จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,381
หงึกหงึก!
เธอยกแขนทั้งสองข้างตั้งแต่เริ่มดวล
ความเสียหายที่เกิดจากการปะทะมิได้ถูกดูดซับไปทั้งหมด
เลอราเฆ่ถึงกับผงะไปชั่วขณะหนึ่ง แทบไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริงจนกระทั่งได้เห็นร่องรอยบาดแผลบนแขนทั้งสองข้าง
เธอนั่งจ้องแขนตัวเองนานนับนาที
“…เดี๋ยวก่อน เอาใหม่”
ขณะร้องขออย่างสุภาพ เลอราเฆ่สัมผัสถึงสายตานับพันของจอมอสูรในท้องพระโรง จึงพยายามใช้แขนเสื้อบานๆ ปกปิดร่องรอยบนแขนทั้งสองข้าง
ในเวลาเดียวกัน เมือกใสเริ่มผุดขึ้นมาปกคลุมบาดแผล เพียงไม่นานแผลก็สมานตัว
กริดสังเกตเห็นพลังในการรักษาตัวเองผ่านพฤติกรรมที่อีกฝ่ายพยายามปกปิด
‘นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้พลังโจมตีของวิชาดาบถูกหารครึ่ง…’
สังหาร - ปราณดาบแรกสุดของ ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’
กริดไม่สะทกสะท้อนเมื่อเห็นปราณ ‘สังหาร’ สร้างความเสียหายแก่เลอราเฆ่ไม่มากนัก
ในฐานะจอมอสูรลำดับสิบ เลอราเฆ่ย่อมมีร่างกายที่ทนทาน
ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหากกายาของเธอจะแกร่งกว่าเฮลกาโอหลายเท่า เพราะรายหลังทั้งสูญเสียร่างจริงและยังต่อสู้บนโลกมนุษย์ ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เลอราเฆ่จะรับวิชาดาบผสานห้าชนิดไว้ง่ายดาย
แต่การที่เธอใช้แขนเปล่าๆ รับไว้โดยแทบไม่เป็นอะไรเลย สำหรับกริดค่อนข้างน่าตกตะลึง
เลอราเฆ่ใช้หลังมือแสนอ่อนนุ่มที่ไม่ได้สวมถุงมือเหล็กรับรัศมีดาบหลายสิบเส้นของ ‘ร่ายรำ’ จากนั้นก็ใช้ข้อมือเล็กๆ รับคลื่นดาบของ ‘คลื่น’ และ ‘มายา’ ปิดท้ายด้วยการใช้มือเปล่าจับ ‘สังหาร’ และบิดทำลายโดยตรง
ลำพังได้เห็นอีกฝ่ายอ่านวิถีการโจมตีของคลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหารอย่างทะลุปรุโปร่งก็นับว่าน่าทึ่งมากแล้ว ที่แต่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือการเห็นอีกฝ่ายใช้ร่างกายเปล่าๆ รับไว้โดยไม่พึ่งพาทักษะหรืออุปกรณ์
ในตอนนี้ กริดมั่นใจมาก
เลอราเฆ่ใช้เมือกสีใสบนผิวหนังในการลดทอนความเสียหายทางกายภาพ
‘นี่เป็นลักษณะพิเศษของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ… เวทมนตร์… เธอคือศัตรูที่ต้องกำราบด้วยเวทมนตร์’
ยูร่ากล่าวว่า จอมอสูรจะเคร่งครัดกับพันธสัญญาและข้อตกลงมาก หมายความว่าอย่างน้อย เลอราเฆ่จะไม่เอาชีวิตกริดในขณะที่ภารกิจยังแสดงผล
ทว่า อีกฝ่ายเป็นจอมอสูรที่ตนต้องจัดการในสักวัน จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลไว้ให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจำพวกทักษะและจุดเด่นเป็นเพียงรายละเอียดพื้นฐาน ต้องหาทางล้วงลึกไปถึงอุปนิสัยประจำตัวให้ได้
ถึงจะมีค่าสถานะและทักษะเหมือนกัน แต่รูปแบบการต่อสู้จะแตกต่างออกไปตามนิสัย
ก่อนอื่นก็ต้องหาทางชวนคุย
“เอาใหม่อะไร? ช่วยรักษาคำพูดด้ว…”
ขณะเตรียมโต้แย้ง กริดพลันปิดปากสนิท
[ท่านสำเร็จภารกิจ ‘เผชิญหน้ากับเลอราเฆ่’]
[ท่านได้รับ <สัญญาของเลอราเฆ่> เป็นรางวัลภารกิจ]
<สัญญาของเลอราเฆ่>
จอมอสูรลำดับสิบ เลอราเฆ่ พ่ายแพ้ต่อท่าน
อย่างไรก็ตาม ถึงจะแพ้ในการต่อสู้ แต่เธออยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอชนะ
หากท่านสัญญาว่าจะไม่พูดว่าเคยชนะเลอราเฆ่ เธอจะตอบแทนท่านด้วยรางวัลสมนาคุณ
น้ำหนัก 0.1
เป็นเพียงกระดาษหนึ่งแผ่น เนื้อหาเขียนขอร้องให้กริดไม่เปิดเผยผลการดวลเมื่อครู่ออกไป
ช่องสำหรับลงนามยังว่างอยู่ รอให้กริดเซ็นชื่อตัวเองลงไป
“…”
กริดที่อ่านเนื้อหาจนจบ สามารถยืนยันนิสัยของอีกฝ่าย
เมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน บนหมู่เกาะเบเฮ็น เลอราเฆ่พ่ายแพ้ต่อมาดรา แถมยังเป็นมาดราในร่างอัศวินความตาย
แต่เลอราเฆ่กลับปกปิดความจริงข้อนี้ต่อเหล่าอสูร อ้างว่าผลลัพธ์ออกมา ‘เสมอ’
ในตอนแรก กริดคิดว่าเธอความจำเสื่อม แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ อีกฝ่ายค่อนข้างจริงจังกับการโอ้อวด
‘…เซ็นไปน่าจะดีกว่า’
เป็นเพราะหวังรางวัลภารกิจ กริดจึงรับคำท้าดวลของเลอราเฆ่ในตอนแรก
ในเมื่อระบบเขียนบอกชัดเจนว่ามีรางวัลรออยู่ สัญญาตรงหน้าจึงยากจะปฏิเสธ ไม่อย่างนั้น ความพยายามที่ผ่านมาจะสูญเปล่าทันที
‘ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน… เราไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว’
กริดชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ ก่อนจะลงมือเซ็นชื่อโดยไม่ลังเล
[ท่านให้คำมั่นสัญญากับเลอราเฆ่]
[เนื่องจากทำสัญญากับจอมอสูร ท่านจะถูกผูกมัดด้วยผลของสัญญาปิดปาก หากท่านแพร่งพรายผลการต่อสู้กับเลอราเฆ่ออกสู่ภายนอก ท่านจะถูกสัญญาฉบับนี้ลงโทษสถานหนัก]
[ฝ่ายที่มีสิทธิ์ทำลายสัญญาคือเลอราเฆ่เท่านั้น]
เมื่อเห็นกริดลงนาม เลอราเฆ่กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง
“ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย… เจ้ายังไม่เข้าใจเหตุผลในการดวลดีพอ”
“…”
บรรยากาศภายในท้องพระโรงกำลังเย็นเยียบ
ความเคลือบแคลงเริ่มปรากฏในสายตาเหล่าอสูรนับพันที่กำลังจ้องมาทางเลอราเฆ่บนบัลลังก์
หลายตนเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งจอมอสูร ย่อมมองหาโอกาสช่วงชิงตำแหน่งมาครอง พวกมันยอมติดตามและมอบความเคารพแก่เลอราเฆ่เพียงเพราะชื่นชมในวีรกรรมชนะรวดของเธอ
ทว่า การได้เห็นเลอราเฆ่พ่ายแพ้ทำให้ทุกคนตะลึงงัน
เธอบอกว่าจะใช้แขนเพียงข้างเดียว แต่กลับยกขึ้นมาสองข้าง
หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับฝีมือของเลอราเฆ่
ชื่อเสียงในฐานะสุดยอดราชาชนะรวดเริ่มสั่นคลอนอย่างหนัก
เลอราเฆ่ที่กำลังหวั่นวิตก รีบกล่าวต่อ
“เป็นเพราะข้า— แอ๊พ!”
เธอเผลอกัดลิ้นจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้น ‘เดอะโชว์มัสโกออน’ เลอราเฆ่ยังคงทำหน้านิ่งและดึงดันพูดจนจบ
“…เป็นเพราะข้าต้องการแก้มือกับราชาไร้พ่าย จึงตัดสินใจเชื้อเชิญเจ้ามาท้าดวลในวันนี้… ข้ามองเจ้าเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย ไม่ใช่คนอื่นใด แต่เจ้ากลับขี้ขลาดตาขาว ใช้วิชาอื่นนอกเหนือจากวิชาดาบของราชาไร้พ่าย จนการดวลระหว่างเราไม่มีความศักดิ์สิทธิ์”
เลอราเฆ่ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น
ท่อนแขนที่เพรียวบางและอ่อนนุ่มซึ่งซ่อนอยู่หลังแขนเสื้อบาน ปรากฏสู่สายตาอสูรทุกตนในท้องพระโรง
ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“โฮ่…!”
อสูรต่างส่งเสียงชื่นชม
วิชาดาบเมื่อครู่ของมนุษย์เปี่ยมด้วยพลังทำลายมหาศาล พวกมันมั่นใจว่าตัวเองยากจะเอาชีวิตรอดหากต้องรับการโจมตีดังกล่าวเข้าไปโดยไม่ป้องกัน
ทว่า เลอราเฆ่กลับไม่เป็นอะไรเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเลอราเฆ่ยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ ความคลางแคลงใจที่เคยมีเลือนหายไปจนหมด
“ผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเอ๋ย… ตัวข้า มหาราชาเลอราเฆ่ สามารถบีบคอเจ้าให้แหลกคามือได้ทุกเมื่อ แต่ข้าเลือกจะไม่ทำร้ายเจ้าระหว่างการดวล นั่นเป็นความกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว… จงซาบซึ้งและดวลกันใหม่ด้วยทัศนคติที่ถูกต้องดีกว่า”
“ใช่ใช่! เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด! อย่าเล่นตุกติกสิวะ!”
โห่! โห่—!
เหล่าอสูรต่างส่งเสียงโห่ใส่กริด พวกมันบอกให้ชายหนุ่มเลิกขี้ขลาดและดวลกันอย่างยุติธรรม
‘นี่เป็นบทพูดของอสูรจริงหรือ…’
ปราสาทเลอราเฆ่
ภายในถูกตกแต่งอย่างงดงามราวกับห้องจัดเลี้ยงหรูหราของขุนนางมนุษย์ บรรยากาศแตกต่างจากสถานที่อื่นในนรกโดยสิ้นเชิง มอบความรู้สึกสดชื่นและเป็นอิสระ
นอกจากนั้น ความขี้โม้และดื้อรั้นของเลอราเฆ่ยังช่วยลบภาพจำที่ชั่วร้ายและป่าเถื่อนของอสูรในใจกริด
‘…ช่างมัน’
ตอนนี้ต้องมีสมาธิกับสถานการณ์ตรงหน้า
กริดตรวจสอบหน้าต่างภารกิจใหม่ที่เพิ่งปรากฏ
<เผชิญหน้ากับเลอราเฆ่ (2) >
ระดับความยาก : SSS
จงสู้กับจอมอสูรลำดับสิบ เลอราเฆ่ หากท่านสามารถทำให้เลอราเฆ่ลุกจากบัลลังก์หรือใช้แขนทั้งสองข้าง ท่านจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
ทว่า ทักษะโจมตีถูกกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะวิชาดาบราชาไร้พ่ายเท่านั้น
รางวัลสำเร็จภารกิจ : ของขวัญจากเลอราเฆ่
[ท่านจะรับภารกิจนี้หรือไม่]
“เอาล่ะ ข้าจะให้โอกาสเข้าอีกครั้ง เชิญบุกเข้ามาได้เลย”
ร่างกายที่ผอมเพรียวและเรียวเล็ก ไม่เข้ากับบัลลังก์มหึมาเลยสักนิด
เลอราเฆ่ทำหน้าเคร่งขรึมขณะปรบมือให้สัญญาณเริ่ม
อันที่จริง เพียงแค่กดยอมรับภารกิจ กริดก็จะบุกโจมตีได้ทันทีโดยไม่ต้องรอสัญญาณเริ่มจากใคร แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะต้องการรักษาภาพลักษณ์ตัวเองจนถึงที่สุด
ชายหนุ่มยิ้มให้กับความเหลวไหล พยักหน้ารับเล็กน้อย
“จะเข้าไปละนะ”
[ท่านรับภารกิจ]
“ฟู่ว…”
กริดไม่รีบร้อน
อีกฝ่ายบอกว่าจะนั่งนิ่งๆ บนบัลลังก์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องวิ่ง กลิ้ง หรือปรี่เข้าหา เพียงเพ่งสมาธิกับการโจมตีก็พอ
แค่ดาบเดียวเท่านั้น
ชายหนุ่มนึกทบทวนแก่นสำคัญของวิชาดาบราชาไร้พ่าย
“ดาบสกัดทัพ…”
กริดบิดเอวจนถึงขีดจำกัด
แขนข้างที่ถือดาบมีเส้นเลือดนูนปูดราวใกล้ระเบิดเต็มที
“หนึ่งแสน”
วิชาดาบที่สร้างความเสียหาย 100% แก่ศัตรูทั้งหมดในการมองเห็นพร้อมกับมอบอาการ ‘ถูกผนึก’ เป็นเวลาสามวินาที
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของวิชาดาบราชาไร้พ่ายก็คือ หากเปิดฉากด้วยดาบสกัดทัพสำเร็จ ศัตรูจะไม่สามารถใช้ทักษะและเวทมนตร์ได้เป็นระยะเวลาสามวินาทีเต็ม
ดาบอัสนีฯ และดาบมังกรเพลิงถูกผสานเป็นหนึ่ง
ในวินาทีที่อาวุธใหม่ถูกตวัดวาดเป็นวงจันทร์เสี้ยว เสียงแหวกอากาศดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศอันน่าสะพรึง
“…เอ๋?”
เหล่าอสูรที่เรียงรายฝั่งซ้ายและขวาของบัลลังก์เลอราเฆ่พลันทรุดลงจากผลของการผนึก แต่ในทางกลับกัน เลอราเฆ่สามารถหยุดไว้ได้
เธอยกแขนหนึ่งข้างขึ้นมารับด้วยท่าทีผ่อนคลาย แขนท่อนดังกล่าวมีเมือกใสกำลังส่องประกายระยิบระยับ
‘ยังแรงไม่พอ?’
กริดเริ่มวิตก
วิชาดาบไร้พ่ายคือทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา แต่พลังทำลายค่อนข้างอ่อนแอหากเทียบกับวิชาดาบผสานห้าชนิด
คงเป็นเรื่องยากที่จะให้เธอยกแขนทั้งสองข้าง หากวิชาดาบสกัดทัพหนึ่งแสนมิอาจทะลวงผ่านเมือกใสและสร้างเอฟเฟคผนึก
ขณะกริดกำลังเครียด
[ทักษะติดตัวลับ ‘บัญชาเทพ’ ทำการล้างระยะหน่วงของ ‘ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน’ หากใช้งานซ้ำภายในสามวินาที ท่านจะไม่สูญเสียทรัพยากร]
กริดมองเห็นแสงแห่งความหวัง
“ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน”
“…?”
ดวงตาเลอราเฆ่แฝงความฉงนเมื่อเธอสัมผัสกลิ่นอายของวิชาดาบสกัดทัพได้อีกครั้ง
แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม เธอสามารถรับไว้ด้วยแขนหนึ่งข้าง ปราณดาบมิอาจทะลวงผ่านเมือกใสที่ปกคลุมผิวหนัง
‘ถอดรหัสเวทมนตร์ไม่ได้ผล… นั่นไม่ใช่เวทมนตร์รึไง?’
หมายความว่า เมือกใสคือพลังตามธรรมชาติที่ติดตัวตั้งแต่เกิด?
น่ารำคาญชะมัด
กริดส่ายหน้าพลางคอมโบต่อทันที
“ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน”
วิชาดาบที่สร้างความเสียหาย 3,000% ของพลังโจมตีกายภาพแก่ทุกเป้าหมายในรัศมีสามสิบเมตร ปราณดาบจะรุนแรงขึ้น 100% ทุกครั้งที่เป้าหมายเสียชีวิต พลังทำลายของวิชานี้จึงนับว่าสูงมากในกรณีที่โดนเป็นกลุ่ม
“อั่ก!”
“อ๊ากกก!”
อสูรบางส่วนที่ถูกผนึกโดยดาบสกัดทัพ เสียชีวิตทันทีหลังจากรับการโจมตีของดาบพินาศทัพหนึ่งแสนเข้าไป
จากนั้น ปราณดาบที่ทรงพลังขึ้นจากจำนวนศพของอสูร พุ่งเข้าปะทะเมือกใสบนท่อนแขนของเลอราเฆ่จนเกิดบาดแผลเป็นทางยาว
[ทักษะติดตัวลับ ‘บัญชาเทพ’ ทำการล้างระยะหน่วงของ ‘ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน’ หากใช้งานซ้ำภายในสามวินาที ท่านจะไม่สูญเสียทรัพยากร]
“ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน”
กริดใช้ซ้ำอีกครั้งโดยไม่รีรอ
“…!”
สีหน้าเลอราเฆ่เริ่มดำมืด
อสูรบางตนที่รอดชีวิตมาได้จากการโจมตีระลอกแรก เริ่มเผยความสิ้นหวังในแววตา
แน่นอน อสูรที่อยู่ในสภาพร่อแร่เสียชีวิตคาที่จากการโจมตีด้วยดาบพินาศทัพหนึ่งแสนระลอกสอง
ความรุนแรงของปราณดาบทวีคูณกับจำนวนศพ ปราณดาบที่ทรงพลังพุ่งปะทะกับท่อนแขนของเลอราเฆ่จนบาดแผลฉกรรจ์ยิ่งกว่าเก่า
“ดาบสลายทัพสองแสน”
[ทักษะติดตัวลับ ‘บัญชาเทพ’ ทำการล้างระยะหน่วงของ ‘ดาบสลายทัพสองแสน’ หากใช้งานซ้ำภายในสามวินาที ท่านจะไม่สูญเสียทรัพยากร]
“ดาบสลายทัพ…”
“เดี๋ยว!”
กึก
ชายหนุ่มโชคดีมาก
ในทางตัวเลข บัญชาเทพเวรตะไลจะมีโอกาสติดสูงถึง 50%
แต่ในทางปฏิบัติจริง กริดรู้สึกราวกับมีโอกาสติดเพียง 10%
อย่างไรก็ตาม ในชุดการโจมตีเมื่อครู่ เอฟเฟคกลับแสดงผลถึงสามครั้งติดต่อ เลอราเฆ่ที่รับการโจมตีด้วยมือข้างเดียวมาตลอด จึงเผลอยกแขนอีกข้างขึ้นตามสัญชาตญาณ
ท่ามกลางความเงียบงันของเหล่าอสูร
“จ…เจ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย”
เลอราเฆ่จ้องกริดเขม็ง
ร่างของเธอกำลังสั่นสะท้านคล้ายกับพยายามเก็บซ่อนความโกรธ
“แม้แต่ราชาไร้พ่ายก็ยังมิอาจใช้วิชาดาบเดิมได้สองครั้งซ้อน… เจ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดของเขา แต่เป็นอาจารย์สินะ… ข้าคนนี้ถูกตบตาเสียได้”
เลอราเฆ่คือจอมอสูรแห่งความดิ้นรน
เธอต้องต่อสู้ และต้องได้รับชนะ
หากชื่อเสียงถูกทำลาย นั่นจะส่งกระทบผลไปถึง ‘สถานะ’ โดยตรง
แต่นี่กลับพ่ายแพ้ศัตรูคนเดิมสองครั้งติดๆ
สำหรับเธอ เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้โดยเด็ดขาด
“เจ้าเห็นข้าเป็นตัวตลกรึไง? โมฆะ! การดวลของเราเป็นโมฆะ!”
“…”
“…”
เลอราเฆ่ถึงขั้นหลั่งน้ำตา
เธอพยายามเฉไฉ แต่เหตุการณ์เมื่อครู่มีคนรู้เห็นมากเกินไป ไม่มีทางตบตาได้สองครั้งซ้อน
[ท่านสำเร็จภารกิจ ‘เผชิญหน้ากับเลอราเฆ่ (2) ’]
[เนื่องจากสำเร็จภารกิจ ท่านได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในคลังสมบัติของเลอราเฆ่]
“…ฉันก็แค่โชคดี”
ฝ่ายชนะย่อมผ่อนคลายมากกว่า กริดจึงเลือกที่จะถ่อมตน
โกงกระทั่งจอมอสูร 5555555
ReplyDelete