จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,379



กริดอัดวิดีโอการเผชิญหน้าระหว่างตนกับมีร์ไว้ทั้งหมด


เริ่มตั้งแต่วินาทีที่พบกัน จนถึงตอนที่ถูกสังหาร


“นี่มัน… ของจริงใช่ไหม…?”


ณ บ้านชินยองวู


รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของจิสึกะที่มาทันเห็นยองวูล็อกเอาต์


จิสึกะตกใจจนนำมันหวานปิ้งที่ซื้อมาเตรียมป้อนยองวู เสียบเข้ารูจมูกชายหนุ่มแทน


ไม่เพียงจะใช้เวทมนตร์เป็นวงกว้าง (เทพธรณี) และ ‘บาเรีย’ แบบพิเศษ (เทพอัคคี) มีร์ยังสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาโดยไม่ต้องออกท่าร่ายให้เสียงจังหวะ (เทพอสนี) รวมถึงการยิงสายฟ้าจากดาบได้ตามใจนึก


ความแข็งแกร่งของยังบันนามว่ามีร์ จิสึกะไม่เคยพบจากศัตรูคนใดมาก่อน


“…แบบนี้จะวิเคราะห์หารูปแบบเพื่ออะไร? อีกฝ่ายสามารถใช้เวทหมู่ทำลายกระบวนทัพในพริบตา เปลี่ยนตำแหน่งด้วยความเร็วที่มองตามไม่เห็น นอกจากนั้นยังมีดีบัฟเป็นวงกว้างและบาเรียแบบพิเศษ… เราจะฆ่าสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ยังไง?”


ความแข็งแกร่งของมีร์ฟังดูเหลวไหลจนหมดหนทางรับมือ


แทบไม่มีจุดบอด


สำหรับช่วงเวลาปัจจุบันของเกม ยากจะหาใครหรือกองทัพใดในโลกมาล้มมีร์


จิสึกะพึมพำ แต่จากนั้นก็ต้องปิดปากสนิท


ภาพจำของชินยองวู (กริด) ผุดขึ้นในใจหญิงสาวหลังจากเธอพล่ามจุดแข็งของมีร์จบ


เวทมนตร์ระดับเขตแดน


เกราะคุ้มกันแน่นหนา


ความเร็วในพริบตา


พลังทำลายมหาศาล


นี่ไม่ใช่จุดเด่นของกริดหรอกหรือ?


“…ตอนแรกที่ฉันเจอนาย นายไม่มีสามัญสำนึกเลยสักนิด ดูเหมือนว่า กำแพงแห่งสามัญสำนึกจะถูกสร้างขึ้นหลังจากได้รับความรักจากฉันและยูร่า”


“...พูดเกาหลีคล่องแล้วนี่”


“ก็ตอนนี้ฉันเป็นคนเกาหลี ต้องพูดคล่องเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”


จิสึกะโอนสัญชาติมาแล้วหนึ่งปี เริ่มคุ้นชินกับขนบธรรมเนียมชาวเกาหลีใต้ที่ค่อนข้างระวังคำพูด เมื่อเทียบกับอเมริกาใต้


ดังนั้น


“แล้ว… ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง… กับยูร่า”


ครั้งหนึ่ง จิสึกะเคยเต็มไปด้วยความมั่นใจและกล้าหาญ ถึงขั้นตัดสินใจย้ายบ้านเพราะต้องการใกล้ชิดกับยองวู


แต่ในปัจจุบัน ความรู้สึกดังกล่าวได้บรรเทาลงมาก ความมั่นใจในตัวเองทำนองที่ว่า ‘ยองวูจะคิดยังไงไม่สำคัญ แค่ฉันชอบเขาก็พอแล้ว’ และ ‘ไม่มีผู้ชายคนใดในโลกไม่ตกหลุมรักฉัน’ เริ่มจางหายไปจากหัวใจ


ยองวูใส่ใจกับครอบครัวเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นการเอาใจใส่คนรอบข้าง


หลังจากเฝ้ามองความอ่อนโยนของชายหนุ่มตลอดหลายปี มุมมองด้านความรักของจิสึกะเริ่มเปลี่ยนแปลง


มีอยู่วันหนึ่ง เธอมากินอาหารเช้าร่วมกับครอบครัวของยองวูตามปกติ โดยไม่ได้แสดงออกว่าร่างกายกำลังอ่อนเพลียจากไข้สูง


แต่หลังจากกินข้าวเสร็จ ยองวูแอบตามเธอมาที่บ้านและนำผ้าพันคอมาพันรอบ จากนั้นก็พาไปซื้อยาและเฝ้าไข้เธอทั้งวัน


แม้จะเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ละเลยคนใกล้ตัว


ผู้ที่เห็นเวลาเป็นเงินเป็นทองอย่างกริด กลับยอมเสียเวลาทั้งวันเพื่อดูแลเธอ


ขณะจ้องหน้ายองวู จิสึกะตระหนักถึงบางสิ่ง


หากได้เป็นครอบครัวเดียวกับชายคนนี้ เธอจะไม่มีวันเหงา ชีวิตจะมีแต่ความสุขตลอดไป


ความรู้สึกดังกล่าวทำให้หัวใจหญิงสาวเกิดความสับสน จิสึกะไม่พอใจแค่การได้อยู่เคียงข้างยองวู


เธอรู้สึกหดหู่ทุกครั้งเมื่อมองไปนอกหน้าต่างและเห็นเขาออกไปเจอกับยูร่าทุกสุดสัปดาห์


“กับยูร่า? ก็เหมือนเดิม… กินข้าว เดท…”


“เคยนอนกันหรือยัง”


“…จู่ๆ ก็ถามอะไร?”


“เคยจูบหรือยัง”


“…”


“มือด้วย… นายต้องกุมไว้แน่นๆ”


ในตอนแรก ยองวูมองเป็นมุกตลก แต่ไม่นาน สีหน้าของชายหนุ่มพลันดำมืด


ยองวูเห็นความเศร้าและความหม่นหมองในดวงตาอีกฝ่าย


มันอยากจะปลอบใจ


เดิมที จิสึกะทั้งเข้มแข็งและสง่างาม เมื่อได้เห็นมุมที่อ่อนแอ ยองวูจึงอยากเข้าไปสวมกอด


แต่สุดท้ายก็เลือกจะข่มใจตัวเอง เรื่องนี้ทำได้ยากยิ่งกว่าการเลิกสารเสพติดเสียอีก


เป็นเพราะใบหน้าของยูร่าผุดขึ้น มันจึงหักห้ามตัวเองสำเร็จ


เมื่อตัดสินใจบางอย่างได้ ยองวูเปิดปาก


“ในเมื่อเธอเป็นคนที่ทุกคนบนโลกหลงรัก ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย… จิสึกะ ลองใช้โอกาสนี้มองย้อนกลับไป ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องชอบฉันเลย… เธอแค่ยึดติดกับห้วงอารมณ์ในตอนที่ถูกฉันช่วยเหลือ… หรือบางที เธออาจหมกมุ่นกับหนี้สินจากคันศรฟินิกซ์แดงมากเกินไป”


“…นายไม่ได้รู้อะไรเลย”


“…”


“นายเป็นใครถึงรู้จักฉันดีกว่าตัวฉัน? คนเดียวในโลกที่สั่งให้ฉันตัดใจได้คือตัวเอง… นายมีสิทธิ์ที่จะไม่รับรักฉัน แต่นายไม่มีสิทธิ์มาบอกให้ฉันตัดใจ… ถ้าไม่รักกัน แต่ตอบว่า ‘ไม่’ ก็พอแล้ว ทำไมต้องพูดให้ฉันดูน่าสมเพช”


“…ขอโทษ ฉันคิดน้อยเกินไป”


“ทีหลังก็อย่าทำอีก… ฉันรู้ว่านายเป็นคนจิตใจยังไง ถึงไม่อยากต่อว่า… ในอนาคต เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก… ฉันไม่สามารถเป็นคนรักของนายได้ก็จริง แต่พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้ เหมือนอย่างตอนนี้ไง”


“…”


“อา… วันนี้ฉันขอตัวไปพักก่อน แล้วจะช่วยคิดกลยุทธ์ปราบมีร์ให้วันหลัง… นอกจากนั้น อย่าลืมเปิดโหมดระบายอากาศหลังจากเข้าไปในแคปซูล นายอาจตดในนั้นเพราะกินมันหวานมากเกินไป”


“ต…ตกลง”


ยองวูเองก็ชอบจิสึกะ


จะมีสักกี่คนบนโลกที่ไม่ชอบเธอ ผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งความสามารถ ความรับผิดชอบ สดใส เข้มแข็ง และสง่างาม


เหนือสิ่งอื่นใด จิสึกะคือผู้มีพระคุณของยองวู หากเธอไม่พาเข้ากิลด์เซดาก้าห์ ตนก็คงไม่มีเพื่อน สภาพปัจจุบันก็ไม่น่าจะต่างจากแอ็กนัส


อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในหัวใจยองวูคือยูร่า มิใช่จิสึกะ


หลังจากเห็นยูร่าแสดงความกล้าหาญด้วยการสารภาพรักต่อหน้าคนทั้งโลก


หลังจากลองออกเดท กินข้าว และดูหนังด้วยกัน ยองวูเริ่มพบว่าตนมีความรู้สึกดีๆ กับเธอ


ชายหนุ่มเคยเห็นเธอแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ทั้งที่ไม่เข้มแข็งเท่าจิสึกะ แสร้งทำเป็นสดใส ทั้งที่ไม่สดใสเหมือนจิสึกะ


สิ่งนี้ทำให้ยองวูอยากอยู่กับเธอมากขึ้น อยากคอยยืนเคียงข้าง เพื่อให้เธอเข้มแข็งและสดใสจากก้นบึ้งหัวใจ


แน่นอน ยองวูสงสารจิสึกะ


ไม่สิ ความสงสารเป็นเพียงคำแก้ตัว


จิสึกะสมควรได้เจอกับผู้ชายที่ดีกว่าตน คงจะดีกว่านี้ถ้าทำให้เธอตัดใจได้เร็วๆ แทนที่จะมัวยึดติดกับความไม่ชัดเจน


ยองวูคิดเรื่องนี้มาสักพัก แต่ก็ไม่เคยลงมือทำเพราะไม่มีความกล้า


“…”


หัวใจชายหนุ่มกำลังปวดร้าวอย่างหนัก ผสมผสานกับความรู้สึกว่างเปล่า


คล้ายกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ


ทั้งเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน


ยองวูเผยสีหน้าขื่นขมขณะเฝ้ามองแผ่นหลังของจิสึกะเดินออกจากบ้าน


มันอยากพึ่งเหล้า อยากเมาให้ขาดสติไปทั้งวัน


อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มทราบดี ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคที่หนักหนาสักเพียงใด ตนยิ่งต้องตั้งสติ


มีภาระหน้าที่มากมายกำลังรออยู่


“ทำไมถึงเจ็บปวดขนาดนี้…”


ยองวูเอนกายพิงหน้าต่างเป็นเวลานาน


จนกระทั่งเริ่มขยับตัว ชายหนุ่มเดินไปที่แคปซูลและทิ้งตัวลงนอน


ได้เวลาเทพโอเวอร์เกียร์กลับเข้าซาทิสฟาย


***


หลังจากต่อสู้กับมีร์อย่างดุเดือด กริดตัดสินใจออกเดินทางสู่นรก


บางครั้งก็โซโล่ บางครั้งก็ไปกับยูร่า ชายหนุ่มเน้นไปที่การล่าอสูรเพื่อเร่งเลเวล


ใจจริงมันอยากตีเหล็กมากกว่า อยากสร้างดาบเล่มใหม่โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากดาบสั้นเฮ็กเซเทียและจุดบอดที่เรียนรู้หลังจากสู้กับมีร์


แต่แผนดังกล่าวต้องพับไว้ก่อน


‘เทวรูปเทพโอเวอร์เกียร์’ จำเป็นต้องมีเลเวลหกขึ้นไป บัฟค่าความชำนาญจึงจะใกล้เคียงกับ ‘รูปปั้นราชาโอเวอร์เกียร์’ เลเวลตัน


หากฝืนสร้างไอเท็มก่อนหน้านั้น มีโอกาสสูงที่ผลลัพธ์จะออกมาด้อยคุณภาพ


เหนือสิ่งอื่นใด บราฮัมยังฝังเวทมนตร์ลงในแร่ไม่เสร็จ ช่วงนี้จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บเลเวลและฝึกตัดเย็บ


“ตายแล้ว~ กางเกงในตัวนี้น่ารักจัง~ นายท่านทำเป็นของขวัญให้ข้าหรือ”


ขณะเย็บผ้า กริดสวมอุปกรณ์ฝึกตนของลีจองไปด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนปราชญ์โบราณที่ฝึกตัดแป้งต๊อกในห้องมืด


เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จ ต้องใจเย็นถึงขีดสุด


กริดแทงนิ้วตัวเองหลายสิบครั้ง นอกจากนั้น หน้าตาของผลิตภัณฑ์ก็ยังอัปลักษณ์


แต่ในวินาทีที่กางเกงในถูกผลิตเสร็จ เลเวลทักษะการตัดเย็บเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


เป็นผลมาจากเอฟเฟกต์ผสานของ ‘เข็มเย็บผ้ามังกรจอมเขมือบ’ และ ‘อุปกรณ์ฝึกตนลีจอง’


กริดยิ้มอย่างมีความสุขกับผลลัพธ์


จนกระทั่งก็ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ สีหน้าชายหนุ่มพลันบูดบึ้งราวกับกำลังอมขี้


“…ฉันคงบ้ามากถ้ามอบสิ่งนี้ให้เธอ”


กริดกำลังพูดกับซัคคิวบิ


คนรอบตัวอาจเข้าใจผิดถนัด หากตนไปไหนมาไหนกับเหล่าซัคคิวบิในสภาพที่สวมเพียงชุดชั้นใน


‘เราต้องรีบติดต่อช่างเย็บหนัง…’


ในตอนแรก กริดพยายามจะสวมเสื้อผ้าให้ซัคคิวบิ


แต่ซัคคิวบิเป็นเผ่าพันธุ์ที่เกลียดเครื่องแต่งกาย จริงอยู่ กริดสามารถบังคับให้พวกหล่อนแต่งตัวตามคำสั่ง แต่ถ้าทำแบบนั้น ซัคคิวบิจะเกิดความหดหู่จนส่งผลให้ค่าสถานะทุกชนิดลดลง


วิธีที่แยบยลที่สุดก็คือ ต้องเย็บผลิตภัณฑ์จากหนังติดกับชุดชั้นในของซัคคิวบิ เปลี่ยนให้พวกมันดูเหมือนอย่างอื่นที่ไม่ใช่ชุดชั้นใน


“ถ้าอย่างนั้น เจ้านายทำให้พี่สาวคนนี้หรือ~?”


“ไม่มีทาง~ ข้าไม่คิดว่ามันจะเหมาะกับหล่อน รสนิยมของเจ้านายไม่เหมือนกับพี่สาวคนนี้~”


ซัคคิวบินำกางเกงในไปทาบกับยูร่า


ใบหน้าหญิงสาวพลันแดงก่ำเมื่อได้เห็นรูปทรงกางเกงใน


กริดรีบอธิบายอย่างลนลาน


“ก…กางเกงในตัวนี้ไม่ใช่รสนิยมของฉัน… แค่อยากจะสร้างหลายๆ รูปทรงเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วและความชำนาญ นั่นจะช่วยให้ทักษะตัดเย็บเพิ่มระดับได้เร็ว…”


น่าเสียดาย ยังไม่ทันจะอธิบายจบ แผ่นดินพลันสั่นสะเทือนพร้อมกับกองทัพปีศาจที่วิ่งกรูมาจากเส้นขอบฟ้า


กองทัพที่มหาศาลเช่นนี้มาจากไหน?


กริดพลันสะดุ้ง รีบถอดผ้าปิดตา


ภาพแรกที่เห็นก็คือ ราชรถที่ลากโดยแรดสามหัว


พลซุ่มยิงเผ่าอสูรจำนวนมากบนรถต่างง้างสายธนูไปด้านหลังอย่างพร้อมเพรียง


“…!”


เมื่อเห็นกลุ่มศรบินผ่านท้องฟ้า สีหน้ากริดเริ่มดำมืด


อีกฝ่ายยิงธนูได้เร็วเกินไป


“หลบเร็ว!”


เมื่อมั่นใจว่าซัคคิวบิหลบไม่พ้นแน่ กริดก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับใช้ ‘ร่ายรำ’ เพื่อสร้างม่านดาบปัดป้องลูกศร


ปังปัง!


ยูร่าก็เริ่มลงมือยิง


กระสุนเวทมนตร์ที่ยิงออกไป สังหารพลซุ่มยิงเผ่าอสูรสามตนในพริบตา


แต่กองทัพก็มิได้สูญเสียความฮึกเหิม จำนวนของพวกมันยังเหลืออีกมาก ราชรถหลายร้อยคันพุ่งเข้าหากริดอย่างห้าวหาญ


‘แย่ล่ะสิ…’


ในช่วงที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ออกจากนรก กริดจะทิ้งซัคคิวบิไว้ภายในนรกเสมอ


ชายหนุ่มยังไม่พร้อมที่จะพาพวกหล่อนไปไหนมาไหนต่อหน้าคนจำนวนมาก


แต่ซัคคิวบิกลับยังรอต้อนรับทุกครั้งที่กริดกลับมา


ไม่มีตนใดเลยที่ทรยศและหนีไป เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายอย่างมาก


นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชายหนุ่มเริ่มเอ็นดูซัคคิวบิ


“เอลฟิน·สโตน!”


“เขตแดนโลหิต”


อันที่จริง ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการละทิ้งซัคคิวบิ


เพียงอัญเชิญสัตว์เลี้ยงอย่างโนเอะและแรนดี้ออกมารับมือฝนธนู จากนั้นก็ใช้ชุนโปหนีไปพร้อมกับยูร่า


อย่างไรก็ตาม กริดมักเผยมุมดื้อรั้นให้เห็นบ่อยครั้ง


ชายหนุ่มอัญเชิญโนเอะ แรนดี้ โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ และเหล่าแวมไพร์ เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพราชรถที่กำลังรุกคืบเข้าใส่


หากสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เสียชีวิต พวกมันจะถูกอัญเชิญไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ นั่นถือเป็นผลเสียร้ายแรง เพราะกริดจะไม่มีตัวช่วยในช่วงเวลาดังกล่าว


แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มยอมรับในผลที่จะตามมา


กริดเปิดหน้าแลกเต็มกำลัง


กองทัพราชรถที่ลากโดยแรดสามหัวพุ่งปะทะกับกองกำลังฝ่ายกริดจนสนามรบสั่นสะเทือน


กริดมีงานล้นมือ


ความสำคัญลำดับแรกคือการปกป้องเอลฟิน·สโตน ผู้ทำให้ศัตรูอ่อนแอด้วยเวทมนตร์เขตแดน


ในวินาทีที่คมหอกของนักรบบนหลังแรดถูกปัดป้อง โนเอะและแรนดี้จะตอบโต้เพื่อสังหารพวกมัน ส่วนโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์กับซัคคิวบิคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง บ้างล้อเลียน บ้างทำให้นักรบขี่แรดลุ่มหลง


กริดสัมผัสได้ว่า ความฮึกเหิมค่อยๆ หายไปจากกองทัพศัตรูทีละนิด


แต่นั่นก็มิได้ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กองทัพราชรถแข็งแกร่งจนผิดวิสัย แตกต่างจากบรรดาอสูรทั่วไปที่เคยพบในนรกขุมหลักยี่สิบ


ขณะโนเอะและแรนดี้ส่งเสียงเจ็บปวดหลังจากถูกโจมตี


แปะ! แปะ! แปะ!


เสียงปรบมือดังแว่วมาจากด้านนอกเขตแดนโลหิต


กริดมองไปยังทิศทางดังกล่าวและเผยสีหน้าประหลาดใจ


ชื่อของอสูรที่ปรบมือเขียนไว้ว่า


<รองแม่ทัพแห่งนรกขุมที่สิบ>


‘นรกขุมที่สิบ…?’


เหตุใดอสูรจากนรกขุมที่สิบถึงปรากฏตัวในขุมนรกหลักยี่สิบ?


อสูรตนดังกล่าวตะโกนใส่กริดที่กำลังมึนงง


“สมกับที่เป็นผู้สืบทอดวิชาดาบของราชาไร้พ่าย… ยอดเยี่ยมมาก! เอาล่ะ! ขึ้นมาสิ! ท่านเลอราเฆ่ หนึ่งในสามสิบสามผู้ปกครองแห่งนรกกำลังรอเจ้าอยู่!”


เลอราเฆ่


จอมอสูรที่เคยปรากฏตัวในไดอารีของราชาไร้พ่าย


หลังจากหวนนึกถึงเรื่องดังกล่าว กริดหันไปขอความเห็นจากยูร่า แต่หญิงสาวมิอาจตอบสนองได้ในทันที


จอมอสูร แถมยังเป็นจอมอสูรลำดับสิบ กำลังเชิญชวนผู้เล่นไปยังปราสาทของหล่อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปลายทางมีภารกิจลับรออยู่ แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมความเสี่ยง


ท้ายที่สุด การตัดสินใจขึ้นอยู่กับหัวหน้าอย่างกริด


“…ลองไปพบหล่อนกันก่อน”


ราชรถของรองแม่ทัพที่ลากโดยแรดสิบตัว - กริดและยูร่าปีนขึ้นไปด้านบนของสิ่งที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าป้อมปราการ


รองแม่ทัพจ้องไปทางยูร่า แต่มิได้ไล่เธอลง


ในทางกลับกัน มันไล่ซัคคิวบิ


“พวกชั้นต่ำจากนรกขุมสามสิบสอง ไสหัวไป!”


“พวกเธอไปหาแกลนท์ก่อน”


กริดออกคำสั่ง


“เคลื่อนทัพ!!”


หลังจากกล่าวคำอำลากับซัคคิวบิ ราชรถที่บรรทุกกริดและยูร่าเริ่มออกเดินทางไปยังนรกขุมที่สิบ


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,862
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. สงสารจิสึกะเลย ควบสองไปเลยดิวะกริด

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00