมผัสถึงพลังเทพในยามที่เฮ็กเซเทียแอบมาเยือน


ในวินาทีนี้ เลอราเฆ่กำลังมองกริดด้วยสายตาแบบเดียวกับครูชา


“เจ้าไม่ใช่มนุษย์จริงหรือ? แล้วเป็นอะไร?”


กริดยิ้ม


ชายหนุ่มไม่กลัวการลอบโจมตีของบาร์บาทอสอีกแล้ว


ครูชาสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นเพราะผ้าคลุมมาลาคัส และดวงตาของมันถูกเลอราเฆ่ควักออกมา ไม่สามารถทำตัวเป็น ‘ดวงตา’ ให้บาร์บาทอสได้อีกต่อไป


“เทพ”


“…?!”


“เทพแห่งความตายที่กำลังจะเชือดลูกหมาตัวนี้ทิ้งยังไงล่ะ”


“…เจ้า!”


ใบหน้าที่ชุ่มเลือดของครูชาพลันบิดเบี้ยว


มันเริ่มเข้าสู่ร่างอาละวาด กำปั้นถูกเหวี่ยงส่งเดช คล้ายกับสติสัมปชัญญะไม่หลงเหลืออีกแล้ว


แต่กระนั้น กริดยังสังเกตเห็นรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าครูชา


ไม่กี่อึดใจถัดมา มือสีดำโผล่ขึ้นจากประตูมิติ


บาร์บาทอสกลับมาซุ่มโจมตีอีกครั้ง และเป้าหมายไม่ใช่ใครนอกจากกริด


ครูชาคืออสูร


เคยรับใช้ทั้งจอมอสูรลำดับแปดและเก้า ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีสัญชาตญาณการฆ่าเข้มข้น


เหนือสิ่งอื่นใด ประสาทสัมผัสของมันยอดเยี่ยมมากในหมู่อสูรด้วยกัน


เหตุผลไม่ซับซ้อน ครูชาคืออสูรประเภทสัตว์ร้าย ถึงแม้จะสูญเสียดวงตาและการดมกลิ่น แต่ก็ยิ่งมีประสาทสัมผัสด้านอื่นไว้ใช้ตรวจจับ


“…ทำอะไร?”


แน่นอน ในฐานะผู้เคยเผชิญความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน ไม่มีทางที่กริดจะมองไม่ออก


ชายหนุ่มเชื่อว่าครูชาคงแกล้งทำเป็นอาละวาด จึงไม่ประมาทแม้ว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นและไม่ได้กลิ่น


“…!!”


ครูชาพลันตกตะลึง


ประสาทสัมผัสของมันตรวจพบเหยื่อในตำแหน่งเมื่อครู่ไม่ผิดแน่ ส่งผลให้บาร์บาทอสปล่อยการโจมตีไปที่นั่น


แต่ในเสี้ยววินาทีมา เหยื่อที่ควรถูกเล่นงานกลับกำลังส่งเสียงข้างๆ ใบหู


นี่คือผลของ ‘เป้าลวง’ เวทมนตร์ที่ไร้ประโยชน์ถ้าครูชายังไม่เสียดวงตา


“สะพรั่งร่ายรำทำลายล้างสังหาร”


กลีบดอกไม้สีน้ำเงินผุดขึ้นจากความว่างเปล่า


ปลิวไสวในอากาศสักพัก ก่อนจะกระหน่ำยิงใส่ครูชาพร้อมกับเชือดเฉือนเนื้อหนังของมัน


โลหิตสีแดงฉานที่สาดกระเซ็นถูกฟันซ้ำด้วยพายุปราณดาบระลอกหลัง


เมื่อท้องพระโรงเริ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยใยแมงมุมสีเลือด กริดเปิดฉากกระหน่ำท่ารำดาบผสานอีกหลายชนิด


“คึก…!”


ครูชายังไม่หมดลมหายใจ


ในฐานะอสูรที่เล็งจะชิงบัลลังก์นรกขุมที่สิบจากเลอราเฆ่ มันพยายามยืนหยัดจนถึงที่สุด


‘ยังไม่พออีกรึไง?’


กริดเริ่มกังวล


ตนปลดปล่อยการโจมตีไปเกือบหมด ร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย แต่ครูชากลับยังไม่ยอมตายๆ ไปเสียที


แต่ชายหนุ่มยังคงสุขุม หากไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน เป็นเรื่องปรกติที่ครูชาจะหนังเหนียว


อีกฝ่ายมีเลเวลไม่ต่ำกว่า 550 แถมยังเป็นรองแม่ทัพของนรกขุมที่แปด ลำพังกริดในปัจจุบันย่อมเอาลงได้ยาก


นี่คงเป็นเหตุผลที่ภารกิจมอบของรางวัลที่ล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน


ยิ่งเป็นภารกิจยากเท่าไร ผลตอบแทนก็ยิ่งมหาศาลเป็นเงาตามตัว


บางที ระบบคงวิเคราะห์แล้วว่ากริดไม่น่าจะทำสำเร็จ


ไม่สิ อาจฟันธงไปแล้วกว่าทำไม่ได้แน่นอน


แต่ใครจะไปคิดว่า ชายหนุ่มจะสร้างความสัมพันธ์กับจอมอสูรและร่วมมือกัน


“ก็แค่ลูกหมาหนังเหนียวตัวหนึ่ง”


กำปั้นเล็กๆ ของเลอราเฆ่ทุบใส่สันจมูกของครูชาเข้าเต็มแรง


กรามที่ยาวยื่นของสุนัขหักงอจนผิดรูป ฟันแหลมคมหลายซี่หลุดจากปาก


“อ…อะไรกัน?”


เป็นอีกครั้งที่ครูชาตกตะลึง


แต่คราวนี้ มันประหลาดใจยิ่งกว่าตอนที่ถูกกริดโจมตีทีเผลอเสียอีก


เลอราเฆ่เหยียดหยัน


“เจ้าไม่รู้จริงหรือ หากไม่มีพลังจากเฮลกาโอคอยสนับสนุน เจ้าก็ไม่มีทางเทียบเคียงข้าได้แม้แต่ปลายเล็บ”


“…!”


ครูชาเพิ่งสังเกตเห็นว่าผิวพรรณของเลอราเฆ่กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง


ในวินาทีที่หมัดไฟโลกันตร์อ่อนแอลง เมือกสีใสของเลอราเฆ่ก็คืนสภาพ


“ข้ารู้สึกสมเพชทุกครั้งที่เจ้าหยิ่งผยองว่าตัวเองแข็งแกร่ง โดยไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยว่า ฝีมือในปัจจุบันมาจากพลังของคนอื่น… ข้าเฝ้ารอมาตลอด รอจะเห็นวันที่เจ้าตระหนักถึงความโง่เขลาของตัวเอง… สีหน้าเหมือนกับที่ข้าจินตนาการไว้ไม่มีผิด”


กำปั้นถัดมารุนแรงพอที่จะลบครูชาผู้สิ้นหวังให้หายไปจากโลกนี้


กะโหลกศีรษะของอสูรสุนัขถูกป่นละเอียด ร่างกายชักกระตุกแผ่วเบาสักพักก่อนจะกลายเป็นละอองแสง


พลังแห่งการดิ้นรนและเอาชนะ


สุดยอดคุณลักษณะที่ช่วยให้เธอคว้าชัยอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งได้พบกับราชาไร้พ่าย


กริดและยูร่ากำลังทึ่งกับความยอดเยี่ยมของเลอราเฆ่


เหมือนกับในยามที่ชายหนุ่มใช้ ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ และสร้างความตกตะลึงแก่เลอราเฆ่และคาลบาบ้า


[ท่านบรรลุภารกิจ ‘การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอส’]


[ท่านได้รับ ‘เนตรบาร์บาทอส (5) *’ เป็นรางวัลภารกิจ]


(*เปลี่ยนจากการมองเห็นของบาร์บาทอส เป็นเนตรบาร์บาทอส)


<เนตรบาร์บาทอส (5) >

ดวงตาที่ห้าของบาร์บาทอส สามารถมองเห็นได้ไกลสูงสุดสิบกิโลเมตร

ทรัพยากร : 2,000 มานาต่อวินาที

ระยะเวลาแสดงผล : สูงสุด 30 วินาที

ระยะหน่วง : หนึ่งชั่วโมง


“…!”


กริดตอบสนองทันที


ชายหนุ่มเปิดใช้งานเนตรบาร์บาทอสในหน้าต่างรายการทักษะ


ภาพที่แรกเห็นคือยอดเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสิบกิโลเมตร


ดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องกลับมา


เจ้าของดวงตาเป็นสุภาพบุรุษสวมสูทรัดรูปและหมวกฟีโดร่า


“อย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”


สุภาพบุรุษกล่าวยั่วยุขณะเห็นความโกรธในดวงตากริด


“ถ้อยคำนักคุณธรรม”


กริดตอบด้วยการกระทำ


เป็นการประกาศศักดิ์ดาว่าใครคือนักซุ่มโจมตีที่แข็งแกร่งกว่ากัน


ชายหนุ่มตอบสนองต่อคำยั่วยุด้วยการท้าทายที่รุนแรงยิ่งกว่า


สายฝนยุทธภัณฑ์โปรยปรายลงจากฟากฟ้า ศาสตรานับหมื่นกระหน่ำยิงลงบนภูเขาที่ปราศจากต้นไม้


บาร์บาทอส สุภาพบุรุษผู้ได้รับบาดแผลจากการโจมตีที่ตนไม่คาดคิด


ดวงตาของจอมอสูรลำดับแปดกำลังเบิกโพลงหลังจากตระหนักได้เมื่อสาย


ดวงตาของมันดันไปตกไปอยู่กับคนที่ไม่ควรมีพลังนี้มากที่สุด


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,872

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

  1. ปิ้วๆๆๆ ยิงดาบใส่แม่มเลย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00