จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,385



ชุดชั้นในที่สามารถปรับสภาพให้เข้ากับร่างกายผู้สวม


ซับในของเบริอาเช่กลายเป็นชุดรัดรูปเต็มตัวที่ช่วยเสริมความเด่นชัดให้มัดกล้ามเนื้อกริด


‘ใส่สบาย’


ขณะเรียกเอลฟินสโตนกลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงมุมสายตากริด


[ท่าได้รับเอฟเฟค <สวมใส่ ที่ไม่ได้สวมใส่>]


[ชุดเกราะที่ท่านสวมจะมีน้ำหนักลดลงครึ่งหนึ่ง ผลข้างเคียงเกี่ยวกับความเร็วทั้งหมดจะหายไป]


“…!”


ดวงตากริดพลันเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ


‘นี่มัน… บางทีอาจเป็นทักษะที่ดีกว่ากายาคงกระพัน’


น้ำหนักของไอเท็มจะแปรผันตรงกับวัสดุ


เกราะหนักอาจแข็งแรงทนทานกว่า และมีพลังป้องกันมากกว่าเกราะเบา แต่เนื่องจากเกราะหนักมีผลข้างเคียงมาก ผู้คนจึงนิยมเกราะเบามากกว่า


ยิ่งชุดเกราะหนักเท่าไร ความเร็วก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น


ใครหลายคนจึงเลือกความคล่องตัวก่อนพลังป้องกัน


แต่เอฟเฟค ‘สวมใส่ ที่ไม่ได้สวมใส่’ ช่วยขจัดความน่ารำคาญใจดังกล่าว


‘ถ้าอ้างอิงจากตัวเรา พลังป้องกันจะเพิ่มได้มากถึง 30%’


เมื่อผนวกเข้ากับเอฟเฟค ‘กายาคงกระพัน’ กริดเชื่อว่าบางที ตนอาจทนรับสายฟ้าที่มีร์ยิงออกมาได้


‘แจ็คพอต…’


ไหล่ของชายหนุ่มขยับขึ้นลงอย่างเป็นธรรมชาติ


ขณะกริดกำลังมีความสุข ภายในใจเริ่มผุดคำถาม


‘เราคิดถูกแล้วหรือที่ใช้มีร์เป็นบรรทัดฐาน? บางที จอมอสูรหลักเดียวอาจจะแข็งแกร่งกว่ามีร์’


ประการแรก จอมอสูรมีพลังชีวิตมหาศาล


จุดอ่อนของ NPC ประเภทมนุษย์คือการค่า HP สูงสุดและความถึกทนที่ต่ำ


แต่กระนั้น กริดเคยประเมินว่ามีร์น่าจะแข็งแกร่งกว่าจอมอสูรหลักเดียวหลายตน


มีร์เป็นถึงรองบอสของทวีปตะวันออก นอกเหนือจากบาเอลที่เป็นรองบอสของขุมนรก ก็ไม่น่าจะมีจอมอสูรหลักเดียวตนใดแข็งแกร่งทัดเทียมมีร์ได้ นั่นคือสิ่งที่กริดเคยคิด


แต่ปัจจุบัน ข้อสันนิษฐานดังกล่าวเริ่มสั่นคลอน


เลอราเฆ่ที่เป็นแค่อันดับสิบ กลับสามารถรับวิชาดาบผสานห้าชนิดได้ด้วยมือเปล่า


พลังป้องกันทางกายภาพของเธอสูงมาก ในบางแง่มุม อาจถึกทนยิ่งกว่าจอมอสูรหลักเดียวหลายๆ ตน


และถึงจะไม่มีเมือกใสดังกล่าว ฝีมือของเลอราเฆ่ก็ยังอยู่เหนือความคาดหมายของกริดพอสมควร


เหนือสิ่งอื่นใด สายตาของเธอเฉียบแหลมมาก สามารถวิเคราะห์รูปแบบการโจมตีของท่ารำดาบผสานห้าชนิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง


“เลอราเฆ่ ยังมีผู้ปกครองที่อยู่เหนือเธออีกใช่ไหม?”


“ใช่… ถึงจะทำใจเชื่อได้ยาก แต่มันเป็นความจริง”


“แข็งแกร่งกว่ามากไหม?”


หากเธอตอบกลับมาว่า ‘มาก’ กริดคงแสดงสีหน้าไม่ถูก


บางที แรงจูงใจในการล่าจอมอสูรคงหดหายไปชั่วคราว


แต่เลอราเฆ่ตอบในสิ่งที่ไม่คาดคิด


“ขึ้นอยู่กับประเภทของพลัง… จากบรรดาผู้ปกครองในลำดับสูงกว่า ลำดับห้าและหกไม่ชำนาญเวทมนตร์มากนัก ข้าจึงพอจะมีโอกาสเอาชนะในการต่อสู้ แต่ที่กับเหลือ ค่อนข้างยากจะเอาชนะในปัจจุบัน… อ๊ะ!”


ขณะกำลังเล่า เลอราเฆ่รีบใช้สองมือปิดปากด้วยสีหน้าลนลาน


เธอเหลียวซ้ายแลขวาเป็นเวลานาน ก่อนจะทำใจสักพัก


“จุดอ่อนของข้าไม่ใช่เวทมนตร์ อย่าได้เข้าใจผิดไป”


“…อื้อ”


“จริงๆ นะ!”


“ฉันเชื่อ”


“โธ่! พัง! พังหมดแล้ว!”


“…”


ทำไมคนขี้โม้ถึงโกหกได้ห่วยแตกชะมัด?


ดูจากท่าทางขณะใช้กำปั้นทุบพื้น เธอคงเจ็บใจมากที่ตัวเองเผลอสารภาพจุดอ่อนออกมา


‘แต่ถึงเจ้าตัวจะไม่บอก ก็คงเดาได้ไม่ยากอยู่ดี’


กริดอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าให้กับความไร้เดียงสาของเลอราเฆ่


“ถ้าวันนี้เอาชนะเจ้าได้ ข้าจะเปลี่ยนสถิติที่เคยเสมอกับราชาไร้พ่ายให้เป็นชัยชนะ จากนั้นก็ท้าชิงตำแหน่งจากลำดับแปด!”


‘นั่นสินะ… เธอคือจอมอสูรแห่งการดิ้นรน’


ยิ่งแข็งแกร่งเมื่อยิ่งต่อสู้และเอาชนะ


เป็นหนึ่งในคุณลักษณะพิเศษที่ทรงพลังหากมาพร้อมพรสวรรค์และพรแสวง


‘คงเป็นเหตุผลที่เบริอาเช่คาดหวังและเห็นใจเลอราเฆ่’


ในบันทึกของหมู่เกาะเบเฮ็น เลอราเฆ่กำลังวางแผนจะโค่นล้มบาเอล


หรือว่า… การยอมคำตามคำสั่งบาเอลและก้มหน้าพัฒนาฝีมือ มีจุดประสงค์เพื่อแก้แค้นบาเอลให้เบริอาเช่?


‘ถ้าเป็นแบบนั้น เธอจะเป็นพันธมิตรที่ดีมาก’


หากไม่นับค่าความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นแบบงงๆ ท่าทีของเลอราเฆ่ขณะได้เห็นเอลฟินสโตนค่อนข้างน่าสนใจ


ถ้าในอนาคต เธอได้พบกับบราฮัมและร่วมมือกัน


ไม่อยากจะคิดภาพตาม…


‘ไม่สิ… ทำไมเราถึงจินตนาการภาพความร่วมมือระหว่างคนทั้งสองไม่ออก?’


สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวกริดก็คือ ภาพบราฮัมกำลังบูลลี่เลอราเฆ่


ขณะชายหนุ่มขมวดคิ้ว เพดานห้องเริ่มสั่นสะเทือน


อ้างอิงจากโครงสร้างปราสาท คลังสมบัติของเลอราเฆ่จะอยู่ใต้ท้องพระโรงใหญ่พอดิบพอดี หมายความว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นที่นั่น


“พวกไร้มารยาท”


ดวงตาเลอราเฆ่ที่เคยหดหู่หลังจากเผลอบอกจุดอ่อน พลันหรี่ลงกะทันหัน


เธอวิ่งแซงกริดออกจากห้องคลังสมบัติ ตรงไปยังท้องพระโรง


กริดวิ่งตามหลังไป และเมื่อเข้าใกล้ท้องพระโรง ชายหนุ่มเริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าและความร้อน ตามด้วยเสียงหายใจของสัตว์ร้าย


“เจ้า… ครูชา!”


ดูเหมือนว่าเลอราเฆ่จะรู้จักผู้บุกรุก


ขณะเธอเดินเข้าไปในท้องพระโรง อสูรที่มีตำแหน่งเป็น <รองแม่ทัพของนรกขุมที่แปด> เริ่มส่งเสียงหัวเราะอันน่าสะอิดสะเอียน


หลังของมันงองุ้ม กรามต่ำเกือบติดพื้น ตัวสูงกว่าสามเมตรและเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่


ไหล่ของมันค่อนข้างแคบเมื่อเทียบกับแผ่นหลัง หัวเป็นสุนัข จุดเด่นที่สุดคือเปลวไฟซึ่งกำลังท่วมท้นกำปั้นขนาดมหึมาทั้งสองข้าง


เป็นเปลวไฟที่กริดคุ้นเคย


‘เพลิงโลกันตร์’


เพลิงอันโด่งดังของเฮลกาโอ


“เดิมที ครูชาเป็นผู้นำกองทัพนรกขุมที่เก้า แต่เมื่อเฮลกาโอสูญเสียร่างเนื้อ มันก็ละทิ้งนรกขุมที่เก้าไปเข้ากับขุมที่แปด กลายเป็นบริวารของบาร์บาทอส”


เป็นคำอธิบายของยูร่า


เธอที่รอกริดอยู่นอกปราสาท รีบวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวาย


“บาร์บาทอสคือจอมอสูรลำดับแปด?”


“ถูกต้อง เป็นนักซุ่มโจมตี… ไม่มีใครทราบว่าเจ้านั่นจะซุ่มโจมตีจากที่ไหนและเมื่อไร ดังนั้น นายต้องคอยระวังตัวเป็นพิเศษหากคิดจะสู้กับบริวารของบาร์บาทอส”


ขณะทำภารกิจประจำคลาส ยูร่ามีโอกาสได้อ่านบันทึกของอดีตนักล่าอสูร อเล็กซ์


ในบรรดาจอมอสูรทั้งหมด บาร์บาทอสเป็นศัตรูที่รับมือได้ยาก เพราะสามารถซุ่มโจมตีได้ไกลถึงหลายสิบกิโลเมตร


หากวัดเฉพาะฝีมือในการซุ่มโจมตี ในขุมนรกไม่มีใครเกินบาร์บาทอสอีกแล้ว


“กรร… กรรร! คุคุคุคุ!”


ครูชาจ้องกริดและยูร่าที่กำลังกระซิบกระซาบ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ


“เลอราเฆ่! กรร! การที่ข้าเห็นนักล่าอสูรที่นี่ แปลว่าข่าวลือที่เจ้ายอมลดหางไปอยู่ฝ่ายนักล่าอสูรเป็นความจริงสินะ! ข้าได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว! โฮ่ง! โฮ่ง!”


“ไอ้ลูกหมาตัวเมียไร้มารยาท! เจ้าต้องหัดหุบปากไว้บ้าง เพราะทุกครั้งที่เห่าหอน กลิ่นเหม็นๆ ชวนอ้วกนั่นมักสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างเสมอ”


เพียงเพราะอยากจัดงานเฉลิมฉลองให้ตัวเอง เธอจึงเชิญกริดมาท้าดวล แต่กลับลงเอยด้วยฝันร้ายมากกว่างานฉลอง


ถึงกระนั้น เลอราเฆ่ก็ยังทำตัวยิ้มแย้มตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้ากริด


แต่ในวินาทีนี้ บรรยากาศรอบตัวเธอเริ่มแปรเปลี่ยนหลังจากได้เห็นครูชา


จิตสังหารและแรงกดดันมหาศาลพลันพรั่งพรูออกจากร่าง สีหน้าที่สมกับเป็นจอมอสูรกำลังถูกเผยต่อหน้าทุกคน


“กรรร!”


ใบหน้าสุนัขของครูชาเริ่มบิดเบี้ยว


มันมองสลับไปมาระหว่างเลอราเฆ่กับยูร่าพลางทำน้ำลายกระเซ็นไปทุกทิศ


“กรรร! เลอราเฆ่! ฆ่านักล่าอสูรเดี๋ยวนี้!”


“ไอ้ลูกหมา! กล้าดียังไงมาสั่งข้า!”


“กรร! นี่คือคำสั่งของบาร์บาทอส! ถ้าเจ้าไม่ฆ่านักล่าอสูร นั่นหมายความว่าเจ้าแอบร่วมมือกับนักล่าอสูร! โฮ่ง!”


‘นี่มัน…’


ยูร่ากำลังตกอยู่ในอันตราย


ลำพังผู้เล่นแค่สองคนไม่มีทางเอาชนะเลอราเฆ่ได้แน่


ขณะกริดประเมินสถานการณ์และหันไปส่งสัญญาณให้ยูร่ารีบหนี


“คงเพราะอยู่ใกล้เจ้ามาก สติปัญญาของบาร์บาทอสถึงได้ลดระดับเหลือเท่าสุนัข… ตอนนี้ลำดับเก้าว่างอยู่ ลำดับถัดไปที่ข้าสามารถท้าชิงคือบาร์บาทอส หมายความว่าเจ้านั่นเป็นคู่แข่งของข้า มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่ง?”


“คู่แข่ง? คุคุคุก! โฮ่ง! เจ้าเนี่ยนะคู่แข่งของบาร์บาทอส? โฮ่ง! เจ้าก็แค่คนโง่ที่มิอาจรับมือได้แม้กระทั่งเปลวไฟของข้า!”


เปลวไฟรอบกำปั้นครูชาเริ่มขยายขนาดอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมกับแผ่ความร้อนไปรอบท้องพระโรง


“อึก!”


กริดอาจเคยชินกับความร้อน แต่ยูร่าไม่


ชายหนุ่มรีบถอยหลังเพื่อนำผ้าคลุมกันความร้อนมาคลุมตัวอีกฝ่าย สายตามองไปทางเลอราเฆ่อย่างเป็นกังวล


ผิวพรรณที่เคยเรียบเนียนของเลอราเฆ่เริ่มปริแตก เมือกใสเหือดแห้งอย่างรวดเร็วหลังจากโดนความร้อน


‘พลังของเธอถูกผนึก…’


เท่าที่กริดทราบ จุดแข็งที่สุดของเลอราเฆ่คือเมือก


เมือกใสสามารถทำได้ทั้งลดทอนพลังโจมตีกายภาพและกัดกร่อนวัตถุ


ถ้าสิ่งนั้นหายไป หมายความว่าพลังต่อสู้ของเลอราเฆ่อาจลดลงไปครึ่งหนึ่ง


และเป็นไปตามคาด


การโจมตีอันหนักหน่วงของครูชาได้เพิ่มบาดแผลบนร่างกายที่แห้งผากของเลอราเฆ่อย่างต่อเนื่อง


หากมองผิวเผินจะดูเหมือนกับการแกว่งกำปั้นไฟส่งเดช แต่ความจริงแล้วอัดแน่นไปด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่า คล้ายกับมันตระหนักถึงจุดอ่อนของคู่ต่อสู้และสามารถเล็งโจมตีได้แม่นยำ


‘แข็งแกร่ง’


คาลบาบ้า รองแม่ทัพแห่งนรกขุมที่สิบ ฝีมือของมันสามารถเทียบเคียงจอมอสูรที่เคยมาเยือนโลกมนุษย์


แต่ในปัจจุบัน ครูชา รองแม่ทัพของนรกขุมที่แปด กลับอยู่เหนือคาลบาบ้าขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น


ความจริงข้อนี้ทำให้สีหน้ากริดเริ่มดำมืด


ทั้งความเร็ว พลังทำลาย และประสาทสัมผัส ทุกสิ่งล้วนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม


ครูชาใช้เทคนิคมากมายในการกดดันศัตรู มิได้ถึงพาเพียงสมรรถภาพทางกายภาพที่เหนือกว่า


เลอราเฆ่แพ้ทางศัตรูแบบนี้เต็มประตูเลยไม่ใช่หรือ?


คาลบาบ้าเองก็คิดแบบเดียวกัน


“เลอราเฆ่!”


คาลบาบ้าผู้เฝ้าดูสถานการณ์มาสักพัก อดไม่ได้ที่จะแทรกแซง


มันออกโรงช่วยเลอราเฆ่ที่กำลังเสียเปรียบจากเพลิงโลกันตร์ความร้อนสูง


หอกยาวถูกขว้างเข้าใส่ครูชาอย่างแม่นยำ


“กรรร!”


ครูชาหลบหอกด้วยการบิดเอวเก้าสิบองศา จากนั้นก็เอื้อมมือไปด้านหลังและคว้าหอกไว้ ขว้างกลับไปทางคาลบาบ้า


“อึก!”


คาลบาบ้าใช่โล่รับหอกที่ถูกส่งคืน แรงปะทะทำให้มันถอยหลังไปสิบก้าว


ครูชากล่าวอย่างภาคภูมิใจ


“ถ้าฆ่าเลอราเฆ่ได้ที่นี่… ข้าจะกลายเป็นผู้ปกครองนรกขุมที่สิบใช่ไหม?”


เป็นการยั่วยุที่ล้ำเส้น


เมื่อบรรยากาศเริ่มแย่ลงยิ่ง กริดและยูร่าก็ยิ่งตึงเครียด


สถานการณ์ค่อนข้างน่าอึดอัดเพราะแทนที่ตนจะถูกอสูรรุมโจมตี กลับกลายเป็นว่าอสูรกำลังเข่นฆ่ากันเอง


‘…แต่ก็เป็นโอกาสที่ดี’


โอกาสในการประเมินขีดความสามารถของอสูรอย่างละเอียด


ความสนใจของกริดและยูร่าจดจ่ออยู่กับการต่อสู้


แต่เพียงไม่นาน ความสงบสุขถูกทำลายลง


ใครบางคนลงมือแทรกแซง


[ไม่มีการโจมตีใดที่ท่านไม่รู้จัก]


“?”


ในเมื่อเลอราเฆ่กับครูชากำลังดวลกัน ก็ไม่น่าจะมีสิ่งใดคุกคามกริดได้อีก


แล้วคำเตือนนี้หมายความว่ายังไง?


ทันใดนั้น กริดรีบกระโดดหลบด้วยดวงตาที่เบิกโพลง


มือสีดำข้างหนึ่งยื่นขึ้นมาจากพื้นดินในจุดที่กริดเคยยืน แต่ก็คว้าโดนเพียงอากาศอันว่างเปล่า


‘หมายความว่ายังไง?’


มือข้างดังกล่าวปลดปล่อยพลังงานที่น่าสะอิดสะเอียน ชายผ้าคลุมไหม้เกรียมทันทีเพียงได้เฉียดเข้าใกล้


ยูร่าอุทาน


“การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอส!”


วินาทีถัดมา มีสีดำอีกสี่ข้างปรากฏขึ้นจากพื้นดินทุกทิศทางรอบตัวกริดที่กำลังลอยกลางอากาศ


หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มใช้ชุนโปทันทีหลังจากเห็นข้อความแจ้งเตือน ร่างกายคงถูกจับคว้าและหลอมละลายไปแล้ว


ยิ่งมีหน้าต่างภารกิจแกมบังคับแสดงขึ้น สีหน้ากริดยิ่งดำมืด


[ภารกิจ <การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอส> ถูกสร้างขึ้น]


<การซุ่มโจมตีจองบาร์บาทอส>

ระดับความยาก : SSS

จอมอสูรลำดับแปด บาร์บาทอส ได้กำหนดเป้าหมายเป็นท่าน

การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอสจะไม่หยุดตราบเท่าที่ครูชายังมีชีวิต

จงเอาชนะครูชาเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ความตายของครูชา

รางวัลสำเร็จภารกิจ : การมองเห็นของบาร์บาทอส (5)

บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : เลเวลลดลงห้าระดับ

‘การมองเห็น?’


เป็นชนิดของรางวัลที่กริดเพิ่งเคยพบเจอ แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ


‘เราจะมองเห็นได้ไกลเหมือนบาร์บาทอส?’


ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่


หากตนสามารถมองเห็นได้ไกลระดับนั้นจริง ทักษะโจมตีจำพวกสายฝนยุทธภัณฑ์จะมีประโยชน์อย่างมาก


‘ไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ที่ไหน’


ขอเพียงมองเห็น สายฝนยุทธภัณฑ์ก็จะถูกโปรยปรายจากฟากฟ้าราวกับเทพสวรรค์ถล่มโลก


‘ต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ’


เมื่อมองเห็นอนาคตอันสดใส กริดเริ่มมีไฟในการต่อสู้


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,870

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00